มหากาพย์แห่งหนี้TPI ตอน 5ทหารเสือ - 5อรหันต์
เมื่อได้มือทำงาน แล้วก ระทรวงการคลังก็ได้มีหนังสือที่ กค.0100/975 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2546 ยินยอมเป็นผู้บริหารแผน โดยได้เสนอรายชื่อคณะผู้บริหารแผนเป็นตัวแทนกระทรวงการคลัง 5 ท่าน หรือที่ ประชัยตั้งชื่อให้ภายหลังว่า 5 อรหันต์
วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๖ คณะผู้บริหารแผนเดินทางเข้ารับนโยบายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งให้กรอบปฏิบัติหน้าที่ฟื้นฟูกิจการโดยยึดหลัก ๑. กิจการของ ทีพีไอ. ต้องดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. เจ้าหนี้ต้องได้รับเงินคืน ๓. ลูกหนี้ต้องได้รับความเป็นธรรม ๔. พนักงานทั้ง ๗,๐๐๐ ชีวิต ต้องมีความมั่นคงในการปฏิบัติงาน
โดยขั้นตอนก็จะต้องมีการนำรายชื่อคณะผู้บริหารแผนฯชุดใหม่ ขอความเห็นชอบจากที่ประชุมกลุ่มเจ้าหนี้และลูกหนี้ ประเด็นน่าสนใจอยู่ตรงที่ ในการประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2546 ซึ่งนัดโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ ห้องประชุมชั้น 1 อาคาร 25 ปี กรมบังคับคดี ในวาระที่ 2 เรื่องการเสนอชื่อผู้บริหารแผนคนใหม่
เอกสารรายงาน การประชุมเจ้าหน้าเพื่อเลือกผู้บริหารแผนคนใหม่ ระบุว่า มีผู้เสนอชื่อเป็นผู้บริหารแผนคนใหผม่จำนวน 1 ราย ดังนี้
1. บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลป์ไทย จำกัด(มหาชน) โดยวีระ คำมี ผู้รับมอบอำนาจบริษัท ทีพีไออินเตอร์เน็ตคอร์ทัล จำกัด เจ้าหนี้รายที่ 207 และบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด เจ้าหนี้ รายที่ 273 เสนอกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนคนใหม่
ขีดเส้นใต้เพราะ ประโยคข้างต้นหมายถึงการยินยอมของ ประชัย เนื่องจาก ประชัย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ทีพีไอโพลีน ก้อนหนี้ทีพีไอกว่าแสนล้านบาท ประชัย มีสถานะเป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ในเวลาเดียวกัน
ย้อนกลับมาเมื่อรับมอบนโยบาย พล.อ.มลคงก็เดินเครื่องเตรียมการเพื่อรับมอบ ภารกิจเพื่อชาติ ในวันรุ่งขึ้น (๓ กรกฎาคม ๒๕๔๖) ทันที ทั้งการประชุมกับกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการเจ้าหนี้ และการประชุมเตรียมการรับมอบงานในส่วนของคณะผู้บริหารแผนฯ
สถานที่ประชุมเตรียมการก็ใช้ห้องประชุมที่ธนาคารกรุงไทย ซึ่ง ตอนนั้น พล.อ.มงคล ยังเป็นประธานบอร์ด ในที่สุดการประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ซึ่งนัดโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ ห้องประชุมชั้น ๑ อาคาร ๒๕ ปี กรมบังคับคดี มีมติคิดเป็นคะแนนเสียงร้อยละ ๙๓ฬ๒๖ ของเจ้าหนี้ที่เข้าประชุม คิดเป็นมูลค่าหนี้ประมาณ ๖๑,๔๔๑ ล้านบาท เห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหาร แผน
น่าสนใจที่เจ้าหนี้ ๔ รายที่ลงมติไม่เห็นชอบได้แก่ ธนาคาร Itochu ธนาคาร US-Exim , Bank of America และ BNP Paribas BIBF และเจ้าหนี้ที่งดออกเสียงอีก ๑๕ สถาบันซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้ต่างชาติและมีเจ้าหนี้ไทยคือ ธนาคารไทยพาณิชย์
ถัดมาวันรุ่งขึ้นก็มีการประชุมระหว่าง ตัวแทนผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ชุดใหม่กับผู้บริหารลูกหนี้ โดยมี ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั่งหัวโต๊ะ ตัวแทนฝ่ายลูกหนี้มี ประชัย ,อรพิน เลี่ยวไพรัตน์ ,ประกิต ประทีปะเสน,สมชาย สกุลสุรรัตน์ ,ชวลิต อัตถศาสตร์ ส่วนทีมผู้บริหารแผนมี พลเอกมงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ,ปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา,อารีย์ วงศ์อารยะ,พละ สุขเวช นอกจากนี้ ยังมี กิตติ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนิพัทธ พุกกะณะสุต ร่วมหารือ
หลังการประชุมนัดนี้ ประชัยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวถามประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้บริหารแผนชั่วคราว บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (ทีพีไอ) เกี่ยวกับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ว่า จะยังคงอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ หลังจากที่ทีมผู้บริหารชุดใหม่เข้าไป ซึ่ง ประชัย ไม่ตอบ เพียงแต่บอกว่าขอให้ไปอ่านกฎหมาย และขอร้องผู้สื่อข่าวว่าอย่าถามให้ชนกันเลย ประชัย กล่าวเพียงว่า ตามกฎหมาย อำนาจการจัดการทรัพย์สิน เป็นเรื่องของผู้บริหารแผนทั้ง ๕ คน จะเป็นผู้ตัดสินใจ และมีสิทธิในการบริหารแผนทั้งหมด รวมทั้งประเด็น การแก้ไขแผนการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ, ๙ ก.ค.๔๖)
วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ มติที่ประชุมเจ้าหนี้ ให้ความเห็นชอบกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน เข้าสู่ชั้นการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง
ในบทรายงานพิเศษ ได้ข้อสรุปเสียที ของนิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๔๖ ให้ภาพบรรยากาศในวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ วันแห่งการพลิกเปลี่ยนหน้าบทมหากาพย์
๑๓.๐๐ น. ณ บังลังก์พิเศษ ศาลล้มละลายกลาง บนชั้น ๑๗ อาคารกรุงเทพประกันภัย คลาคล่ำไปด้วยตัวแทนพนักงาน ทีพีไอ ทนายความตัวแทนของเจ้าหนี้ และสื่อมวลชน ทุกคนมาเพื่อร่วมรับฟังคำสั่งของศาล ที่จะประกาศว่าจะแต่งตั้งใครเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ เป็นรายต่อไป หลังจากที่เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ศาลแห่งนี้ได้ตัดสินถอดบริษัทเอฟเฟคทีฟ แพลนเนอร์ส ออกจากการเป็นผู้บริหารแผนดังกล่าว
ตัวแทนของกระทรวงการคลัง ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าเป็นคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูเริ่มทยอยเดินทาง เข้ามาในบัลลังก์ เริ่มจาก พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ในเวลา ๑๓.๑๐ น. ตามมาด้วยปกรณ์ มาลากุล ซึ่งมาพร้อมกับนิพัทธ พุกกะณะสุตอีก ๑๐ นาทีต่อมา ต่อด้วยพละ สุขเวช และอารีย์ วงศ์อารยะ
เวลา ๑๓.๔๐ น. อรพินท์ เลี่ยวไพรัตน์ ภรรยาของประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้บริหารแผนชั่วคราวที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน เดินทางมาถึง และได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรอย่างยิ่ง แต่ประชัยมิได้เดินทางมาร่วมรับฟังคำสั่งศาลในครั้งนี้แต่อย่างใด
เวลา ๑๓.๔๘ น. องค์คณะผู้พิพากษา เดินขึ้นบนบัลลังก์ และเปิดโอกาสให้ตัวแทนแต่ละฝ่ายแถลงท่าที แต่ปรากฏว่า ทั้งตัวแทนเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ตลอดจนผู้บริหารแผนชั่วคราวขอไม่แถลง
"บรรยากาศในวันนี้ เป็นไปด้วยดี แต่ละฝ่ายมีมิตรไมตรีต่อกัน" ผู้พิพากษาถึงกับเอ่ยปาก
หลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ในฐานะตัวแทนของกระทรวงการคลังแถลง ซึ่ง พล.อ.มงคลได้ใช้เวลาไปประมาณ ๑๐ นาที แถลงถึงสิ่งที่จะกระทำ หากศาลประกาศให้เข้าเป็นผู้บริหารแผน พร้อมขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินของ ทีพีไอ ประสบผลสำเร็จ
๑๔.๐๐ น. หลัง พล.อ.มงคล กล่าวคำแถลงเสร็จสิ้น องค์คณะผู้พิพากษาได้ขอเวลาปรึกษาหารือกันก่อนที่จะออกคำสั่ง
๑๔.๔๕ น. คำสั่งแต่งตั้งตัวแทนของกระทรวงการคลัง ๕ คน ซึ่งประกอบด้วย พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์, พละ สุขเวช, อารีย์ วงศ์อารยะ, ปกรณ์ มาลากุล และทนง พิทยะ ให้เข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของ ทีพีไอ ก็ถูกประกาศออกมา
บรรยากาศในบัลลังก์ขณะนั้น เต็มไปด้วยความเงียบสงบ ไม่มีใครแสดงท่าทีดีใจ หรือคัดค้าน จะมีเพียงกลุ่มผู้สื่อข่าวที่พยายามแลกเปลี่ยนข้อมูลเนื้อหาของคำสั่งศาล เพื่อให้แต่ละคนได้ข้อมูลครบถ้วนที่สุด
นสพ.ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ ๑๒ ก.ค.๒๕๔๖ รายงานการขึ้นชี้แจงต่อศาลของ พล.อ.มงคล ในฐานะตัวแทนคณะผู้บริหารว่า
ในนามคณะผู้บริหารที่กระทรวงการคลังเสนอ พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลเพื่อเข้ามาบริหารและปรับปรุงแผนฟื้นฟู กิจการของทีพีไอ โดยความเห็นชอบจากเจ้าหนี้และลูกหนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น บนหลักการของการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งเมื่อศาลได้ทำการแต่งตั้งเข้าบริหาร โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งหากทางคณะผู้บริหารยืนยันจะบริหารด้วยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และเมื่อศาลทำการแต่งตั้งแล้ว ก็จะมีการจัดจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อทำการประเมินขีดความสามารถและศักยภาพในการชำระหนี้
ทั้งนี้ การปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการใหม่ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุดบนหลักฐานข้อมูล ตามความเป็นจริง และเพื่อให้ทีพีไอ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จนมีกำไรเพื่อชำระหนี้เงินกู้ได้ ทางคณะผู้บริหารจึงขอให้ศาลมีคำสั่ง ให้คณะผู้บริหารแผนชั่วคราวจัดทำแผนรายละเอียดการบริหาร การจำหน่าย รวมทั้งรายละเอียดทั้งหมดในการบริหารงาน และฐานะทางการเงินเพื่อให้ผู้บริหารสามารถบริหารงานต่อไปได้ ทั้งนี้ ยังขอให้ศาลมีคำสั่ง ห้ามคณะบุคคลใดเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานตลอดอายุเวลาการเข้าบริหารงาน
นสพ.ผู้จัดการ ฉบับเดียวกัน รายงานคำกล่าวของผู้พิพากษา กมล ธีรเวชพลกุลว่า
วันนี้ (๑๑ ก.ค.) นับเป็นบรรยากาศที่ดีอีกก้าวหนึ่งที่ทุกคนหันมาปรองดองกัน เพราะการแก้ปัญหาได้มีทิศทางที่ดีขึ้น และถือว่าเป็นครั้งแรกที่ตั้งศาลล้มละลายกลางมา ที่ศาลได้ให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ซึ่งยอมรับว่า ถึงแม้กฎหมายล้มละลายจะถูกตราหน้าว่าเป็นกฎหมายขายชาติ แต่ก็ยอมรับว่า ถึงแม้กฎหมายจะมีช่องโหว่ แต่ก็จะพยายามนำกฎหมายมาพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ...
มหากาพย์น่าจะโรยม่าน ลาโรง จบกันแบบ HAPPY ENDING
แต่กลับเป็นการเริ่ม ภาคใหม่ของ มหากาพย์ ที่มีการปล่อยกระแสข่าวว่า เป็นเงื่อนไขหนึ่งของการปฏิวัติ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
จากเว็ปเสียงประชาคม //www.civilvoice.net/columnist/tpi/51/008.php
Create Date : 05 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 0:59:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 723 Pageviews. |
|
|
|
| |