ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

จากคอมมูนมัฆวานถึงยุทธการไทยคู่ฟ้า

เทอดสยาม ชูธรรม
ที่มา เว็บบอร์ดชมรมฟ้าใหม่
26 สิงหาคม 2551

ปฏิบัติการยึดเมืองในนามยุทธการไทยคู่ฟ้าอย่างอุกอาจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ตั้งแต่เช้าวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551 สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของผู้นำอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล และจำลอง ศรีเมืองที่ชัดเจนว่า พร้อมจะใช้รูปแบบของการยึดอำนาจแบบเดียวกันกับที่กลุ่มบอลเชวิกในรัสเซียใต้การนำของลีออน ทรอตสกี้กระทำในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1917 ซึ่งตรงกันข้ามกับคำประกาศ”อารยะขัดขืน”ที่เคยชูขึ้นมาเป็นกลยุทธ์การต่อสู้ตั้งแต่แรกอย่างสิ้นเชิง
การกระทำดังกล่าว ยืนยันชัดเจนถึงการยกระดับทางยุทธศาสตร์ของการต่อสู้จากคอมมูนมัฆวานฯ(สร้างรัฐซ้อนรัฐ) มาสู่การยึดอำนาจรัฐโดยตรง(โค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เพื่อสร้างการเมืองใหม่) ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างหมดเปลือก

เดือนมิถุนายนกลุ่มพันธมิตรฯได้ประกาศยกระดับการชุมนุมจากต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาเป็นการโค่นล้มรัฐบาลสมัคร โดยจัดกำลังเพื่อชุมนุมยืดเยื้อโดยใช้เขตยึดครองที่ถนนราชดำเนินแถวสะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นเมืองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยราชดำเนิน) โดยจำลอง ศรีเมือง ได้ขยายความว่าเป็น "สถานที่ชุมนุมเริ่มเข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์" ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันด้วยระเบียบวินัย การทำอะไรต้องฟังเสียงคนหมู่มาก ทุกคนสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระเสรี ปลอดจากอำนาจรัฐบาลสมัคร

การตั้งเขตอำนาจรัฐใหม่ดังกล่าว ได้รับการยกยอจากนายสุรพงศ์ ชัยนาม อดีตนักการทูตที่ยืนอยู่ข้างเดียวกันว่า คล้ายคลึงกับ New Harmony Society เมืองอุดมคติของสังคมนิยมเพ้อฝันโดยโรเบิร์ต โอเวนใน ค.ศ. 1817 ที่อเมริกา (โดยไม่ยอมพูดถึงข้อเท็จจริงว่า ชุมชนดังกล่าวล้มตั้งแต่เริ่ม)

โดยสาระ เมืองพันธมิตรฯนี้ มีลักษณะสำคัญคือ

- เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์สู้รบทางการเมืองชั่วคราว
- เป็นเขตปลอดอำนาจรัฐที่สมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี
- เป็นรัฐชั่วคราวที่ปราศจากชนชั้น และต้องการสร้างระบบพึ่งพาตนเองชั่วคราวเพื่อตรึงสถานการณ์ต่อสู้เอาไว้ให้ครบครัน
- เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่แนวทางของกลุ่มพันธมิตรฯต่อสาธารณะอื่นๆ หากได้รับชัยชนะในการต่อสู้ เพื่อขยายผลออกไปในระยะยาว

หากเทียบเคียงกับชุมชนในประวัติศาสตร์แล้วเมืองพันธมิตรฯถือว่า มีลักษณะใกล้เคียงกับ ปารีส คอมมูน (หรือ คอมมูน ปารีส La Commune de Paris หรือ Paris Commune) ที่ฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1871 ถือเป็นรัฐรูปพิเศษที่ปกครองเขตยึดครองของตนเองในกรุงปารีสในเวลาแสนสั้น คือระหว่างวันที่ 18 มีนาคม – 28 พฤษภาคม

คาร์ล มาร์กซ ให้คำอธิบาย คอมมูนปารีสว่า คือ ต้นกำเนิดในอุดมคติของชาวคอมมิวนิสต์ในอนาคตที่แท้จริง ในขณะที่กลุ่มอนาธิปัตย์ก็ยกย่องเช่นกันว่า นี่คือสังคมไร้รัฐที่เป็นอุดมคติหลัก

ปารีส คอมมูน เกิดขึ้นในขณะที่สังคมฝรั่งเศสยุคหลังนโปเลียน กำลังปั่นป่วนรุนแรงเนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดชนชั้นกรรมกรจำนวนมหาศาล

ปารีส คอมมูน มีองค์กรปกครองสูงสุดได้แก่ กองกำลังแห่งชาติ หรือ national guard ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เข้าร่วมในฐานะโล่มนุษย์ (รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก) โดยจะแบ่งหน่วยกองกำลังออกเป็นส่วนย่อยๆเท่ากัน เพื่อทำหน้าที่ฝึกฝน เตรียมความพร้อม ผลิต ส่งกำลังบำรุง ฯ

กองกำลังย่อยนี้ จะส่งตัวแทนเข้าร่วมกำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีร่วมกันกับคณะกรรมการส่วนกลางผ่านสภาคอมมูน

การจัดตั้งที่เข้มแข็ง คอมมูนสามารถเข้ายึดหน่วยทหารหลักในปารีส และยึดเอาอาวุธออกมาใช้ในเขตปกครองตัวเองที่ย่านมองมาร์ต อันเป็นย่านคนจนและชนชั้นกลาง

ต่อมาทหารชั้นผู้น้อยบางส่วนได้ละทิ้งผู้บัญชาการ เข้ามาร่วมสมทบเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูน แล้วจับตัวผู้บัญชาการในขณะนั้นมายิงเป้า

เมื่อทหารประจำการเข้ามาร่วมสมทบ คอมมูนจึงจัดขบวนใหม่ จัดตั้งสภาคอมมูนขึ้นมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกทุกเขตเป็นจำนวน 97 คน และให้ตัวแทนเหล่านี้ เลือกคณะกรรมการคอมมูนสูงสุดขึ้นเสมือนหนึ่งรัฐบาลของคอมมูน

คอมมูนได้สร้างสัญลักษณ์แห่งรัฐใหม่ขึ้นมาหลายประการ เช่น ธงแดง (ต่อมากลายเป็นธงของพวกคอมมิวนิสต์) และอื่นๆ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ รัฐธรรมนูญของคอมมูนที่มีมีเป้าหมายหลักคือ สร้างสังคมไร้ชนชั้น และรัฐที่มีความเสมอภาคและอิสระเบ็ดเสร็จ และมีสาระล้ำยุค เช่น การแยกรัฐออกจากศาสนจักร ส่งเสริมสิทธิสตรี การยกเลิกทำงานกะกลางคืนของคนงาน บำนาญให้กับคนงานที่ไม่มีคู่หรือหย่าร้าง ยกเลิกดอกเบี้ยโรงรับจำนำ เลื่อนชำระหนี้คนยากจนที่รายได้ต่ำกว่าระดับยากจน ให้สิทธิคนงานได้เข้าร่วมครอบครองกิจการในฐานะหุ้นส่วนแต่ต้องให้ผลตอบแทนเจ้าของเดิม ฯ

ความสำเร็จในช่วงแรก ทำให้ชาวคอมมูนฮึกเหิม และพยายามใช้แผนดาวกระจาย สร้างพันธมิตรกับชนชั้นกรรมกรในเมืองต่างๆทั่วฝรั่งเศส แต่ไม่สำเร็จเพราะถูกปิดล้อมอย่างหนัก ท้ายสุดคอมมูนล่มสลาย ผู้คนที่เข้าร่วมถูกสังหารไปประมาณ 5 หมื่นคนในช่วงเวลาปราบครั้งสุดท้ายที่เรียกว่า อีก 2 หมื่นกว่าคนถูกประหารชีวิต 3.5 พันคน ถูกโยนเข้าคุกมืด และอีก 4 พันคนถูกเนรเทศปล่อยที่หมู่เกาะทะเลใต้

รูปแบบของคอมมูนมัฆวาน ในนามเมืองพันธมิตรฯหรือมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ที่สามารถสร้างรัฐซ้อนรัฐในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน แต่ไปไกลกว่าคือสามารถสร้างพันธมิตรเครือข่ายกับเมืองต่างๆในประเทศไทยได้มากพอสมควร น่าจะส่งผลทำให้กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯฮึกเหิมมากขึ้น จนหลงเชื่อว่า สามารถจะยกระดับการต่อสู้ให้เข้มข้นมากขึ้นโดยประสานกับเครือข่ายการเมืองอื่นๆทั้งในและนอกระบบ อันเป็นที่มาของยุทธการไทยคู่ฟ้าเพื่อยึดเมือง โดยมุ่งเป้าว่าจะสร้างปรากฏการณ์ปฏิวัติประชาชน เพื่อโค่นล้มทุนสามานย์ที่มี”ระบอบทักษิณ”เป็นตัวแทน แล้วสร้างการเมืองใหม่ที่ปฏิเสธการเมืองแบบเลือกตั้งในรูปแบบเดิม

นั่นหมายความว่า ยุทธการไทยคู่ฟ้า ก็คือ ส่วนหนึ่งของประเด็นการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจนำระหว่าง”ทุนสามานย์” กับ”ศักดินาที่ก้าวหน้า”ที่ยังค้างคาและยังไม่รู้ผลแพ้ชนะกันของคนในสังคมไทยในช่วง 3 ปีนี้

สิ่งที่น่าเวทนาอย่างยิ่งก็คือ การต่อสู้ของสิ่งที่เรียกว่า “ทุนสามานย์” และ”ศักดินาที่ก้าวหน้า”นั้น ล้วนเป็นมายาคติที่ไม่เคยดำรงอยู่จริง ไม่ว่าจะพิจารณาจากชุดความคิดทางสังคมใดๆของนักคิดทั่วโลก แม้กระทั่งวัตถุนิยมวิภาษหรือวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์

หากย้อนไปทบทวนข้อเขียนทั้งหมดของมาร์กซ-เองเกลส์-เลนิน-เหมา หรือมาร์กซิสท์ทุกสำนัก คำว่า ทุนสามานย์ จะไม่เคยปรากฏที่ไหนๆเลย เพราะถือว่า ระบบเศรษฐกิจใดๆ ล้วนแล้วแต่มีด้านบวกและลบในตัวเองทั้งสิ้น คำว่า ทุนสามานย์ เพิ่งจะมาโผล่ขึ้นในสังคมไทยเมื่อ 3 ปีเศษนี้เอง โดยเป็นคำประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ของณรงค์ เพชรประเสริฐ แห่งจุฬาฯ(จากคำสารภาพของเจ้าตัวเอง)โดยแปลงอย่างผิดๆจากคำภาษาอังกฤษว่า robber baron ซึ่งเจ้าของคำที่ให้ความหมายถูกต้องตั้งแต่แรก
(วิลเลียม โจเซฟสันนักหนังสือพิมพ์อเมริกัน) หมายถึง ทุนผูกขาดตัดตอนโดยใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือ

ในขณะที่นักคิดเสรีนิยมหรือทุนนิยมขวาจัด เรียกพฤติกรรมผูกขาดตัดตอนโดยอาศัยอำนาจรัฐดังกล่าวว่าการแสวงหาค่าเช่าส่วนเกินทางเศรษฐกิจ(economic rent- seeking)ซึ่งถือว่าเป็นข้อบกพร่องอันเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของทุนนิยม ไม่ถือว่าเป็นความชั่วร้ายของทุนนิยมแต่อย่างใด

คำว่าทุนสามานย์ จึงไม่มีความหมายและไม่มีอยู่จริง นอกจากในคำนิยามที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อกล่าวหาทางการเมืองเท่านั้น

ในทำนองเดียวกันคำว่า ศักดินาที่ก้าวหน้า ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่ว่าจะเป็นในหน้าประวัติศาสตร์ ตำราวิชาการ หรือ อุดมการณ์ทางการเมืองใดๆในโลก แต่เป็นคำประดิษฐ์ขึ้นมาในเมืองไทย ไล่เรี่ยกันกับคำว่า ทุนสามานย์ และ ระบอบทักษิณ เท่านั้น

คำว่า ศักดินา ในโลกตะวันตก มาจากคำว่า Feudalism หรือ Feudal System เป็นคำที่มองเตสกิเออ นักคิดฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อพูดถึงระบบสังคมในยุคกลางของยุโรป ที่มีรากฐานบนสังคมเกษตร และมีระบบควบคุมแรงงานในที่ดินบนฐานของความไม่เท่าเทียมกันของบุคคล

มาร์กซ ให้คำนิยามคำว่า ศักดินาบนพื้นฐานของรูปแบบการผลิต(mode of production) ที่ตั้งบนรากฐานของการควบคุมแรงงานทำการผลิตบนที่ดินเป็นสำคัญโดยมีอภิชนาธิปัตย์เป็นผู้ปกครองครอบงำอุดมการณ์ที่เน้นความไม่เสมอภาคของบุคคลโดยวัดจากการถือกำเนิดทางชนชั้น

สำนักคิดมาร์กซิสท์ และสำนักคิดทางประวัติศาสตร์โดยทั่วไป ถือว่า นับแต่สังคมย่างเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด และมีระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม ในขณะที่ชุดความคิดของผู้คนเปลี่ยนเป็นเน้นความเสมอภาคกันของผู้คน คำว่า ศักดินาก็ไม่ใช่ระบบอำนาจอีกต่อไป แต่อาจจะยังคงเหลือซากทางด้านอุดมการณ์ตกค้างเป็นตะกอนอยู่บ้างในคนบางกลุ่ม

สังคมไทย ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากนับแต่การยกเลิกสมบูรณาญาสิทธิราชตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา และโครงสร้างการผลิตของสังคมก็เปลี่ยนจากเกษตรกรรม มาเป็นอุตสาหกรรมและบริการเป็นหลัก ดังนั้นรูปแบบการผลิตหลักของสังคมไทยปัจจุบัน จึงไม่ใช่ระบบศักดินาอีกต่อไปแล้ว เพียงชุดความคิดบางส่วนที่ยังตกค้างในชนชั้นปกครองเช่น เทวราชา หรือ ทศพิธราชธรรม ก็ยังมีบทบาทที่โดดเด่นเป็นที่ปรากฏ

คำว่า ศักดินาที่ก้าวหน้า จึงเป็นคำที่ไร้ความหมาย และเป็นคำประดิษฐ์ที่ใช้เป็นอาวุธทางการเมืองของไทยชั่วขณะเท่านั้น ไม่อาจถือเป็นสรณะอะไรได้

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจนำในสังคมไทยยามนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มทุน 2 กลุ่มที่อ้างอิงอุดมการณ์หรือชุดความคิดที่แตกต่างกัน เพื่อนำมาแย่งชิงมวลชนเพื่อไปเอาชนะกันในการต่อสู้ช่วงชิงผลประโยชน์จากการผูกขาดตัดตอน หรือ ค่าเช่าส่วนเกินทางเศรษฐกิจ เท่านั้นเอง มิใช่เรื่องของ “ทุนสามานย์” กับ”ศักดินาที่ก้าวหน้า”แต่อย่างใด

ความเข้าใจที่ชัดเจนต่อความหมายของคำว่า “ทุนสามานย์”กับ”ศักดินาที่ก้าวหน้า”เท่านั้น จะช่วยให้เราเข้าใจถึงกระบวนการเคลื่อนไหวที่ฮึกเหิมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยกระดับจากคอมมูนมัฆวาน(ในนามเมืองพันธมิตรฯหรือมหาวิทยาลัยราชดำเนิน)มาสู่ยุทธการไทยคู่ฟ้าได้อย่างกระจ่างชัด




 

Create Date : 15 กันยายน 2551    
Last Update : 15 กันยายน 2551 15:49:58 น.
Counter : 559 Pageviews.  

การตีความคำว่า"ลูกจ้าง"กำลังสร้างปัญหากับการใช้รัฐธรรมนูญอีกหลายมาตรา

การตีความคำว่า “ผู้รับจ้าง” ให้มีความหมายเป็น“ลูกจ้าง” ตามมาตรา 267 อันทำให้นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากกระทำผิดรัฐธรรมนูญไปแล้ว นั้น กำลังสร้างปัญหาและความวุ่นวายในการใช้และปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญอีก หลายมาตรา ดังนี้

1) ตามมาตรา 102 ถ้าคุณกำลังรับจ้างหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ทำการใดอยู่ ไม่ว่าจะพิมพ์หนังสือ เก็บขยะ ขุดท่อ ฯลฯ คุณจะขาดคุณสมบัติที่จะสมัคร สส.ทันที

มาตรา ๑๐๒ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๑) ติดยาเสพติดให้โทษ
(๒) .............................................................
(๓) .............................................................
(๑๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจหรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
(๑๒) .............................................................
(๑๓) .............................................................

2) ถ้าคุณเป็น นายก อบต. อบท อบจ. หรือ สก. สข. สต. นี่ยิ่งหนักเลย เพราะตามมาตรา 284 กำหนดให้นำบทบัญญัติมาตรา มาตรา 267 มาใช้บังคับกับสมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วย ซึ่งหมายความว่าต่อไปนี้ บุคคลเหล่านั้นจะรับจ้างใครทำอะไรไม่ได้เลย เป็นอันขัดรัฐธรรมนูญ เหมือนนายกฯ (ต้องกินเงินเดือนสภาอย่างเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...)

มาตรา ๒๘๔ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
สมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง
คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น
การ เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ
สมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี
คณะ ผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นจะเป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือ เงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น และจะมีผลประโยชน์ขัดกันกับการดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมายบัญญัติมิได้
..........................................................
..........................................................
ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ มาตรา ๒๖๗ และมาตรา ๒๖๘ มาใช้บังคับกับสมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ด้วยโดยอนุโลม

3) ต่อไปนี้ ลูกจ้าง (หรือผู้รับจ้างตามที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ) ของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง ตามมาตรา 74 คุณจะไปตั้งกองเชียร์พรรคการเมืองไหนก็ไม่ได้นะ

มาตรา ๗๔ บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน บุคคลตามวรรคหนึ่งต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง
ใน กรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามวรรค หนึ่งหรือวรรคสอง บุคคลผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิขอให้บุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าว ชี้แจง แสดงเหตุผล และขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้

4) ที่จะซวยหนักคือ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ อบต. อบจ. ฯลฯ ของรัฐ ระวังให้ผู้รับจ้างทำงานใดๆ ให้ดี มันอาจทำให้หน่วยงานท่านถูกฟ้องได้ เช่น วันนี้ให้ขุดบ่อ พรุ่งนี้มันดันไปขโมยวัวชาวบ้าน เป็นต้น

มาตรา ๖๐ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจราชการส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล ให้รับผิดเนื่องจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานนั้น

5) ที่สำคัญ บรรดาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แน่ใจหรือว่าท่านไม่ได้มีรายได้อื่นจากการรับจ้างใครเลย…. เช่น รับสอนกฎหมาย เขียนบทความ ไปออกรายการทีวี ฯลฯ

มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง
(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ
(๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
(๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด

6) ผู้ตรวจการแผ่นดินมีสิทธิสอบสวนเอกชนผู้รับจ้างหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจด้วย (ท่าจะยุ่งกันใหญ่)

มาตรา ๒๔๔ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) พิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนในกรณี
(ก) การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
(ข) การปฏิบัติหรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องเรียนหรือประชาชนโดยไม่เป็นธรรม ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ก็ตาม
…………………………..
…………………………….

จากคุณ : แรงริษยา - [ 10 ก.ย. 51 16:34:44 A:58.136.75.228 X: ]


ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

1. นายชัช ชลวร เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ
(ชื่อ-นามสกุลเดิม นายวิจิตร งามทวีสุข)
2. นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
3. นายจรูญ อินทจาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
4. นายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
5. นายนุรักษ์ มาประณีต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
6. นายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
7. นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
8. นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
9. นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ.

...............................................................
มาตรา ๒๐๗
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้อง

(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ

(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วน ท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ

(๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหา ผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด

(๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด
....................................................

แล้วท่านผู้ได้รับการแต่งตั้งมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 (คมช.)
เป็นลูกจ้างใครหรือปล่าว?? ...

1. นายจรัล พันบาท เป็น ลูกจ้าง หรือ รับจ้าง ไปบรรยาย ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และ คณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ใช่หรือไม่?
2. รายชื่ออื่นๆ รบกวนเพื่อนๆ ช่วยสืบเสาะแเผยแพร่ ต่อๆ ไปครับ

จากคุณ : LuMiNoR - [ 10 ก.ย. 51 14:47:40 A:202.176.117.141 X: ]

คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

รายชื่ออาจารย์พิเศษ

17. ศ.จรัล ภักดีธนากุล
- น.บ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- น.บ.ท. สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
- LL.M. University,Barrister-at–law Gray’s Inn, London.
- LL.B. Wales University.
.
.
.
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรต HUACHIEW CHALERMPRAKIET UNIVERSITY
นิติศาสตรบัณฑิต (น.บ.) ภาคบัณฑิต Bachelor of Laws (LL.B.)
นักกฎหมายที่รู้จริงและปฏิบัติได้จริง


//law.hcu.ac.th/personal.htm

เป็นอาจารย์พิเศษ นี่เข้าข่าย รับจ้าง หรือลูกจ้างด้วยเปล่า

ข้อสังเกตุคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

1. การตีความอย่างกว้างโดยนำความหมายตามพจนานุกรมมาใช้แทนถ้อยคำที่ปรากฎใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายอื่นเพื่อให้บุคคลที่ถูกร้องได้รับผล ร้ายจากคำวินิจฉัยของ ตุลาการศาล รธน. 6 เสียง แม้จะเคยมีการใช้พจนานุกรมมาอธิบายความในคำพิพากษาอยู่บ้างก็จะเฉพาะในกรณี มีปัญหาทางด้านภาษาหรือในกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดเท่านั้น แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์รวมทั้งกฎหมายอื่นจะมีศักดิ์ "ต่ำ" กว่า "รัฐธรรมนูญ" แต่ก็ยังมีฐานะเป็น"กฎหมาย" และเป็นกฎหมายที่อธิบายความสัมพันธ์ของบุคคลเช่นในกรณีจ้างทำของ จ้างแรงงานว่าแตกต่างกันอย่างไร แต่ "พจนานุกรม" ไม่มีฐานะเป็นกฎหมายไม่สามารถใช้บังคับใครได้เลย กลับถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ทั้งๆที่มีกฎหมายอื่นบัญญัติถึงความหมายไว้โดยชัด แจ้งแล้ว

2. แต่ปรากฎว่าตุลาการศาล รธน. 3 เสียง นำเรื่องหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 มาใช้ในการวินิจฉัยว่า นายกสมัครเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทโฆษณา
ตุลาการ 2 ฝ่าย มีเหตุผลที่แตกต่างกันแต่ผลเหมือนกันคือนายกทำผิดกฎหมายมาตรา 267 แม้ทั้งสองฝ่ายจะตีความแตกต่างกันแต่วิธีการตีความนั้นมีลักษณะเป็นการตี ความอย่างกว้างเพื่อลงโทษ ซึ่งโดยหลักการตีความที่อาจทำให้บุคคลได้รับผลร้ายนั้นจะต้องตีความอย่างแคบ ซึ่งเป็นหลักทั่วไปที่นักกฎหมายยอมรับมาโดยตลอด

3. การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182วรรคแรก(7) นั้นมีความแปลกแยกจากมาตรา 182 วรรคแรก (1)-(6) และ(8)โดยสิ้นเชิง กล่าวคือ (1)-(6)และ(8) นั้นเเป็นเรื่องคุณสมบัติที่สามารถเห็นได้เมื่อเกิดขึ้นเช่น ตาย ลาออก ซึ่งแน่นอนความเป็น รมต.ย่อมสิ้นสุดลงทันที แต่ (7) นั้นความเป็น รมต.สิ้นสุดเมื่อทำความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่แปลกแยกจากบทบัญญัติอื่นๆเพราะไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่ทำผิดหรือไม่หรือมีแนวปฎิบัติอย่างไร
ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าการสิ้นสุดความเป้นนายกนั้นจะถือว่าสิ้นสุดเมื่อกระทำ ผิดตามมาตรา 267 ซึ่งบทบัญญัติของรธน.มาตรา 182 วรรคแรก(7)บัญญัติว่าความเป็นรัฐมนตรี "สิ้นสุดลงเมื่อกระทำความผิดตามมาตรา 267 "ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 7 เดือนก่อน หากถือว่าสิ้นสุดตั้งแต่ทำรายการอาหารดังกล่าว สิ่งที่นายกฯทำลงไปในฐานะนายกตั้งแต่วันที่ถือว่าทำผิดจนถึงปัจจุบันจะใช้ ได้หรือไม่? หรือถือว่าสิ้นสุดลงเมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อดูจากคำวินิจฉัยของศาลรธน.เข้าใจได้ว่าสถานภาพของนายกสิ้นสุดลงเมื่อ อ่านคำวินิจฉัยเสร็จ ซึ่งก่อนที่ศาลจะอ่านคำวินิจฉัยนายกสมัครได้เลิกทำรายการอาหารดังกล่าวเป็น เวลาร่วม 7 เดือนแล้ว การกระทำที่ศาล รธน.เห็นว่าเป็นความผิดตามมาตรา 267 ขณะศาลอ่านคำวินิจฉัยก็ไม่ได้มีอยู่แล้ว กรณีจึงน่าจะไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องต่อไป ซึ่งในประเด็นดังกล่าวศาล รธน.ไม่ได้อธิบายเหตุผลไว้ว่าเหตุใดจึงรับพิจารณาต่อทั้งๆที่มีเหตุผลที่จะ ยกคำร้องได้อยู่แล้ว
หากจะมีผู้โต้แย้งว่าการกระทำของนายกเป็น"ความผิดสำเร็จ"แบบที่ใช้ตีความใน กฎหมายอาญา นายกสมัครก็ย่อมอ้างเรื่องขาด"เจตนา"ในการกระทำผิดได้เพราะถ้อยคำในรัฐ ธรรมนูญไม่ชัดเจน และยังไม่มีแนวปฏิบัติมาก่อน อีกทั้งเมื่อถูกร้องนายกสมัครก็ยุติบทบาทดังกล่าวในทันที เห็นได้ว่าไม่มีเจตนาที่จะดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมายโดยแจ้งชัด
สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของคดีนี้คือการเขียนรัฐธรรมมนูญแบบประหลาดที่ไม่เคย ปรากฎมาก่อนในรัฐธรรมนูญไทย โดยนำสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ในทันทีว่าทำได้หรือไม่มาบัญญัติเป็น"การสิ้นสุด" สถานภาพ เปิดโอกาสให้มีการตีความได้อย่าง "วิจิตรพิสดาร" อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างหนัก หากยังคงมี รธน.ในลักษณะแบบรธนปี 50 นี้อยู่ ก็จะเกิดปัญหาได้ตลอดเวลา

เป็นข้อสังเกตุเล็กๆน้อยๆ

จากคุณ : กระรอกทอง - [ 10 ก.ย. 51 15:38:46 A:61.19.52.134 X: ]




 

Create Date : 10 กันยายน 2551    
Last Update : 10 กันยายน 2551 21:38:34 น.
Counter : 638 Pageviews.  

ธนา รองCEOของDTACมีทัศนคติดูถูกรากหญ้าด้อยการศึกษาอย่างร้ายกาจ

ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) “ดีแทค”

ผม มองว่าปัญหาการเมืองของไทยหลักๆวันนี้ อยู่ที่การศึกษาของพลเมืองในประเทศ ตราบใดที่ยังมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอยู่ ปัญหาต่างๆจะไม่ได้รับการแก้ไข เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วจะกลับมาที่ปัญหาเดิม ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ต้องแก้ไขด้วยเรื่องการศึกษา

ส่วนตัว ผมเห็นด้วยกับแนวคิดที่มีคนเสนอไว้นานแล้ว ตอนแรกฟังดูแปลกๆ แต่ตอนนี้ออกจะเชื่อว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ดี คือ ให้คนจบปริญญาตรีเท่านั้นที่มีสิทธิเลือกตั้ง จากปัจจุบันกำหนดอายุไว้ที่ 18 ปี เพราะแม้เป็นมาตรฐานระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงควรกำหนดมาตรฐานใหม่ เอาการศึกษาเข้ามา อาจจะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และจะส่งผลให้ รัฐบาลต้องกำหนดให้ระดับปริญญาตรีเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย

ผมคิด ว่าควรมีการนำแนวคิดมาถกเถียงกันว่า อย่างไหนดีที่สุด เพราะในขณะนี้ ระบบการเมืองไทย จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข อย่างไรก็ตาม หากมองว่า การกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องจบปริญญาตรีเท่านั้น หลายคนอาจเห็นว่าปิดกั้นเกินไป ก็อาจจะกำหนดว่า ผู้ที่จบปริญญาตรีมีสิทธิ์เลือกปาร์ตี้ลิสต์ หรือฝ่ายบริหารประเทศโดยตรง แทนที่จะให้ ส.ส.เลือกกันเอง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะแก้ปัญหาได้

//www.thairath.co.th/news.php?section=economic02&content=103337

นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว จะให้คนที่มีการศึกษาเท่านั้นที่เลือกตั้งได้ แล้วมันเข้าใจคำว่าประธิปไตยหรือเปล่า งั้นคนจนไม่ต้องทำนา คนจนไม่ต้องก่อสร้าง คนจนไม่ต้องใช้ดีแทค คนจนไม่ต้องเก็บขยะ ปล่อยให้มันล้นเมือง มันเป็นการดูถูกประชาชนอย่างร้ายแรง แนวคิดนี้ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นคนจนคงแย่ แล้วการศึกษาไม่ได้เป็นหลักประกันว่าไอ้คนคนนั้นมันเป้นคนดี หมอฆ่าคนตายก็มี อาจารย์ทำอนาจารนักศึกษาก็มี ครูข่มขืนนักเรียนก็มี คนรวยโกงกันก็มี ปล่อยคนคนนี้ไม่ได้

จากคุณ : เก็บไว้ในใจ - [ 8 ก.ย. 51 20:46:17 A:203.153.169.121 X: ]

555 จำอวดมาอีกคนแล้ว ถ้าหุบปากไว้คงไม่มีใครว่าใบ้หรอก อ้าปากออกมารู้ถึงไส้ถึงพุงเลย

ผมว่านะ คุณอัจฉริยะ ปริญญาตรีอย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องมีคุณสมบัติตามนี้

- จบรัฐศาสตร์ (การเมืองการปกครอง จบหมอจบวิศวะจะไปรู้อะไร)
- เกิดเมืองไทยมาอย่างน้อยสองชั่วคน (กันสายลับจากต่างประเทศเช่นอ้ายแป๊ะ)
- อายุอย่างน้อย 35 ปี (ต้องมีประสบการณ์การทำงานบ้าง)
- จ่ายภาษีต่อเนื่องมาอย่างน้อย 5 ปี (เพราะมีความรักชาติมากกว่าพวกเบี้ยวภาษี)
- ต้องถือครองที่ดิน (ไม่มีที่ดินรักชาติสู้คนที่มีหลักแหล่งไม่ได้)
- เจ็ดชั่วโครต ไม่มีใครเคยทำความผิดเลย (กันคนที่ยีนไม่ดี)

อเมริกา ฆ่ากันตายเป็นล้านคนเพื่อให้คนผิวดำซึ่งอย่าว่าแต่ ป.สี่ เลย อนุบาลก็ไม่ได้เรียน อ่านหนังสือก็ไม่ออก ได้มีโอกาสเลือกตั้ง ถ้าคนผิวดำไม่ได้เลือกตั้ง, ก็ไม่มี สส ผิวดำ, ไม่มี สส ผิวดำ, คนผิวดำในอเมริกาก็ไม่มีโอกาสอย่างเช่นทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องของสิทธิ เข้าใจไหม one-man-one-vote

ว่างๆ อ่านหนังสือบ้างนะ คุณอัจฉริยะ แหม พอทักษินไม่อยู่ ไม่มีคู่แข่งคอยเบรค ปากเก่งเลย

อีกอย่าง ผมว่าควรออกกฏหมายให้คนจบปริญญาเท่านั้นที่ซื้อโทรศัพท์คุณได้ อ้าว กันเด็กโดนโฆษณาของคุณหลอกไง
.
.

จากคุณ : Rights of Man - [ 8 ก.ย. 51 20:51:20 A:124.120.220.106 X: ]

ที่เชื่อกันว่าการเลือกตั้งทุกครั้งผู้สมัครรับเลือก ตั้งก็ซื้อเสียงแล้วเข้ามาถอนทุนทุกครั้ง เราคงปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงเลยไม่ได้ แต่ลองดูความเห็นของนาย Vox Populi ฝรั่งที่ได้ภรรยาคนไทย และอยู่ในประเทศไทยมา 11 ปี ว่าที่คนกรุงเทพฯ เรียกว่าการขายเสียงนั้น คนรากหญ้าเขามองอย่างไร ผมคัดลอกและแปลข้อความจาก Economist

"For the society that power can be easily bought in the name of democracy . . ."

A common assumption among supporters of the PAD is that rural voters simply sell their votes to the highest bidder. A common figure quoted is 500 baht per family's votes. Having visited and lived in one of the poorest districts of rural Thailand, I think that rural voters opting for the TRT/PPP parties has more to do with roads, schools, running water, etc. In the village that my father-in-law lives in, the Thaksin government provided paved roads, a water pump allowing most of the village to have running water most of the time (a vast improvement over the previous situation), and a new library builing for the village school. This is considerably more than the Chuan, Chavalit, or Banharn administrations managed to do.

Money buys votes? No. Infrastructure improvement buys votes. Voting for people who deliver concrete improvements to your district (in addition to the cheap credit, cheap healthcare, cheap housing, etc.) is rational self-interest, not corruption. What Bangkok's middle classes resent is that now political parties will have to address the needs of the rural poor as well as the wants of the metropolis.

The current conflict in Bangkok is not about removing Samak; it's class warfare.

“สำหรับสังคมไทยที่พูดกันว่าอำนาจ(ทางการเมือง) สามารถซื้อได้ง่ายในนามของประชาธิปไตย (หมายถึงการเลือกตั้ง)”
สมมุติฐาน ที่กลุ่มคนที่สนับสนุนพันธมิตรมักจะอ้างถึงคือผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ในชนบทมักจะขายเสียงให้ใครก็ตามที่ยอมจ่ายเงินให้สูงสุด อัตราการซื้อขายเสียงที่พูดถึงอยู่เสมอคือ 500 บาทต่อครอบครัว ผม (นาย Vox Populi) ได้เคยอาศัยอยู่และคลุกคลีกับหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในชนบทของประเทศไทยมา ก่อน ผมสรุปว่าชาวบ้านจะยอมลงคะแนนให้พรรคไทยรักไทย / พรรคพลังประชาชน (ถ้าเรียกว่าเป็นการขายเสียง) เพื่อแลกกับการสร้างถนน ปั๊มน้ำเพื่อนำน้ำกินน้ำใช้เข้าหมู่บ้าน (ซึ่งทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นมากมายกว่าในอดีต) รวมทั้งการสร้างห้องสมุดและโรงเรียนใหม่ ๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มากกว่าผลงานรวมที่นายกชวน ชวลิต และบรรหารได้เคยทำไว้ในสมัยที่คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
เงินซื้อ เสียงในการเลือกตั้งหรือ? ไม่ใช่ แต่เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสังคมต่างหากที่ซื้อเสียงได้ การลงคะแนนเลือกตั้งให้พรรคที่สามารถส่งมอบผลงานที่จับต้องได้ให้แก่ชุมชน ของตน (รวมถึงการให้เงินกู้ดอกเบี้ยถูก การประกันสุขภาพ และโครงการที่อยู่อาศัยราคาถูก) ถือเป็นการเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างมีเหตุผลที่เข้าใจได้ของชาวบ้าน มิใช่การคอร์รัปชั่น (rational self-interest, not corruption)

สาเหตุ ที่ชนชั้นกลางในเมืองหลวงไม่พอใจคือต่อไปนี้พรรคการเมืองต้องดูแลความจำเป็น พื้นฐาน (Needs) ของชาวชนบท พร้อม ๆ กับต้องสนองความต้องการ (Wants) ของคนในเมืองหลวง

ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันในกรุงเทพฯ มิใช่การปลดนายสมัคร แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้นต่างหาก

อ้างถึง //www.economist.com/members/persona.cfm?econUId=2539848 ในหัวข้อ Comment on: Thailand | Worse than a coup.


ที่จริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนักก็แค่ CEO ที่รับจ้างเข้ามาบริหาร แต่พูดอย่างนี้ถ้าเป็นเรื่องจริง แล้วถ้าประชาชนอยากจะแสดงให้เจ้าของอย่างเทเลนอย์ได้รับทราบถึงท่าทีของ ประชาชนที่มีต่อ CEO ของบริษัท ถึงพฤติกรรมของ CEO คนนี้ ความคิดเห็นแบบนี้ท่าทางอยากเสียลูกค้าไปหลายคนผมใช้ DTAC มาจะ 7 ปีแล้วก็ใช้ DTAC กันทั้งบ้านด้วย สงสัยได้ฤกษ์เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นซะแล้วมั้งนี่ ผู้บริหารปากเสียอย่างนี้ เด๋วจะบอกพี่ๆที่ทำงาน ญาติพี่น้องที่ใช้ให้เปลี่ยนแล้วคอยดูแล้วกันว่า ปากต่อปากมันจะมีผลกับผลประกอบการของคุณหรือไม่ คำพูด ก่อนพูดเราเป็นนายมัน หลังพูดมันเป็นนายเรา จำเอาไว้นะครับ ธุรกิจลูกค้าคือพระเจ้า ดังนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างใดอย่างหนึ่งในสถานะ การณ์บ้านเมืองอย่างนี้โดยเฉพาะในวงการธุรกิจ นำเอาเรื่องการเมืองซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาวิพากษ์วิจารณ์ถ้าไม่เห็น ด้วยหรือเห็นด้วยก็ควรจะเก็บเอา ถ้าคิดจะทำก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยแล้วกัน

จากคุณ : Lovly Kan Mi Youn - [ 8 ก.ย. 51 21:49:39 A:124.122.150.211 X:

หรือ dtac เหมาะสำหรับ ชนชั้นปัญญาชน เท่านั้นไม่เหมาะจะให้รากหญ้าใช้ ด้วยรึปล่าว

พวกเรา ฝ่ายประชาธิปไตย รากหญ้า อย่างน้อยก็ยี่สิบล้านคนก็จะเลิกใช้บริการของคุณ

จากคุณ : คนไม่มีสมอง - [ 8 ก.ย. 51 22:23:20 A:118.172.63.71 X: ]




 

Create Date : 09 กันยายน 2551    
Last Update : 9 กันยายน 2551 3:19:24 น.
Counter : 851 Pageviews.  

เบื้องลึกเบื้องหลั การเข้าร่วม พธม.โดยพวกนักศึกษา,เรื่องเล่าจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

โดย ธีรนัย จารุวัสตร์ นิสิต จุฬาฯ
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
8 กันยายน 2551

หมายเหตุ:ก่อนผมจะเล่าเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังต่อไปนี้ กรุณาทำความเข้าใจเสียก่อนว่า

1. ข้อมูลที่ผมได้มานั้น เป็นข้อมูลที่ผมรวบรวม เรียบเรียง และประมวลเอาเองทั้งสิ้น ไม่จำเป็นว่าจะถูก 100% วิธีการหาข้อมูลของพวกผมเป็นไปอย่าง "หยาบๆ" (crude) ไม่มีหลักการหรือการจัดตั้งไรมาก ก็แค่หาข่าวจากหมู่เพื่อนๆประมาณ 10-20 คนที่เต็มใจเล่าให้เราฟัง แล้วมาประเมินกันว่าที่เขาเล่ามานั้น จริงเท็จเพียงใด ซึ่งแน่นอน กระทู้นี้อาจจะมีผิดพลาดบ้าง เป็นความรับผิดชอบของผมแต่เพียงผู้เดียว และหากล่วงเกินหรือเป็นการกล่าวหาผู้ใด จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งถ้าบุคคลนั้นได้เข้ามาชี้แจงความจริงตรงนี้ด้วย

2. ผมจะขอเล่าจำกัดเฉพาะสถานการณ์ภายในรั้วคณะอักษรฯ จุฬาฯ เนื่องจากว่าเป็นพื้นที่ที่ผมใกล้ชิดที่สุด เห็นอะไรได้ชัดเจนที่สุด จึงมีความมั่นใจในการเล่ามากที่สุด ที่อื่นๆในมหาลัยผมก็ได้รับทราบเรื่องแปลกๆมาเยอะเหมือนกัน แต่เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้อ่านที่ควรได้รับเฉพาะข้อมูลที่ผู้เขียนมั่นใจจริงๆ และเพื่อความสะดวกในการเล่าของผม (ฮา) ขอจำกัดเฉพาะในคณะอักษรแล้วกัน...

หากใครคิดจะ copy กระทู้นี้ไปเผยแพร่ กรุณาเอาหมายเหตุไปด้วยแล้วกันครับ

...

โดยส่วนตัว ผมสงสัยมาพักนึงแล้วเหมือนกันว่า เหตุใดพันธมิตรถึงตัดสินใจ "เป่านกหวีด" ปลุกพลังนักศึกษาให้ออกมาร่วมกับพันธมิตร หรือจริงๆแล้ว ใช้คำให้ถูกคือ ตัดสินใจใช้ธีมนักศึกษาบ้าง เพราะตามความจริงแล้ว ไม่มีการออกมาร่วมการชุมนุมจากฝ่ายนักศึกษาหรอก อย่างมากก็แค่"ขานรับ"ธีมใหม่นี้ (ดังผมจะได้อธิบายต่อไป) ...

ผมคิดว่ามีเหตุผล 2 อัน ผมเชื่อในอันแรกมากกว่าอันที่สอง และหวังว่าจะเป็นอันแรกมากกว่าอันที่สอง

1. พันธมิตรกำลังตัน นอกจากรัฐวิสาหกิจซึ่งเห็นได้ชัดว่าพึ่งไม่ได้เมื่อการประท้วงดำเนินมาถึงยุทธการตัดน้ำตัดไฟ และนอกจากกลุ่มคนชั้นกลางทั่วไปในกทม.ที่ไม่ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรมากพอควร (เทียบกันกับเมื่อปี 48-49 สิคนละเรื่องชัดๆ) ทำให้พันธมิตรรู้สึกว่าต้องขยายแนวร่วมออกไปบ้าง ให้เห็นว่าพวกเขายังมี support ในภาคอื่นของสังคมอยู่ จึงเลือกเอาไพ่นักศึกษามาชูเล่นบ้าง

2. ประเด็นนักศึกษากับพันธมิตร ถูกจุดขึ้นมานิดๆหน่อยๆในตอนสายของวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม ก่อนจะเงียบไปเพราะโดนกลบจากข่าวเรื่องการปะทะกันในทำเนียบและหน้า บชน. เรื่องของเรื่องคือ กลุ่มผม (กปก.) ร่วมกับฝ่ายการเมืองของอมธ.ได้ออกแถลงการณ์ประณามพันธมิตร ถึงแม้จะไม่เป็นข่าวมาก แต่ทุกคนคงเห็นด้วยว่ามันก็เป็นข่าวออกสกู๊ปอยู่พักนึงในช่วงเที่ยงวันนั้น ผมเดาเอาว่า พวกแกนนำพันธมิตรเลยคิดได้เรื่องนี้ ประเด็นนักศึกษากับพันธมิตร
จึงตัดสินใจ "ขน" นักศึกษาออกมาร่วมกับพันธมิตรเพื่อต้องการภาพตรงนี้บ้าง ให้เห็นว่า พวกนี้ยังอยู่กับเรานะเอ้อ

ผมไม่คิดว่า 2. จะมีผลมากหรอกจริงๆแล้ว มันแค่ความเป็นไปได้เฉยๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4 มีข้อเท็จจริงข้อนึงที่เห็นได้ชัดพันธมิตรเพิ่งเริ่มจะมาใช้ธีม (หรือ"ไพ่"นักศึกษา) อย่างเร็วที่สุด วันจันทร์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมานี้เอง

ก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะมีการขึ้นเวทีของนักศึกษาบ้าง แต่ก็ค่อนข้างประปราย และไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก แต่สิ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนั้น เป็นการ"เคลื่อนทั้งขบวน" มีการจัดตั้ง สนับสนุน และประโคมอย่างเต็มรูปแบบโดยระดับนำของพันธมิตรเลยทีเดียว

พันธมิตรเปิดฉากรุกด้วยการบุกไปตั้งเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ขณะที่ผมทราบข่าวเป็นเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 1 กันยายน เพื่อนผมคนนี้เป็นส่วนหนึ่งใน อมธ. และโทรมาจากรังสิต เพื่อบอกผมว่าพันธมิตรจะเป็น "นักศึกษาจาก มธ 100 คน นิสิตจุฬา 100 คน และ มหาลัยรังสิต 100 คน ตอนนี้กำลังมาเป็นคันรถ" ผมไม่ได้ไปเช็กอีกทีว่า สุดท้ายแล้ว กำลังคนของพันธมิตรมาขนาดนั้นจริงๆหรือไม่

แต่เอาเถิด เอาเป็นว่าถือเป็นการเปิดธีมนักศึกษาของพันธมิตรอย่างเป็นทางการเลยแล้วกัน

จากนั้น ก็มีเพื่อนผมโทรเข้ามาอีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นเพื่อนของผมในคณะอักษรฯ ปีสามเหมือนกัน เค้าเล่าให้ผมฟังว่า
เมื่อช่วงเย็นนี้ "อ.อารดา" ซึ่งเป็นอาจารย์ในภาควิชาภาษาไทยของคณะอักษรฯ ได้พูดชักชวนให้นิสิตไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวาน (ผมว่าจะเป็นทำเนียบมากกว่า แต่เพื่อนผมบอกมัฆวาน เอาเหอะ) โดยให้เหตุผลว่า
ในงานจุฬาวิชาการที่จะมาถึงนั้น ทางเราต้องเชิญ "คุณมาลีรัตน์" (ใครวะ) มาเป็นวิทยากรในการเสวนา ดังนั้น เพื่อเป็นการให้เกียรติ นิสิตทุกคนจึงควรไปร่วมฟัง "คุณมาลีรัตน์" ที่มัฆวานเสียก่อน


เพื่อนผมคนนี้โทรมาเพื่อบอกผมว่า เธอไม่อยากไป ผมช่วยไปแทนได้ไหม เพราะเห็นว่าผมออกทีวีบ่อย ท่าทางจะชอบเรื่องการเมือง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผมสอบถามดู ไม่ค่อยมีนิสิตอยากไปด้วยเนื่องจาก 1. กลัว 2. ใกล้สอบแล้วอยากจะใช้เวลาว่างเคลียร์งาน + อ่านหนังสือมากกว่า คนที่อยากไปมีผู้ช่วยอาจารย์ หรือที่เรียกว่า T.A. รวมอยู่ด้วย

เมื่อถึงวันอังคารที่ 2 กันยายน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ปรากฏว่ายังมีอ.บางคนในภาควิชาภาษาไทย พูดชักชวนให้ไปชุมนุมกับพันธมิตรอีก จริงๆแล้วมีข่าวเข้ามาว่า ถึงกับเหมารถไปกันตอนเย็นเลยทีเดียว แต่ผมไม่ยืนยัน ณ จุดนี้ มีข่าวว่า อาจารย์ในภาควิชาประวัติศาสตร์อย่างน้อยหนึ่งคน เดินทางไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรด้วย

ตกค่ำ ข่าวเริ่มเข้ามาเต็มหน้าจอคอมพิวเตอร์ผม มีนิสิตจุฬาจำนวนหนึ่งขึ้นเวทีพันธมิตร ส่วนใหญ่เป็นนิสิตจากคณะนิเทศฯ แต่มีจากคณะอักษรอย่างน้อยที่สุด 2 คน คนหนึ่งเป็น ช. ปีสาม ภาควิชาเดียวกันผมเอง (ผมจะเล่าเรื่องคนนี้ให้ฟังอีกที) อีกคนเป็น ญ. ปีสอง คนนี้ด่าอ.สุธาชัย บนเวทีพันธมิตรเลยทีเดียว

วันพุธที่ 3 กันยายน สมาชิกกลุ่มผมคนหนึ่งได้พูดคุยกับอ.ฝ่ายกองกิจการนิสิตเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว อ.คนนั้นได้เปิดเผยว่า รับทราบเรื่องแล้วที่มีนิสิตปีสองขึ้นเวทีไปด่าอาจารย์คณะตัวเองบนเวที แต่ไม่ยอมให้ชื่อ บอกเพียงว่าอยู่
ปีสอง (ตอนนี้ผมได้ชื่อมาแล้วอยู่ดีว่ะ เอิ๊กๆ) แต่อ.ยอมรับว่าแปลกใจจริงๆที่มีอ.ภาควิชาภาษาไทยบางคนทีอาจมีส่วนในการเคลื่อนไหวชักชวนให้นิสิตไปเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ และรู้สึกผิดหวังมากๆ เนื่องจาก มหาวิทยาลัยได้มีแถลงการณ์ออกมาชัดเจนแล้วว่า ในสภาวะสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ควรอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงการชุมนุม

ในวันพุธนี้ มีเรื่องฮือฮาที่ควรจะเอามาเล่าให้ฟังคือ เมื่อตอนเช้าทุกคนเดินทางเข้ามหาวิทยาลัยมาพบกับใบปลิว 4 รูปแบบติดเต็มทั่วมหาวิทยาลัยในจำนวนมาก สามอันเป็นรูปสมัคร, ทักสิน, และคุณหญิงอ้อ กำลังอยู่ข้างหลังตาราง อันที่สี่เป็นกระดาษมีข้อความว่า

"นัดรวมพล พธม หลังลานพระรูปฯ14.00 วันที่ 3 กันยายน"

ผมเอาใบปลิวนี้ไปสอบถาม อ.อารดา เป็นการส่วนตัว แต่อ.บอกว่า ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยกับการนัดครั้งนี้

หลายคนในคณะผมแตกตื่นครับ บางคนรีบกลับบ้านเลยทีเดียว เพราะเข้าใจว่าพันธมิตรจะมาดาวกระจายถึงมหาวิทยาลัยดังที่เคยทำมาแล้วที่ธรรมศาสตร์ แต่ปรากฏว่า จริงๆแล้วเป็นการรวมตัวของพวกนิสิตฝ่ายพันธมิตร หลังรูปปั้น 2 รัชกาล
จุดประสงค์ไม่ชัดเจน เข้าใจว่าคงปลุกระดมหรือนัดเจอกันเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมกับม็อบพันธมิตรที่ทำเนียบ เพือนผมที่ไปสังเกตการณ์บอกว่ามีประมาณ "50-60 คน" แต่เพื่อนผมไม่ได้อยูจนจบ อาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้


สอบถามยามที่มหาวิทยาลัย เขาบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะเอาใบปลิวชุดดังกล่าวมาติด เพราะมหาลัยปิดตั้งแต่หนึ่งทุ่ม คงต้องเป็นคนข้างในมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน

วันพฤหัสที่ 4 กันยายน ไม่มีอะไรมาก แต่แน่ชัดแล้วว่า เพื่อนผมที่เรียนเอกเดียวกันคนดังกล่าว active มากๆ จนถึงระดับเป็นแกนนำประจำพื้นที่ในอักษรได้เลยทีเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เพือนผมคนนี้ inactive มาตลอด

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน นักศึกษาฝ่ายพันธมิตรนัดชุมนุมที่ Central World มีคนแจ้งข่าวให้ผมทราบว่า มีการชักชวนให้ไปร่วมกับพันธมิตรโดย อ.คนหนึ่งในภาควิชาการละคร และพวกนิสิตที่ได้ไปชุมนุมในวันพุธและ/หรือวันพฤหัสมาแล้ว ก็มาชักชวนให้เพื่อนที่เหลือ ไปชุมนุมกับพันธมิตรในวันนี้ด้วย เนื่องจากว่า

"เขา treat พวกเราดีมากนะ ... น้ำก็เอามาให้ ข้าวก็เอามาให้ ทุกคนที่ม็อบถามพวกเราแบบ เอาใจและเอ็นดูมากๆ
หนูเหนื่อยไหม หนูเอาอะไรหรือเปล่า ภูมิใจในตัวพวกหนูมากนะ"

ขออภัย ผมฟังแล้ว หดหู่ใจมากๆ เพียงแค่อมยิ้มอันเดียว ก็สามารถหลอกเด็กอนุบาลขึ้นรถตู้ได้แล้วฉันใด...
(ต่อเอาเอง)

ผมได้มีโอกาสคุยกับเพือนๆที่เรียนวิชา "ระบอบประชาธิปไตยเปรียบเทียบ" ที่คณะรัฐศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เท่าที่แลกเปลี่ยนกัน ดูเหมือนไม่มีใครในวิชานั้นเห็นด้วยซักคนกับพันธมิตร พูดตรงๆ ผมค่อนข้าง surprised นะเนี่ย


ข่าวของผมที่เป็นตัวข้อมูลจบแค่นี้

ที่เหลือจะเป็นการวิเคราะห์โดยผมเองบ้าง แต่ขออภัย ไปกินข้าวก่อนแล้วกันนะจ๊ะ กะว่าจะไปร้านซึบากิยะ แถวๆสุขุมวิทนั่นแหละ ซูชิแดกไม่อั้นแค่ 270 เองเชียว ไว้เย็นนี้จะกลับมาเขียนต่อครับ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่
ใครบ้าง ไม่มากก็น้อย...


"ตัวอย่างหนัง" ของการวิเคราะห์ของผม
การเคลื่อนไหวของนักศึกษาฝ่ายพันธมิตร (อย่างน้อยในคณะอักษรศาสตร์) ขณะนี้ ไม่ถือว่าเป็น "ขบวนการเคลื่อนไหวของนักศึกษา" แต่อย่างใดเพราะ


1. Silent Majority ของนักศึกษา ยังไม่ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้ (ไม่ได้ต่อต้าน แต่ก็ไม่ได้สนับสนุน)
2. การเคลื่อนไหวของนักศึกษาฝ่ายพันธมิตร ไม่ได้มีรูปแบบ sponteneous
3. การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่มีทางประสบความสำเร็จหรือขยายวงกว้างได้ เนื่องจากมีลักษระการจั้ดตั้งที่รวมศูนย์ แต่ไม่รวมหมู่ ทั้งที่การเคลื่อนไหวที่จะประสบความสำเร็จต้อง ไม่รวมศูนย์ แต่รวมหมู่




 

Create Date : 08 กันยายน 2551    
Last Update : 8 กันยายน 2551 20:22:58 น.
Counter : 527 Pageviews.  

พันธมิตรภูเก็ตแตกคอกันยับ เจอหลอกเหมาเครื่องบินให้มาม็อบในกรุงฟรี ได้แค่รถเมล์แถมขอค่าโดยสารคนละ600

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
//www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000105975
7 กันยายน 2551

หมายเหตุไทยอีนิวส์:สืบเนื่องจากข่าวนายวิโรจน์ แจ้ว แกนนำกลุ่มพันธมิตรรักภูเก็ต และแผ่นดิน พร้อมด้วยสมาชิก 300 คน ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานก่อน โดยให้เหตุผลว่า มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องพาคนกลับ แต่ถูกพันธมิตรฯขัดขวางทำท่าจะข่มขู่ทำร้าย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขับรถมานำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปนั้น

ล่าสุดผู้จัดการออนไลน์ กระบอกเสียงของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรได้ออกข่าวโฆษณาชวนเชื่อในหัวข้อข่าว"ยามภูเก็ตฯยันถูกผู้ไม่หวังดีขนคนกลับ-เชื่อ พปช.ในภูเก็ตรู้เห็นแน่นอน " โดยกล่าวโจมตีนายวิโรจน์และแกนนำอีกรายใช้ชื่อ"ด."และ"ว."ซึ่งหากอ่านข่าวโฆษณาชวนเชื่อนี้ให้ดีก็จะพบว่า มีการแย่งชิงการนำในหมู่พันธมิตร มีการโจมตีกันเองในเรื่องการปิดสนามบินภูเก็ต และที่ไปที่มาของมวลชนที่มาม็อบกับพันธมิตรนั้นมีคุณภาพอยู่ในระดับแค่ไหน แม้กระทั่งจากจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ชื่อว่ามีฐานะเศรษฐกิจดี ก็ยังหลงเชื่อกับข่าวที่ว่าจะได้ขึ้นเครื่องบินฟรีมาประท้วงในกรุงเทพฯ แต่สุดท้ายได้แค่นั่งรถเมล์ พอสุดท้ายจะเจอเช็กบิลค่ารถแค่เพียง600ก็แตกกันยับเยิน



ข่าวมีรายละเอียดดังนี้ นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต และนายธวัชชัย วรฐานตระกูล เลขาฯกลุ่มยามฯภูเก็ต พร้อมสมาชิกกลุ่มยามฯภูเก็ต อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของกลุ่มยามฯและพันธมิตรฯ โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า

สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่ม นปช.ได้เคลื่อนกำลังมาที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนด้วยกัน ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จนรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร

กลุ่มพันธมิตรฯภูเก็ต จึงได้รวมตัวกันปิดล้อมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อกดดันให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองด้วยการยุบสภา เนื่องจากรัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองแล้ว และขอให้รัฐบาลยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุนเฉินในทันที

ซึ่งระหว่างนี้มีผู้หวังดีมาแจ้งยังกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ว่า มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามจัดรถให้มวลชนเดินทางขึ้นไปชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯฟรีจำนวน 15 คัน ให้ทางกลุ่มยามฯภูเก็ต ประกาศให้ประชาชนที่ต้องการจะเดินทางไปทราบและมาพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อขึ้นรถเดินทางไปกรุงเทพฯ วันที่ 2 ก.ย.เวลา 15.00 น.จำนวน 5 คันรถบัส ประมาณ 240 คน

วันต่อมาบุคคลดังกล่าวมีชื่อย่อ “ด” และ “ว” แจ้งจุดมุ่งหมายเดิมให้ทางกลุ่มทราบอีกเรื่อง การนำกลุ่มมวลชนขึ้นกรุงเทพฯโดยครั้งนี้จะจัดเครื่องบินให้ ซึ่งมีพี่น้องพันธมิตรฯภูเก็ตจำนวน 136 คน มาลงชื่อและถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐาน แต่สุดท้ายนาย “ด” ก็แจ้งว่าไม่สามารถจัดเครื่องบินให้ได้ เพราะตั๋วเต็ม ต้องเดินทางโดยรถบัสเช่นเดิมจำนวน 3 คัน รวมผู้โดยสารสองรอบ 350 คน แต่นาย “ด” กลับแจ้งว่า จะส่งมวลชนขึ้นไปอย่างเดียว มวลชนต้องเดินทางกลับเองทั้งที่ก่อนหน้านี้นาย “ด” สัญญาว่าจะดูแลมวลชนฟรีทั้งไปและกลับ คณะกรรมการกลุ่มยามฯภูเก็ตจึงทวงถามสัญญาก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงจากบุคคลทั้งสองด้วยเหตุผลต่างๆ นานา

เมื่อเป็นเช่นกัน คณะกรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานไปยังคณะกรรมการ ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯแจ้งผู้โดยสารท่านใดประสงค์จะเดินทางกลับก็แจ้งให้ทราบ ทางกลุ่มจะจัดรถขึ้นไปรับโดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 600 บาท แต่ระหว่างนั้นนาย “ด” และนาย “ว” ก็แจ้งกลับมายังคณะกรรมการ ว่า จะจัดรถไปรับผู้โดยสารกลับด้วยตนเอง

จนเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 6 ก.ย.2551 บุคคลทั้งสองนำกลุ่มมวลชนร่วม 300 คนรวมตัวกันบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมกับนำนักข่าวจากสำนักต่างๆ มาด้วยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งนาย “ว” ให้ข่าวว่า พันธมิตรฯภูเก็ต กลุ่มนี้ต้องการเดินทางกลับจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากอ่อนล้าและถูกหลอกให้มาร่วมชุมนุมตามคำให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 8 ก.ย.2551 โดย บชน.เป็นผู้สนับสนุนรถให้ จนช่วงเช้าวันนี้น ายสมัคร สุนทรเวช ออกมากล่าวผ่านรายการช่อง NBT ว่า ตนเองเป็นผู้จัดรถให้พันธมิตรฯภูเก็ตเดินทางกลับเองนั้น

กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ถูกปั้นแต่งด้วยฝีมือของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีเข้าก่อกวน หวังให้พลังมวลชนภูเก็ตเกิดความเข้าใจผิด กลุ่มยามฯภูเก็ตด้วยประการใดๆ ผ่านบุคคลที่มีชื่อย่อ นาย “ด” และนาย “ว”

ทั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “พรรคพลังประชาชน” ในพื้นที่ภูเก็ต อาจมีส่วนรู้เห็นด้วย จึงมีการเตรียมการที่ครบถ้วน โดยเฉพาะการนำสื่อมวลชนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพราะเป็นสิ่งที่บุคคลทั้งสองไม่น่าจะมีศักยภาพดำเนินการได้ในการประสานงานกับสื่อที่กรุงเทพฯได้ และบุคคลทั้งสองมีกิตติศัพท์ที่กลุ่มคนทั่วไปในภูเก็ตโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรถให้บริการนักท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตรู้ดีว่าเป็นอย่างไร

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันปิดล้อมสนามบินนานาชาติภูเก็ต เมื่อวันที่ 29-31 ส.ค.ที่ผ่านมา ย่อมเห็นพฤติกรรมที่แสดงออกก้าวร้าว ข่มขู่ของบุคคลทั้งสองได้เป็นอย่างดี กลุ่มยามฯภูเก็ต ยืนยันอีกครั้งว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการเข้าก่อกวน และที่สำคัญต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากการกระทบที่บริสุทธิ์ใจของพี่น้องประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังอ่านแถลงการณ์เสร็จ นายธวัชชัย ได้นำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่ลงข่าวการให้สัมภาษณ์ของนาย “ด” และนาย “ว” มาอ่านให้พันธมิตรฯที่ภูเก็ตฟัง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มพันธมิตรฯเป็นอย่างมากที่นาย “ด” และนาย “ว” ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าประชาชนต้องการกลับ แต่จริงแล้วประชาชนต้องการอยู่ต่อจนถึงวันอาทิตย์นั้น และนายธวัชชัย กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้กลุ่มยามฯและกลุ่มพันธมิตรฯภูเก็ตเกิดความย้อท้อแต่อย่างใด ทุกคนจะสุ้จนกว่านายสมัคร และลาออกไป หรือยุบสภา และในคืนนี้จะชุมนุมที่ศาลากลางภูเก็ต เป็นคืนสุดท้าย ตั้งแต่คืนวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) เป็นต้นไป จะย้ายการชุมนุมไปที่ปลายแหลมสะพานหินเหมือนเดิม

ทั้งนี้นายวิโรจน์ แจว เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการนำพันธมิตรภูเก็ตปิดสนามบินภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมา และกระทบต่อการท่องเที่ยวภูเก็ตอย่างประเมินค่ามิได้




 

Create Date : 08 กันยายน 2551    
Last Update : 8 กันยายน 2551 20:08:39 น.
Counter : 590 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.