ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
เสียงจากออสเตรเลียตอนที่ ๖ เปรมาธิปไตย ตอน ลัทธิมอมเมาสังคม

โดย อาคม ซิดนี่ย์
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐

ก่อนที่ผมจะนำเสนอบทความชิ้นนี้ ผมคงต้องขออนุญาตเชิญชวนท่านผู้อ่านมาทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับกระแสพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้พสกนิกรในเรื่องเกี่ยวกับความพอเพียง เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางที่ถูกต้องเสียก่อนแล้วเราค่อยมาชี้ประเด็นเกี่ยวกับ "ลัทธิมอมเมาสังคม" ของระบบเปรมาธิปไตยที่ขัดต่อกระแสพระราชดำรัส ให้เห็นภาพชัดเจนเป็นอันดับต่อไป ผมจำได้ว่ากระแสพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้พสกนิกร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐ ในเรื่องความพอเพียงนั้น มีความสืบเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจในปีนั้น ที่ทำให้พระองค์ทรงห่วงใยต่อความทุกข์ยากของประชาชนที่ประสพอยู่ในเวลานั้น ซึ่งท่านผู้อ่านคงจำได้ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินที่ถูกปิดถึงกว่าห้าสิบแห่ง และบริษัทห้างร้านตลอดจนโรงงานต่างๆ ได้ทยอยกันปิดตัวเองเป็นจำนวนมาก ซึ่งพันกันเป็นลูกโซ่กับเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ ส่วนธุรกิจที่พออยู่รอดกับวิกฤติการณ์ในครั้งนั้น ก็ต้องพยายามกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ที่จะประคับประคองให้รอดพ้นจากวิกฤติ มาตรการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในเวลานั้นก็คือ การปลดและลดคนงาน จึงส่งผลให้มีคนตกงานมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ข่าวการฆ่าตัวตายมีให้ได้เห็นไม่เว้นในแต่ละวัน วิกฤติการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงมีผลกระทบต่อธุรกิจภาคเอกชนเท่านั้น หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ก็มีความเดือดร้อนไม่แพ้กัน

ผมจำได้ว่าสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาท ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ชมรมแม่บ้านร่วมกับมูลนิธิจัดทำอาหารเลี้ยงประชาชนเพื่อบรรเทาทุกข์ ยังความทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จนเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ประชาชนว่า "อาหารพระราชทานจากครัวหลวง" เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนในแผ่นดินมีความทุกข์ยาก ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ ฝนแล้งหรือน้ำท่วม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีฯ ของเรา ก็จะทรงเป็นทุกข์ด้วยในทุกครั้ง แล้วพระองค์ท่านก็จะทรงหาหนทางมาช่วยบรรเทาทุกข์ให้เสมอมา ดังนั้นกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีนั้น จึงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ประชาชนคนไทยได้ตระหนักถึงการใช้จ่ายไม่ให้ฟุ่มเฟือย และรู้จักบริหารจัดการในเรื่องการจับจ่ายใช้สอยให้มีความสอดคล้องเพียงพอกับรายได้ที่มี กระแสพระราชดำรัสความพอเพียง ได้มีการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวางไม่แพ้ "รู้รักสามัคคี" และได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในหมู่นักวิชาการ แล้วกลายมาเป็นคำยอดนิยมที่รู้จักของคนทั่วไปว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" แต่บนความเป็นจริงแล้วคำจำกัดความของคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ไม่อาจสรุปได้เป็นที่ชัดเจน




วันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ ในปีต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้มีพระมหากรุณาธิคุณอธิบายเพิ่มเติมว่า "พอเพียง หมายถึง พอมีพอกิน" "พอมีพอกิน ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแต่ละคนมี พอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ยิ่งให้ทั้งประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี" "ประเทศไทยสมัยก่อนนี้ พอมีพอกิน มาสมัยนี้อิสระ ไม่มีพอมีพอกิน จึงจะต้องเป็นนโยบายที่จะทำให้เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะให้ทุกคนพอเพียงได้ พอเพียงนี้ก็หมายความว่ามีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ" (ข้อมูลจากวารสารมูลนิธิชัย พัฒนา “เศรษฐกิจพอเพียง”)




แต่แล้วประชาชนก็มีอันจะต้องไขว่เขวและสันสน เมื่อมีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการที่อยู่ภายใต้ระบอบเปรมาธิปไตยออกมาเคลื่อนไหวชูหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นนโยบายแห่งรัฐ เพื่อต่อต้านนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจให้ทันสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยผ่านไปยัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ออกมาเปิดประเด็น "ลูกแกะหลงทาง" และกลายมาเป็นเงื่อนไขพิฆาต พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการกล่าวหาว่า ไม่ตอบสนองกระแสพระราชดำรัส การโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ในกรณีประกอบพิธีทำบุญประเทศในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรงถึงขนาดตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร แม้ในเวลาต่อมาได้ รับการชี้แจงและได้รับการยืนยันในความถูกต้องจากกองงานพระราชพิธี แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนนายสนธิยังไม่ยอมเลิกรา ในแต่ละเรื่องที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นำมาเป็นประเด็นกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนเป็นข้อกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์และอ่อนไหวในความรู้สึกของสังคมคนไทยทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชสองพระองค์นั้น โดยความเป็นจริงแล้วเป็นเหตุสืบเนื่องจาก สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปริณายก ทรงพระประชวร จึงได้มีการแต่งตั้งคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา โดยมีสมเด็จพระพุทฒาจารย์วัดสระเกศเป็นประธาน ก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชสองพระองค์อย่างที่นายสนธิจงใจที่จะกล่าวหา




ท่านผู้อ่านคงจำได้นะครับว่า กรณีแต่งตั้งสมเด็จพระพุทฒาจารย์เป็นประธานคณะปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชนั้น ได้ถูกหลวงตามหาบัวต่อต้านและคัดค้านถึงกับให้นายทองก้อนศิษย์เอกทำหนังสือถวายฎีกาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปลดออกจากตำแหน่งเลยทีเดียว จึงอย่าได้แปลกใจว่าทำไมนายสนธิจึงต้องเอาเป็นเอาตายกับเรื่องนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่านายสนธิ ต้องการอาศัยบารมีหลวงตามหาบัวขึ้นมาต่อกรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเอาวัดป่าบ้านตาดเป็นเวทีสู้รบ เพื่อขยายผลเรียกร้องความเห็นใจ ว่ากำลังถูกอำนาจรัฐคุกคามเอาชีวิตให้เห็นเป็นเรื่องสมจริงยิ่งขึ้น




การโจมตีรัฐบาลด้วยข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินความจริงจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เด็ดขาด ถ้าไม่ได้รับไฟเขียวจากบุคคลที่มากด้วยบารมี จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมกลุ่มนักวิชาการจึงออกมาช่วยประสานเสียงได้อย่างพอดิบพอดีหากไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า ดังนั้นข้อกล่าวหาจึงมีเพิ่มมากขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน การหลีกเลี่ยงเสียภาษี ตลอดจนโครงการต่างๆ ในรัฐบาลทักษิณมีการกล่าวหากันว่าทุจริต จนเป็นที่มาของคำว่าโครตรานุวัตรหรือโกงทั้งโคตร และถูกนายสนธิ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวบรวมมาโจมตีจนกระทั่งทุกวันนี้ รวมหลายสิบข้อหาแบบครบวงจรว่าเป็นคนขายชาติ ทำลายศาสนา ล้มล้างพระมหากษัตริย์ การที่ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน รับลูกเอาข้อมูลเก่าที่นายสนธิโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ มาเล่น ต่อด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “พวกเราทุกคนที่รับราชการหรือทำธุรกิจใดก็ตาม แม้คนขายก๋วยเตี๋ยวชามละสามสิบบาทยังต้องเสียภาษีให้รัฐ ผมเป็นข้าราชการรับเงินเดือน ๑๒ เดือนต้องเสียภาษีให้รัฐประมาณหนึ่งเดือน แต่คนขายหุ้น ๗๕,๐๐๐ ล้าน จะต้องควรเสียภาษีหรือไม่ ผมถือว่าเป็นเหมือนกับการเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน ซึ่งผู้นำสูงสุดทางการเมืองของประเทศไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้แล้วยังมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ข้อกล่าวหาอีก ๘๐ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ได้ชี้แจงข้อกล่าวหารวมทั้งการประกอบพิธีทำบุญประเทศในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากนี้ระบบการตรวจสอบทางการเมืองโดยสภาผู้แทนก็ไม่สามารถดำเนินการได้ องค์กรอิสระทั้งหลายก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของรัฐบาล" (มติชนสุดสัปดาห์ฉบับที่ ๑๓๗๕ หน้า๒๙)




ข้อมูลเก่าที่ไม่สามารถเอาผิดได้ในแง่มุมของกฎหมายแต่ถูกนำมาตอกย้ำซ้ำซากเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง เป็นการส่อเจตนาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "เมื่อกฎหมายเอาผิดไม่ได้ ก็ต้องยัดเยียดความผิดในด้านจริยธรรมเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยต่อสังคมให้จงได้" เพียงเพื่อทำลายให้พ้นเส้นทางการเมือง กรณีมีพระบัญชาปลดสมเด็จพระพุทฒาจารย์วัดสระเกศมาเป็นสมเด็จพระมหาธีรจารย์วัดชนะสงคราม เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๙ แล้วได้ถูกปฎิเสธจาก พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ และ คุณหญิงทิพวดี เมษสวรรค์ พร้อมกับให้ความเห็นว่าเป็นพระบัญชาปลอม แต่ก็ได้รับการสวนหมัดทันควันจาก พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ออกมายืนยันว่าเป็นพระบัญชาที่ถูกต้องของจริง สร้างความสับสนให้กับผู้คนทั่วทั้งประเทศแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลที่จะดำเนินการให้เป็นที่กระจ่างก็เป็นอีกประเด็นที่ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารบ้านเมืองในปัจจุบัน เพราะถูกปกครองด้วยระบอบเปรมาธิปไตยที่ใช้หลักจริยธรรมแทนกฎหมายบ้านเมือง




การไม่บังคับใช้กฎหมายด้วยการยึดหลักคุณธรรมและจริยธรรมที่ไม่มีมาตรฐานกำหนดผิดถูกที่แน่ชัดตามระบอบเปรมาธิปไตย ย่อมเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายที่เป็นพลพรรคของตัวเองได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น กรณีความที่ฟ้องร้องนายสนธิในความผิดเรื่องหมิ่นเบื้องสูง ที่ได้รับการถอนฟ้องด้วยข้ออ้างเพื่อความสมานฉันท์ ในขณะเดียวกันกลับมีการขุดคุ้ยความผิดในข้อหาเดียวกันนี้เพื่อดำเนินคดีในทางอาญากับ พ.ต.ท.ทักษิณ และที่ร้ายไปกว่านั้น ในเวลานี้ได้มีการคุกคามและข่มขู่สื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือทีวี ไม่ให้เสนอภาพและข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตนักการเมือง แต่ในเวลาเดียวกัน รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิกลับมีข้อยกเว้นและมีเสรีภาพในการเสนอข่าวชนิดเกินขอบเขตอย่างเห็นได้ชัด นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่เพียงแต่ได้รับการยกเว้นในการเสนอข่าวเท่านั้น แม้การวิพากณ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศที่เต็มไปด้วยถ้อยคำที่ก้าวร้าวรุนแรงและหยาบคายก็ได้รับการยกเว้น ก็เลยทำให้ภาพความเป็นอภิสิทธิชนของนายสนธิดูเด่นเป็นสง่าไม่ต่างจากภาพของรัฐบุรุษ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้นายสนธิสามารถจาบจ้วงหรือโจมตีใครก็ตามที่ตัวเองไม่ชอบโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่เว้นแม้รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ อย่าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายวิจิตร ศรีสะอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรววงศึกษาธิการ และใช่เพียงเท่านี้ฝ่ายความมั่นคงในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่ร่วมทำการรัฐประหารอย่าง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคง ตลอดจน พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ต่างล้วนถูกก่นด่าขับไล่แบบสาดเสียเทเสียมาแล้วทั้งสิ้น นั่นก็ไม่ใช่เพราะผู้มีบารมีอยู่เบื้องหลังดอกหรือ นายสนธิถึงได้มีอิทธิพลพอที่จะทำสิ่งดังกล่าวอีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากฎหมาย ไม่มีผลบังคับใช้แล้วสำหรับบางคนในประเทศไทย




พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นอกจากอาศัยความเป็นนักสร้างภาพมอมเมาสังคมในสิ่งที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ดังเช่นเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมดังกล่าวแล้ว ยังมีความพยายามที่จะกระพือโหมให้สังคมเชื่อถือและกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและหลักความเป็นจริง นั่นก็คือ ประเทศชาติเป็นของศักดิสิทธิ์ ทั้งนี้เพื่อประกอบเหตุผลในการสาปแช่งบุคคลที่ตัวเองไม่ชอบว่าเป็นผู้ทรยศต่อแผ่นดินจนมีอันต้องเป็นไปอย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในเวลานี้


นอกจากนี้แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะ อันเกิดจากพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินมาอย่างยาวนาน เพื่อความผาสุขของปวงชนชาวไทย จนเป็นที่ประจักษ์และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณปรากฎไปสู่ทั่วทุกมุมโลก แทนที่จะถ่ายทอดให้ลูกหลานได้เห็นซึ้งถึงพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ กลับถูกจำกัดความให้เป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ที่ห้ามละเมิดห้ามวิจารณ์ จึงทำให้กลายเป็นความเกรงกลัวเมื่อนึกถึงองค์พระประมุข ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาต่ออาณาประชาราษฎร์ เพื่อเป็นการยืนยันว่าบทความทั้งหมดที่นำเสนอมานี้ ไม่ได้เขียนขึ้นด้วยความมีอคติ หรือมีความเกลียดชังเปรมเป็นการส่วนตัว แต่หากเขียนขึ้นด้วยความรู้สึกที่อยากเห็นความถูกต้องและเป็นธรรมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ดังนั้นผมจึงขออัญเชิญกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ มาให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมกันพิจารณาในความบางตอนดังต่อไปนี้




"ในระบอบรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระเจ้าอยู่หัวผิดไม่ได้ เขาพูดอย่างนั้น The King can do no wrong เหมือนท่านองคมนตรีชอบพูดว่าต้องอ้างภาษาอังกฤษ แต่เวลา The King บอกว่า The King can do no wrong ก็เป็นสิ่งที่ wrong แล้วผิดแล้ว ไม่ควรพูดอย่างนั้น ความจริงเวลาอ่านตำรากฎหมายรัฐธรรมนูญภาษาอังกฤษมีตำราอ้างอยู่เสมอ แล้วคนที่เรียนภาษาอังกฤษเรียนกฎหมายอังกฤษก็ต้องอ้างเสมอเรื่อง The king can do no wrong และนักกฎหมายแถวนี้ก็พยักหน้าว่าใช่ ความจริง The King can do no wrong เป็นการดูถูก The King อย่างมากเพราะว่า The King ทำไมจะ do no wrong ไม่ได้ แสดงให้เห็นว่า เขาถือว่า The King ไม่ใช่คน จริงๆ อยากให้วิจารณ์เพราะว่าเราทำอะไรก็ต้องรู้ว่าเค้าเห็นดีหรือไม่ดี ถ้าไม่พูด ก็หาว่า ทำดีแล้ว แต่แท้จริงที่พูดที่ออกข่าวให้สัมภาษณ์บอกว่าอย่าไปวิจารณ์ The King ต้องบอกว่าอย่าไปวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าไม่ควร ในรัฐธรรมนูญก็มีอยู่ว่าละเมิดไม่ได้ นักกฎหมายก็พยักหน้าอีกแล้วว่าถูกต้องว่าไม่ควรจะวิจารณ์ วิจารณ์ไม่ได้ ละเมิด ไม่ได้ แต่ว่าถ้าพูดว่าพระเจ้าอยู่หัวทำถูก ไม่ใช่ละเมิด เป็นการพูดภาษาอังกฤษ approve approve พระเจ้าอยู่หัวเห็นชอบด้วย แต่ไม่มีใครมาเห็นว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดดีพูดถูก แต่ว่าความจริงก็ต้องวิจารณ์บ้างเหมือนกัน และก็ไม่กลัวว่าถ้าใครจะมาวิจารณ์ว่า ทำไมไม่ดีตรงนั้น ตรงนั้น จะได้รู้ เพราะว่าถ้าบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ ก็หมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่คน ไม่วิจารณ์"




การบิดเบือนกระแสพระราชดำรัสของกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลในระบอบเปรมาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับความพอเพียงก็ดี หรือการมอมเมาให้ สังคมหลงและงมงายเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ทำให้เกิดความเกรงกลัวอย่างไม่มีเหตุผลนี่เอง จึงปรากฎมีผู้คนเริ่มมานั่งรอกราบไหว้พล.อ.เปรม อยู่ข้างทางเหมือนรอรับเสด็จด้วยความเข้าใจผิด

อาคม ซิดนี่ย์
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐

ฉบับหน้ามาว่ากันเรื่อง “เปรมข้อต่อธุรกิจ-การเมือง-เบื้องสูง


Create Date : 01 เมษายน 2551
Last Update : 1 เมษายน 2551 15:53:05 น. 0 comments
Counter : 521 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.