ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
มหากาพย์แห่งหนี้TPI ตอน“ประชัย” สู้แบบ “หมาจนตรอก”

“...สุภาษิตจีนว่าตีหมาก็ให้ หมามันมีทางเดินได้ อย่าตีจนกระทั่งให้หมาเป็นหมาจนตรอก นี่คือสุภาษิตจีน ถ้าหมาจนตรอก แล้วมันกัด..” (ประชัย เลี่ยวไพรัตน์, คำสัมภาษณ์ต่อนักข่าวสายตลาดหลักทรัพย์ , ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ณ ห้องประชุมชั้น ๙ อาคารทีพีไอ)

การต่อสู้ของประชัย ที่ “กมล ธีรเวชพลกุล” ยกให้เป็นปัญหาอุปสรรคในการฟื้นฟูกิจการของทีพีไอเป็นอย่างมากก็คือ การต่อสู้ในลักษณะแข็งกร้าว ไม่ยอมอ่อนข้อ ในการเจรจากับคณะกรรมการเจ้าหนี้และกระทรวงการคลังในฐานะผู้บริหารแผนฯ

“กิจการของทีพีไอก็เปรียบเหมือนคนไข้ที่เข้าห้องไอซียู แต่เจ้าหนี้จะเอาผีมาสิงไม่ถูก เพราะจิตวิญญาณยังมีอยู่ และผมจะดำเนินการต่อสู้ให้ถึงที่สุด สู้ตามสิทธิ สู้ตามขบวนการที่เปิดช่องทางให้ผมต่อสู้ และเมื่อสู้ถึงที่สุดด้วยระบบศาลสูงไม่ได้ ผมก็พร้อมจะตอสู้ในระบบศาลเตี้ย” (นสพ.โพสต์ ทูเดย์,๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๗ น.๓

ใน “ทฤษฏีสมคบคิด” ประชัย ให้สัมภาษณ์นักข่าว โจมตีบุคคลระดับนำของประเทศหลายคนทั้งในแวดวงการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไม่ว่าจะเป็น ชาตรีและชาติศิริ ที่ประชัย เรียกว่า ชช. - “ชูชก” รวมตลอดถึง โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัฏษ์ ชุมพล ณ ลำเลียง ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไกรสร บารมีอวยชัย หรือกระทั่ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และอีกหลายคน

คำสัมภาษณ์ของประชัย ต่อนักข่าวสายตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ณ ห้องประชุมชั้น ๙ อาคารทีพีไอ. มีเนื้อหาหลายส่วนล่อแหลมในทางคดีหมิ่นประมาท และเข้าใจว่า ผู้ถูกพาดพิงในคำสัมภาษณ์ครั้งนี้มีการฟ้องร้อง เรื่องยังคาอยู่ในชั้นศาล จึงไม่ขออ้างอิงมากนัก

แต่เนื้อหาส่วนหนึ่งในคำสัมภาษณ์ครั้งนี้ ประชัย ได้อธิบายถึงทฤษฏีสมคบคิด ที่กระทำต่อ ทีพีไอ ว่า

“ ถามว่าทำไมต้องเจาะจงเล่นงานเฉพาะทีพีไอ เพราะทีพีไอ เป็นบริษัทน้ำมันเอกชนของคนไทยแห่งเดียวในประเทศไทย คุณไปดูซิในประเทศไทย ไม่มีบริษัทน้ำมันที่มีโรงกลั่นเป็นของเอกชนแม้แต่รายเดียว บางจากก็เป็นรัฐวิสาหกิจ ไทยออยล์ก็เป็นรัฐวิสาหกิจ เชลล์ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ เป็นของฝรั่ง เพราะถ้าเป็นของเอกชนจะขยายตัวเร็ว ขณะนี้ผมถูกบอนไซไป ๗ ปี ทีพีไอ ถูกบอนไซไป ๗ ปี แต่แม้ว่าโดนบอนไซไป ๗ ปี ยอดขายของเราก็เป็นอันดับ ๒ รองจาก ปตท. ปตท.มียอดขายมากกว่าเรา ๒.๕ เท่า เพราะเค้ามีก๊าซธรรมชาติที่ผูกขาดและเค้าไม่ถูกบอนไซมา แต่ถึงแม้เราถูกบอนไซมา เรายังมียอดขายมากกว่า เชลล์ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ นี่ชิดซ้ายไป บางจากนี่สุดกู่ ถ้าผมไม่ถูกบอนไซไป ๗ ปี กำลังการผลิตของเราต้องขึ้นไป ๔-๕ แสนบาร์เรลไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ ลีกวนยูกลัวที่สุด เพราะเมืองไทยสามารถมีการกลั่นมากกว่า ๑ ล้านบาร์เรลขึ้นไป และถ้าประเทศไทยสามารถทำได้มากกว่า ๑ ล้านบาร์เรลนี่ก็จัดเป็น ออยล์ฮับ ได้ตามที่ท่านนายกต้องการ เพราสิงคโปร์ไม่สามารถคุมราคาน้ำมันได้ ตลาดน้ำมันจะตกอยู่ที่เมืองไทย ถ้าเราสามารถถึง ๒-๓ ล้านบาร์เรล เมืองไทยจะเป็นตัว Dictate ราคาน้ำมันทั่วเอเชียเลย เพราะฉะนั้นเค้ากลัวที่สุด คือ บริษัทน้ำมันเอกชนซึ่งไม่ใช่ฝรั่ง...”

เมื่อประชัยมองว่า กระบวนการฟื้นฟูของผู้บริหารแผนฯ คือ การปล้นประชาชน จึงพยายามงัดสารพัดวิธี ทั้ง “บนดิน-ใต้ดิน” เพื่อสกัด

ในส่วนมาตรการทางกฎหมายนั้น ประชัย ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ผู้บริหารแผนพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๒ ครั้ง คือ คือวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๗ และ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๘ แต่ศาลก็ยกคำร้อง

วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ ประชัย ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอซ้อหนี้เพิ่มทุนของทีพีไอ. หรือจัดหานิติบุคคลเข้ามาซื้อหุ้นส่วนทุนใหม่ และส่วนทุนเดิมทั้งหมดก่อนผู้ร่วมลงทุนรายอื่นและหรือเจ้าหนี้ โดยเสนอซื้อในราคาหุ้นละ ๕.๕๐ บาท เพื่อชำระหนี้ทั้งหมด ๒,๗๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ กำหนดระยะเวลาในการชำระค่าหุ้นภายในธันวาคม ๒๕๔๘

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาล ขอชำระเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดที่
ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ๒,๗๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ (๑๐๘,๐๐๐ ล้านบาท) โดยเสนอชำระ ๙๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐภายในตุลาคม ๒๕๔๘ แลกกับหุ้นส่วนทุนตามแผนทั้งหมดร้อยละ ๙๐ (๑๗,๕๕๐ ล้านหุ้น)ให้แก่ผู้บริหารของลูกหนี้และหรือบุคคล นิติบุคคลที่ผู้บริหารของลูกหนี้กำหนด
ส่วนหนี้ค้างชำระอีก ๑,๘๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐจะชำระภายในธันวาคม ๒๕๔๘

พร้อมกันนี้ ประชัย ซื้อพื้นที่โฆษณาตามสื่อสิ่งพิมพ์ ยืนยัน ข้อเสนอเพื่อซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ ๕.๕๐ บาทนี้ มีความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และคัดค้านแผนฟื้นฟู ฉบับของผู้บริหารแผนตัวแทนกระทรวงการคลังว่า เป็นการปล้นประชาชน

๑๗ มีนาคม ๒๕๔๘ ประชัย ยื่นขอถอนคำร้องขอสิทธิ์ซื้อหุ้นและคำร้องเพิ่มเติมทั้ง ๒ ฉบับนี้ และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนคำร้องได้เมื่อ ๘ เมษายน ๒๕๔๘

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ประชัย ยื่นคำแถลงต่อศาลล้มละลายกลางอีกครั้งหนึ่ง ขอชำระหนี้ทั้งหมด ๒,๗๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ และสวมสิทธิ์ต่างๆที่กำหนดไว้ตามแผนฟื้นฟู กิจการของคณะผู้บริหารแผนฯที่ได้รับความเห็นชอบจากศาลแล้ว โดยระบุว่าได้ตกลงร่วมทุนกับ CITIC MITZUHO COPORATE BANK และมี CHINA DEVELOPMENT BANK เป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งในวันเดียวกันนี้ว่า “ให้ผู้แถลงนำเงินที่อ้างว่า จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้มาวางศาลก่อน จึงจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไป” แต่ประชัย ไม่สามารถดำเนินการได้ เรื่องจึงยุติลงในที่สุด

แต่กระนั้นประชัย ก็เชื่อว่า มีการใช้ “กำลังภายใน” จากผู้มีอำนาจ บีบไม่ให้ CITIC ร่วมมือกับเข้า จนทำให้ “ดีล”ล้ม

นอกเหนือจากการแสวงหาช่องทางกฎหมาย การเดิมเกมทางธุรกิจ ในเวลาเดียวกัน ประชัยก็ใช้ช่องทางทางการเมือง อาทิ การยื่นคำร้องต่อคณะกรรมาธิการปกครอง วุฒิสภา ซึ่ง พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย เป็นประธาน ฯ มีการตั้งคณะทำงาน ๑๒ คน อาทิ พลตรี อินทรัตน์, คำนวณ เหมาะประสิทธิ์, บุญเลิศ ไพรินทร์,นายสนิท จันทรวงศ์, นายพิจารณ์ สุภารังษี ซึ่งคนหลังเป็นมือกฎหมายของประชัย สามารถออก “สมุดปกขาว” ถึง ๓ เล่ม โดยเนื้อหาหลักก็คือ การโจมตีคณะผู้บริหารแผน กระทรวงการคลัง และรัฐบาล

ประชัย สานสัมพันธ์กับกลุ่มการเมือง โดยยอมรับตำแหน่งเลขาธิการ “พรรคประชาราช”ของ “เสนาะ เทียนทอง” พรรคซึ่งมีที่ทำการพรรคสูงที่สุดในประเทศ โดยประชัยให้ใช้พื้นที่ชั้น ๑๘ ของอาคารทีพีไอ

ประชัย ยังสัมพันธ์แนบแน่นกับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ซึ่งจุดแรกเริ่มความสัมพันธ์ สนธิ เคยกล่าวไว้ในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” (๒๕ พ.ค.๒๕๕๐)ว่า

“...คุณประชัยเคยเป็นโจทก์ฟ้องผมคดีหมิ่นประมาทว่า ผมไปเขียนว่าคุณประชัย ว่าโรงงานคุณประชัยที่แก่งคอยนั้น ทำลายสิ่งแวดล้อม มีปัญหามาก ไปฟ้องผมที่ศาลเชียงใหม่ ผมก็สู้ แต่ตอนหลังก็เจอกันในศาล ก็นักเลงใส่นักเลงกัน เลิกราต่อกัน เขาก็ถอนฟ้องก็จบ ไม่มีอะไร นั่นคือสิ่งที่ผมรู้จักคุณประชัย..”

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า ความแนบแน่นของทั้งคู่ ส่วนหนึ่งมีพื้นฐานจากความเป็น ลูกศิษย์ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” วัดอ้อน้อย ด้วยกันทั้งคู่

สื่อในมือของสนธิ เป็นช่องทางสำคัญสำหรับการสื่อสาร ต่อสาธารณะในประเด็นการต่อสู้ของประชัย โดยเฉพาะเมื่อสนธิ ประกาศสู้ “ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง” ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงจากอำนาจ ประชัย ก็คือ กลุ่มทุนแบ็คอัพที่สำคัญของม็อบสมาพันประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่ง สนธิ ก็ยอมรับอย่างเปิดเผยว่า

“พ่อแม่พี่น้องเห็นหรือยัง สังคมไทยแบบนี้เป็นสังคมไทยที่พวกเราต้องเข้ามา ช่วยกันคุณสุรยุทธ์ ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯก็รับปากอย่างดิบดี คุณสรุยุทธ

คุณประชัย สนิทสนมกันมาก ร่วมมือกันที่จะโค่นล้มคุณทักษิณ พอคุณประชัยข้นล้มคุณทักษิณ ก็เพราะว่าต้องการที่จะเอาทีพีไอ คืน ผมไม่ตำหนิแก คุณสุรยุทธ์ ต้องการที่จะไล่คุณทักษิณ เพราะตัวเองต้องการเป็นนายกฯ แต่พอตัวเองเป็นนายกฯแล้ว คุณประชัยก็เหมือนกับทุกยุคทุกสมัย ที่โดนถีบออกไปเหมือนเดิม...”
“คุณประชัย อาจจะขอพ่วงสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของแก ก็โอเค เพราะแกไม่เรียกร้องสิทธิของการเปิดบ่อน แกไม่ได้เรียกร้องสิทธิของการที่แกจะมาขายหวยใต้ดิน แกเรียกร้องสิทธิในการให้คนรู้ว่าแกโดนปล้นไปอย่างไม่เป็นธรรม ถ้าอย่างนี้ผม ก้มหน้าไม่อายดินเงยหน้าไม่อายฟ้า ที่จะรับความช่วยเหลือจากคุณประชัย และทีพีไอ มันจะได้หมดสิ้นกันซะที คุณไม่ต้องมาใส่ร้าย คุณไม่ต้องมาโวยวายว่า เอเอสทีวีได้รับความช่วยเหลือ ใช่โฆษณาที่มีอยู่ โฆษณาที่ใหญ่ที่สุดคือ ทีพีไอ โพลีน คุณประชัย แต่เหตุของการช่วยคุณประชัยครั้งนี้มันเป็นเหตุที่ถูกต้อง เพราะผมกำลังช่วยให้เขารับความเป็นธรรมในสิทธิของเขาเอง ที่กิจการที่ครอบครัวของเขาสร้างมาแล้วถูกโจรปล้นไปอย่างหน้าด้านๆตั้งไม่ รู้กี่ครั้ง...” (ยามเฝ้าแผ่นดิน, ผู้จัดการรายวัน ๒๕ พ.ค.๒๕๕๐)

นอกเหนือจากทุนสนับสนุน ประชัยและพนักงานที่สวามิภักดิ์ ยังร่วมเวทีขับไล่ทักษิณอย่างเปิดเผย

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น ประชัย ถูกมองเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่สนับสนุนการล้ม “ระบอบทักษิณ” เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙

การล้มกระดานการเมือง ซึ่งน่าเป็นการเปิดทางสะดวกให้กับ ประชัย ทวงคืน ทีพีไอ กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด

“...อย่างไรก็ดีในยุคที่อำนาจมืดจากระบอบทักษิณครองเมือง สิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่โปร่งใส และไม่มีความชอบธรรมได้แผ่คลุมไปทุกภาคส่วนของสังคมไทย แต่หลังจากที่ระบอบทักษิณได้ถูกโค่นลง จึงถือว่าเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาล "สุรยุทธ์ ๑" จะคืนความชอบธรรมให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของทีพีไอ โดยเฉพาะล่าสุด "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" ผู้บุกเบิกและก่อตั้งอาณาจักรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีแสนล้านทีพีไอ ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทีพีไอ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน และนายกรัฐมนตรีที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเป็นคนดี และมีคุณธรรมสูงอย่างพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่๖พ.ย.๒๕๔๙ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เพื่อขอเปิดทางให้กลุ่มผู้ถือหุ้นทีพีไอในราคา ๓.๓๐ บาท จากพันธมิตรของคลัง ทั้ง ปตท. กบข.กองทุนวายุภักษ์ ๑ และธนาคารออมสินที่ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน ๖๑.๕% และเป็นที่น่ายินดีว่า กระทรวงการคลังในยุคที่มีผู้บริหาร "น้ำดี" อย่าง "หม่อมอุ๋ย" หรือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล มีท่าทีตอบรับในการคืนความชอบธรรม ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของทีพีไอเช่นกัน เพียงแต่อดใจรอให้รัฐบาลชุดโปร่งใสกดปุ่มไฟเขียวเท่านั้น…” (ล้างบางระบอบทักษิณ ล้างมลทินทีพีไอ : ตามรอยเส้นทางเถื่อน จากทีพีไอสู่ไออาร์พีซี,ผู้จัดการรายวัน)

กระแสข่าวในทางการเมือง มีหลายประเด็นพยายามเชื่อมโยง การทวงคืนทีพีไอของประชัย ไม่ว่าจะเป็นการลาออกของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร บอกกับนักข่าวถึงเหตุผลการลาออก(วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐) ว่า

“รับไม่ได้ที่รัฐบาลแต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คนของ"ระบอบทักษิณ"มาร่วมงาน และประการที่สองคือไม่ต้องการทำงานภายใต้ความกดดัน ของสื่อบางราย รวมทั้งมีรัฐมนตรีบางคนทำงานเอื้อประโยชน์ให้กับสื่อบางรายด้วย”

สื่อมวลชนพยายามเจาะข่าวต่อไปอีก และก็มีเนื้อหาบางประเด็นปรากฏในหน้าบทความ

“...แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อูฐหลังหัก และเป็นต้นเหตุให้ “หม่อมอุ๋ย” สิ้นความอดทน คือคำร้องขอจากขุนทหารใหญ่ ให้ “หม่อมอุ๋ย” หาช่องทางคืนกิจการกลุ่ม “ทีพีไอ” ให้ “เสี่ยประชัย” ต่างหาก..” (จิ๋วคิดการณ์ใหญ่,นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ,๒๘ มี.ค.๒๕๕๐)

ต่อมาสื่อมวลชนอีกหลายสำนักก็ขยายผลข่าว โดยเฉพาะกรณี “ขุนทหารใหญ่” ซึ่งมีการพุ่งเป้าไปที่ “พล.อ สพรั่ง กัลยาณมิตร” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก แกนนำ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ที่ว่ากันว่าร่วมดื่มน้ำสาบานกับ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน และพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการปฏิวัติ ๑๙ กันยาฯ

กระแสด้านลบโถมใส่ พล.อ.สพรั่ง อยู่หลายวัน กระทบต่อเครดิตในการเป็น “แคนดิเดต” ผู้บัญชาการทหารบกต่อจากพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน โดยเฉพาะกลุ่มขั้วอำนาจเก่านำไปเป็นประเด็นขยายผลโจมตี ก่อนที่ พล.อ.สพรั่ง จะออกมาตอบนักข่าวว่า

“ไม่รู้ว่าใครใส่ร้าย บุคลิกผมไม่เคยไปกดดันใคร ส่วนใครจะร้อนตัวผมไม่รู้ ถ้าถามว่าผมกดดันเรื่องอื่นนั้นแหละใช่ กดดันคนเลวแหละใช่”

กระทั่งการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ “ประสิทธิ โฆวิไลกุล” ก็ถูกมองว่า ส่วนหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการทวงคืนทีพีไอ เช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงแรก ที่ประสิทธิได้รับการโปรดเกล้า เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ประสิทธิก็ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม

“ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล ได้มีคำถามตามมาทันทีว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายรัฐมนตรีคนปัจจุบันตัดสินใจตั้งรัฐมนตรีผิดพลาดอีกหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นเซียนกฎหมายชั้นอ๋องก็จริง แต่หากเจาะเบื้องหลังในการวางจุดยืนและบทบาทของตัวเองในฐานะนักกฎหมายมือ อาชีพ กลับถูกตั้งข้อกังขาหลายเรื่อง โดยเฉพาะจุดยืนในการตีความกฎหมายหลายฉบับ หลายเรื่องในยุคระบอบทักษิณครองเมือง

โดยเฉพาะกรณีที่นายประสิทธิ์ โฆวิไลกุล ได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็น “กรรมการในบริษัท เอฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัดหรืออีพีแอลในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน)หรือทีพีไอชุดแรกหรือที่รู้จักอีพีแอลกันในชื่อ “ร่างทรงเจ้าหนี้ทีพีไอ” ซึ่งในช่วงนั้นกรรมการอีพีแอลได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการสร้างความไม่ชอบ มาพากลเกิดขึ้น ในการฟื้นฟูกิจการทีพีไอ จนในที่สุดศาลล้มละลายกลางต้องมีคำสั่ง “ตะเพิด” ให้อีพีแอลพ้นจากการเป็นผู้บริหารแผนไปในที่สุด…” (ล้างบางระบอบทักษิณ ล้างมลทินทีพีไอ : “ประสิทธิ์ โฆวิไลกุล” กับข้อครหาพันอีพีแอลไซฟ่อนเงิน “ทีพีไอ” ,ผู้จัดการรายวัน,วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙)

แม้เปิดไพ่เดินเกมอย่างตรงไปตรงมา แต่ผู้รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็น พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตี และฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังไม่มีใครตัดสินใจแบบเด็ดขาด กับหน้าไพ่ที่ประชัยเล่น

“ วันนี้ เวลา ๑๕.๓๐ น.ที่พล.ม.๒ สนามเป้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะให้ผู้ถือหุ้นทีพีไอเดิมสามารถซื้อหุ้นกลับคืนได้ว่า เคยได้รับเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้มอบหมายให้หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในขณะนั้น ได้ศึกษาดู จนถึงปัจจุบันเรียนได้ว่ายังมีข้อขัดข้องอยู่ คือเรื่องคดีที่ยังอยู่ในศาลล้มละลาย ถ้าเราจะไปทำอะไรก่อนในช่วงนี้ อาจจะเกิดปัญหาได้เมื่อศาลได้ตัดสินคดีแล้ว ดังนั้น คงต้องรอการตัดสินของศาลก่อน

ส่วนการที่จะนำเอาบริษัทเอกชน กลับเข้ามาเป็นของรัฐ จะทำให้เกิดความไม่มั่นใจในนโยบายต่อนักลงทุนต่างชาติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาในอดีต รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขในส่วนที่ไม่ตรง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และเรื่องไม่ได้เกิดในรัฐบาลนี้ แต่เราพยายามที่จะแก้ไข อย่างไรก็ตาม ต้องศึกษาให้เกิดความรอบคอบว่ามีอะไรบ้างที่ยังติดขัดอยู่” ( ๓ พ.ค.๒๕๕๐ กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก ทำเนียบรัฐบาล)

“...ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.) และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีพีไอ จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาหารือเกี่ยวกับแนวทางการเปลี่ยนคณะกรรมการ และเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังใน บมจ.ไออาร์พีซี นายฉลองภพ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน และเป็นเพียงการหารือเบื้องต้น เพราะการขายหุ้นของกระทรวงการคลัง มีข้อจำกัดในการขายหุ้นออกได้ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คิดเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้น ของกระทรวงการคลังใน บมจ.ไออาร์พีซี...”(ผู้จัดการออนไลน์,๒ พ.ค.๒๕๕๐)

ประชัย สรุปบทเรียนความเคลื่อนไหวใหม่อีกครั้ง พร้อมกับเริ่มทำงานทางความคิด ทำความเข้าใจกับสังคมวงกว้างเพื่อรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม โดยพยายามเชื่อมโยงข้อมูลและเผยแพร่ต่อสาธารณะว่า กระบวนการฟื้นฟูทีพีไอ เป็น หนึ่งใน ความไม่ชอบมาพากลของ “ระบอบทักษิณ”

นักปรัชญาชาวอิตาเลี่ยน Niccoli Machiavelli เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ปกครองที่มีโชคชะตาอาจได้อำนาจมาโดยง่ายแต่การรักษาอำนาจจะต้องใช้ทั้ง “ความสามารถ” และ “โชคชะตา”

บางทีจังหวะโชคชะตาของประชัย อาจต้องรอรัฐบาลใหม่ เงื่อนไขโครงสร้างอำนาจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในมิติการเมือง หรือ กองทัพ

แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจลบทิ้ง วรรคทองของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่ว่า “...คุณประชัยก็เหมือนกับทุกยุคทุกสมัย ที่โดนถีบออกไปเหมือนเดิม...”

หลังการเลือกตั้งปี’50 ประชัยก็โดนถีบออกจริงๆ แต่คราวนี้ คนถีบคือเจ้าของวรรคทอง

จากเว็ปเสียงประชาคม
//www.civilvoice.net/columnist/tpi/51/012.php


Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 9:58:38 น. 0 comments
Counter : 1670 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.