ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

แฉลึกองค์กรมืดสมคบแผนกระหายสงครามเขมร

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
7 พฤศจิกายน 2552

ผ่าแผนลับลวงพรางขององค์กรซ่อนเงื่อน สมคบคิดหนุนนโยบายล้าหลังคลั่งชาติกระหายเลือดกระหายสงคราม ก่อศึกกับเพื่อนบ้านกัมพูชา เริ่มจาก"สื่อคลั่ง"เปลวสีเงินที่เสนอว่าคนอย่างทักษิณนั้นโทษสถานเดียวของ คนพรรค์นี้คือ “ฆ่าทิ้ง” ก่อนที่มันจะ “ฆ่าชาติ” เผยเบื้องหลังสุดอัปยศไร้ยางอาย ทั้งทิ้งขี้คดีฟ้องร้องลูกน้องเก่าสยามโพสต์ ปลด"ใบตองแห้ง"หลีกเลี่ยงจ่ายเงินชดเชย เชลียร์รัฐมนตรีอ่างนวดโพไซดอนแลกงบโฆษณา ตามมาด้วยเอแบคโพลล์ที่เปิดปุ๊บติดปั๊บแค่มาร์คเรียกทูตกลับไม่ข้ามวัน มั่วผลสำรวจรัฐบาลหุ่นเชิดคะแนนนิยมพุ่ง70% คนในแฉเองผลุบเข้าทำเนียบซุกอภิสทธิ์ประจำ ส่วนประธานหอการค้ามาแปลกไม่แหกปากร้องซักคำทั้งที่กระทบการค้าแสนล้าน แต่ออกโรงหนุนหน้าตาเฉย เผยที่ไปที่มาลึกลับก้าวขึ้นเป็นประธานหอแทนตัวเต็งอันดับ1 ไม่สนผลประโยชน์การค้าอาศัยองค์กรบังหน้าเคลื่อนไหวการเมืองเป็นเครือข่าย อำมาตย์ ส่วนทูตสุรพงษ์วงการเผยตามแก้แค้นเรื่องส่วนตัวที่เคยถูกรัฐบาลทักษิณเตะ โด่งไปอยู่แอฟริกา

ผ่าเครือข่ายองค์กรลับลวงพรางโหมชวนเชื่อนโยบายกระหายเลือดกระหายสงคราม

หลังจากรัฐบาลหุ่นเชิดอำมาตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้นโยบายล้าหลังคลั่งชาติลดความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านกัมพูชาลง ก็มีองค์กรหน่วยงานบางแห่งที่มีภาพลักษณ์ที่ดู"เป็นกลาง"อย่างเอแบค โพลล์,สภาหอการค้าไทย รวมทั้งคนในแวดวงการฑูตออกมาสนับสนุนให้ท้ายรัฐบาลหุ่นเชิดอำมาตย์ กับประณามอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ว่าขายชาติ

หากมองปรากฎการณ์เพียงผิวเผินนี่อาจเป็นการแสดงตัวของกระแสชาตินิยมโดยปกติธรรมดา แต่หากล้วงลึกลงไปในเบื้องหลังแล้ว องค์กรอย่างเอแบค โพลล์,ประธานหอการค้า หรือทูตสุรพงษ์ ชัยนามที่ออกมาแสดงบทบาทนี้ ไม่ได้มีพฤติการณ์ทำนองนี้เป็นหนแรก แต่เป็นมาอย่างต่อเนื่อง จนเราเรียกว่านี่เป็นปรากฎการณ์ของเครือข่ายองค์กรซ่อนเงื่อนที่เคลื่อนไหวทำลายฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย สนับสนุนความเคลื่อนไหวของอำมาตย์เผด็จการอย่างสอดประสานกัน

ต่อไปนี้เป็นการลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อนทั้ง3แห่งในเบื้องลึกที่เต็มไปด้วยข้อมูลเบื้องหลังที่ไม่น่าพลาด

เปลว สีเงินสวมบทสื่อคลั่งสั่งฆ่าทักษิณ เปิดเบื้องหลังสุดอัปยศไร้ยางอาย

สำหรับ เปลว สีเงินนั้น ได้เขียนบทความลงในไทยโพสต์ แล้วผู้จัดการASTVกระบอกเสียงพันธมิตรนำไปขายผล โดยระบุว่า คนที่มีความสุขจากการเห็นคนชาติอื่นมาเหยียบย่ำชาติตัวเอง โทษสถานเดียวของคนพรรค์นี้คือ “ฆ่าทิ้ง” ก่อนที่มันจะ “ฆ่าชาติ”(ดูลิ้งค์ข่าว)

เปลว สีเงิน หรือนายโรจน์ งามแม้น เคยเป็นคอลัมนิสต์ใหญ่ในไทยรัฐยุคนายกำพล วัชรพลยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาได้ออกมาทำหนังสือพิมพ์สยามโพสต์ โดยถือคติว่าคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านกับทุกรัฐบาล สยามโพสต์ไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย ขณะที่ถูกฟ้องร้องสารพัด แต่คนรับเคราะห์คือนายอรุณ ลานเหลือ ซึ่งเปลวตั้งให้เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลสู้คดี ขณะที่เปลวปิดสยามโพสต์หนีไปเปิดหัวใหม่คือไทยโพสต์

มาเปิดหัวใหม่ ไทยโพสต์ พอดีทักษิณมาเป็นรัฐบาล เปลวก็ตามจิกด่าตามคติว่าคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านด่าทุกรัฐบาล แต่โดนทักษิณตรวจสอบในเรื่องฐานะการเงิน โดยให้สตง.ตรวจสอบพร้อมผู้บริหารเครือเนชั่น และไปบีบโรงพิมพ์ของนายระวิ โหลทอง แห่งสยามกีฬาที่เปลวนำไทยโพสตฺไปพิมพ์ จนระวิเลิกพิมพ์ให้ไทยโพสต์ และประการหนึ่งก็เป็นโอกาสที่ระวิอยากเลิกพิมพ์ให้อยู่ด้วย เพราะติดหนี้ค้างชำระไว้มาก ทำให้เปลวแค้นทักษิณต้องหาเรื่องเอาคืนมาแต่นั้น

พอพันธมิตรปิด สนามบิน จบลงด้วยการโค่นรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ลง และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นรัฐบาล เปลวสีเงินรีบเกาสะขบวนเชลียร์รัฐบาลอภิสิทธิ์ทันที โดยมุ่งไปเชียร์นางพรทิวา นาคาศัย ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ เพราะเวลานั้นถูกตั้งคำถามเรื่องภูมิหลังที่ครอบครัวนางพรทิวาทำสถานอาบอบ นวด"โพไซดอน"ไม่ควรมาเป็นรัฐมนตรีด้านการค้า

เปลวเขียนบทความลงใน ไทยโพสต์เมื่อ11ก.พ.2552เชียร์พรทิวาแบบออกนอกหน้า ว่า พรทิวา"ถูกใส่ร้าย" อย่างไม่เป็นธรรม สร้างความเสียหาย ชื่อเสียง "ประเทศไทย" เพราะพรทิวาอยู่ในฐานะ "ตัวแทนประเทศไทย"!

เปลวเขียนเชลียร์ว่า "พรทิวา" จะไม่แค่ "นาคาศัย" เท่านั้น นักการเมืองน้อยใหญ่ ไม่ว่าใครก็หวังจะอาศัยเธอทั้งนั้น เธอจะเป็นนักการเมืองหญิงที่ "หญิงยุคใหม่" ซูฮก และยกให้เป็น "ต้นแบบ-หญิงห้าว"!

ผมสังเกตว่า เธอเป็นคน "หัวไว-ใจนักเลง" โครงสร้างเสียง บ่งอนาคตไปได้ใหญ่โต เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจว่า การนอบน้อม และรับฟังผู้ใหญ่ที่เป็น "คณะปรึกษา" นั้น เป็นคุณสมบัติที่ดีของนักบริหาร

"คุณพรทิวานั้น มีรอยยิ้มที่เรียกว่า "ยิ้มเหมือนโลกเศร้า" เป็นยิ้มของคน "ไม่สิ้นโศก" จากส่วนลึก!? เมื่อประกอบเข้าทั้งใบหน้า แววตาที่ค่อนข้างเหม่อลอย และในเสียงผิดลักษณ์หญิง แต่เป็นเอกลักษณ์ "หญิงทรงอำนาจ" และเด็ดขาด นั้น ก็บังเอิญปลายเส้นเสียงเป็นกังวานที่แตกพร่า ตรงจมูกฮวบเหล็งดี ปากดี กรามดี คางดี สรุปว่า ถ้ายึดมั่นใน ทาน ศีล ภาวนา ให้สม่ำเสมอเขาไว้ จะเสริมให้ยิ่งแก่ยิ่งรวย และยิ่งแก่ยิ่งดัง นั่นแล"นี่เป็นความไร้ยางอายของเปลวเวลาที่เขาจะเชียร์ใครซักคน หาเรื่องไม่เจอก็เอาโหงวเฮ้งมาอ้าง

แล้วพรทิวาก็ให้เปลวได้"อาศัย"จริงๆเพราะนับแต่นั้นงบโฆษณาสารพัดจากกระทรวงพาณิชย์ที่พรทิวา เป็นเจ้ากระทรวงอยู่ก็ไหลมาเทมาลงไทยโพสต์นับแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้ายแทบ ทุกวัน นอกเหนือจากโฆษณาจาก"สำนักนายกรัฐมนตรี"ของอภิสิทธิ์ที่ขึ้นหราอยู่หน้า1ของ ไทยโพสตฺแทบทุกวัน

ล่าสุดเปลวก็ก่อเรื่องอัปยศอีกเมื่อ ได้บีบให้คอลัมนิสต์"ใบตองแห้ง"ที่เขียนคอลัมน์ว่ายทวนน้ำในไทยโพสต์ ซึ่งมีจุดยืนเป็นกลาง อยู่ตรงข้ามกับเปลวอย่างมากออก โดยหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน

โดยใบตองแห้งเปิดเผยเรื่องดังกล่าวนี้ว่า"เมื่อผมทราบว่าวีซ่าหมดอายุ ไม่ได้เขียนว่ายทวนน้ำอีก ผมก็ยอมรับโดยดี ไม่ได้ถามเหตุผล เพราะมองแบบน้ำครึ่งแก้ว ผมได้อิสระมาตั้ง 3 ปีกว่า ก็เป็นความใจกว้างล้นเหลือแล้ว แต่บอกว่าถ้าอย่างนั้นผมก็ควรงดการเขียนบทสัมภาษณ์ด้วย เพราะจะสร้างความขัดแย้งเช่นกัน และผมก็คงนั่งกินเงินเดือนเปล่าๆ ไม่ได้ ก็ต้องลาออก เพื่อมีอิสระไปทำอะไรใหม่ๆ

เพียงแต่มาคุยกันภายหลังว่า ผมจะทำบันเทิงอยู่ไหม ผมยังไม่อยากตกงานแบมือขอเงินเมียอย่างเดียว จึงบอกว่าทำได้ในลักษณะฟรีแลนซ์ แต่ไทยโพสต์เสนอว่าจะให้เป็นเงินเดือน โดยคิดเงินเดือนกันใหม่ (ลดลงจากเดิมมาก) ผมก็โอเค เพราะจะได้ไม่ยุ่งยากเรื่องการส่งภาษีส่งประกันสังคม

ฉะนั้นผมก็ไม่ได้ยื่นใบลาออกเป็นทางการ นับแต่วันที่ 1 พ.ย. ถ้าดูบัญชีพนักงานผมก็ยังเป็นพนักงานที่รับเงินเดือนไทยโพสต์อยู่ แต่เป็นเงินเดือนใหม่ ข้อตกลงใหม่ ผมไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไรแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับโต๊ะข่าวการเมือง ไม่มีเก้าอี้นั่ง ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เขียนส่งทางเมล์ และมีอิสระที่จะไปทำงานที่อื่น ดังนั้นถ้าพูดว่าผมยังอยู่ ยังไม่ได้ออก ก็ถูกเหมือนกัน แต่ถูกครึ่งเดียว ที่ถูกคือผมออกมาอยู่ข้างนอก ทำงานอิสระ แต่ยังรับจ้างไทยโพสต์ในงานที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง"

ทางด้านนัก กฎหมายแรงงานกล่าวว่า การที่เปลว สีเงิน ผู้บริหารไทยโพสต์ทำกับใบตองแห้งดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงาน เพราะเป็นการปรับสภาพการจ้างงานโดยไม่เป็นธรรม ดูเจตนาแล้วหวังผลให้พนักงานลาออกเอง โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า"ใบตองแห้ง"จะยกขึ้นมาต่อสู้ว่าถูกปรับสภาพการจ้าง เพื่อบีบให้ลาออก แล้วไปขอค่าชดเชยตามกฎหมาย หรือสมยอมกับการกระทำดังกล่าว

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.)ได้ออกแถลงการณ์เมื่อ 6 พ.ย.เรียกร้องให้ชี้แจง กรณีปลด “ใบตองแห้ง” เพราะ
สาธารณ ชนมีข้อกังขาต่อการยุติบทบาทคอลัมน์ว่ายทวนน้ำโดยฉับพลัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่ได้ตั้งปณิธานการทำหน้าที่สื่อมวลชนของตนเองไว้ว่าเป็นพื้นที่สื่อที่มี “อิสรภาพแห่งความคิด

อีกทั้งเสียงสะท้อนทวงถามจากกลุ่มผู้อ่านภายหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ย่อมบ่งบอกถึงคุณภาพของกลุ่มผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่เปิดกว้างทางความคิดและต้องการรับรู้ความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ตลอดจนตระหนักถึงเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน

ดร.นพพดลAbac Pollผลุบเข้าทำเนียบซุกมาร์คเป็นประจำ

น่ากังขามากว่าทันทีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ประกาศลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาปุ๊บ วันรุ่งขึ้นดร.นพดล กรรณิกา ก็เปิดเผยโพลล์สำรวจในวันรุ่งขึ้นได้แบบฉับไวทันใจว่า สาธารณชนเพิ่มการสนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์จากกรณีนี้ทันที 3 เท่าตัว ขึ้นมาเกือบ 70 % ( คลิ้กดูข่าว)

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของAbac poll เปิดเผยว่า ดร.นพดลนั้นมีทัศนะทางการเมืองไปในทางเดียวกันกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ โดยมักได้รับเชิญไปแลกเปลี่ยนทัศนะเรื่องบ้านเมืองกับนายอภิสิทธิ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นประจำ

"ดร.นพดลนั้นมีทัศนะทางการเมืองสอดคล้องกับคุณอภิสิทธิ์ และคุณอภิสิทธิ์เองก็อยากขอคำปรึกษาในเรื่องของประชามติสาธารณะที่มีต่อตัวเขา และรัฐบาลของเขา ทางดร.นพดลก็ให้คำชี้แนะทางวิชาการไป แต่ก็อย่างว่าคนเราพอมันมีpersonal contact(ความสัมพันธ์ส่วนตัว)กันขึ้นมาซะแล้ วเรื่องที่ทางคุณอภิสิทธิ์จะขอความร่วมมืออะไรก็อาจจะคงมีมั่ง แต่ไม่ใช่แลกกันด้วยเงินทองผลประโยชน์"เจ้าหน้าที่ระดับสูงของAbac Pollระบุ

ขณะเดียวกันเขายอมรับว่าภาพลักษณ์ของเอแบคโพลล์ดูจะเอนเอียงมาทางรัฐบาลจริง แต่คู่แข่งของเราคือสวนดุสิตโพลล์ก็มีข้อครหาว่า เอนเอียงไปทางเสื้อแดงเช่นกัน...

พูดง่ายๆว่าหากหาว่า เอแบคโพลล์เอียงข้างรัฐบาลหุ่นเชิดอำมาตย์ คู่แข่งของเอแบคโพลล์ก็เอียงข้างเสื้อแดงแล้ว ถือว่าหายกัน !

*ประธานหอการค้าที่มาลึกลับ ที่ไปก็เป็นภารกิจในทางลับเครือข่ายอำมาตย์

ที่สังคมต้องประหลาดใจมากก็คือการลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชานั้นกระทบต่อมูลค่าการค้าระหว่าง2ประเทศซึ่งมีนับแสนล้านบาท แทนที่ประธานหอการค้าจะออกมาเรียกร้องสันติภาพจะได้ทำมาค้าขายกันต่อไป กลับออกมาสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า รัฐบาลตอบโต้เขมรทำถูกต้องเหมาะสมแล้ว การปกป้องศักดิ์ศรีประเทศชาติต้องมาก่อน ลั่นรับไม่ได้หากปล่อยให้ใครมาย่ำยี ดูหมิ่นเหยียดหยามประเทศไทย (คลิ้กดูรายละเอียดข่าว)

นายดุสิตเพิ่งขึ้นมาเป็นประธานหอการค้าไทยเมื่อต้นปีนี้แบบ"ลึกลับ แต่รู้กันแซดในวงการพ่อค้าใหญ่ แต่ใครหละจะกล้าพูด"

ตามคิวและตามสัญญาสุภาพบุรุษแล้ว เมื่อนายประมณฑ์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าคนก่อนหมดวาระลงในตอนต้นปีนี้ จะเป็นคิวของนายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานหอการค้าคนที่ 1 ขึ้นเป็นแทน แม้แต่นายประมณฑ์ก็กล่าวสนับสนุน(ดูข่าว คลิ้ก) จนมีการแจกประวัติ"ว่าที่ประธานหอการค้าคนใหม่"และเตรียมเลี้ยงฉลองยกใหญ่( ลิ้งค์ ) แต่แล้วพอใกล้วันเลือกประธานเข้าจริงๆ ก็เกิด"ข้อมูลใหม่"ขึ้นมา อันมีผลให้นายพงษ์ศักดิ์ต้องประกาศไม่ขอชิงตำแหน่งนี้ โดยอ้างเหตุผลอย่างกะทันหันว่า ต้องไปดูแลธุรกิจทอผ้าของตัวเอง เพราะเจอผลกระทบทางเศรษฐกิจ และขอให้รองประธานคนที่2คือดุสิต นนทะนาคร ขึ้นเป็นแทน...

ซึ่งคนในวงการบอกว่า เป็นเหตุผลที่ต้องประกาศไปทั้งน้ำตา และไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ต้อง"ตามนั้น" เพราะนี่เป็นเหตุผลที่ฟังแล้วดูจะกล้อมแกล้มไปได้ที่สุดแล้วต่อสถานการณ์พลิกผันครั้งใหญ่ของวงการหอการค้า

อะไรคือเหตุของการพลิกผัน และทำไมต้องเป็นดุสิต?

ดุสิต มีบทบาทก่อนหน้านั้น โดยออกมาพูดตอนม็อบพันธมิตรยึดสนามบินว่า
"ไทยจะต้องยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ภาคธุรกิจจะมีปัญหาแน่นอน โดยมองว่า การที่รัฐบาลไม่สามารถยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ขณะที่สังคมไทยก็มีความแตกแยก ไม่มีความสามัคคี ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงควรที่จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองอื่น ๆ เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม หากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก ก็ควรที่จะประกาศยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่"

ต่อมาเมื่อมีการแก้ไขปัญหาพันธมิตรยึดสนามบินด้วยการรีบร้อนสั่งยุบพรรคพลังประชาชน มีผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ธันวาคม

ตอนนั้นดุสิตซึ่งเป็นรองประธานสภาหอฯก็ออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีแถลงข่าวร่วมกับสภาอุตสาหกรรม กับสมาคมธนาคารไทยว่า พรรคพวกแม้วพอได้แล้ว เป็นนายกฯมา 2 คนแล้ว ทั้งสมัคร สุนทรเวช ทั้งสมชาย บ้านเมืองก็ชิบหายมากพอแล้ว ให้คนอื่นคือฝ่ายมาร์ค-ประชาธิปัตย์ลองเป็นมั่ง พวกพ่อค้าจะได้ทำมาหากินกันเป็นปกติสุข...

ต่อมาไม่นานก็เกิดม็อบเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ตอนสงกรานต์ ซึ่งหากเป็นไปตามมาตรฐานเดิม ดุสิตก็ควรต้องออกมาแถลงข่าวให้ท้ายม็อบ และไล่รัฐบาลออกเพราะคุมม็อบไม่อยู่บ้านเมืองวุ่นวาย พ่อค้าทำการค้าขายไม่ได้ แต่หนนี้ดุสิตพูดอีกอย่างว่า

ภาคเอกชนเรียกร้องให้ผู้ที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาล ยุติการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนที่ผลกระทบจะส่งผลเสียหายไปมากกว่านี้ เอกชนได้พยายามร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศคลี่คลาย ส่วนรัฐบาลก็ได้ดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อทำให้บรรยากาศด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งความเชื่อมั่นของประเทศดีขึ้น บุคคลที่เป็นต้นเหตุของการบั่นทอน ควรจะใช้สติทบทวนและไตร่ตรองโดยรอบคอบ ต้องมองถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่ประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง

ต่อมาเมื่อมีการชมนุมใหญ่ของเสื้อแดงเพื่อรำลึกการรัฐประหาร 19 ก.ย.เมื่อไวๆนี้ ดุสิตออกมาหนุนรัฐบาลเต็มที่ โดยกล่าวว่า

การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ขึ้นอยู่กับประชาชนว่ามีความรัก ความสามัคคี และมองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ ควรคิดว่าจะสามารถร่วมกันระดมความคิดว่าภายหลังจากที่เศรษฐกิจโลกดีขึ้น จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวรวมทั้งจะทำอย่างไรในการเสริมสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็เป็นกฎหมายสากลที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งจะเอามาใช้เมื่อมีความจำเป็น และไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจหากจะเอามาประกาศใช้ในภาวะที่ประชาชนในประเทศไม่มีความสามัคคี


ลูกหม้อเครือซิเมนต์ไทยผู้สืบมรดกต่อจากลูกหม้อซิเมนต์ไทยอีกราย



หลังพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ยอมกลืนเลือดสละการชิงเก้าอี้ประธานหอแล้ว ดุสิตก็หมดก้างฉลุยขึ้นเป็นประธานสภาหอการค้าคนใหม่ฉลุยในวันที่ 26 มีนาคม 2552

ดุสิตจบปริญญาโทจากอเมริกา เป็นลูกหม้อทำงานกับเครือซิเมนต์ไทยมาแต่ต้นจนเกษียณ เขาเป็นมือบริหารปูนใหญ่ในรุ่นเดียวกับชุมพล ณ ลำเลียง มีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของเครือซิเมนต์ไทยหลายบริษัท ตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)ขึ้นชื่อเรื่องเป็นมือการตลาดของซิเมนต์ไทย

เป็นเครือซิเมนต์ไทยอันมีสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ก่อนหน้าดุสิตนั้น ประธานหอการค้าไทยชื่อ ประมนต์ สุธีวงศ์ โดยเขามีโควต้ามาจากการเป็นประธานคณะกรรมการโตโยต้าประเทศไทย และเป็นคนไทยคนแรกที่เป็นประธานโตโยต้า

เขาเก่งกล้าสามารถมาจากไหน? หากใครรู้จักบริษัทญี่ปุ่นดีก็จะพบว่าเขาใช้คนญี่ปุ่นเป็นประธานทั้งนั้น หรือไม่งั้นก็ต้องเรียนจบญี่ปุ่น แต่ประมนต์นี่จบตรี โทจากอเมกา...แล้วทำไมมาเป็นได้..

คำตอบคือพอดีว่าประมนต์มาจากเครือซิเมนต์ไทย

นายประมณฑ์เป็นลูกหม้ออยู่ที่เครือซิเมนต์ไทยมาแต่หนุ่มยันเกษียณในปี2542 ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย..ปูนซิเมนต์ไทยที่มีสำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้นใหญ่นั่นเอง

เครือซิเมนต์ไทยถือหุ้นใหญ่ในโตโยต้าประเทศไทย 10% เช่นเดียวกับบริษัทจากต่างประเทศที่มาลงทุนในไทยโดยทั่วไปที่เครือสำนักงานทรัพย์สินฯจะได้รับเกียรติให้เข้าไปร่วมถือหุ้นด้วยในฐานะเจ้าบ้านที่ดี รวมทั้งกรณีของรถไถนาคูโบต้า รถไถนาเดินตามที่มียอดขายสูงสุดในเมืองไทย ก็มีทรัพย์สินเข้าไปถือหุ้น 10 %

เมื่อประมณฑ์หมดวาระลง แทนที่เก้าอี้ประธานหอการค้าจะตกเป็นของแคนดิเดตอันดับ1 กลับถูกผูกขาดจากคนที่เป็นลูกหม้อเครือทรัพย์สินฯ จากนั้นก็มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมืองสอดคล้องกับรัฐบาลอภิสิทธิ์และเครือข่ายอำมาตย์อย่างเป็นจังหวะจะโคน ก็ทำให้ข้อสงสัยต่างๆคลี่คลายลงว่า เพราะเหตุใดนายดุสิต นนทนาคร จึงเหมาะสมกับตำแหน่งประธานหอการค้า

ผลประโยชน์การค้าไทย-กัมพูชาปีละนับแสนล้านบาท อาจไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเครือข่ายองค์กรซ่อนเงื่อนของอำมาตย์ที่ขอพิฆาตทักษิณเป็นภารกิจหลัก

*ทูตสุรพงษ์ ชัยนามกับปฏิบัติการแค้นฝังเหลี่ยม

นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัคราชทูตคนหนึ่ง ซึ่งเคลื่อนไหวสอดคล้องกันได้ออกมาเคลื่อนไหวล่าสุด โดยไปออกรายการASTV กล่าวสนับสนุนรัฐบาลหุ่นเชิดว่า "คราวนี้ต้องตอบโต้ที่หนักขึ้น นอกจากเรียกทูตกลับ แล้วยังชะลอ ความช่วยเหลือ ความร่วมมือในโครงการต่างๆด้วย เพื่อดูท่าที ฮุนเซน อีกครั้ง ทั้งนี้หาก ฮุนเซน ยังไม่เข้าใจอีก สิ่งที่ชะลอไว้อาจยกเลิกไปเลย"( คลิ้กดูข่าว)

นายสุรพงษ์แม้จะเป็นทูต ซึ่งภาพลักษณ์ดีเป็นกลาง แต่ก็พบว่าเบื้องหลังความเคลื่อนไหวของเขานั้นมาจากได้รับผลกระทบส่วนตัวเมื่อครั้งยังรับราชการอยู่

เขาเป็นน้องชายของทูตผู้ใหญ่อีกรายคือนายอัษฎา ชัยนาม ทั้งสองมีศักดิ์เป็นหลานนายดิเรก ชัยนาม อดีตผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475และอดีตเสรีไทย

ปัญหาเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณ มีดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ถูกนายอัษฎา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในกระทรวงซึ่งใกล้เกษียณอายุราชการ ได้วิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างประเทศของดร.สุรเกียรติ์หลายเรื่อง สร้างความไม่พอใจให้สุรเกียรติ์มาก จึงหันไปเล่นงานนายสุรพงษ์ผู้น้องชายแทน เพราะนายอัษฎาเกษียณอายุราชการไปก่อน

โดยสุรเกียรติ์ได้ย้ายนายสุรพงษ์จากอธิบดีกรมใหญ่ในกระทรวงต่างประเทศ ลดชั้นให้ไปเป็นทูตเยอรมนี และเอาไปเอามาก็ย้ายไปเป็นทูตที่แอฟริกา เทียบได้กับย้ายไปอยู่ชายแดนเป็นการลงโทษ นายสุรพงษ์จึงลาออกแล้วมาเคลื่อนไหวบนเวทีพันธมิตรไล่รัฐบาลทักษิณเพื่อแก้แค้น

หลังรัฐประหาร19กันยา นายสุรพงษ์ได้ไปมีตำแหน่งในรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และในฐานะเคยเป็นปัญญาชนศึกษาลัทธิมาร์คซ์มามาก เขาได้เขียนบทความเรื่อง"กองทัพกับประชาธิปไตย"หลังรัฐประหาร19กันยา ความสำคัญโดดเด่นอยู่ตรงมันเป็นบทความที่มุ่งอธิบายและให้ความชอบธรรมโดยนัยแก่การรัฐประหารของกองทัพเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ด้วยหลักเหตุผลวิชาการอย่างจริงจัง จากกรอบแนวคิดทฤษฎีของฝ่ายซ้าย

เรื่องนี้ทำให้นักวิชาการฝ่ายซ้ายเก่า อย่างดรเกษียร เตชะพีระ ถึบกับทนไม่ไหว ได้เขียนบทความวิจารณ์สุรพงษ์ว่า "เมื่อเอาหูแนบตั้งใจฟังข้อความของสุรพงษ์ ก็พอจะแว่วกังวานแห่งคำประกาศ "สงครามครั้งสุดท้าย" ของสนธิ ลิ้มทองกุล..."

00000000000

อ่านซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อนของคุณรักในหลวงห่วงลูกหลานเขียนไว้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องประกอบ

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่4):ผลสำรวจเบื้องหลังคนทำโพลล์

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่8):เบื้องลึก"ข้อมูลใหม่"หอการค้าถือหางปชป.-พธม.

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่13):ยมฑูต3ตัว ตัวที่ร้ายลึกคือเคยแสดงปรากฏการณ์ว่าเป็น'ซ้าย'

ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน7): เปลว สีเงินปฏิบัติการแค้นฝังเหลี่ยม+ใบตองแห้ง ถึก เที่ยงถึง




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 15:02:53 น.
Counter : 643 Pageviews.  

จาก พล.ต มนูญกฤต ถึง เปรม : “คนชั่วอย่างมนูญเป็นประธานวุฒิได้ยังไง ?”

จาก พล.ต มนูญกฤต ถึง เปรม

--------------------------------------------------------------------------------
๑๐๖/๕ ซอยลาดพร้าว๓๕
ถ.ลาดพร้าว แขวงจันทน์เกษม
เขตจตุจักร กทม. ๑๐๙๐๐

๙ กันยายน ๒๕๕๑

กราบเรียน ฯพณฯ ประธานองคมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
๑. กระผมมีเรื่องเรียนว่า ติดใจตลอดเวลาเกี่ยวกับคำพูดของฯพณฯถึงผมว่า “คนชั่วอย่างมนูญเป็นประธานวุฒิได้ยังไง ?”
เอา เรื่องประธาณวุฒิ กระผมได้รับการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ และเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมของวุฒิสภา ผมได้คะแนน ๑๑๔ เสียง ในขณะคนที่ ๒ ได้ ๒๘ เสียง ผมจึงได้เป็นประธานวุฒิสภาครับ
๒. ฯพณฯ ได้สั่งไม่ให้กระทรวงกลาโหมรับผมกลับเข้ารับราชการ คนที่ไปขอให้ผมและบอกผมคือ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์
๓. ฯพณฯ สั่งยิงและเก็บผม(ซึ่งเรื่องนี้ได้คุยกับ ฯพณฯ แล้ว เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๓๑ ตอนผมกลับมาจากประเทศเยอรมัน) คนที่บอกผมมีหลายคนและมีพฤติกรรมดังนี้
๔. ฯพณฯ เล่นการเมืองกับผมตั้งแต่ 1 เมษายน ๒๕๒๔ และผมเสนอให้ ฯพณฯ เข้าเฝ้าในหลวงตอนหัวค่ำเพื่อขอพระราชทานคำแนะนำ แต่ ฯพณฯบอกผมว่า ดึกแล้วไม่รบกวน แต่พอ พ.อ.ประจักษ์ ฯ จะยิง ฯพณฯท่าน ฯ ก็ให้ผมช่วย ผมก็ช่วย ทำให้ พ.อ.ประจักษ์ ฯ ไม่ยิง ฯพณฯ ท่าน
- คราวนี้ถึงข้อที่ผมติดใจว่า คนชั่วในความคิดของ ฯพณฯท่าน, ในสายตาของ ฯพณฯ ท่านผมไม่ทราบว่า ฯพณฯ ท่านพิจารณาจากปัจจัยอะไร ? ผมอยากทราบจริงๆ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้ ฯพณฯท่านพิจารณาตนเอง(รูป-นาม) ว่า ฯพณฯ จากที่เป็นแม่ทัพภาคที่ ๒ มาเป็นผู้ช่วยบัญชาการทหารบกนั้นเป็นอย่างไร ฯพณฯ มีเพื่อนเพียงไม่เกิน ๕ คน คือ พล.ต. สุดสาย,พล.อ.ประจวบ,พล.อ.ไพจิต,พล.ท.สท้าน ในขณะนั้น ฯพณฯ พูดกับ รณชัย(ปี้ด) ว่า ฯพณฯ ท่านคงเกษียนแค่ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก แต่ผมคิดว่า เหล่าม้า เราหาคนดียาก ผมจึงนำเสนอเพื่อน ขอร้องให้พิจารณา ฯพณฯ เมื่อส่วนใหญ่เห็นด้วย ผมกับ พ.ท. ชัยชาญ เทียนประภาส จึงไปขอความกรุณาจาก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมในขณะนั้น(กลางเดือน กันยายน ๒๕๒๑) ตอนแรก ฯพณฯ ถามผมว่าจะเอา พล.อ. เสริม ณ นคร ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ไปอยู่ที่ไหน แล้ว ๕ เสือ ทบ.เก่า อาวุโสกว่าทั้งนั้น เขาจะว่าอย่างไร ผู้ใหญ่ใน ทบ. , บก.สส.(เสือป่า) ในกลาโหม ขณะนั้นไม่มีผู้ใดเห็นด้วยเลยกับการที่ ฯพณฯ ท่าน จะเป็นผู้บัญชาการทหารบก โดยไปไล่ พล.อ.เสริม ณ นคร ฯพณฯท่าน ทราบไหมว่า ? ทำไมท่านจึงได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ข้ามผู้ใหญ่หลายคน และดันพล.อ. เสริม ณ นคร ซึ่งเป็นผบ.ทบ. ไปเป็น ผบ.สส.ด้วยความที่ ฯพณฯ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ต้องเสียสละให้ ฯพณฯท่าน ส่วนพล.อ. เสริม ฯ ต้องเสียใจมาก แต่ท่านดีใจบนความไม่สบายใจของอื่นแล้วท่านเคยถามผมสักคำไหมว่า ผมกับ พ.ท.ชัยชาญ เทียนประภาส ต้องปฎิบัติการอย่างไร ผมต้องทำทุกอย่างให้ ฯพณฯ ท่านเป็น ผบ.ทบ.ใน เดือนตุลาคม ๒๕๒๑ ให้จนได้ ในที่สุด ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ท่านก็ได้เป็น ผบ.ทบ. ท่ามกลางคนด่า ผมถูกรุ่นพี่ จปร.๕-๖ ด่าทุกวัน ท่านรู้ไหมครับ ? เขาด่าว่าผมทำลายระบบกองทัพบก อีกอย่างท่าน ฯพณฯ ไม่มีผลงานอะไร? ที่เป็นการริเริ่มและโดดเด่น และเป็นต้นเหตุให้เกิดการแตกความสามัคคีในกองทัพ

แม่ทัพภาค ๑ (พล.ท.อำนาจ ดำริห์การ) เรียกผมไปพบที่กองทัพภาคที่ ๑ ในขณะที่ผมเดินทางไปทหารราบ ร๑รอ. เขาเตรียมกำลัง เบิกอาวุธกันแล้ว แต่ถูก คุณหญิงแสงเดือนบอก พล.อ.เสริม ณ นคร ให้หยุดท่านจึงหยุด มิฉะนั้น เช้าวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ คงได้มีการปะทะกันระหว่าง ทหารม้า(ผม) กับทหารราบแล้ว ฯพณฯ ท่านเคยทราบบ้างไหมครับ ? แล้ว ฯพณฯ ท่านก็เสวยสุข เอาแต่เพื่อน ๆ และคนคอยประจบสอพลอ มาใช้อย่างใกล้ชิด ทำผิดระบบ “คุณธรรม” ( MERIT SYSTEM) ทางการ จึงทำให้ทหารซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการปัองกันประเทศต้องอ่อนแอลง นับตั้งแต่ ฯพณฯ เป็น ผบ.ทบ. เป็นต้นมา แล้ว ฯพณฯรู้ไหมว่า จะมีคนยิง ฯพณฯ ที่หนองคุง แต่ผมก็ต้องเอาตัวผมกัน ฯพณฯท่านไว้ ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งตอนที่ ฯพณฯ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ผมชั่วใช่ไหมครับ ?
สมัคร สุนทรเวช สัมภาษณ์ ด่าว่าเอาหมาขี้เรื้อนที่ไหนมาเป็น ผบ.ทบ.พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิต รู้จึงได้ไปว่านายสมัคร ครับ ผมชั่วใช่ไหมครับ? ที่ทำให้ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบก ฯพณฯ ท่านครับ ใครเป็นคนไปกับ ฯพณฯ ที่เข้าไปพักบ้านสี่เสา จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ พล.อ กฤษณ์ สีวะรา บอกผมว่า บ้านสี่เสาอนุญาตให้ พล.ร.อ สงัด ชะลออยู่ พักแทนท่านเพราะตอนนั้นท่านอยู่สวนพุดตาน ผมชั่วใช่ไหมครับ ? ฯพณฯ ท่านสั่งยิงผม ทั้งๆ ที่ผม SAFE ชีวิตฯพณฯท่าน ตลอดเวลา ทำคุณบูชาโทษ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเป็น ผบ.ทบ.ของ ฯพณฯ ท่าน ยังมีอีกครับ
ส่วนตอนที่สอง คือ เดือนพฤกษภาคม ๒๕๒๒ ฯพณน ท่านเป็นรัฐมนตรีการกลาโหม และตอนที่สาม คือ เดือนมีนาคม ๒๕๒๓ ฯพณฯท่านเป็นนายกรัฐมนตรี (แล้วผมจะอธิบายรายระเอียดในการปฎิบัติที่แสนยากเข็นอย่างไร? ) รวมทั้ง เบื้องหลัง ๑ เมษายน ๒๕๒๔ และ ๙ กันยายน ๒๕๒๘ ครับ ...
ในคืนวันหนึ่งกลางเดือนกันยายน ๒๕๒๑ ฯพณฯ จำได้ไหมว่า ฯพณฯ พูดว่า “ต้องเป็นเดี๋ยวนี้”ที่บ้านพัก ผช.ผบ.ทบ. (สวนรื่น) ถ้าไม่ได้ก็ต้องยึดอำนาจ ผมเป็นผู้เรียนฯพณฯว่า ต้องเข้ากราบพระบาททูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน ฯพณน พยักหน้า ผมก็สั่งเตรียมกำลังหลังจากนั้น ผมและพ.อ.แสงศักดิ์ ฯ พ.ท.ชัยชาญ เทียมประภาส จึงไปบ้าน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ และเข้าไปในคืนวันนั้นเลย และไปเรียนขอตำแหน่งผบ.ทบ.ให้ ฯพณฯ ท่าน ปัญหากองทัพที่เป็นวิกฤตมาจากสมัยท่านเป็น ผบ.ทบ.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้กองทัพอ่อนแอ และแตกความสามัคคีเช่น ปล่อยให้มีการโกงทุกระดับ ทั้งผู้บังคับหน่วย,ข้าราชการทุกระดับ(การจัดซื้อ, จัดจ้าง, รับเหมก่อสร้าง) โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทธโทปกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพ ท่านปล่อยนายทหารที่มีโอกาสโกง ดูผลจากความมั่นคง ร่ำรวย ของนายทหารทุกชั้นยศ ที่ทำงานเกี่ยวกับการเงิน นายทหารที่เคยยากจน เดี๋ยวนี้มั่งคั่ง ,ร่ำรวยผิดปกติ เช่น พล.อ.อู๊ด เบื้องบน ,พล.อ มงคล อัมพรพิสิฐ ,พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ซึ่งกระทำผิดกฎหมายเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (เขายายเที่ยง) และยังมีอีกว่า(ครั้งหนึ่งฯพณฯท่านเคยพูดกับผมว่า พล.อ.สุรยุทธ ฯ ไม่มีปมด้อย และ ครั้งหนึ่งเมื่อก่อนเดือนกันยายน ๒๕๒๑ ฯพณฯ ท่านเคยพาพวกผมไปบ้านของ ฯพณฯ ท่านเองที่เขาใหญ่ก่อนที่ ฯพณฯ ท่านจะเป็นผบ.ทบ. )เช่นกัน
ยังมีอีกเรื่องคือ พ.ท.ชัยชาญ เทียนประภาส ยังเป็นคนสำคัญและเป็นหลักช่วย ฯพณฯ ท่านโดยไม่หวังผลอะไรเลย ซึ่งตอนนั้น ฯพณฯ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ฯ เป็นนายกฯ ก็เชื่อในเหตุผลของ พ.ท.ชัยชาญ ฯ และสนับสนุน ฯพณฯ ให้เป็น ผบ.ทบ.
แต่พ.ท. ชัยชาญก็มาถูกยิงที่ จ.อุบลราชธานี ในเขตพื้นที่ กองทัพภาคที่ ๒ ซึ่งตอนนี้ ฯพณฯ ท่านเป็น ผบทบ. รมว.กลาโหม และ นายกรัฐมนตรี จนป่านนี้เวลาล่วงเลยมา ๒๘ ปีแล้ว แต่ฯพณฯ ท่านคงรู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนสั่งยิง พ.ท. ชัยชาญ เทียนประภาส ฯพณฯ ท่านต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ฯพณฯ ท่านคิดว่าสมัยนั้น ฯพณฯ ท่านได้ทำถูกต้องตามหลักคุณธรรมและบริหารประเทศดีแล้วหรือ ครับ ?

ขอแสดงความนับถือ
พล.ต. (ลายเซ็น)
( มนูญกฤต รูปขจร )

โทร.๐๒-๕๑๒๕๒๕๒
โทรสาร.๐๒-๕๑๒๒๕๕๒

หมายเหตุ
กองบรรณาธิการ Voice of Taksin ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือลงวันที่ 9 กันยายน 2551 ฉบับนี้ของ พล.ต. มนูญกฤต รูปขจร ที่ได้เขียนถึง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จะเป็นส่วนหนึ่งของการบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าต่อชนรุ่นหลัง ซึ่งการอ่านทำความเข้าใจ และการตีความนั้นย่อมเป็นสิทธิ์ที่อยู่อ่านสามารถใช้ดุลยพินิจได้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้ได้พิจารณาแล้วเห็นควรจะนำเสนอโดยไม่มีการตัดทอนใด ๆ รวมทั้งเห็นควรที่จะไม่ปิดบังชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะทุกท่านก็ล้วนแต่อยู่ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีตำแหน่งสำคัญ ทั้งในอดีตและปัจจุบันอีกทั้งยังเป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องให้สังคมสามารถตรวจ สอบได้ทั้งสิ้นการพิมพ์จึงน่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านและประเทศชาติโดยรวม นิตยสาร Voice of Taksin มีความยินดีและพร้อมเปิดกว้างที่จะให้ท่านที่มีชื่อปรากฏในเอกสารลับนี้ และอาจจะได้รับความเสียหาย ใช้พื้นที่แบบไม่จำกัดเพื่อการชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านและช่วยการชำระสะสางสิ่งที่สังคมไทยสมควรจะ ได้รับรู้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ที่มา Voive of Taksin ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 ปักษ์แรก พฤศจิกายน 2552




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2552 16:22:05 น.
Counter : 802 Pageviews.  

นักการเมืองคนไหน?สุมหัวราเกซปล้นแบงก์BBC

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 ตุลาคม 2552

ควรบันทึกไว้ว่าหมา2ตัวที่กัดกันจนแบงก์BBCล้ม เศรษฐกิจพังในวันนั้น เวลานี้มันเลิกกัดกันแล้ว และหันมาจูบปากกันอย่างดูดดื่ม จนคนตลึงกับความรักของ"หมาต่างพันธุ์2ตัว"

ราเกซ สักเสนา - สมรส กับสุวรรณา หาญวรเกียรติ ญาติของสุชาติ ตันเจริญ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่BBCคือนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ หนีออกจากไทยตั้งแต่15พ.ค.2539 โดนดำเนินคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ(BBC)

สุเทพ เทือกสุบรรณ&เนวิน ชิดชอบ - เป็นมหากาพย์รักระหว่างรบ โดยเนวินกับนักการเมืองกลุ่ม16มีบทบาทสำคัญในการโค่นสุเทพ เทือกสุบรรณ ในคดีสปก.4-01 ส่วนสุเทพมาเอาคืนด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจแฉเนวินและกลุ่ม16ในวันที่ 8พ.ค.2539 จนทำให้คนไม่มั่นใจแห่ถอนเงินจากแบงก์BBC ทำให้BBCล้มครืน ต่อมาภายหลังสุเทพกับเนวินกลับมาจูบปากกัน หักเหลี่ยมทักษิณ ชินวัตร จัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

บัญญัติ บรรทัดฐาน - ในยุครัฐบาลชวน1 บัญญัติเป็นรองนายกฯเคยเข้าไปมีส่วนสนับสนุนฝ่ายเกริกเกียรติ-ราเกซด้วยการ ดำเนินคดีกับเสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์ ที่เข้าไปไล่ซื้อหุ้นBBC ทำให้BBCยังอยู่ในมือเกริกเกียรติ&ราเกซต่อมา และบัญญัติได้โทรข้ามประเทศไปบอกเกริกเกียรติไม่ให้เดินทางกลับไทยเพราะจะ ถูกจับกุม เนื่องจากข้อตกลงว่าจะไม่ดำเนินคดี"เปลี่ยนแปลง"

สุชาติ ตันเจริญ - เกี่ยวดองเป็นญาติราเกซ กู้เงินBBCในนามส่วนตัว117ล้านบาท แต่บริษัทในเครือของเขากู้4,020ล้านบาท เพื่อไปซื้อหุ้นBBCและเทกโอเวอร์กิจการ โดยมีที่ดินในหนองคายเป็นหลักประกัน ณ เวลานั้นที่ดินบางผืนที่ค้ำประกันมีราคาประเมิน1,037ล้านบาท แต่ธปท.บอกว่าของจริงเพียง437ล้านบาท สุชาติได้ชักชวนนักการเมืองกลุ่ม16เข้ามาร่วมกิจกรรมกู้BBCไปถลุงในยุคราเก ซเรืองอำนาจหลายคน

เนวิน ชิดชอบ - เนวินกู้BBCในนามส่วนตัวเพียง89ล้านบาท มีที่ดินราคาประเมิน76ล้านบาทค้ำประกัน เนวินได้นายเอกชัย อธิคมนันทะ (1ใน3คน ที่มีบทบาทสูงสุดในการบริหารBBCนอกจากเกริกเกียรติ และราเกซ)เป็นที่ปรึกษา ทำให้เนวินซึ่งตอนนั้นจบเพียงปกศ.สูงพูดจาอภิรายเรื่องหุ้นเรื่องการเงินได้ คล่องแคล่ว

เกริกเกียรติกับราเกซได้ปล่อยกู้ให้อัดนัน คาช็อกกี้ มหาเศรษฐีซาอุฯกู้BBC 3,302ล้านบาทไปเทกโอเวอร์กิจการบริษัทชลประทานซีเมนต์(JCC) และSVI โดยน่าสนใจตรงที่ว่ามีที่ดินอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ในราคาประเมิน914ล้านบาทเป็นหลักประกัน และต่อมากลายเป็นหนี้เน่า

บรรหาร ศิลปอาชา - ขณะมีการดำเนินคดีต่อเกริกเกียรติ-ราเกซนั้น เป็นยุครัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อนายราเกซหนีไปจากประเทศไทยเขาให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่านักการเมืองบางคน รวมทั้ง นายบรรหาร,แกนนำกลุ่มเทิดไทคือณรงค์ วงศ์วรรณ และสุชาติ ตันเจริญได้รับเงินจากเขาไป300ล้านบาท เพื่อ"เคลียร์"ไม่ให้ดำเนินคดี

นักการเมืองคนอื่นๆ
-กลุ่ม หาญสวัสดิ์ กู้BBCในนามชูชาติ หาญสวัสดิ์ และเครือ มีภาระคงค้างตอนเดือนพ.ค.2539จำนวน978ล้านบาทไปเทกโอเวอร์กิจการบริษัทมรกต อินดัสตรี้
-นายวีรพล หรือฉัฐวัสส์ มุตตามะระ กู้BBCและมีภาระคงค้างในเดือนพ.ค.2539จำนวน2,325ล้านบาท
-นายธานี ยี่สาร กู้และมีภาระคงค้างในตอนเดือพ.ค.2539จำนวน 103ล้านบาท
-นายสนธยา คุณปลื้ม กู้และมีภาระคงค้างในตอนเดือนพ.ค.2539จำนวน36ล้านบาท มีข่าวกู้ไปเทกโอเวอร์บริษัทภูเก็ตไอส์แลนด์
-นายจำลอง ครุฑขุนทด กู้และมีภาระคงค้างในตอนเดือนพ.ค.2539จำนวน 3 ล้านบาท
-นายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ซึ่งใกล้ชิดนักการเมืองหลายกลุ่ม กู้และมีภาระคงค้าง1,797ล้านบาท
-กลุ่มมะไข่ซอว์ ซึ่งใกล้ชิดสุชาติ ตันเจริญ กู้และมีภาระคงค้าง2,004ล้านบาท เพื่อเทกโอเวอร์หุ้นเน่าตุ๊กตาผี(เอิร์ธอินดัสเตรียล)

หมา2ตัวกัดกันแบงก์BBCล้ม เศรษฐกิจไทยฟองสบู่แตกปี40

อัจรา ปราโมช - ลูกหลานของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ก่อตั้งแบงก์บีบีซีเปรียบเปรยว่า สมัยหนึ่งแบงก์ใหญ่ในฮ่องกงเกือบล้มเพราะมีหมากัดกันหน้าแบงก์2ตัว คนที่นั่งแท็กซี่ผ่านไปไม่รู้อะไรเป็นอะไรเห็นแต่คนมุงอยู่หน้าแบงก์เยอะมาก พอดีมีคนหนึ่งพูดขึ้นแบบคะนองปากว่า"สงสัยคนมามุงๆเพื่อถอนเงิน เนื่องจากแบง์นี้จะล้ม"ข่าวเลยสะพัดออกไปเร็วมาก ในที่สุดแบงก์แห่งนั้นเลยล้มจริงๆ

"เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น กับแบงก์ในฮ่องกง ก็เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับแบงก์BBCที่มีหมา2ตัวมากัดกันในสภา และสุดท้ายผลกรรมก็ต้องตกอยู่ที่BBC"

นอกจากBBCล้มครืนลงแล้ว ก็บานปลายขยายผลกระทบต่อสถาบันการเงินวงกว้าง ทำให้ปีถัดมาคือ2540ก็เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตกขึ้นในประเทศไทย

ควรบันทึกไว้ว่าหมา2ตัวที่กัดกันจนแบงก์ล้ม เศรษฐกิจพังในวันนั้น เวลานี้มันเลิกกัดกันแล้ว และหันมาจูบปากกันอย่างดูดดื่ม จนคนตลึงกับความรักของ"หมาต่างพันธุ์2ตัว"




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2552    
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 18:46:56 น.
Counter : 671 Pageviews.  

ห้ามรับของเกิน3,000 บาท เรื่องโจ๊กของข้อกฎหมาย

โดย คุณ อัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
28 ตุลาคม 2552

เวลามีเรื่องอะไรที่ไม่เหนือไปกว่าความคาดหมาย คนไทยเรามักมีคำอุทานฮิตติดปากว่า “แหม ทีแทงหวยไม่ถูก

“แหม ทีแทงหวยไม่ถูก” ก็ใช้ได้กับเรื่องที่ ป.ป.ช. มี มติยกคำร้อง ไม่ดำเนินการกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในข้อหารับของกำนัลที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท กรณีไปรับงาช้างที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคม ในวันที่เดินสายลงพื้นที่อีสานหนแรก

มติ ป.ป.ช. ตามถ้อยแถลงของนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า

“จากข้อเท็จจริง ฟังได้ว่านายกรัฐมนตรีไม่มีเจตนาหรือมีความประสงค์ที่จะรับงาช้างไว้เป็น สิทธิของตนเอง เนื่องจากเมื่อรับงาช้างจากนายโสภณ ได้ส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตรวจสอบมูลค่าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาพิจารณาเห็นว่า ไม่สมควรรับงาช้างไว้ จึงได้ส่งคืน ส่วนที่ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อ ป.ป.ช. ในทันที ก็เพราะติดวันหยุดราชการ และได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือลงวันที่ 22 กรกฎาคม รายงานเรื่องดังกล่าวให้ ป.ป.ช. ทราบข้อกล่าวหาว่า กระทำการขัดหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2543 จึงไม่มีมูล ข้อกล่าวหาตกไป”

ผู้เขียนเห็นว่า มติของ ป.ป.ช. เรื่องนี้ มีข้อให้น่าท้วงติงอยู่พอสมควร โดยเฉพาะประเด็นที่ ป.ป.ช. อ้างว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีเจตนา

ไม่รู้ว่า ป.ป.ช. ไปนั่งในใจนายอภิสิทธิ์ได้ตั้งแต่เมื่อไร จึงเที่ยวไปเดาใจ หรืออ่านใจนายอภิสิทธิ์ออกว่า ไม่มีเจตนา

งาช้าง 1 คู่ ที่นายโสภณมอบให้ เด็กอมมือก็น่าจะรู้ว่า มันมีมูลค่าเกิน 3,000 พันบาทแน่ๆ ถ้าไม่มีเจตนา จะรับมาทำไม

เมื่อผลของเรื่องงาช้าออกมาซะอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไปรอลุ้นเรื่องแหวนทองที่นายกฯรูปหล่อ ไปรับมาจากบรรดาแม่ใหญ่ในภาคอีสาน เพราะรับแล้วคืนไม่ผิด

เมื่อกรรมการ ป.ป.ช. เข้าไปนั่งในใจนายอภิสิทธิ์ได้ ผู้เขียนก็ขอเข้าไปนั่งในใจนายอภิสิทธิ์บ้าง ซึ่งในมุมมองเห็นว่า นายอภิสิทธิ์รู้อยู่แล้วว่า ของที่รับมามีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท แต่ก็เลือกเล่นตามเกมการเมืองที่ถนัด เรียกว่าไม่ทิ้งโอกาสที่จะสร้างภาพ เมื่อปูกันมาอย่างนี้ ก็ต้องตบกินเก็บแต้มเข้ากระเป๋าสักหน่อยเพราะกรณีอย่างนี้ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร อยู่ๆ ก็มีคนชงมาให้ตบกินเก็บแต้ม และยังเป็นการตบหนเดียวได้ 2 แต้ม เข้ากระเป๋าฟรีๆ อีกด้วย

แต้มแรก คือได้ใจคนที่ให้ของ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล หรือแม่ใหญ่ในอีสาน เพราะคนไทยจะถือกันมากเรื่องให้ของแล้วถูกปฏิเสธ

แต้มที่สอง คือได้ภาพความเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต เพราะเมื่อรับมาแล้ว ก็ให้ตรวจสอบว่า มีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ (ทั้งที่รู้อยู่ว่าเกิน) จากนั้นก็ส่งคืนเจ้าของ

เรียกว่าตบกินนิ่มๆ ได้ 2 แต้มเข้ากระเป๋าฟรีๆ

ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีข้อห้ามเรื่องรับของเกิน 3,000 เอาไว้ทำไม

ต่อให้รอจนถึงชาติหน้า ก็เอาผิดใครไม่ได้ เพราะพอมีคนรู้ พอเป็นข่าว แค่ส่งคืน ก็พ้นความผิด

ส่วนไอ้ที่ไม่เป็นข่าว ไม่มีคนรู้ ก็หวานปากเก็บใส่กระเป๋า เข้าบัญชีอย่างสบายใจ




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2552    
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 14:36:20 น.
Counter : 592 Pageviews.  

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่13):ยมฑูต3ตัว ตัวที่ร้ายลึกคือเคยแสดงปรากฏการณ์ว่าเป็น'ซ้าย'

โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
21 ตุลาคม 2552

หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกา"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ซึ่งเคยเขียนซีรีส์ยอดฮิต"ลากไส้สื่อ เหี้ย"อันลือลั่น กลับมาอีกครั้งด้วยซีรีส์ชุดใหม่ลากไส้แวดวงNGO,นักวิชาการ,นักสิทธิมนุษยชน ,นักกิจกรรมสังคม,นักศิลปิน และฝ่ายซ้ายเก่า รวมทั้งชนชั้นนำจารีตนิยม ซึ่งเขาได้ตีแผ่วงการด้วยสำนวนฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อนให้เห็นว่า เพราะเหตุใดแวดวงดังกล่าวจึงได้ผิดเพี้ยนเปลี่ยนจุดยืนมาสนับสนุนขบวนการ อำมาตย์ได้อย่างน่าพิศวงอย่างที่เป็นอยู่

ขออภัยที่ไม่ได้เขียนซีรีส์นี้ให้ต่อเนื่องซะที หายไปเป็นเดือน พอดีผมมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ คนก็ต้องทำมาหากินนะท่านผู้อ่าน มานั่งหมกมุ่นแต่เรื่องบ้านเมือง เมียมันก็ด่าเอา

คราวนี้ขอไปว่าต่อเรื่องวงการทูตซะหน่อย เพราะในขบวนการองค์กรซ่อนเงื่อนที่ตามล่าตามล้างทักษิณ เลยพลอยทำลายประชาธิปไตยให้ย่อยยับลงไปด้วยนี่ อีกองค์กรหนึ่งที่มันมีบทบาทสูง และถือว่ามีเครดิตในเวลาเคลื่อนไหวก็คือพวก(ยม)ฑูตครับ

ที่เด่นๆก็มีกษิต ภิรมย์ อันนี้ไม่ขอสาธยายสรรพคุณนะฮะ เพราะมีให้หาอ่านตามร้านขายยาทั่วไปอยู่แล้ว

ขอว่าเรื่องอัษฎา-กับสุรพงษ์ ชัยนาม หลานของอดีตวีรบุึรุษเสรีไทย ท่านฑูตดิเรก ชัยนาม

อัษฎาเป็นคนพี่ สุรพงษ์เป็นผู้น้อง ทั้งสองมีศักดิ์เป็นหลานดิเรก อดีตผู้ก่อการ2475อดีตเสรีไทย อดีต(ว่าที่)นายกรัฐมนตรี(หากปรีดีปฏิวัติสำเร็จในปี2492 ในกบฏวังหลวง)

ที่มันมีเรื่องนี่ผมเข้าใจว่าเหลี่ยมไม่เอาคนที่มันใช่ไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง คือตั้งสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ด๊อกเตอร์กฎหมายไปคุมกระทรวงต่างประเทศ

ท่านฑูตสุรพงษ์ ชัยนาม บนเวทีพันธมิตร หากเทียบกับดิเรกที่เคลื่อนไหวทางการเมืองโดยยึดผลประโยชน์แห่งชาติ ก็น่าตั้งคำถามต่อรุ่นหลานอย่างเขาว่า ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ไหม?

ไหนๆก็ขอนินทาซะหน่อยว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 นี่สุรเกียรติก็ต้องรับผิดชอบเป็นหลัก เพราะตอนรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ดันตั้งสุรเกียรติ์เป็นรัฐมนตรีคลัง ความที่แกไม่รู้เหี้ยอะไรเรื่องเศรษฐกิจ แกก็มั่วของแกไปเรื่อย แล้วสบเหมาะกับตอนนั้นวิจิตร สุพินิจ เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติก็ยอมๆแกไป แกอยากแทรกหน้าแทรกหลัง(ว๊าย!!..) วิจิตรก็ปล่อยแกแทรกไป

สมัยนั้นก็อยากบอกว่าฝีมือกรุเจ๋ง สุรเกียรติก็ใช้นโยบาย"2สูง"คือให้ราคาหุ้นในตลาดหุ้นสูงๆเข้าไว้ พวกเมิงจะปั่นกันบ้าเลือดยังไงปั่นกันเข้าไป มีเสรี จินตนเสรี ลูกน้องผู้ว่าวิจิตรเป็นนายบ่อนตลาดหุ้นก็ปล่อยแม่งปั่นกันไป ไอ่ราเกซ สักเสนา กับไอ่เสี่ยสองก็ปั่นหุ้นแบงก์สตางค์แดง(ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ)กันเพลิน

อีกสูงคือดอกเบี้ยสูง เงินฝรั่งก็ทะลักเข้ามาฝากแบงก์ไทย เพราะสมัยนั้นเมกา ยุโรป ดอกฝาก2-3% เมืองไทยแม่งน้ำบานล่อไป10% บางแห่งพวกไฟแนนซ์ให้ไปเลย15% สัดดดด เงินก็ไหลเข้าชิบหาย

คราวนี้ เศรษฐกิจขาลงพอดี ก็เสือกไปอั้นดอกเบี้ยฝากไว้ เพราะหากลดก็ชิบหาย เงินไหลทะลักออก ฟองสบู่แม่งก็แตกโพละ จะปล่อยหุ้นลงก็ไม่ได้ เลยต้องเอาเงินหลวงไปอุดไว้ตั้งกองทุนพยุงหุ้น. ...

แต่มันก็อั้นไว้ไม่นาน ของจริงก็คือของจริง พอรัฐบาลบรรหารล้มไป สุรเกียรติ์พ้นตำแหน่งขุนคลัง บิ๊กจิ๋วมาเป็นนายกฯพอดี

ผู้ว่าวิจิตรก็บอกนายกฯจิ๋วครับ ผมว่านโยบาย2สูงท่าจะไม่ไหว ปล่อยให้หุ้นลงตามธรรมชาติเหอะครับ ดอกเบี้ยก็คงต้องลดครับ...บิ๊กจิ๋วแกเป็นทหารจะไปรู้เหี้ยอะไร ก็บอก เออๆตามใจทั่นผู้ว่านะ

ก็เลยชิบหายสิงานนี้ เงินนอกที่มาฝากกินดอกเบี้ยเมืองไทยก็ถูกถอนพรวด เงินในตลาดหุ้นเมื่อไม่มีกองทุนพยุงก็ฟองสบู่แตกโพละ เศรษฐกิจแม่งก็ป่นปี้ ไอ้เรื่องผู้ว่าคนต่อมาคือเริงชัย มะระกานนท์เอาเงินบาทไปสู้กับจอร์จ โซรอส แล้วโดนแดกเรียบนี่แม่งก็ปลายๆเหตุแล้ว คือยังไงมึงก็ชิบหาย เพราะพื้นฐานมันเจ๊งกะบ๊งมาตั้งแต่ยุคสุรเกียรติ์แล้ว ในที่สุดก็อย่างรู้ๆก็ต้องลดค่าเงินบาท เอาเมืองไทยไปจำนำIMF บิ๊กจิ๋วแม่งก็เป็นผู้ร้ายแบ๊ะๆๆๆ

สุรเกียรติ์แม่งก็ลอยนวลมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยแม้วเป็นนายกฯ แล้วก็มาหักหลังกันตอนเกิดรัฐประหาร19กันยานี่ไง...เอากับมันดิ

แม่ง ก็สันดานเดิมๆคือไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรเลย แต่อยากแอ๊คอาร์ต ก็ไปตั้งไอ้ที่เรียกว่าASIA DIALOG อะไรประมาณนี้ กะจะขอโกอินเตอร์เป็นผู้นำเอเชีย(ไอ่ชิบหายเมืองไทยยังชิบหายไม่พอ มันจะให้ชิบหายทั้งเอเชีย)อัษฎาเขาเป็นขาใหญ่กระทรวงบัวแก้ว เคยเป็นท่านทูตประจำUNก็ถือว่าขาใหญ่ก็เลยด่าเอา คือตอนนั้นแกใกล้เกษียณก็ถือโอกาสด่าแม่งทิ้งทวน

แถมเขียนลงหนังสือพิมพ์ด่าตอนเกษียณอีก

ทีนี้มันไม่จบ เพราะสุรเกียรติ์เล่นบทหมาป่าลูกแกะ มึงเกษียณไม่เป็นไร กรุหันมาเล่นน้องเมิงแทน ว่าแล้วสุรพงษ์ ก็ โดนซะอ่วม เริ่มจากย้ายจากอธิบดีกรมใหญ่ในกระทรวงบัวแก้วไปเป็นท่านทูตที่เยอรมัน อันนี้ก็ถือว่าลดชั้นแล้วนะ เสือกไม่พอย้ายอีกไปอยู่ชายแดนนู่น คือแถวอาฟริกา...เอากับมัน

ต่อมาแม้วก็บ้าเรื่องCEOหนักเข้าขั้น นอกจากผู้ว่าซีอีโอแล้วก็ให้มีทูตซีอีโอด้วย(ซึ่งว่าไปก็ดี แต่พวกผู้ดีท่านทูตเขาเคืองว่าจะให้เขาลดเกียรติลกดศรีลงมาเป็นพ่อค้าได้ไง วะ. ..)

สมัยสังคมนิยมขึ้นสู่กระแสสูง สุรพงษ์ ชัยนาม เขียนหนังสือแนวมาร์คซิสม์ไว้หลายเล่ม ล่าสุดเขาเขียนเชียร์การรัฐประหาร19กันยา49โดยลากแม่น้ำทั้งห้าเข้ามาโยงว่า ก็ไม่ต่างจากการปฏิวัติของชาวสังคมนิยม

พี่น้องคู่ชัยนามก็เริ่มด่าเหลี่ยมไปด้วยว่าแม่งมั่วแล้วเหี้ยมึงหนะ

พี่น้องคู่นี้เขาก็แค้นตาแม้น...ต่อมาก็จับมือกับยมทูตกษิตอีกตัวขึ้นเวทีพันธมิตรล่อไอ่เหลี่ยมซะเลย จะได้เช็คบิลสุรเกียรติ์ไปในตัว

สุรพงษ์แกใกล้ชิดกับทางป๋าส.ศิวรักษ์ อีกด้วย เพราะแกเคยเขียนหนังสือแนวๆมาร์กซิสม์อะไรนี่มาตั้งแต่สมัย14ตุลามัยสมัยป่าแตก ผมก็ซื้อไว้หนุนแทนหมอนครบคอลเล็กชั่นเหมือนกาน

ที่ผมจะผิดหวังหน่อยคือจะแค้นตาแม้นกันยังไงเรื่องหลักเรื่องการนี่ก็ไม่น่าเปลี่ยนสีแปรธาตุกันขนาดนี้ไง คือสุรพงษ์จะมาเป็นมือตีนให้รัฐบาลสุรยุทธ์ก็ไม่เป็นไร เสือกเขียนบทความเชียร์รัฐประหารอีกด้วย เสียชื่อมาร์กซี้ดดดดส์อยซี้ดส์หมดหวะ

สุรพงษ์ได้เขียนบทความเรื่อง "กองทัพกับประชาธิปไตย"หลังรัฐประหาร19กันยา ความสำคัญโดดเด่นอยู่ตรงมันเป็นบทความที่มุ่งอธิบายและให้ความชอบธรรมโดยนัย แก่การรัฐประหารของกองทัพเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ด้วยหลักเหตุผลวิชาการอย่างจริงจัง จากกรอบแนวคิดทฤษฎีของฝ่ายซ้าย โดยยกตัวอย่างกรณีรัฐประหารของขบวนการยังเติร์กแห่งกองทัพโปรตุเกสโค่นระบอบ เผด็จการพลเรือนของนาย Antonio Salazar และ Marcello Caetano เมื่อปี พ.ศ.2517 มาเปรียบเทียบรัฐประหาร19กันยาของไทยเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ เพื่อสรุปถอดถอนบทเรียนอันมีลักษณะสากล (universal) สำหรับประยุกต์ใช้ในกรณีกองทัพไทยกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า"ระบอบทักษิณ"ตอน นั้น

และยังเขียนอีกในเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ภายใต้ชื่อเรื่อง กองทัพกับประชาธิปไตยตอนที่3 : ภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยคราวนี้ได้ยกตัวอย่างรัฐประหารของทหาร 4 ครั้ง ในตุรกีมาเป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบแทน

เรื่องนี้ซ้ายเก่า นักวิชาการปัจจุบันอย่างเกษียร เตชะพีระ ได้เขียนบทความสับด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ถึงขั้นใช้คำว่า "เมื่อเอาหูแนบตั้งใจฟังข้อความของสุรพงษ์ ก็พอจะแว่วกังวานแห่งคำประกาศ "สงครามครั้งสุดท้าย" ของสนธิ ลิ้มทองกุล...

เฮ้อ...แล้วญาติ ผู้ใหญ่แกอย่างท่านทูตดิเรก ชัยนาม นี่เคยทำปฏิวัติ2475มา เป็นเสรีไทยกอบกู้บ้านเมืองมา พอเผด็จการทำรัฐประหารพ.ศ.2490แกเป็นทูตอยู่เมืองนอก แกขอลาออกประท้วงเลย ไม่ห่วงอำนาจวาสนาใดๆทั้งสิ้น ยึดเอาความถูกต้อง ผลประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก ไม่ใช่มาเคลื่อนไหวเพราะผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างรุ่นหลาน

มาถึงชัยนามรุ่นนี้ก็นับว่าเสียตระกูลรุนชาติหนะ หากด่าแรงๆแบบคนโบราณนะ

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อนตอนที่9-12 หาอ่านได้ในกล่องปีศาจ(หลังไมค์หรือติดต่อTwitterเพื่อขอPasswordได้) หรือหาอ่านรวบยอดได้ในไทยอีนิวส์




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2552    
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 18:01:59 น.
Counter : 845 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.