ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

ซีรีส์NGOsที่รักภาคพิสดาร(1) :"NGOs โลก"ซากเดนศักดินา

โดย คุณรักเอ็นโตดี ห่วงประชาชน
ที่มา ประชาไท
26 ธันวาคม 2552

หมายเหตุ:อันเนื่องมาจากผู้ใช้นามสุรีย์ มิ่งวรรณลักษณ์ ได้เขียนบทความเรื่อง"ขุนนาง NGO กป.อพช.และวิธีคิดอำมาตยาธิปไตย"ลงในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท เป็นการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของขบวนองค์การพัฒนาภาคเอกชน หรือ(NGOs)ว่าอยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตย

ต่อมามีผู้ใช้นาม"รักเอ็นโตดี ห่วงประชาชน"ได้เขียนวิพากษ์ขบวนการNGOsอย่างเผ็ดร้อนในความเห็นท้ายบทความนี้ ไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นการวิพากษ์ในลักษณะของ"คนวงใน"วิพากษ์กันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนให้ได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใดNGOsจึงมีบทบาทความเคลื่อนไหวในลักษณะต่อต้านประชาธิปไตย อิงแอบแนบชิดกับอำมาตย์เผด็จการ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ และไทยอีนิวส์ยินดีเผยแพร่ให้ หากผู้ที่ถูกพาดพิงจะมีปฏิกริยาโต้ตอบกลับมา


กรูเห็นพวกเมิง เอ็นโตดี ทั้งหมดทั้งมวลทะเลาะกัน อ่านแล้วรู้สึกมันดี จึงอยากร่วมแจมกะเค้ามั่ง…

ก่อนอื่นพวกเมิงต้องมาเข้าใจพวกมันให้ถึงรากถึงโคน ถึง ริดสีดวงดาก ของพวกมันก่อนอะนะ “สำนักข่าวผ้าปูเตียง” ได้จัดทำรายงานใส่แฟ้ม “ลับสุดยอด” ไว้แฟ้มหนึ่ง เผอิญกรูไปแอบถ้ำมองพวกมันมา....จึ่งได้ของดีมาเล่าสูกันฟัง ดังความว่า

ในใต้หล้าของยุทธจักรบู้ลิ้ม คนที่เคยทำงานทั้งบนดิน ใต้ดิน ในรู หรือ ใต้ผ้าปูเตียงของพวกมัน จะเรียกขานมันว่า “พวก NGOs โลก” ก็คือว่า ใครคิดแบบพวกมันจึงจะอยู่ในบู้ลิ้มได้ว่างั้นเถอะ.....พวกมันก็มี “บิดา” เหมือนพวกเมิง พวกกรูนี่แหละ อย่ากระนั้นเลย ขอเปิดตัว “ละคร” สำคัญ ๆ เพื่อทำความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันก่อนอะนะ.....ครือว่าเรื่องของเรื่องแม่งเป็นอย่างงี้วะ….


เริ่มจากนี่ก่อนเลยอะนะ.....

1. “ป๋วยปีแปกอ” : NGOs ตัวพ่อ !!!

ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ พาลูกศิษย์ธรรมศาสตร์ออกชนบทเริ่มโครงการพัฒนาแห่งแรกในจังหวัดชัยนาท เป็นการเบิกฤกษ์วงการเอ็นจีโทยเมื่อราวปี2512

ต้องขออำภัยสำหรับผู้ที่เคยเสพสำราญจากข้อเขียนของ คุณรักในหลวงห่วงลูกหลานมาแล้ว ในที่นี้จะขอเพิ่มเติมบางประเด็นเกี่ยวกับป๋วยปีแปกอเท่านั้น

ราว ๆ ปี 2512 ขณะนั้นป๋วยปีแปกอ ยังอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อยู่มาวันหนึ่งตามประสาคนกำลังจะแก่ตัวอะนะ แกก็ฝันเห็นยมทูตจากนรกขุมใหนก็ไม่รู้มาหาแก แล้วก็สั่งแกว่า หากจะล้างบาปจากที่รับใช้เผด็จการผ้าขะม้าแดง ไอ้เหี้ยมหนอม ละก็ ต้อง เป็นคนดีมีคุณธรรม ให้ทำความดี ๆๆๆๆ

พอแกตื่นจากฝัน แกก็เรียกลูกศิษย์ลูกหาเข้าพบ ลูกศิษย์ลูกหาของแกก็เช่น ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (คนหัวล้าน ๆ ได้ดีเป็นเสนาบดีเพราะช่วยเผด็จการ คมช.นั่นงัย...ทุด สาดดดด !!!) พิเชียร คุระทอง (มติชน) คุณหญิงสุพัตรา มาศดิษฐ์ (ประชาธิปัติย์) เดช พุ่มคะชา (ก็อยู่หลายที่ ครป.ขี้เหลืองอ๋อย, มอส. / ฟอสเตอร์-แพลนอีสาน) พรรณยุพา นพรัก (ม.นเรศวร –คนนี้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของ “เสี่ยเป๋ง-สมพันธ์ เตชะอธิก ก่อนอยู่ RDI.,” ม.ขอนแก่น เดี๋ยวนี้ก็ยังสอนสอนอยู่ ม.ขอนแก่น ที่เรียกเสี่ยไม่ได้เรียกผิดหรอกเรียกตามเนื้อผ้า เพราะเขาได้เงินจากภาษีบาป แหล่งทุนหน้าโง่ สสส. มา 40 กว่าล้านบาทอะนะ-เดี๋ยวเรื่องนี้ขอข้ามไปก่อน จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง) และอีกหลาย ๆ คน

พอป๋วยปีแปกอ ประชุมลูกศิษย์เสร็จสรรพเรียบร้อย เพื่อเป็นการไถ่บาปจึงจัดทำโครงการพัฒนาชนบทขึ้นแถว ๆ ลุ่มน้ำแม่กลอง แถว ๆ ชัยนาท (เรื่องนี้ต้องถามลูกศิษย์แกประเภท เรือง สุขสวัสดิ์ หรือ สมพงษ์ แขนด้วน ดูพวกมันยังทำมาหาแดกเขียนโครงการหลอกแดกแหล่งทุนหน้าโง่อย่าง พอช.ภาคกลาง อยู่ทุกวันเลยอะนะ)

เด็ก ๆ เหล่านี้ที่เป็นลูกศิษย์ของป๋วยปีแปกอสมัยโน้น ก็ลงพื้นที่ชนบท ออกค่าย สร้างโน่นสร้างนี่กันอยู่หลายปี (ขอโทษด้วยเจ้าคะ อกอีแม้นจะแตก พอพวกเด็กของแกเดินทางกลับ มห’ลัย ชาวบ้านแบกจอบแบกค้อนไปทุบสิ่งปลูกสร้างของเด็ก ๆ ซะเละเทะเลยครับพี่น้อง-เอาฮา ๆๆๆ)

บรรดาเด็ก ๆ สานุศิษย์ของแก บัดเดี๋ยวนี้เป็นใหญ่เป็นโตเต็มบ้านเต็มเมือง ก็ทำอะไรออกเหลืองไปหมดอะนะ....

กระนั้นก็ดี แกก็สร้างอะไรไว้เยอะก่อนจะถูก “ให้ไปตายต่างประเทศ” แถมก่อนไปยังถูกแถมท้ายจากนายตำรวจตัวเหี้ยเอาปืนตบบ้องหูจนหูแกหนวกจนตายอะนะ (ไม่รู้วิญญาณแกจะรู้มั๊ยหน้อว่า มันผู้ใดส่งแกไปตายต่างประเทศ ฮา ๆๆๆ)

เอาหละสิ่งที่แกสร้างในแวดวงการพัฒนาชนบท/สังคม ก็เช่น โครงการบัณฑิตอาสาสมัคร ที่ทำมะสาด ซึ่งเดี๋ยวนี้กลายเป็น “สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร” เทียบเท่า “คณะ” และคนที่เป็นแขนเป็นขาอย่างแข็งขันก็คือ บัณฑร อ่อนดำ (เจ้าสำนักบู้ลิ้ม CO อันโด่งดังคนหนึ่ง) และ เดช พุ่มคะชา และบรรดาครูที่ยังสอนในสำนักนี้อยู่ นั่นแหละ

ต่อมาสานุศิษย์เหล่าโน้น ก็ “ขยายปีก” นำแนวคิดแบบ “บัณฑิตอาสาสมัคร” ไปขยายทั่วใต้หล้า ทำให้ยุทธจักรบู้ลิ้มสั่นสะเทือน เช่น บัณทร กับ ร.ต.อ. รศ. ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ (ชื่อยาวฉิบหายเลย) ก็นำไปสร้าง “โครงการ / สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร” ที่ มหา’ลัย ขอนแก่น และสร้าง RDI. (สถาบันวิจัยและพัฒนา ม.ขอนแก่น) ที่มี “หลานศิษย์” เติบใหญ่ในที่นี้หลายคน เช่น เสี่ยเป๋ง, วิเชียร แสงโชติ (คนนี้พวก กป.อพช.อีสาน และ พอช.อีสาน มันชอบใช้บริการ-เรียกว่า “นักวิชาการบริการ” ก็คงจะได้-ฮา ๆๆๆ) ซึ่งสาธุชนทั้งหลายจึงไม่แปลกใจที่ RDI. แม่งเหลืองเกือบทั้งตึก ก็ “ไอ้หมอเหี้ยมๆ” ลูกกะโปก “ไอ้ลิ้ม” มันเป็น “ผู้อำนวยการ” อยู่นั่นงัย...สาดดดด !!!

ส่วน “เปี๊ยก” บำรุง บุญปัญญา นี่จบ ม.เกษตรศาสตร์ช่วงหลังนิดหน่อยก็เข้าไปทำนากับเรือง ที่ชัยนาท แล้วพระอาจารย์ป๋วยปีแปะกอ ก็ส่งไปเรียนที่อังกฤษ (แต่ข่าวว่าเรียนไม่จบเพราะชอบไปประชุมลับในร้านเงียบ ๆ ที่ไม่มีเด็กเสิร์พบ่อย ๆๆ เอ้าฮาๆๆๆ)

และในใต้หล้า ยุทธรจักรบู้ลิ้ม แม้ป๋วยปีแปกอไม่ได้อยู่เมืองไทยตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2519 แล้ว แต่สายของแกก็ถูกวางไว้ทั่วประเทศแล้วครับท่าน


มิพักต้องพูดถึง.....อยู่ ๆ ยุทธจักรบู้ลิ้มก็ปั่นป่วน เกิดวิกฤติศรัทธาใน พคท. ช่วงตั้งแต่ 2521 -2525 (ป่าแตก)....ช่วงดังกล่าว จอน อึ้งภากรณ์ อันเป็นทายาทของป๋วยปีแปกอ ก็ผันตัวเองจากครูสอนหนังสือที่รั้วจามจุรี มาสร้าง “โครงการอาสาสมัครเพื่อสังคม” ที่ต่อมาเป็น “มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสัง” (มอส.) อันโด่งดัง โดยมีคู่หูดูโอ้แรก ๆ คือ รศ.ดร.โคทวย เอ้ย โคมทม อารียาร่วมด้วยช่วยกัน (มอส. เนี๊ยะนะเปรียบเหมือโรงเรียนนายร้อย จปร. ของนักพัฒนา คือ พวกเอ็นโตดี หรือ พวก NGOs โลก นี่ก็แปลก ใครไม่ผ่าน มอส. แม่งก็บอกว่า เป็นเอ็นโตดีของปลอมบ้าง เป็นพันธุ์ทางบ้าง-ก็ มอส.นี่แหละ ที่ช่วงแรก ๆ มี จอน เป็น ผอ. และมี เอ็นจีอ้วน ภูมิธรรม เป็นรอง ผอ. .....เอ๊ะ ๆ ๆๆ ชักงง ๆๆ แล้ว เหลืองกับแดง เคยอยู่ร่วมกันมาก่อนนี่หว่า-อย่าเพิ่งฮา...จะขยายความข้างล่าง)

มอส. เนี๊ยะ เขากะผลิตคนเป็น “นักพรต” เลยอะนะ กะให้เป็นประเภท “กินน้อย ๆ ขี้มาก ๆ” จะได้ผอม ๆ แบบว่าพอเพียงงัยไอ้สัด ไม่เข้าใจหรืองัยสาดๆๆๆๆ แถมเด็ก ๆๆๆ ที่เข้าไปเป็นอาสาสมัครจะถูกบังคับให้ “เชื่อ” แนวทางวัฒนธรรมชุมชน (ประเภทชนบทล้อมเมือง เอ้ยลืมไป ผิดคิว ๆๆๆ ก็ครือภายใต้คำขวัญ “คำตอบอยู่ที่บนเตียง เห้ยอีกแว้วกรู คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน”และสุดชั่วก็คือ บังคับให้อ่าน “สมอลอีสบิวต้ฟูล-จิ๋วแต่แจ๋ว ของชูมัคเกอร์” หากใครไม่อ่าน หรือ อ่านไม่จบ จบแล้วไม่เชื่อก็ต้องให้ไปอยู่นอกด่านครับท่าน....ดูมันทำๆๆๆๆ

มอส. นี่มันเป็นยุทธศาสตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างหนึ่งของพวก “ซากเดนศักดินา” เลยนะมึงอย่าเอะไป....ก็ประมาณว่า ดักเก็บเอาพวกนักศึกษาจะจบแหล่มิจบแหล่มาอยู่ในอุ้งเท้า พร้อมกันนั้นก็เก็บตกบรรดา “พคท.อกหัก” ที่เข้าป่าเพราะขายลูกชิ้นปิ้งแถว ๆ สนามหลวงไม่รู้อีโหน่อีแหน่ แล้วเอามาใส่ตระกร้าล้างน้ำว่างั้นเหอะ “รีออแกไน” แหะ ๆๆ หุๆๆๆ ใช้แนวทางวัฒนธรรมชุมชน ทางเลือก ผสมผสาน ยั่งยืน และล่าสุดพอเพียง โคตรพ่อโครงแม่งมันเป็น “เข็ทมุ่ง” ฮา ๆ ๆๆ

บรรดาเหล่าสานุศิษย์ มอส. รุ่นแรก ๆ จึงยังใส่กางเกงขาก๊วย เสื้อพื้นเมือง แถมมีผ้าขาว (จะขาวม้าหรือไม่ม้าก็แล่นแต้) พาดบ่า เวลาประชุมก็เดินไปเดินมา พร้อมกับถ้วยกาแฟงัยสาดดดดด....

เอะแล้ว มอส. รุ่นแรก ๆ ก็มีหน้าตาอย่างไรบ้างนะ เอ้าก็พวก เสี่ยชัชวาลย์ ทองดีเลิศ , เจ๊สุนทรี เซ่งกิ่ง , เสี่ยพลากร วงศ์กองแก้ว , เสี่ยอกนิษฐ์ (โอ้พระเจ้ายร์อจ) ป้องภัย เทื่อก ๆ นี้แหละ.....แล้ว พคท.ตกทุกข์ได้อยาก หรือ นักกิจกรรมในมหาวิทยาลัยฝ่ายซ้าย ๆ ก็เช่น นิกร วีสเพ็ญ, อู๊ด ยโสธร เป็นอาทิ

ขอรวบรัดตัดตอน จนมาถึงที่ คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน เธอว่าไว้ คือ ยุครุ่งเรืองก็ยุคเขมรอพยพ เอ็นโตดีในอีสาน มีเงินเยอะมาก และช่วงต้นทศวรรษที่ 2520-30 แหล่งทุนหน้าโง่จากตะวันตก เสือกใจดีให้เงินพวกมันมาทำโครงการโน่นโครงการนี่เต็มบ้านเต็มเมือง ว่ากันว่าทั่วประเทศนั้นแหละ.....(แม่งเงินเหลือ หรือว่า อมเค้าก็ไม่รู้สายข่าวไม่รายงาน ก็เอาไปสร้างตึกขาวที่ทำการพวกมัน...สร้างศูนย์เนท.....สร้างอาศรมดอนแดง ตอนนี้ก็ให้ เสี่ยแขก นอนแดกเหล้าขาวเฝ้ายามอยู่นั่นงัย...บางวันพี่แกงัวเงียตื่นขึ้นก็ได้ข่าวดีนึกว่าฝันไป-เฮ้ยแขก ได้เงินหมู่ พอช.อีสาน ภาคประชาสังคม ให้เมิงไปหาขุดสมุนไพรต่อแล้ววะ...อ้าเหรอ กรูเลิกทำไปนานแล้ว แกนนำกรูไปตัดอ้อยเมืองกาญจน์หมดแล้ว และกรูก็ไม่เคยเขียนโครงการขอเค้าด้วย แล้วกรูได้มายังงัยวะ เออเหล้าขาวหมดพอดี-เสี่ยแขกรำพึงรำพันในบางวันที่เบลอ-แล้วมันก็เอาเงินก้อนนั้นเหมารถพาชาวบ้านไปเลียกะโปไอ้แป๊ะลิ้ม-สาดๆๆๆๆๆ)

อย่ากระนั้นเลย วันดีคืนดีมันก็คิดเรื่อง “เครือข่าย” เน็ทเวิร์กขึ้นมา หันไปรวบรวมไพล่พลเหล่าเอ็นโตดีทั่วประเทศ และอาสาสมัครของ มอส. ที่ไปทำงาน 5-6 ปี เริ่มปีกกล้าขาแข็งแล้วมาร่วมกันก่อตั้ง กป.อพช.ชาติ ขึ้นมา เรียกหรู ๆๆๆ ตามแม่งว่า เอ็นจีโอคอต งัยสาดดดด......ความจริงเค้ามีชื่อยาว ๆ ของเค้าอยู่นะ

แรก ๆ เนื่องจากแม่งทำงานแต่ในชนบทชูคำขวัญ “คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน” มีรูปคนแก่ๆผอม ๆ ถือไม้เท้ายักแย่ยักยันเป็นรูปเคารพอะนะ (หน้าคลับคล้ายคลับคลามหาตมะ คาทวย เอ้ย คานที นั่นแหละ...เออหนอเหล่แถวที่ทำงาน สำนักงานพวกแม่งแขวนป้ายบิดามันอยู่คลับคล้ายคลับคลา 2-3 คน อ้อ นั่นรูป ส.ศิวยั๊วนี่หว่า เอ้านั่นรูปป๋วยปีแปะกอวะ เอ้านั้นรูปใครนะคุ้น ๆๆเห็นกันทุกวันเวลาจ่ายค่าเบียร์-สาดๆๆๆๆ) เค้าใช้ชื่อ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนชนบท(กป.อพช.) ต่อมาสถานการณ์เปลี่ยนก็เลยเปลี่ยชื่อให้สอดคล้อมกับยุคสมัยที่บ้านเราเป็นทุนนิยมแล้วพวกเมิงยังจะใช้ความไถ่นาอยู่หรือสาดดดด ....จึงมีชื่อว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (เฉย ๆ ชื่อย่อตัวเดิม ก็ กป.อพช.)

และแล้วนับแต่บัดนั้น ในยุทธจักรบู้ลิ้มก็เริ่มเกิดเจ้ายุทธจักร มีกระบี่มือหนึ่งสังกัดสำนัก เกิดการผูดขาดทั้งความคิด เงินงบประมาณ ประมาณว่าทำตัวเป็น “ขุนนาง NGOs” ตามที่สุรีย์เขาด่าเป๊ะเลยตั้งแต่บัดนั้น....จนบัดเดี๋ยวนี้

อ้าว....แล้วใครบ้างละเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อสร้าง กป.อพช. ก็เช่น บัณฑร อ่อนดำ , เดช พุ่มคะชา , บำรุง บุญปัญญา, ชัชวาล ทองดีเลิศ นี่งัย ถึงบ้างอ้อหรือยังคะ....

เฮ้อ...เล่าเรื่องพวกมันแล้ว เดี๋ยวตีรถไปอาศรมดอนแดง ขอถอนเหล้าขาวกับเสี่ยแขกก่อนอะนะ

ปล.โปรดอย่ารอคอย แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัย ของ ตอนที่ 2 เอ็นโตดีศักดินาตัวพ่อ...ประเวศ วะศรี พลัน!!!!




 

Create Date : 27 ธันวาคม 2552    
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 20:58:21 น.
Counter : 562 Pageviews.  

กรณีสุรยุทธ์ ณ เขายายเที่ยง ตอกย้ำสองมาตรฐานในสังคมไทย

โดย คุณลอย ลมบน
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
26 ธันวาคม 2552

ทำท่าว่าจะกลายเป็นซีรี่ส์เรื่องยาวเสียแล้ว สำหรับกรณีเข้าไปยึดครองพื้นที่ป่าสงวนบนเขายายเที่ยง ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี

ที่ว่าเป็นซีรี่ส์เรื่องยาว ก็เพราะมันกั๊กๆ กันอยู่ยังไงชอบกล สำหรับเรื่องนี้

1.เมื่อมีคนไปฟ้องโดยตรงต่อศาล ศาลก็ไม่รับฟ้อง เพราะเห็นว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

2.ผู้เสียหายโดยตรงอย่างกรมป่าไม้ไม่คิดที่จะขยับดำเนินการอะไร

3.ร้ายไปกว่านั้นคือ ตำรวจหลายโรงพักที่มีประชาชนไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ ก็ไม่ได้ทำให้คดีมีความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น

ทั้งที่กรณีนี้เป็นความผิดชัดเจน เนื่องจากมีการสรุปผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ชาวบ้านที่ถือครองที่ดินอยู่ในละแวกเดียวกันหลายราย ก็ถูกดำเนินคดีไปแล้ว

บางรายศาลตัดสินให้จำคุก 10 ปี แต่ปรานีลดให้เหลือแค่ 4 ปี

แต่สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.สุรยุทธ์ กลับไม่มีความคืบหน้าด้วยประการทั้งปวง

ได้เขียนไปแล้วครั้งหนึ่งว่า กรณีนี้ พล.อ.สุรยุทธ์มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ จะเป็นสุภาพบุรุษเก็บข้าวของเดินออกจากบ้านพักที่ไปสร้างไว้แล้ว คืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ หรือจะเลือกแนวทางเป็นจำเลย ขึ้นต่อสู้คดีความในชั้นศาล

ถ้าจำความไม่ผิด น่าจะเคยได้ยิน พล.อ.สุรยุทธ์ พูดในสมัยที่ยังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีว่า หากผลการสอบสวนออกมาว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนจริง ก็ยินดีจะคืนให้

วันนี้ผลสอบออกมาชัดเจนแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคืน

กรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ถือว่า ท้ายทายจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งจริยธรรมในตัวของ พล.อ.สุรยุทธ์เอง ที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และนั่งเป็นองคมนตรีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่สมควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อประชาชน

ที่สำคัญคือ ท้าทายรัฐบาลเด็กดื้อข้างโพเดียม ที่จีบปากจีบคอพูดทุกวันนี้ จะไม่ยอมให้ใครละเมิดกฎหมายบ้านเมือง จะทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเต็มที่

เรื่องนี้จึงเป็นการท้าทายอย่างที่สุดว่า “ดีแต่ปาก” หรือว่า “ทำได้จริง”

อยากเตือนว่า กรณีนี้ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์และรัฐบาล ต้องตัดสินใจให้ไวว่า จะดำเนินการอย่างไร หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานไปจะไม่ดี เพราะจะเป็นการตอกย้ำความ 2 มาตรฐานในสังคมไทย

จะเป็นเงื่อนไขให้คนที่คิดว่าถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่แล้ว ไม่พอใจมากขึ้น การเคลื่อนไหวต่างๆ ก็จะพลอยเข้มข้นขึ้นตามไปด้วย

นี่ก็เห็นว่า หลังปีใหม่จะมีคนเสื้อแดง ขึ้นไปเยี่ยมเที่ยวชมบ้านพักของท่านที่เขายายเที่ยง

ขอย้ำว่า ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์และรัฐบาล ควรรีบตัดสินใจในเรื่องนี้ก่อนที่จะสายเกินไป




 

Create Date : 27 ธันวาคม 2552    
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 19:25:31 น.
Counter : 651 Pageviews.  

ฉาวโฉ่นักสิทธิมนุษยชนเหลืองลวนลามพนักงานสาว องค์กรสิทธิคู่กัดแม้วงามไส้พักงาน1ปีคดีจบ

ที่มา เวบไทยเอ็นจีโอ และบอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
4 ธันวาคม 2552

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่มีทัศนะท่าทีอิงแอบให้ท้ายผู้ก่อการร้ายพันธมิตรเรื่อยมา และมีบทบาทตรวจสอบฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายของทักษิณ ชินวัตรมาตลอด ได้สร้างเรื่องฉาวโฉ่ขึ้น เมื่อแสดงบทบาทกางปีกป้องนักสิทธิมนุษยชนชื่อดังของครส.ที่มีพฤติการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนและล่วงละเมิดทางเพศของผู้หญิงในหน่วยงาน

ครส.มีนายสมชาย หอมลออ เป็นประธาน โดยนายสมชายใช้บทบาทของนักสิทธิมนุษยชนเคลื่อนไหวทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกับนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ที่มีบทบาทสนับสนุนผู้ก่อการร้ายพันธมิตรอย่างออกนอกหน้า

ส่วนที่ปรึกษามีนายสัก กอแสงเรือง ซึ่งเป็น1ในคณะกรรมการคตส.ตรวจสอบทรัพย์สินของทักษิณ,นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายทุนคนสำคัญของพันธมิตร และมีนายเมธา มาสขาว เป็นเลขาธิการ

นายเมธามีบทบาทเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกับพันธมิตรมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้โจมตีทักษิณกรณีที่นายกฯฮุนเซนของเขมรเปรียบเทียบทักษิณกับอองซานซูจีว่า ไม่เหมือนกันเลย มีข้อแตกต่างกันถึง 10 ประการ( อ่าน ความต่าง 10 ประการ ระหว่างนางอองซาน ซูจี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) โดยเมธา ระบุในบางข้อว่า
นางอองซานซูจี เป็นนักโทษทางการเมือง หรือนักโทษทางมโนสำนึก แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษทางคดีอาญา และกำลังหนีคดีอาญาแผ่นดิน

นักกิจกรรมสังคมระบุว่านายเมธาอาจเป็นผู้ต้องสงสัยที่มีพฤติการณ์ละเมิดทางเพศต่อพนักงานผู้หญิงของครส. โดยที่นายธนาพล อิ๋วสกุล นักกิจกรรมทางสังคมรายหนึ่งและเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเขียนระบุในกระทู้ชุมชนฟ้าเดียวกันว่าเป็นนายเมธา ส่วนนายอุเชนทร์ เชียงแสน นักกิจกรรมทางสังคมอีกคน ก็ระบุว่าเคยเห็นพฤติการณ์นายเมธาทำนองจีบหญิงไม่เลือกหน้ามาแล้ว(ดูกระทู้ คลิ้ก)

นอกจากนั้นมีการตั้งกระทู้ให้ข้อมูลว่านายเมธาอาจจะเคยล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงในสำนักงานมาแล้วนับสิบราย รวมทั้งนักศึกษาชาวพม่าที่มาศึกษาดูงาน
"ได้ยินว่าโดนมาแทบทุกรายครับสำหรับเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน และอีกหลายคนในตึกที่ถูกสเป็คแก หนักบ้างเบาบ้าง ตั้งแต่การพูดแทะโลม โอบกอดหอมแก้ม ลูบขาจับหน้าอกและอวัยวะเพศของเหยื่อ จนถึงพูดขอร่วมหลับนอนและพยายามงัดเข้าห้องพักของเหยื่อบางราย รวมเบ็ดเสร็จหนักเบาแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบราย"(คลิ้กอ่านรายละเอียด)

เรื่องดังกล่าวนำไปสู่การออกแถลงการณ์ของนักกิจกรรมทางสังคมในหัวข้อเรื่อง องค์กรสิทธิมนุษยชนต้องมีความชัดเจนในการจัดการปัญหาการละเมิดสิทธิสตรีในวงการสิทธิมนุษยชนเมื่อวันที่1ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ครส.รีบตั้งคณะกรรมการสอบสวน และแถลงผลการสอบสวนออกมาเมื่อเย็นวานนี้(3ธ.ค.) โดยระบุว่า ได้สั่งลงโทษทางวินัยด้วยการพักงานผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 1 ปี แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าผู้ถูกกล่าวหามีชื่ออะไร และไม่มีการระบุว่าจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย ทำให้แวดวงนักกิจกรรมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดีแต่วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น โดยเฉพาะนักการเมือง แต่พอทำผิดเองก็ปกปิดการกระทำของกันเองไว้

อย่างไรก็ตามในตอนท้ายของคำแถลงผลการสอบสวนระบุว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ ครส.แล้ว ก็เท่ากับยืนยันว่าเป็นนายเมธา แต่ก็มีผู้วิจารณ์ว่าเมื่อผู้ถูกกล่าวหายอมรับผิด และผลการสอบสวนพบว่ากระทำผิดจริงมีการลงโทษแล้ว ทำไมไม่เรียกว่าผู้กระทำผิด หรือผู้ต้องหาคุกคามทางเพศ ทำไมยังเรียกว่าเป็น"ผู้ถูกกล่าวหา" และเพราะเหตุใดจึงไม่มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อไปนี้เป็นคำชี้แจงของ ครส.


คำชี้แจงจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)
เรื่อง ปัญหาการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ในองค์กร ครส.


ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในวงการองค์การพัฒนาเอกชน ว่าผู้ปฏิบัติงานของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ได้คุกคามทางเพศต่อผู้ใต้บังคับบัญชาผู้หญิงในระหว่างการปฏิบัติงาน และมีกระแสเรียกร้องให้คณะกรรมการจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น ครส. ขอเรียนชี้แจงดังต่อไปนี้

ครส.เป็นองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน มีคณะกรรมการชุดหนึ่งประกอบด้วยบุคคลที่มีบทบาทในการดำเนินงานส่งเสริมคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการในองค์กร และให้คำปรึกษากับบุคลากรในการดำเนินกิจกรรมขององค์กร

คณะกรรมการได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายด้วยวาจาครั้งแรกประมาณต้นเดือนกันยายน 2552 ว่าถูกหัวหน้างานคุกคามทางเพศในขณะปฏิบัติงาน ประธานคณะกรรมการได้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นมีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีมูล จึงมอบหมายให้กรรมการหญิงสองท่านตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นหัวหน้างานของผู้เสียหายได้กระทำการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาในระหว่างการปฏิบัติงานจริง

ประธานคณะกรรมการจึงมีคำสั่งพักงานผู้ถูกกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2552 และจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการครส.เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นร่วมกับผู้เสียหาย ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ผู้เสียหายให้การยอมรับ ร่วมกับกรรมการครส.เพื่อพิจารณาโทษที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความเสียหายให้เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 คณะกรรมการไต่สวนได้สรุปผลการพิจารณา เพื่อเสนอแนะต่อ ครส. ว่า

ผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าได้กระทำการคุกคามทางเพศต่อผู้ปฏิบัติงานหญิงในขณะปฏิบัติงานจริง โดยยอมรับว่า ได้จับมือ กอดเอว กอดคอ พยายามหอมแก้ม และใช้คำพูดที่มีลักษณะเป็นการล่วงเกินทางเพศ โดยกระทำการดังกล่าวต่อเนื่องหลายครั้ง ในขณะปฏิบัติงานในหน้าที่ภายในสำนักงานและระหว่างเดินทางไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม และได้ปฏิเสธมาโดยตลอด และผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าการกระทำของตนเป็นการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ต่อผู้เสียหาย

เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้ถูกกล่าวหาได้แสดงการสำนึกผิดโดยการขอโทษผู้เสียหายต่อหน้าคณะกรรมการไต่สวน และหลังจากนั้นจะทำหนังสือแสดงการขอโทษผู้เสียหายเป็นลายลักษณ์อักษรอีกชั้นหนึ่ง

คณะกรรมการ ครส.ในฐานะผู้บริหาร ควรมีคำสั่งลงโทษผู้ถูกกล่าวหาด้วยการพักงานผู้กระทำผิดเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่มีเงินเดือนและสวัสดิการใดๆ

คณะกรรมการ ครส. ได้ลงโทษด้วยการพักงานผู้กระทำผิดเป็นเวลา 1 ปี และจะมอบหมายให้มีกรรมการติดตามดูแล สอดส่อง การปฏิบัติตนของผู้กระทำความผิด รวมทั้งกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง แก้ไข และพัฒนาตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำต่อไป และจะกำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจริยธรรมของผู้ปฏิบัติงานขององค์กร เช่น การกำหนดมาตรฐานหรือระเบียบปฏิบัติด้านจริยธรรม การฝึกอบรม กลไกในการตรวจสอบ รับเรื่องราวร้องทุกข์ และแก้ไขเยียวยาปัญหาจริยธรรมที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ครส. ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในประเด็นการคุกคามทางเพศในที่ทำงานซึ่งเป็นความรุนแรงต่อผู้หญิง และเสนอแนะให้มีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายได้รับผลกระทบมากไปกว่านี้ ครส. ขอบคุณผู้เสียหายที่ได้ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม และขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน ผู้ทำงานด้านสิทธิสตรีที่ได้ให้ความกรุณาเป็นกรรมการไต่สวนและให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นต่อองค์กร

ครส. เป็นองค์กรดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนขนาดเล็ก ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริหารซึ่งทำงานในลักษณะอาสาสมัคร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งการร้องเรียนและกระบวนการตรวจสอบซี่งได้รับความร่วมมือในการให้ข้อเสนอแนะให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์เป็นบทเรียนให้ผู้ปฏิบัติงานในครส.และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ได้ตระหนักว่าการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ในที่ทำงานเป็นความรุนแรงต่อผู้หญิง และเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมที่ไม่อาจยอมรับได้และขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมของนักสิทธิมนุษยชน

อนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหา ได้ยื่นใบลาออกจากเลขาธิการของ ครส. แล้ว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2552

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)
3 ธันวาคม 2552


**********
ภาพชุดเมธา มาสขาว เอ็นจีโอโกอินเตอร์กับเพื่อนสาวๆนานาชาติ (คลิ้กชมทั้งหมดที่บล็อกของเมธา คลิ้ก )




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2552    
Last Update : 5 ธันวาคม 2552 18:24:04 น.
Counter : 740 Pageviews.  

คดีก่อการร้ายยึดสนามบินใต้เงื้อมมือเนวิน ละเว้นไม่ออกหมายจับส่อดองเค็ม ใช้ต่อรองกับโจรลิ้ม

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 พฤศจิกายน 2552

ปชป.โบ้ยตำรวจตอบทำคดีพธม.ยึดสนามบินถึงไหน ขออย่าโทษรัฐบาล

นาย สาธิต ปิตุเดชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์พันธมิตรยึดสนามบินสุวรรณภูมิ กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คดีไม่มีความคืบหน้า ว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ขณะนี้คดีไปอยู่ที่ชั้นไหนแล้ว หากผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วตามกฎหมายกำหนดให้ส่งฟ้องต่อศาลภาย ในระยะเวลา 60 วัน หากผู้ถูกกล่าวหายังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็อาจเป็นไปได้ว่าอยู่ระหว่างการสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งหากไม่สามารถหาพยานหลักฐานไม่พอ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องแจ้งประชาชนให้ทราบว่าคดีนี้หาหลักฐานไม่ได้จะไม่ สั่งฟ้อง

“เรื่องนี้ต้องไปถามทางตำรวจ จะมาโทษรัฐบาลไม่ได้ แต่กระบวนการกฎหมาย คดีจะต้องเดินทางตลอด จะอ้างว่าอยู่ระหว่างการเปลี่ยนตัวผบ.ตร. หรือผบช.ภ.1 ไม่ได้ เพราะแต่ละคดีจะมีผู้รับผิดชอบชัดเจน” นายสาธิต กล่าว

เผยเส้นทางดองคดีจนมาถึงเงื้อมมือตำรวจเด็กเนวิน

-ค่ำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551พันธมิตรยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
-13 มกราคม 2552 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.ผู้รับผิดชอบเผยคดีคืบหน้า 70 %
-18 กุมภาพันธ์ 2552 รัฐบาลย้ายตำรวจคุมคดียึดสนามบินเข้ากรุ พล.ต.อ.จงรักพ้นหน้าที่ในการคุมคดี สุเทพ เทือกฯเข้าคุมเอง
-20 กุมภาพันธ์ 2552 พล.ต.ท.ฉลอง สนใจผบช.ภาค1เผยคดีคืบหน้า80%
-21 เมษายน 2552 พล.ต.ท.ฉลองเผยคืบหน้า95%แล้ว เหตุที่ช้าเพราะเป็นคดีก่อการร้ายโทษถึงประหารชีวิต
-27 เมษายน 2552 เปลี่ยนตัวหัวหน้าชุดคุมคดีมาเป็นพล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส
- 4 กรกฎาคม 2552 พล.ต.ท.วุฒิ ตั้งข้อหาก่อการร้ายกับพันธมิตรและออกหมายเรียก
-16 กรกฎาคม 2552 พันธมิตรไปชุมนุมที่สโมสรตำรวจ ไม่ขอรับข้อหา และให้เปลี่ยนข้อหา ซึ่งพล.ต.ท.วุฒิขึ้นเวทีบอกว่านธมิตรเป็นผู้ก่อการดี
- 9 กันยายน 2552 เปลี่ยนตัวหัวหน้าชุดคุมคดีอีกครั้งมาเป็นพล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผช.ผบ.ตร. โดยระบุจะออกหมายเรียกครั้งที่2ก่อน ยังไม่ออกหมายจับ
-25 พฤศจิกายน 2552 ครบรอบ 1 ปีการยึดสนามบิน โดยยังไม่มีการดำเนินคดี รวมทั้งไม่มีการออกหมายจับ


คดียึดสนามบินมาอยู่ในมือตำรวจเด็กเนวิน เครื่องมือต่อรองทางการเมืองชั้นดีของห้อย

มี การตั้งข้อสังเกตว่าสนธิ ลิ้มทองกุล มักหาเรื่องได้ทุกฝ่าย โดยไม่กลัวเกรง แต่น่าแปลกที่ว่าไม่เคยวอแวกับเนวิน ชิดชอบ ผู้นำพรรคตัวจริงภูมิใจไทยเลย "เหมือนสนธิลิ้มกลัวเนวิน"

ความจริงที่น่าตั้งข้อสังเกตก็คือหลังการเปลี่ยนหัวหน้าชุดมาเป็นพล.ต.ท.สมยศ คนสนิทเนวิน แทนที่จะเดินหน้าออกหมายจับ ก็กลับถ่วงคดีด้วยการไปรวบรวมหลักฐานทำสำนวนคดีใหม่ เสมือนกับเป็นเกมการต่อรองทางการเมืองของเนวินกับสนธิลิ้ม

เวบไทยอินไซเดอร์รายงาน ถึงความสัมพันธ์ของเนวินกับสมยศในหัวข้อเรื่อง สมยศ” ตร.สีน้ำเงิน” แอ่นอกรับ “รักชอบพอ” กับ “เนวิน” เป็นคนประเภทเดียวกัน-นิสัยเหมือนกัน-เป็นไงเป็นกัน ลั่น “ไม่กลัว-ไม่อาย”

สำหรับคดียึดสนามบินนั้น พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาไม่มารับทราบข้อกล่าวหา จากพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียก ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียก หรือทำเรื่องไปถึงศาล เพื่อขออออกหมายจับ แต่ตามป.วิอาญา ไม่ได้บอกว่า จะต้องออกหมายเรียกกี่ครั้ง อยู่ที่ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน

อย่าง ไรก็ตามแทนที่จะเดินหน้าออกหมายจับ แต่สิ่งที่พล.ต.ท.สมยศ ทำก็คือกลับไปตั้งแท่นทำสำนวนใหม่ โดยได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ โดยอ้างว่า ต้องการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์เพื่อจะให้คดีเดินหน้าต่อ ไปในบางประเด็นที่จะต้องทำให้ครบถ้วน เช่น การหาพยานแวดล้อม โดยเฉพาะประชาชน และนักธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเท่าที่ควร เช่น นักธุรกิจต่างๆที่อ้างว่าได้รับผลกระทบเสียหายหลายสิบล้านแต่เมื่อถึงเวลา ต้องมาเป็นพยานกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ ก็ขอให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบช่วยเข้ามาเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ถืออีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ
**********

ขัดหมายเรียกต้องออกหมายจับ แต่ตำรวจเด็กเนวินไปตั้งต้นทำสำนวนใหม่ ต้องติดคุกฐานละเว้นต่อหน้าที่!?

ออกหมายเรียกไปแล้ว ผู้ก่อการร้ายพันธมิตรขัดหมายเรียก ตามกฎหมายต้องถูกสั่งจำคุก 3 เดือน และออกหมายจับ แต่ทำไมตำรวจเด็กเนวิน กลับไปเริ่มต้นที่ทำสำนวนคดีใหม่ ต่อไปนี้คือความรู้เรื่องหมายเรียกกับหมายจับ ซึ่งความจริงแล้วหากละเว้น พล.ต.ท.สมยศคนของเนวินควรต้องโดนดำเนินคดีติดคุกฐานละเว้นต่อหน้าที่ไปแล้ว

หมายเรียก

หมายเรียกคือหนังสือที่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือศาลทำขึ้นเพื่อให้บุคคลใดมาที่พนักงานสอบสวน หรือมาที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือมาศาล เนื่องในการสอบสวน การไต่สวนมูลฟ้อง การพิจารณาคดี หรือการอย่างอื่น ฯลฯ (ป.วิ.อาญา มาตรา 52)

บุคคลที่ถูกออกหมายเรียกควรต้องปฏิบัติตามความในหมายนั้น หากขัดขืนโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรอาจเป็นความผิดทางอาญาได้

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานะของบุคคลผู้ถูกออกหมายเรียก กล่าวคือ

1.หาก ผู้ถูกออกหมายเรียกอยู่ในฐานะผู้เสียหายหรือพยานไม่มาตามหมายเรียก จะเป็นความผิดอาญาฐานขัดขืนคำบังคับตามกฎหมายของพนักงานสอบสวนฯ ซึ่งให้มาเพื่อให้ถ้อยคำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ป.อาญา มาตรา 168)

2.หากผู้ถูกออกหมายเรียกอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่มาตามหมายเรียก จะไม่มีความผิดฐานขัดหมายเรียกฯ ตาม 1. แต่จะเป็นเหตุให้ออกหมายจับ
(เทียบเคียงฎีกาที่ 1341/2509)

หมายจับ

หมายจับคือหนังสือบงการที่ออกตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการจับ ฯลฯ (ป.วิ.อาญา มาตรา 2 (9))

หมายจับต้องทำเป็นหนังสือและมีข้อความเกี่ยวกับสถานที่ออกหมาย วันเดือนปีที่ออกหมายเหตุที่ต้องออกหมาย ต้องระบุชื่อหรือรูปพรรณของบุคคลที่จะจับ ลายมือชื่อและประทับตราของศาล (ป.วิ.อาญา มาตรา 60) เดิมพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีอำนาจออกหมายจับได้เช่นเดียว กับศาล

ต่อมาได้มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2547 ยกเลิกอำนาจการออกหมายจับของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ลงโดยให้ ศาลเท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจออกหมายจับ

เหตุที่จะออกหมายจับมีดังนี้

1.มีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หรือ

2.มีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่า จะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น

ถ้า บุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียก หรือตามนัด โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี (ป.วิ.อาญา มาตรา 66)

การออกหมายจับตาม 1. นั้น ดูอัตราโทษเป็นเกณฑ์

หากโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีก็สามารถออกหมายจับได้ แม้ผู้นั้นจะไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไม่ก่อเหตุอันควรประการอื่น

ส่วนการออกหมายจับตาม 2. นั้น หากความผิดนั้นมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สามปีลงมาต้องมีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น จึงจะออกหมายจับได้ (ยึดอัตราโทษและพฤติการณ์เป็นหลัก)

แต่องค์ประกอบที่สำคัญของ 1. และ 2. ก็คือ ต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลนั้นน่าจะได้กระทำผิดอาญาตามที่ถูกกล่าวหา (ข้อพิจารณาประกอบ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 22) พ.ศ.2547 โดยนายจรัญ ภักดีธนากุล กับคณะ สำนักประธานศาลฎีกา)

ถ้าผู้ต้องหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียก หรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนีตามความในมาตรา 66 (2) วรรคท้าย เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของกฎหมาย

หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อเท็จจริงหาได้เป็นไปตามข้อสันนิษฐานก็ไม่สามารถออกหมายจับได้ หากออกหมายจับแล้วก็ถอนหมายคืนได้

ศาลจะออกหมายจับตามที่เห็นสมควร หรือโดยมีผู้ร้องขอก็ได้ (ป.วิ.อาญา มาตรา 59) โดยก่อนออกหมายจับจะต้องปรากฏพยานหลักฐานตามสมควรที่ทำให้ศาลเชื่อได้ว่า มีเหตุที่จะออกหมายจับตาม มาตรา 66 (ป.วิ.อาญา มาตรา 59/1)

เมื่อได้ออกหมายจับแล้วเป็นหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจต้องจัดการให้เป็นไปตามหมายนั้น (ป.วิ.อาญา มาตรา 61)

และ ในกรณีของหมายจับคงใช้ได้อยู่จนกว่าจะจับได้ เว้นแต่ความผิดอาญาตามหมายนั้นขาดอายุความ หรือศาลซึ่งออกหมายนั้นได้ถอนหมายคืน (ป.วิ.อาญา มาตรา 68)

อย่าง ไรก็ตาม หากบุคคลได้รับหมายเรียกที่ออกโดยชอบแล้ว มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม หากมีเหตุผลอันควรที่ไม่สามารถปฏิบัติตามหมายนั้นได้ ก็ควรจะต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานผู้ออกหมายทราบ

แนะลากคอมาร์ค-เทือก-ตำรวจเด็กเนวินเข้าคุกสังเวยปล่อยผู้ก่อการร้ายลอยนวล

ประชาชนที่ติดตามคดีผู้ก่อการร้ายพันธมิตรยึดสนามบินได้เรียกร้องให้มีการแจ้ง ดำเนินคดีฐานละเว้นหน้าที่ต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และพล.ต.ท.สมยศหัวหน้าชุดดำเนินคดียึดสนามบินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นต่อหน้าที่ ไม่ออกหมายจับผู้ก่อการร้ายพันธมิตร หลังจากเนิ่นมามาจวนครบ 1ปี

"ผมเห็นเงียบไปเลย หลังจากเจ้าของคดีชมว่าเป็นผู้ก่อการดี พันธมิตรก็ไล่กลับให้ไปเปลี่ยนข้อหา ตำรวจก็ดันบ้าจี้จะไปเปลี่ยนข้อกล่าวหาให้พวกมัน ตามกฎหมายแล้วให้เกียรติกันออกหมายเรียก ตามขั้นตอนเมื่อออกหมายเรียกแล้วไม่มารายงานตัว (แต่เสือกมาม็อบกดดัน ตร. แทน) ขั้นตอนต่อไปก็ต้องออกหมายจับไม่ใช่เหรอ" คือข้อความในกระทู้ที่บอร์ด ประชาไท




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 17:03:10 น.
Counter : 620 Pageviews.  

‘ใบตองแห้ง’ ออนไลน์ : กู้ชาติ...งานเข้า

ที่มา ประชาไท

ใบตองแห้ง

วันก่อนผมเจอรุ่นน้องอดีตนักกิจกรรมที่เป็นพันธมิตรแถวหน้า หน้าจริงๆ เพราะลุยที่ไหนเขาเข้าไปก่อน แต่เป็นคนนิสัยดี เปิดกว้าง ไม่คับแคบเหมือนพวกฮาร์ดคอร์ และยังไม่ทิ้งจุดยืนของนักเคลื่อนไหวฝ่ายก้าวหน้า
เขาพูดไปหัวเราะไปถึงปณิธาน วัฒนายากร ที่ออกมาตอบโต้ พล.อ.ชวลิต “รับแผนโจรใต้” ว่า อ่านหัวข่าวตอนแรกนึกว่าเทพไท ที่ไหนได้กลายเป็นปณิธาน ไม่น่าเชื่อว่าบิ๊กจิ๋วทำให้ปณิธานเป็นไปได้เพียงนี้
ผมเศร้าหน่อยๆ เมื่อได้ฟัง ผมเคยสัมภาษณ์ปณิธานหลายครั้ง กล้าพูดได้ว่าเป็นคน Nice เป็น สุภาพบุรุษ ผู้ดีมีสกุลที่ไม่ถือตัว นักวิชาการที่รู้กว้าง รู้จริง และวิเคราะห์ได้แม่นยำ เป็นระบบ ถึงจะเห็นต่าง ก็ยังยกย่องนับถือ
ผมขำปณิธานอยู่ครั้งเดียว คือตอนที่เขาตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย เขา ‘เกร็ง’ และระวังตัวแจ จนไม่เป็นกันเองเหมือนเคย นั่งคุยกันที่คณะรัฐศาสตร์ ทุกครั้งเป็นต้องสั่งกาแฟมาเลี้ยง แต่ครั้งนั้นไม่ยอมสั่ง (ไม่เลี้ยงกาแฟใครแม้แต่แก้วเดียว-ฮา)
การเมืองทำให้คนเปลี่ยนไป ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ แต่ทุกคนที่กระโจนเข้าไปเลือกข้าง ก็ต้อง ‘เล่น การเมือง’ เพื่อเป็นผู้ชนะ ไม่มีใครอยากแพ้ แม้แต่แกนนำพันธมิตรก็ ‘เล่นการเมือง’ เมื่อยามปราศรัยกับพี่น้องเอ๊ยบนเวที แต่ลงมาข้างล่างแล้วพูดกับเพื่อนพ้องน้องพี่อีกอย่าง
เพื่อน พ้องในพันธมิตรมักพูดกับผมว่า ในการต่อสู้คุณจะเรียกร้องให้เราเดินตรงเป๊ะได้ไง มันก็ต้องมีแทคติกมียุทธวิธีบ้าง (เช่นการยืมมือ ‘ศักดินาล้า หลัง’ มาขับไล่ ‘ทุนสามานย์’ อย่างที่อ้างกันบ่อยๆ) ผมก็บอกว่าใช่ มันไม่มีหรอกการต่อสู้ที่แฟร์ๆ แต่อย่างน้อยคุณอย่ากลืนหลักการที่ตัวเองเคยพูดเคยยึดถือ เช่น เคยเชิดชูประชาธิปไตยต่อต้านรัฐประหาร คัดค้านอภิสิทธิ์ชน (พูดอย่างให้ความเป็นธรรม แกนนำเสื้อแดงก็ ‘เล่นการเมือง’ แต่เขาไม่ได้กลืนหลักการมากเท่า-หรือไม่เคยมีหลักการให้กลืน)
วันนี้ เช่นกัน สื่อ นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมทั้งหลาย ที่(เคย)เป็นฝ่ายก้าวหน้า ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะทิ้งจุดยืนไปปลุกความคลั่งชาติเป็นอาวุธ แบบฝ่ายขวา แบบเทพไท แบบประชาธิปัตย์ อีกหรือเปล่า
บิ๊กจิ๋วชูนโยบายนครปัตตานี อาจพูดได้ว่านี่คือเกมการเมืองเขย่ารัฐ แต่ถามว่าข้อเสนอเขตปกครองพิเศษ การเคารพและยอมรับอัตลักษณ์ ก็มาจากคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่มีพิภพ ธงไชย เป็นกรรมการ มีอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน มิใช่หรือ
สื่อ นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวฝ่ายก้าวหน้า ต่างสนับสนุนการกระจายอำนาจ และคัดค้านการปลุกชาตินิยมกดกีดกันชนส่วนน้อยมาตลอดมิใช่หรือ
เมื่อครั้งทักษิณปลุกชาตินิยมไปจัดการปัญหาภาคใต้ ‘ชาว เรา’ ก็เคยคัดค้านทักษิณ แต่เมื่อบิ๊กจิ๋วเป็นนอมินีทักษิณไปชูนโยบายกระจายอำนาจ ‘ชาวเรา’ ที่ไปสวมเสื้อเหลืองจะคัดค้านเพียงเพราะเกลียดทักษิณหรือ
ฉะนั้น จะวิพากษ์บิ๊กจิ๋วไม่จริงใจ หรือพูดไม่รู้เรื่อง ก็เชิญว่าไป แต่อย่าร่วมมือกับรัฐปฏิกิริยาฝ่ายขวาปลุกชาตินิยมมาต่อต้านหลักการกระจาย อำนาจ ภราดรภาพ เสมอภาค เคารพอัตลักษณ์และสิทธิชุมชน สิทธิการดูแลตนเองของท้องถิ่นไม่ว่าจะชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มใหญ่
ไม่ร่วมมือไม่พอ ผู้นำชุมชนอย่างบรรจง นะแส สุทธิ อัชฌาสัย หรืออีกหลายๆ คน ยังควรจะต้องออกมาปกป้องหลักการด้วย ถ้าพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี ทหารแก่ทหารเกือกปลุกคลั่งชาติรัฐนิยมจนเลยเถิด
ไม่ เช่นนั้นก็จงระวังว่าพวกคลั่งชาติอาจมองว่าทักษิณทำถูกแล้ว ที่จับหมอแวขังยาวข้อหาเจไอ ไม่น่าปล่อยออกมาเล้ย มันรับแผนมาจากโจรใต้ (ฮาไม่ออก)
กระแสคลั่งชาติทางใต้ยังไม่ รุนแรงเท่าทางตะวันออก ซึ่งรัฐบาลนิสัยเด็กได้คะแนนนิยมล้นหลาม ไม่แปลกอะไร เพราะคนไทยได้รับการปลูกฝังชาตินิยมโดยไม่ต้องมีเหตุผลมาแต่อ้อนแต่ออก ‘ลูกจีนรักชาติ’ พ่อแม่พูดไทยไม่ชัด ยังคิดเสมือนว่าตัวเองสืบเชื้อสายมาจากยุคพระนเรศวรตัดหัวพระยาละแวก
แน่นอนเรื่องนี้ต้องแยกแยะ ผมคงไม่บอกว่าการกระทำของทักษิณและฮุนเซ็นถูกต้อง แต่การตอบโต้ของรัฐบาล การประโคมโหมกระแส ‘ขายชาติ’ ตามสื่อ ก็ชัดเจนว่าเป็นการปลุกกระแสคลั่งชาติมาช่วงชิงคะแนนนิยม และทำลายล้างทักษิณ
ถามว่าในวิถีการทูต ยังมีวิธีอื่นที่เป็นการประท้วงรัฐบาลกัมพูชาอย่างเหมาะสมกว่าการเรียก ทูตกลับหรือไม่ ยังมีวิธีที่จะประนีประนอมรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวหรือไม่ ผมเชื่อว่ามี แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่เลือก เพราะเห็นว่าการตอบโต้แบบนี้จะเรียก ‘ศักดิ์ศรี’ และคะแนนนิยมได้ท่วมท้น (ก็ไม่ต่างจากตอนทักษิณขึงขังส่งเครื่องบินทหารไปปฏิบัติการเอนเทบเบ้ถึงพนมเปญ)
‘ศักดิ์ศรี’ อะไร ศักดิ์ศรีของชาติที่ถือว่าตัวเองเหนือกว่า ผู้นำของชาติเคยตัดหัวผู้นำอีกชาติเอาเลือดล้างเท้า อย่างนั้นหรือ
เช่น กัน ใน 2-3 วันที่ผ่านมา เมื่อเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ หรือไม่ต้องเปิด ก็มีคนส่งเมล์ว่อนข้อเขียนของคอลัมนิสต์ไดโนเสาร์หลายราย ที่พูดถึงการมีพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้งทักษิณโดยกษัตริย์เขมร พูดถึงประวัติศาสตร์ยุคพระยาละแวก ฯลฯ บ้างก็โทษทักษิณว่าสมคบ ‘ศัตรู’ (จะด่าทักษิณก็ด่าไป ทำไมต้องสถาปนาเพื่อนบ้านเป็นศัตรู)
เรียกได้ว่าคึกคัก ‘งาน เข้า’ กันจริงๆ สำหรับพวกที่ถนัดการปลุกอุดมการณ์ราชาชาตินิยม ตั้งแต่เทมาเสก มาจนถึงฮุนเซน นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็คงเป็น ‘กระแช่’ เมื่อปี 19
คำถามว่า ‘ศักดิ์ศรี’ บนพื้นฐานของความเท่าเทียมอยู่ตรงไหน ค่อนข้างจะหาคำตอบได้ยาก ถ้าดูพฤติกรรมของฮุนเซนแบบตัดตอน ก็สมควรตอบโต้ เพราะการประกาศว่าจะไม่ยอมส่งตัวทักษิณและให้ที่พักพิง มันคือการท้าทายในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะฮุนเซนจะทำอย่างดูไบโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูดอะไรก็ได้ แต่พูดทำไม โดยทั่วไปผู้นำประเทศเขาจะไม่ออกมาท้าทายด้วยตัวเองอย่างนี้ (ไม่ใช่เรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมไทยวิเศษวิโสอะไร ถึงวิจารณ์ไม่ได้)
แต่ อย่าลืมว่าตั้งแต่ทักษิณถูกรัฐประหาร ความสัมพันธ์ระหว่างเขมรกับไทยก็ไม่เคยมีปัญหา ตอนนั้นฮุนเซนมึความชอบธรรมเต็มที่ด้วยซ้ำ หากจะให้ที่พักพิงทักษิณ แต่เขาก็ยังเกรงใจไทย ปัญหามันเกิดตอนไหน ผมว่าทุกคนตอบได้ถ้าย้อนเอาใจเขาใส่ใจเรา ก็การปลุกกระแสคลั่งชาติทวงปราสาทพระวิหาร คัดค้านขึ้นทะเบียนมรดกโลก เล่นเกมการเมืองเอาชนะกันจนกระทบกระเทือนความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน หนำซ้ำ คนที่ยืนยันว่าผืนดินใต้ปราสาทเป็นของไทย ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ด่าฮุนเซนเฮงซวย ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศหน้าตาเฉย
เอ้อ ถ้าผมเป็นเขมร ผมมีสิทธิจะไม่พอใจไหมครับ
ฮุนเซนไม่ได้ ‘โง่’ อย่างที่คอลัมนิสต์บางคนคิด ฮุนเซน ‘เขี้ยวลาก’ ต่างหาก คุณปลุกชาตินิยม ฮุนเซนก็ปลุกชาตินิยมเหมือนกัน ในประวัติศาสตร์ชาติเขมร ที่เขาเจ็บช้ำกับการเป็นชาติเล็กผู้ถูกรุกรานอยู่เสมอ (ต้องการอิสรภาพก็หาว่าไม่ซื่อ) การที่ผู้นำกล้าตบหน้าท้าทาย ‘พี่ใหญ่’ จึงเป็นความภาคภูมิใจและเรียกคะแนนนิยมท่วมท้น
ผู้นำทั้งสองประเทศจึงเล่นเกมปลุกชาตินิยมเพื่ออำนาจนิยม โดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะรัฐบาล ปชป.ที่ฉวยโอกาสประณามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองว่าขายชาติ ผลักความเห็นต่าง ความอยุติธรรม ความไม่ชอบธรรม และความไม่เป็นประชาธิปไตยให้ถูกกลืนไปในกระแสชาตินิยม
ผมไม่แปลกใจกับการเล่นเกมของนักการเมือง หรือทัศนะสุดโต่งของคอลัมนิสต์จารีตนิยม เขาเป็นของเขาอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ผมสลดใจกับสื่อรุ่นใหม่ นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม พลังที่ ‘เคย’ ก้าวหน้า กลับโดดเข้ามาร่วมปลุกกระแสล้าหลังคลั่งชาติกันหน้าตาเฉย ตั้งแต่กรณีปราสาทพระวิหารเมื่อปีที่แล้ว หรือปีนี้ (ที่บางปู-เฮ)
บางคนอาจจะบอกว่าไม่ได้ร่วม แค่อยู่เฉยๆ ปล่อยไปตามกระแส ปล่อยให้เทพไท (ความภาคภูมิใจของพรรคนักศึกษา 7 คณะ) ออกมาแจกซีดีเพลงย้อนยุค ‘หนัก แผ่นดิน’ ก็ไม่ต่างจากแกนนำพันธมิตรที่ยืนกรานจนวันนี้ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับรัฐ ประหาร (เพราะไม่ได้ไปช่วยขับรถถัง) หรือหลายคนที่ออกตัวภายหลังว่าไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรปลุกชาตินิยมทวงปราสาท พระวิหาร (แต่ตอนนั้นนิ่งเงียบ)
ผมเคยสะใจมากที่เห็นอดีตกรรมการสิทธิฯ โต้กับผู้การน้องแน็ตหน้าจอทีวีเรื่องประจานผู้ต้องหา แล้วถูกเชือดกระจุย แพ้กระแสสังคม มันพิสูจน์ว่าจากจุดเริ่มต้นที่คุณต่อสู้กับทักษิณว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ผ่านเวลามาหลายปี คุณไม่ได้ยกระดับความเคารพสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยขึ้นเลย นอกจากเปลี่ยนข้างกันเป็นผู้ชนะ แล้วก็ละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกฝ่าย ทักษิณแทรกแซงสื่อ ทักษิณปิดกั้นเสียงข้างน้อย แต่ยุคนี้สมัยนี้หนักหนาสาหัสกว่ายุคทักษิณด้วยซ้ำ
พี่ พิภพ ธงไชย เคยคุยกับผมเมื่อปี 50 ว่า สิ่งที่อยากเห็นคือกระบวนการยุติธรรมทำงาน เอาทักษิณขึ้นศาลเป็นแบบอย่างเหมือนเกาหลี ไต้หวัน เพื่อสถาปนาความมีกติกาความเคารพกติกาในสังคมไทย เกือบ 3 ปีที่ผ่านมาเป็นจริงไหม สังคมไทยเคารพกติกามากขึ้นไหม หรือเราเสื่อมความเชื่อถือในกติกา เสือมเสียจนกระทั่งกรรมการฟีฟ๋า ที่อยู่ในข่ายได้ไปตัดสินบอลโลก ยังลอบวางระเบิดสังหารผู้บังคับบัญชา (ฮาไม่ออก)
มันน่าสมเพชว่าการต่อสู้กับ ทักษิณ ที่ว่าอำนาจนิยม ไม่เป็นประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิ แทรกแซงสื่อ แทรกแซงองค์กรอิสระ คอรัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน ฯลฯ กลับนำไปสู่ความเสื่อมเสียยิ่งกว่าของหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน จรรยาบรรณสื่อ ตุลาการภิวัตน์ หรือแม้กระทั่งการคอรัปชั่นของนักการเมือง และผลประโยชน์แฝงเร้นของชนชั้นนำ
ทักษิณ พับนกด่าโจรกระจอก คุณก็ด่าเฮงซวยทวงปราสาทพระวิหาร ก็เอาชนะกันไป บนความเสื่อมและล้าหลังลงเรื่อยๆ โดยไม่ได้ให้ความคิดที่ถูกต้องกับสังคม




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 15:20:07 น.
Counter : 571 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.