ปวดต้นคอ
สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย
1. อิริยาบถหรือท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น - การแหงนหน้า หรือก้มหน้าทำงานทั้งวัน เช่น ผู้ทำงานเย็บจักร ซักผ้า เขียนหนังสือ ช่างซ่อมรถ - นอนในท่าที่คอพับ หรือบิดไปข้างใดข้างหนึ่ง นอนหนุนหมอนที่สูงหรือแข็งเกินไป
2. ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อคอ ทำให้มีอาการปวดต้นคอ ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย ภายหลังจากการทำงาน หรือภายหลังจากมีปัญหาขัดแย้ง
3. อุบัติเหตุที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวของคอมาก หรือรวดเร็วกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นฉีกขาด หรือกระดูกคอเคลื่อน
4. กระดูกคอเสื่อม ซึ่งพบได้ในผู้ที่สูงอายุทุกคน แต่มีบางคนเท่านั้นที่มีอาการมากจนต้องได้รับการรักษา สำหรับการเอ๊กซเรย์กระดูกคอจะพบว่ามีกระดูกงอกที่บริเวณขอบๆ ข้อต่อ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถพบได้ในคนสูงอายุทั่วไป ที่ไม่มีอาการเลยก็ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเอ๊กซเรย์ทุกคน
5. ข้ออักเสบ เช่น ในผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์
6. กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อซึ่งยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จะมีอาการปวดในกล้ามเนื้อ และปวดมากขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อนั้นถูกใช้งาน รู้สึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรง มีบริเวณที่กดเจ็บชัดเจน และอาจจะคลำได้ก้อนพังผืดแข็งๆ ในบริเวณที่กดเจ็บ
การรักษาเบื้องต้น 1. พยายามพักผ่อนให้มาก ทางที่ดีควรนอนราบ หนุนหมอน ซึ่งหมอนที่ดีควรมี - ความนุ่มและยืดหยุ่นสามารถแนบส่วนต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอ - ความหนาที่พอเหมาะ เมื่อนอนหนุนหมอนแล้วมองด้านข้างคอจะอยู่ในแนวตรง คอไม่แหงน หรือไม่ก้ม
2. ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น โดยใช้น้ำแข็งทุบใส่ในถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบประมาณ 10 -15 นาที
3. รับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล แอสไพริน ทุก 4-6 ชั่วโมง อาจใช้ครีมนวดแก้ปวด ก็ได้แต่ต้องระวังอย่านวดแรง เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากขึ้นไปอีก
4. ทำกายภาพบำบัด - บริหารกล้ามเนื้อคอ - ใส่ปลอกคอ ซึ่งใช้เฉพาะรายที่จำเป็นเท่านั้น - ถ่วงน้ำหนักดึงกระดูกคอ - ประคบบริเวณที่ปวดด้วย ความร้อน ความเย็น หรือคลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์
อาการปวดมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่ยังไม่หายสนิทให้กินยาแก้ปวดต่อไป และฝึกการบริหารเพื่อให้คอเคลื่อนไหวดีขึ้น และออกกำลังกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรงมากขึ้น
ถ้าอาการต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ 1. มีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ แขน โดยอาจจะมีอาการชา หรือกล้ามเนื้อมืออ่อนแรงร่วมด้วย 2. มีอาการอ่อนแรงของขา เวลาเดินรู้สึกว่าขาจะสั่นๆ หรือรู้สึกขากระตุกๆ 3. กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้ ทำให้มีอุจจาระหรือปัสสาวะราด 4. อาการปวดไม่ดีขึ้น หรือปวดเพิ่มมากขึ้น
การป้องกันอาการปวดคอ 1. ระวังอิริยาบถหรือท่าทางที่ไม่ถูกต้อง - อย่าให้คอต้องก้ม เงย นานเกินไป หรือ ก้ม เงย บ่อยเกินไป ควรหยุดพักเพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอ หรือเคลื่อนไหวคอสัก 2-3 นาทีทุกๆ ชั่วโมง
- การนอนควรนอนบนที่นอนแข็งพอสมควร นอนหนุนหมอนที่นุ่มและยืดหยุ่นพอที่จะแนบส่วนต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอ และมีความหนาพอเหมาะที่จะทำให้คออยู่ในแนวตรง เมื่อมองจากด้านข้าง ไม่ทำให้คอแหงนหรือก้มมากเกินไป อย่านอนคว่ำอ่านหนังสือหรือดูทีวี
2. หมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อของคอทุกๆ วัน ให้บ่อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ทำมากได้มาก )
3. พยายามลดความเครียดจากชีวิตประจำวัน โดยการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
การบริหารกล้ามเนื้อคอ 1. ทำให้กล้ามเนื้อคอเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น - ก้มและเงยหน้า ก้มหน้าให้คางจรดกับอก แล้วค่อยเงยหน้าให้แหงนไปด้านหลังให้มากที่สุด - ตะแคงซ้ายขวา หน้าอยู่ตรงๆ ตะแคงซ้าย พยายามให้หูจรดไหล่ซ้ายโดยไม่ยกไหล่กลับที่เดิม แล้วตะแคงขวาให้หูจรดไหล่ขวาโดยไม่ยกไหล่ - หันหน้าซ้ายขวาหมุนศีรษะให้หน้าหันไปด้านซ้าย ให้ปลายคางอยู่ในแนวเดียวกับไหล่ซ้าย แล้วหมุนกลับไปด้านขวาให้ปลายคางอยู่ในแนวไหล่ขวา
2. ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรงขึ้น โดยเกร็งกล้ามเนื้อ-คอ ประมาณ 10 วินาที (นับหนึ่งถึงสิบ) ทำซ้ำ 10 ครั้ง พยายามทำโดยให้คอและหน้าอยู่ในแนวตรง - ก้มคอ ใช้ฝ่ามือดันที่หน้าผากต้านกับความพยายามที่จะก้มศีรษะลง นับหนึ่งถึงสิบ - เงยหน้า ใช้ฝ่ามือประสานกัน ที่บริเวณเหนือท้ายทอยแล้วดันมาข้างหน้า ต้านกับความพยายามที่จะแหงนหน้าไปข้างหลัง นับหนึ่งถึงสิบ - ตะแคงคอ ใช้ฝ่ามือซ้ายดันที่ข้างศีรษะเหนือหูซ้าย ต้านกับความพยายามที่จะตะแคงศีรษะไปด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วสลับกับด้านขวาทำแบบเดียวกัน - หันหน้า ใช้ฝ่ามือซ้ายดันที่ข้างศีรษะหน้าหูซ้าย ต้านกับความพยายามที่จะหันหน้าไปด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วสลับกับด้านขวาทำแบบเดียวกัน
เรื่องโดย นพ.พนมกร ดิษฐสุวรรณ์
Create Date : 14 เมษายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 15 มีนาคม 2554 1:13:37 น. |
Counter : 858 Pageviews. |
|
|
|