ธนา รองCEOของDTACมีทัศนคติดูถูกรากหญ้าด้อยการศึกษาอย่างร้ายกาจ
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) “ดีแทค”
ผม มองว่าปัญหาการเมืองของไทยหลักๆวันนี้ อยู่ที่การศึกษาของพลเมืองในประเทศ ตราบใดที่ยังมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอยู่ ปัญหาต่างๆจะไม่ได้รับการแก้ไข เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วจะกลับมาที่ปัญหาเดิม ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ต้องแก้ไขด้วยเรื่องการศึกษา
ส่วนตัว ผมเห็นด้วยกับแนวคิดที่มีคนเสนอไว้นานแล้ว ตอนแรกฟังดูแปลกๆ แต่ตอนนี้ออกจะเชื่อว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ดี คือ ให้คนจบปริญญาตรีเท่านั้นที่มีสิทธิเลือกตั้ง จากปัจจุบันกำหนดอายุไว้ที่ 18 ปี เพราะแม้เป็นมาตรฐานระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงควรกำหนดมาตรฐานใหม่ เอาการศึกษาเข้ามา อาจจะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และจะส่งผลให้ รัฐบาลต้องกำหนดให้ระดับปริญญาตรีเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย
ผมคิด ว่าควรมีการนำแนวคิดมาถกเถียงกันว่า อย่างไหนดีที่สุด เพราะในขณะนี้ ระบบการเมืองไทย จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข อย่างไรก็ตาม หากมองว่า การกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องจบปริญญาตรีเท่านั้น หลายคนอาจเห็นว่าปิดกั้นเกินไป ก็อาจจะกำหนดว่า ผู้ที่จบปริญญาตรีมีสิทธิ์เลือกปาร์ตี้ลิสต์ หรือฝ่ายบริหารประเทศโดยตรง แทนที่จะให้ ส.ส.เลือกกันเอง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะแก้ปัญหาได้
//www.thairath.co.th/news.php?section=economic02&content=103337
นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว จะให้คนที่มีการศึกษาเท่านั้นที่เลือกตั้งได้ แล้วมันเข้าใจคำว่าประธิปไตยหรือเปล่า งั้นคนจนไม่ต้องทำนา คนจนไม่ต้องก่อสร้าง คนจนไม่ต้องใช้ดีแทค คนจนไม่ต้องเก็บขยะ ปล่อยให้มันล้นเมือง มันเป็นการดูถูกประชาชนอย่างร้ายแรง แนวคิดนี้ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นคนจนคงแย่ แล้วการศึกษาไม่ได้เป็นหลักประกันว่าไอ้คนคนนั้นมันเป้นคนดี หมอฆ่าคนตายก็มี อาจารย์ทำอนาจารนักศึกษาก็มี ครูข่มขืนนักเรียนก็มี คนรวยโกงกันก็มี ปล่อยคนคนนี้ไม่ได้
จากคุณ : เก็บไว้ในใจ - [ 8 ก.ย. 51 20:46:17 A:203.153.169.121 X: ]
555 จำอวดมาอีกคนแล้ว ถ้าหุบปากไว้คงไม่มีใครว่าใบ้หรอก อ้าปากออกมารู้ถึงไส้ถึงพุงเลย
ผมว่านะ คุณอัจฉริยะ ปริญญาตรีอย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องมีคุณสมบัติตามนี้
- จบรัฐศาสตร์ (การเมืองการปกครอง จบหมอจบวิศวะจะไปรู้อะไร) - เกิดเมืองไทยมาอย่างน้อยสองชั่วคน (กันสายลับจากต่างประเทศเช่นอ้ายแป๊ะ) - อายุอย่างน้อย 35 ปี (ต้องมีประสบการณ์การทำงานบ้าง) - จ่ายภาษีต่อเนื่องมาอย่างน้อย 5 ปี (เพราะมีความรักชาติมากกว่าพวกเบี้ยวภาษี) - ต้องถือครองที่ดิน (ไม่มีที่ดินรักชาติสู้คนที่มีหลักแหล่งไม่ได้) - เจ็ดชั่วโครต ไม่มีใครเคยทำความผิดเลย (กันคนที่ยีนไม่ดี)
อเมริกา ฆ่ากันตายเป็นล้านคนเพื่อให้คนผิวดำซึ่งอย่าว่าแต่ ป.สี่ เลย อนุบาลก็ไม่ได้เรียน อ่านหนังสือก็ไม่ออก ได้มีโอกาสเลือกตั้ง ถ้าคนผิวดำไม่ได้เลือกตั้ง, ก็ไม่มี สส ผิวดำ, ไม่มี สส ผิวดำ, คนผิวดำในอเมริกาก็ไม่มีโอกาสอย่างเช่นทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องของสิทธิ เข้าใจไหม one-man-one-vote
ว่างๆ อ่านหนังสือบ้างนะ คุณอัจฉริยะ แหม พอทักษินไม่อยู่ ไม่มีคู่แข่งคอยเบรค ปากเก่งเลย
อีกอย่าง ผมว่าควรออกกฏหมายให้คนจบปริญญาเท่านั้นที่ซื้อโทรศัพท์คุณได้ อ้าว กันเด็กโดนโฆษณาของคุณหลอกไง . .
จากคุณ : Rights of Man - [ 8 ก.ย. 51 20:51:20 A:124.120.220.106 X: ]
ที่เชื่อกันว่าการเลือกตั้งทุกครั้งผู้สมัครรับเลือก ตั้งก็ซื้อเสียงแล้วเข้ามาถอนทุนทุกครั้ง เราคงปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงเลยไม่ได้ แต่ลองดูความเห็นของนาย Vox Populi ฝรั่งที่ได้ภรรยาคนไทย และอยู่ในประเทศไทยมา 11 ปี ว่าที่คนกรุงเทพฯ เรียกว่าการขายเสียงนั้น คนรากหญ้าเขามองอย่างไร ผมคัดลอกและแปลข้อความจาก Economist
"For the society that power can be easily bought in the name of democracy . . ."
A common assumption among supporters of the PAD is that rural voters simply sell their votes to the highest bidder. A common figure quoted is 500 baht per family's votes. Having visited and lived in one of the poorest districts of rural Thailand, I think that rural voters opting for the TRT/PPP parties has more to do with roads, schools, running water, etc. In the village that my father-in-law lives in, the Thaksin government provided paved roads, a water pump allowing most of the village to have running water most of the time (a vast improvement over the previous situation), and a new library builing for the village school. This is considerably more than the Chuan, Chavalit, or Banharn administrations managed to do.
Money buys votes? No. Infrastructure improvement buys votes. Voting for people who deliver concrete improvements to your district (in addition to the cheap credit, cheap healthcare, cheap housing, etc.) is rational self-interest, not corruption. What Bangkok's middle classes resent is that now political parties will have to address the needs of the rural poor as well as the wants of the metropolis.
The current conflict in Bangkok is not about removing Samak; it's class warfare.
“สำหรับสังคมไทยที่พูดกันว่าอำนาจ(ทางการเมือง) สามารถซื้อได้ง่ายในนามของประชาธิปไตย (หมายถึงการเลือกตั้ง)” สมมุติฐาน ที่กลุ่มคนที่สนับสนุนพันธมิตรมักจะอ้างถึงคือผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ในชนบทมักจะขายเสียงให้ใครก็ตามที่ยอมจ่ายเงินให้สูงสุด อัตราการซื้อขายเสียงที่พูดถึงอยู่เสมอคือ 500 บาทต่อครอบครัว ผม (นาย Vox Populi) ได้เคยอาศัยอยู่และคลุกคลีกับหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในชนบทของประเทศไทยมา ก่อน ผมสรุปว่าชาวบ้านจะยอมลงคะแนนให้พรรคไทยรักไทย / พรรคพลังประชาชน (ถ้าเรียกว่าเป็นการขายเสียง) เพื่อแลกกับการสร้างถนน ปั๊มน้ำเพื่อนำน้ำกินน้ำใช้เข้าหมู่บ้าน (ซึ่งทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นมากมายกว่าในอดีต) รวมทั้งการสร้างห้องสมุดและโรงเรียนใหม่ ๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มากกว่าผลงานรวมที่นายกชวน ชวลิต และบรรหารได้เคยทำไว้ในสมัยที่คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร เงินซื้อ เสียงในการเลือกตั้งหรือ? ไม่ใช่ แต่เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสังคมต่างหากที่ซื้อเสียงได้ การลงคะแนนเลือกตั้งให้พรรคที่สามารถส่งมอบผลงานที่จับต้องได้ให้แก่ชุมชน ของตน (รวมถึงการให้เงินกู้ดอกเบี้ยถูก การประกันสุขภาพ และโครงการที่อยู่อาศัยราคาถูก) ถือเป็นการเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างมีเหตุผลที่เข้าใจได้ของชาวบ้าน มิใช่การคอร์รัปชั่น (rational self-interest, not corruption)
สาเหตุ ที่ชนชั้นกลางในเมืองหลวงไม่พอใจคือต่อไปนี้พรรคการเมืองต้องดูแลความจำเป็น พื้นฐาน (Needs) ของชาวชนบท พร้อม ๆ กับต้องสนองความต้องการ (Wants) ของคนในเมืองหลวง
ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันในกรุงเทพฯ มิใช่การปลดนายสมัคร แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้นต่างหาก
อ้างถึง //www.economist.com/members/persona.cfm?econUId=2539848 ในหัวข้อ Comment on: Thailand | Worse than a coup.
ที่จริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนักก็แค่ CEO ที่รับจ้างเข้ามาบริหาร แต่พูดอย่างนี้ถ้าเป็นเรื่องจริง แล้วถ้าประชาชนอยากจะแสดงให้เจ้าของอย่างเทเลนอย์ได้รับทราบถึงท่าทีของ ประชาชนที่มีต่อ CEO ของบริษัท ถึงพฤติกรรมของ CEO คนนี้ ความคิดเห็นแบบนี้ท่าทางอยากเสียลูกค้าไปหลายคนผมใช้ DTAC มาจะ 7 ปีแล้วก็ใช้ DTAC กันทั้งบ้านด้วย สงสัยได้ฤกษ์เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นซะแล้วมั้งนี่ ผู้บริหารปากเสียอย่างนี้ เด๋วจะบอกพี่ๆที่ทำงาน ญาติพี่น้องที่ใช้ให้เปลี่ยนแล้วคอยดูแล้วกันว่า ปากต่อปากมันจะมีผลกับผลประกอบการของคุณหรือไม่ คำพูด ก่อนพูดเราเป็นนายมัน หลังพูดมันเป็นนายเรา จำเอาไว้นะครับ ธุรกิจลูกค้าคือพระเจ้า ดังนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างใดอย่างหนึ่งในสถานะ การณ์บ้านเมืองอย่างนี้โดยเฉพาะในวงการธุรกิจ นำเอาเรื่องการเมืองซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาวิพากษ์วิจารณ์ถ้าไม่เห็น ด้วยหรือเห็นด้วยก็ควรจะเก็บเอา ถ้าคิดจะทำก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยแล้วกัน
จากคุณ : Lovly Kan Mi Youn - [ 8 ก.ย. 51 21:49:39 A:124.122.150.211 X:
หรือ dtac เหมาะสำหรับ ชนชั้นปัญญาชน เท่านั้นไม่เหมาะจะให้รากหญ้าใช้ ด้วยรึปล่าว
พวกเรา ฝ่ายประชาธิปไตย รากหญ้า อย่างน้อยก็ยี่สิบล้านคนก็จะเลิกใช้บริการของคุณ
จากคุณ : คนไม่มีสมอง - [ 8 ก.ย. 51 22:23:20 A:118.172.63.71 X: ]
Create Date : 09 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 9 กันยายน 2551 3:19:24 น. |
Counter : 851 Pageviews. |
| |
|
|
|