Group Blog
สิงหาคม 2564

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
ทนายอ้วนชวนเที่ยวอยุธยา - สะพานตุุ๊กตา พระราชวังบางปะอิน อยุธยา
สถานที่ท่องเที่ยว : สะพานตุุ๊กตา พระราชวังบางปะอิน อยุธยา, อยุธยา Thailand
พิกัด GPS : 14° 13' 54.49" N 100° 34' 42.42" E






ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม  อยู่บ้านตลอดครับ  ออกไปหน้ารั้วบ้านยังไม่ค่อยออกไปเพราะก่อนเข้าประตูบ้านจะต้องพ่นแอลกอฮอร์ทั้งตัว  ถูเจลทีมือถึงข้อศอก  แล้วก็รีบเข้าไปล้างมือด้วยสบู่พร้อมกับร้องเพลง  “ช้าง  ช้าง  ช้าง”  3 รอบเรย   อิอิอิ
 
 


ช่วงนี้เลยเป็นการเคลียร์คลังรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยไปมา  (นาน)  แล้ว  แต่ยังไม่ได้เอามาโพสครับ
 



 
บล็อก 
“ท่องเที่ยวไทย”  บล็อกนี้เราจะพาไปเที่ยวพระราชวังบางปะอินกันครับ  ....  อย่าเพิ่งเบื่อนะครับที่พาเที่ยวทีละสถานที่  อยากให้ทราบประวัติความเป็นมาให้ละเอียดครับ  หรือถ้าใครขี้เกียจอ่านก็เลื่อนเร็วดูรูปอย่างเดียวก็ได้ครับ
 



 
สถานที่สำคัญในพระราชวังบางปะอินที่จะไปเที่ยวกันในบล็อกนี้อยู่ถัดจาก  กระโจมแตร  นิดเดียวครับ  จริงๆก็อยู่ติดกันนั่นแหละครับ  เป็นเส้นทางที่เราจะเดินไปยังพระที่นั่งวโรภาสพิมานก่อนที่จะเดินต่อไปเที่ยวชมพระราชฐานฝ่ายในครับ




 
 

สะพานตุ๊กตา  พระราชวังบางปะอิน
 




 

สะพานตุ๊กตา  เป็นชื่อเรียกเล่นๆนะครับไม่ทราบว่ามีชื่อจริงหรือเปล่า  แต่เรียกตามลักษณะของสะพานที่มีรูปปั้นแบบโรมันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  5  ทรงสั่งซื้อเข้ามาจากอิตาลี  ประดับอยู่เรียงรายไปทั้งสองข้างตลอดสะพาน  รูปปั้นทั้งหมดไม่ได้ทำจากหินอ่อนนะครับ  แต่ทำจากปูน  เพราะสามารถทนต่อฝนฟ้าอากาศได้มากกว่า
 


 

สะพานตุ๊กตา    เป็นสะพานข้ามสระน้ำใหญ่กลางพระราชวังบางปะอิน  ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้สร้างเลียนแบบสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์ ในกรุงโรมประเทศอิตาลี   















จากการที่เจ้าของบล็อกได้เคยไปเที่ยวอิตาลีมาแล้วสะพานเก่าแก่ที่ข้ามแม่น้ำไทเบอร์ซึ่งไหลผ่านกลางกรุงโรมมีหลายสะพานมากๆ  แต่เท่าที่เคยเดินข้ามไปข้ามมาแล้วเจ้าของบล็อกเห็นว่าเหมือนสะพานตุ๊กตาก็มี  2  ที่  คือ  สะพาน
 Ponte  Vittorio  Emmanuelle  ll  ซึ่งข้ามจากฝั่งกลางกรุงโรมไปยังกรุงวาติกัน  และอีกสะพานนึงก็เป็นสะพานเก่าเหมือนกันคือ  St. Angelo  Bridge  ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิ  Hedrian  ของกรุงโรม  สร้างข้ามแม่น้ำไทเบอร์จากฝั่งกรุงโรมข้ามไปยัง  ปราสาทซังตังเจลโล  (Castle  Sant’ Angleo)  ซึ่งเป็นป้อมรูปห้าแฉกเหมือนรูปดาว   












ทั้ง  2  สะพานนี้มีรูปปั้นประดับสะพานเหมือนๆกัน  ต่างกันนิดหน่อยตรงที่  สะพาน 
Ponte  Vittorio  Emmanuelle  ll จะประดับด้วยกลุ่มรูปปั้นลอยตัวเป็นช่วงๆ  ไม่เรียงรายตลอดสองข้างสะพาน  

 
 
แต่ที่เหมือนกันกับสะพานตุ๊กตาคือที่ 
St. Angelo  Bridge  ที่สร้างข้ามแม่น้ำไทเบอร์จากฝั่งกรุงโรมข้ามไปยัง  ปราสาทซังตังเจลโล  (Castle  Sant’ Angleo)  ที่สองข้างราวสะพานนี้ประดับด้วยรูปปั้นทั้งที่เป็นกลุ่ม  และเป็นรูปปั้นเดี่ยวๆ  ตลอดสองข้างราวสะพาน
 



 
นี่เป็นรูปถ่ายจากการที่เจ้าของบล็อกไปเที่ยวกรุงโรม  ประเทศอิตาลี  เมื่อหลายปีก่อนโน้นครับ



 
 
สะพาน 
Ponte  Vittorio  Emmanuelle  ll    (ไม่มีรูปถ่ายบนสะพานนะครับ  มีแต่รูปถ่ายจากสะพาน  St. Angelo  Bridge  เพราะอยู่ใกล้ๆกันครับ)











 
 
 



St. Angelo  Bridge














 
 






แต่เจ้าของบล็อกไม่ฟันธงนะครับว่า  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  5  ทรงมีพระดำริที่จะสร้างสะพานตุ๊กตามาจากสะพานในกรุงโรม  ประเทศอิตาลี  2  แห่งนี้ 

ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีผู้รู้คนไหนคอนเฟิร์มเลยครับ  เพียงแต่ว่าเวลาเห็น  สะพานตุ๊กตา  ทีไร  เจ้าของบล็อกจะนึกถึงสะพานทั้ง  2  แห่งนี้ทุกทีเลยครับ






(ต้องกล่าวขออภัยกันไว้ก่อน  ตอนที่ไปเที่ยวยังไม่ทราบว่าตุ๊กตาตัวไหนคือเทพองค์ไหนบ้างก็เลยถ่ายมาบางมุมเท่านั้น  เพิ่งมาทราบถึงความเป็นมาตอนหาข้อมูลทำบล็อกนี่แหละครับ  เทพบางองค์จะเห็นได้ไม่ชัดว่าในมือถืออะไรบ้าง  แต่ก็พอดูออกครับ)

 

 

คุณพรเพ็ญ  สุคะตะ  เล่าให้ฟังในบทความเรื่อง  “ใครเป็นใคร?  จากเทพีกรีก  สู่  Doll  Bridge  ณ  พระราชวังบางปะอิน”  ในมติชนสุดสัปดาห์ว่า  ....  ในมุมมองของชนชั้นสูงในเมืองไทยเมื่อ  120  กว่าปีก่อน  การน้ำเอารูปปั้นมาตกแต่งสวน  หรือประดับตามราวสะพาน  เรียกว่า  “ตุ๊กตา”  จึงเกิดคำว่าตุ๊กกตาประดับสวนขึ้น  และแพร่หลายออกไปตามบ้านของคหบดีและในที่สุดก็นำมาตกแต่งในสวนของบ้านคนธรรมดา
 

 
 

คุณพรเพ็ญ  ยังได้เล่าต่ออีกว่ารูปปั้นที่ประดับอยู่บนราวสะพานในพระราชวังบางปะอินเป็นรูปปั้น  “เทพีกรีก”  ทั้งหมด  ยกเว้นมีรูปปั้น  “เทพกรีก”  เพียง  1  องค์  ก็คือ  เฮอร์เมส  (Hermes)









 
เทพีแห่งการเกษตร  (Demeter/Ceres)  (คนครุ่นอายุ  40  กว่าปีขึ้นไปอาจจะคุ้นกับชื่อ  Ceres  เนื่องจากเป็นชื่อรางวัลที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ  (FAO)  มอบให้แด่สุภาพสตรีสำคัญที่มีส่วนช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของสตรีทั้งปวง   ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ได้รับการทูลเกล้าฯ  ถวายรางวัลนี้ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา  12  สิงหาคม  2523)


 
 
รูปปั้น
เทพีแห่งการเกษตร  (Demeter/Ceres)  นี้คงได้เห็นกับบ่อยจากรูปภาพ  เพราะเป็นมุมที่ถ่ายออกมาแล้วสวยมากเนื่องจากจะมี  background  เป็นพระที่นั่งไอศสวรรค์ทิพยอาสน์ได้สวยที่สุดครับ



 
รูปปั้น 
เทพีแห่งการเกษตร  (Demeter/Ceres)  เป็นรูปปั่นผู้หญิงยืนเอียงกายน้อยๆ  มืข้างนึงกอดรวงข้าวที่มีเมล็ดข้าวเต่งๆ  อวบๆ 



 

เทพีแห่งการเกษตร  (Demeter/Ceres)  มีมาตั้งแต่สมัยที่กรีกรุ่งเรือง  จนเมื่อโรมันเข้ามารุกรานจึงรับเอาการบูชาเทพี  Ceres  ไว้และเปลี่ยนชื่อเป็น  Demeter












 
 

อัคนีเทพผู้ครองเพศพรมจรรย์  (Hestia / Vesta)
 


 

Hestia  เป็นชื่อในภาษากรีก  ส่วน Vesta  เป็นชื่อในภาษาโรมัน   มือข้างหนึ่งถือเปลวไฟ  ส่วนมืออีกข้างหงายขึ้นป้องเปลวไฟจากสายลม  ตามตำนานเทพปกรณัม Hestia หรือ Vesta  ถือเพศพรมจรรย์ทั้งๆ  ที่เทพอพอลโล  (Apollo)  และ  โพไซดอน  (Poseidon)  มาสู่ขอก็ตาม  เป็นเทพีแห่งที่ช่วยดูแลบ้านเรือน  ทำหน้าที่รักษาและดูแลบ้าน 











 
 
 

เทพีแห่งมหากาพย์และดนตรี  (Calliope)
 
 

เป็นรูปผู้หญิงถือพิณ  7  สาย  กับบทกวี  ชื่อ 
Calliope เป็นชื่อในภาษากรีก  นางเป็น  1  ใน  9  เทวีแห่งศิลปวิทยา  โดยเป็นเทพีพี่ใหญ่ที่สุดใน  9  องค์  นอกจากนั้นนางยังเป็นแม่ของ  ออร์ฟุส  หรือ  ออร์ฟีอุส  (Orpheus)  เทพแห่งการดนตรีอีกด้วย 










 

เทพีแห่งสายรุ้ง  (Iris  /  Arcus)
 

 

Iris  เป็นชื่อในภาษากรีก  ส่วน  Arcus  เป็นชื่อในภาษาโรมัน  มือข้างหนึ่งถือคทามีงู  2  ตัวพันกัน  ตอนบนของคทามีปี  2  ข้าง 



Iris  หรือ  Arcus  เป็นเทพชั้นรอง  มีหน้าที่รับใช้เทพีเฮร่า  (Hera)  โดยใช้คทาที่มีปีกและมีงู  2  ตัวพันอยู่ในการช่วยให้นางหายตัวไปไหนมาไหนได้รวดเร็ว  เพื่อสืบข่าวให้เทพีเฮร่า    
 

 
คทาของนางตอนหลังได้ไปตกอยู่กับ
เทพเฮอร์เมส  (Hermes)  เรียกว่า  คทาของเฮอร์เมส  (Wand  of  Hermes)  ซึ่งเป็นเทพแห่งการสื่อสาร











เทพมารดรแห่งแผ่นดิน  (Amalthea)


 
ถือเขาแพะและน้ำนมซึ่งบรรจุอาหาร   (Cornucopia  /  Horn  of  Plenty)
 


เดิม  
Amalthea  เป็นนางแพะอยู่ในป่า  และนางได้ดูแลเลี้ยงดูเทพซีอุส  (Zeus)  เมื่อตอนที่เป็นทารกที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในป่า  นางใช้เขาที่อาบด้วยอาหารทิพย์และน้ำหวานมาเลี้ยงดูเทพซีอุส  จึงถือว่าเป็นแม่นมแห่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ 











 
 
 

เทพีแห่งการปลดปล่อย  (Ariadne  /  Libera)

 
 
นางมีชื่อในภาษากรีกว่า 
Ariadne  หรือ  Libera  ในภาษาโรมัน  นางเป็นภริยาของเทพไดโอนิซุส  (Dionysus)  เทพแห่งเสรีชนหรือการปลดปล่อย  นางถือไหใส่เหล้าไวน์ในท่าของการเทไวน์ทิ้ง








 
 
 

 
ตุ๊กตาตัวสุดท้าย  นางไม่ได้เป็นเทพีกรีกครับ  แต่นางเป็นตัวละครในตำนาน  New  Testament  ในศาสนาคริสต์  ว่ากันว่าเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ในปัจจุบันในช่วง  ค.ศ.  10 – 60
 
 

สตรีในชุด  peplum  (ชุดแบบโรมันใช้ผ้าสองผืนประกบหน้า – หลังแล้วติดกระดุมที่หัวไหล่)  ถือศรีษะของผู้ชาย  คือ  
ซาโลเม  (Salome)  ธิดาของพระนางเฮโรเดียส  (Herodias)  ที่ขอประทานอนุญาตจากกษัตริย์ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของนางให้นางเป็นผู้ตัดศรีษะของนักบุญจอห์น  (St. John  the  Baptist)  เพื่อเป็นการแก้แค้นให้มารดาของนาง












 
ณ  จุดนี้สามารถมองเห็นสถาปัตยกรรมของพระที่นั่งองค์ต่างๆ ในเขตพระราชฐานชั้นนอกได้โดยรอบ  เจ้าของบล็อกคิดว่าเป็นมุมที่สวยที่สุดในพระราชวังบางปะอินเลยครับ





















 
 
 
131131131



Create Date : 30 สิงหาคม 2564
Last Update : 30 สิงหาคม 2564 14:17:10 น.
Counter : 2498 Pageviews.

24 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnonnoiGiwGiw, คุณตะลีกีปัส, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณKavanich96, คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณSai Eeuu, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณzungzaa

  
อ่านบล๊อกนี้แล้ว อยากไปพระราชวังบางประอินอีกรอบ ^^
ทุกทีที่ผ่านสะพานนี้ แดดร้อนมาก เลยไม่ได้ดูตุ๊กตาสวยๆละเอียดๆแบบนี้เลยค่ะ
โดย: VELEZ วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:14:43:10 น.
  
เห็นรูปแกะสลักหรือ ปั้นที่ ตปท.อ่่อนพลิ้ว ได้สัดส่วนน่าทึ่งมาก บาง
ชิ้นแทบจะเห็นเส้นเอ็น ชอบศิลปแบบนี้ครับ

...
บางปะอินสวยแต่คงต้องไปตอนเช้า หรือไม่ตอนเย็นรอให้มีร่มเงา
ภาพจะดูดี
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:14:47:33 น.
  
แว้บแรกผมนึกถึงสะพานชาร์ลส์ทีเช็กครับพี่
อาจจะเป็นเพราะผมชอบเช็ก เพราะสาวสวยมากครับ แขนขาเล็ก ผมบรอน แล้วอะไรที่ควรใหญ่ก็...ได้เรื่องครับ ^^''

โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:15:23:05 น.
  
จากบล๊อก

โถๆ....สงสารพ่อเดวิด
เคยอ่านที่ไหนไม่รู้ว่า มันเป็นเหตุการที่เดวิดเห็นสิงโต เค้าก็เลย......ตกใจนิดนึงน่ะพี่ 555555



โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:15:48:27 น.
  
สวยมากก น่าตามไปเที่ยว เห็นรุปปั้นพวกนี้
แล้วนึกถถึงตอนสมัยมัธยม ต้องวาดรูปลายเส้นบ่อยมากอ่ะ
ตอนไปประกวดก็วาดไรแบบนี้ ล่ะจนมือดำไปหมด
นี่รอให้หมดโควิด จะเที่ยวมันสามเดือนติดเลย

จากบล็อก
ตอนนี้ สั่งต้นไม้หรือของสดไม่ได้เลยอ่ะ
ล่าสุดต้นออมชมพูไปอยู่กับเคอรี่มา 7 วัน
ใบเหลืองใบเหี่ยวหมด น่าสงสารมาก
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:17:15:08 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

แะสลักได้สวยเนียนเหมือนมีชีวิตจังเลย
เคยไปเดินดูพินิจพิจารณาอยู่นานๆ รักค่ะ
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:17:37:23 น.
  
ชอบภาพที่เป็นขาวดำครับคุณบอล
สวย คลาสสิกเลย
รูปปั้นแต่ละแบบ
ก็สวยงามแตกต่างกันไปนะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:18:52:35 น.
  
ดูแล้วของเราสวยงามสู้เขาได้สบายมาก
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:21:08:28 น.
  
มาเที่ยวด้วยครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:22:27:08 น.
  
ภาพสวยมาก น่าเที่ยวมากค่ะคุณบอล
แล้วต๋าจะมาเก็บรายละเอียดต่อค่ะ

ขอบคุณกำลังใจนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:0:37:31 น.
  

สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:6:27:47 น.
  
พอไปถ่ายใกล้ๆ แต่ละตัวก็สวยดีแหละคุณบอล

โดย: หอมกร วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:7:33:41 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:8:42:42 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:8:49:50 น.
  
ต้องเคยผ่านสะพานนี้แน่เลย แต่ไม่เคยสังเกตุรูปปั้น

อิจฉาได้ไปเที่ยวอิตาลี่ด้วย ผมไม่เคยไปเลย

อยากไปตามรอย Davinci ดูสารคดีเค้ามาเยอะ
โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:11:33:49 น.
  
ไม่เคยแยกออกเลยค่ะ มาบล็อกนี้ได้ความรู้ไปเยอะเลย
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:12:59:45 น.
  
มาชมอีกรอบ เต็มอิ่มกับรูปปั้นสวยๆทั้งที่ไทยและอิตาลีค่ะคุณบอล
ของอิตาลีสวยมากอยู่แล้ว ส่วนของไทยแม้เป็นปูนปั้นก็สวย
และสร้างบรรยากาศให้พระราชวังฯได้อย่างดีนะคะ

เทพีกอดรวงข้าว ถือพิณ ถือเปลวไฟ ถือเขาแพะและน้ำนมบรรจุอาหาร
ถือไหใส่ไวน์ ล้วนมีความหมาย
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและความรู้ค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:15:24:23 น.
  
ทั้ง 2 ที่ไปมาแล้ว แต่บางปะอิน ไปนานแล้ว ไม่มีความรู้เรื่องรูปปั้นเลยค่ะ พอไปโรม ก็ถ่ายแค่วิวกว้างๆ ไม่ได้ถ่ายเจาะที่รูปปั้นเลย เพราะมันเยอะมาก

แต่เดี่ยวจะลองกลับไปดูรูปเที่ยวโรมใหม่ค่ะ

น้องยอลเขียนบล็อกได้ดีมากค่ะ บล็อกนี้
โดย: Sai Eeuu วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:15:31:24 น.
  
ผมก็ชอบภาพขาวดำนะครับ
บางทีให้ความรู้สึกเวลาดู
มากกว่าภาพสีอีกครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:22:37:23 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:6:11:40 น.
  
ยินดีค่ะคุณบอล
แวะมาฟังเพลงประกอบบล็อก
ไพเราะมากค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:10:31:46 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปส่งกำลังใจนะค้าาา
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:11:44:45 น.
  
พระราชวังบางปะอินแทบจะเป็นสถานที่ที่รวบรวมพวกสถาปัตยกรรมของหลายๆ ชาติเลยครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:13:50:19 น.
  
ภาพสวยค่ะ เห็นแล้วทำให้อยากไปอีกเลย
โดย: zungzaa วันที่: 6 กันยายน 2564 เวลา:14:47:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?]