ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

วิกิลีกส์:รายงานลับของสถานทูต เปิดโปงบทบาทของสหรัฐฯในการรัฐประหาร2549

ภัควดี ไม่มีนามสกุล
แปลจาก John Chan, “WikiLeaks cable reveals US role in 2006 Thai coup,” World Socialist Web Site; 18 December 2010.

รายงานลับทางการทูตที่รั่วไหลออกมาผ่านทางวิกิลีกส์เปิดโปงให้รู้ว่า สหรัฐอเมริกาเห็นชอบกับการรัฐประหารของกองทัพ ซึ่งโค่นล้มรัฐบาลนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ถึงแม้หน้าฉากที่แสดงออกต่อสาธารณะนั้น สหรัฐฯ จะทำเหมือนวางระยะห่างจากการยึดอำนาจก็ตาม รายงานลับทางการทูตเผยให้เห็นพฤติกรรมต่อต้านประชาธิปไตยของสหรัฐฯ และประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ในการดำเนินการทางการทูตแบบเร้นลับหลังฉาก

ฯลฯ

รายงานลับทางการทูตจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 บันทึกการสนทนาระหว่างนายราล์ฟ แอล. บอยซ์ กับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ทั้งสองพบกัน “เป็นการส่วนตัว” หลังจากกองทหารและรถถังเพิ่งเคลื่อนเข้ายึดเมืองหลวงและล้มรัฐบาลทักษิณในบ่ายวันที่ 19 กันยายน

บอยซ์ถามว่า นอกจากผู้นำคณะรัฐประหารแล้ว มีใครอีกบ้างที่เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “เมื่อคืนนี้” สนธิตอบว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้นำตนและนายทหารคนอื่น ๆ เข้าไปในพระราชวัง ฯลฯ

ความแตกแยกอย่างลึกซึ้งเกิดขึ้นในหมู่ชนชั้นปกครองไทย กลุ่มธุรกิจและการเมืองดั้งเดิมที่รวมศูนย์อยู่รอบสถาบันกษัตริย์ กองทัพและกลไกรัฐ ต่างหันมาเป็นปฏิปักษ์ต่อทักษิณ นายกรัฐมนตรีทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจระดับพันล้าน ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาก่อนหน้านี้ที่ว่า จะปกป้องธุรกิจไทยจากมาตรการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย พ.ศ. 2540-2541

กลุ่มธุรกิจที่เกิดความสั่นคลอนจากนโยบายของทักษิณ ได้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นเพื่อโค่นล้มรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรฯ แสร้งวางตัวเป็นเสียงคัดค้านการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจของทักษิณ โดยจัดระดมมวลชน “เสื้อเหลือง” ประท้วงในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยสร้างเงื่อนไขให้กองทัพเข้ามารัฐประหาร

รายงานลับที่รั่วไหลออกมาชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลบุชทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการรัฐประหารมาตั้งแต่ช่วงเตรียมการและให้ความเห็นชอบเป็นนัยๆ ส่วนการแสดงออกต่อสาธารณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ แสดง “ความกังวล” นั้น เป็นเรื่องที่มีการตกลงกับผู้นำรัฐประหารล่วงหน้าก่อน

บอยซ์เขียนว่า “เมื่อกล่าวถึงปฏิกิริยาของสหรัฐฯ ผมเตือนเขา [สนธิ] ถึงการสนทนาของเราเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม เมื่อผมบอกเขาว่า ปฏิบัติการทางทหารใด ๆ ย่อมส่งผลให้มีการระงับโครงการความช่วยเหลือในทันที…..ผมบอกเขาว่า เขาต้องคาดหมายไว้ว่าเราจะประกาศมาตรการแบบนั้นออกมาโดยเร็ว เขาก็เข้าใจดี” บอยซ์เขียนต่อไปว่า “ผมเสริมต่อว่า การฟื้นฟูความช่วยเหลือต่าง ๆ จะเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเข้ามาดำรงตำแหน่ง”

ก่อนเข้าพบทูตสหรัฐฯ พลเอกสนธิได้ประกาศแล้วว่าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวและแต่งตั้งรัฐบาลพลเรือนภายในสองสัปดาห์ แน่นอน รัฐบาล “พลเรือน” ที่วางไว้ ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าฉากบังหน้าให้กองทัพ กระนั้นก็ตาม บอยซ์แสดงความคิดเห็นในเชิงชมเชยว่า นี่คือ “ตัวอย่างที่ดี”

ทำเนียบขาวของรัฐบาลบุชระงับความช่วยเหลือทางการทหารและการซ้อมรบร่วมกับประเทศไทยเพื่อแสดง “ความกังวล” แต่ไม่นานก็รื้อฟื้นความสัมพันธ์ตามปรกติกับกองทัพไทย รัฐบาลทหารจัดการเลือกตั้งในปลาย พ.ศ. 2550 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย พรรคพลังประชาชนที่สนับสนุนทักษิณก่อตั้งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ถึงแม้วอชิงตันจะชื่นชมผลการเลือกตั้งว่าเป็น “การกลับไปสู่ประชาธิปไตย” แต่รัฐบาลที่มาจากพรรคพลังประชาชนย่อมไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สหรัฐฯ มุ่งหวัง

เมื่อไม่สามารถสกัดกั้นการกลับมาของรัฐบาลที่สนับสนุนทักษิณ สถาบันอำนาจเก่าจึงร่วมมือกันรณรงค์เพื่อโค่นล้มรัฐบาล การประท้วงของพันธมิตรฯ กลับมาอย่างรวดเร็ว ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญของประเทศไทยก็ลงมติถอดถอนนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ด้วยข้ออ้างขี้ปะติ๋วว่า เขาละเมิดกฎหมายด้วยการออกรายการทำอาหารทางทีวี

จากรายงานทางการทูตที่รั่วไหลออกมาอีกฉบับหนึ่ง นายสมัครกล่าวแก่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นายเอริก จอห์น ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2551 ว่า x x x “มีส่วนรู้เห็นกับการรัฐประหาร 2549 รวมทั้งความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดจากการประท้วงของพันธมิตรฯ ด้วย” ในตอนนั้น พันธมิตรฯ ยังดำเนินการประท้วงด้วยการยึดทำเนียบรัฐบาล เพื่อบีบให้นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลงจากตำแหน่ง แต่สหรัฐฯ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อสาธารณะในเรื่องนี้

บันทึกความจำของสหรัฐฯ อีกฉบับหนึ่ง ลงวันที่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ยืนยันว่า ฯลฯ นี่เป็นอีกครั้งที่สหรัฐอเมริกาไม่แสดงท่าทีคัดค้านใดๆเลย ทั้งๆที่มีข้อมูลวงใน

อีกเพียงหนึ่งเดือนต่อมา ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยึดสนามบินสองแห่งในกรุงเทพฯ ช่วยสร้างเงื่อนไขความปั่นป่วนวุ่นวาย พร้อม ๆ กับศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชนด้วยข้อหาที่ปั้นแต่งขึ้นมาว่าโกงการเลือกตั้ง จากนั้นกองทัพก็เกลี้ยกล่อมพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ให้จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ของอภิสิทธิ์และก่อตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา

รายงานทางการทูตยืนยันเรื่องที่เห็นกันชัด ๆ อยู่แล้ว กล่าวคือ การที่สหรัฐฯ มีปฏิกิริยาผ่อนปรนต่อการรัฐประหาร 2549 เป็นการเดินตามแนวทางที่ชี้นำจากผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เอง สหรัฐฯ มีสายสัมพันธ์ยาวนานกับกองทัพไทย ย้อนกลับไปตั้งแต่ทศวรรษ 1960 และ 1970 เมื่อวอชิงตันหนุนหลังระบอบเผด็จการทหารของไทย และใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพสำหรับปฏิบัติการทางทหารระหว่างสงครามเวียดนาม

สหรัฐฯจะประณามหรือประนอมกับรัฐบาลทหาร ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ทางการเมืองของตน ข้ามชายแดนไทยไปที่ประเทศพม่าเพื่อนบ้าน สหรัฐฯยังคงคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อระบอบเผด็จการทหารและวางท่าเป็นผู้ปกป้องสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของชาวพม่า สิ่งที่วอชิงตันคัดค้านจริง ๆ ไม่ใช่การละเมิดสิทธิประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน แต่ไม่พอใจต่อความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับจีนต่างหาก ทั้งนี้เพราะจีนเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้

การผลักดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ไม่ได้มาตามการเลือกตั้งขึ้นสู่อำนาจในประเทศไทย เป็นชนวนให้เกิดการประท้วงของมวลชนที่นำโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ที่สนับสนุนทักษิณ ขบวนการ “เสื้อแดง” นี้มีแนวโน้มที่จะขยายกลายเป็นขบวนการสังคมที่กว้างขวางมากขึ้น ทั้งนี้เพราะกลุ่มเกษตรกร กลุ่มนักธุรกิจรายย่อยและแรงงานในเมืองเริ่มส่งเสียงแสดงความไม่พอใจจากปัญหาของตัวเองเช่นกัน นายกฯ อภิสิทธิ์ตอบโต้ด้วยการกดขี่ปราบปราม จนลงเอยด้วยการที่กองทัพเข้าสลายการชุมนุมอย่างนองเลือดในวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งกองทหารติดอาวุธหนักยิงใส่ผู้ประท้วง มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 91 คนจากการปะทะในเดือนเมษายนและพฤษภาคม

เช่นเดียวกับในเดือนกันยายน 2549 สหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวประณามการกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์หรือกองทัพไทยแม้แต่น้อย

ที่มา ประชาไท




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2553    
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 20:47:29 น.
Counter : 757 Pageviews.  

วิกิลีคส์แพร่เอกสารทูตสหรัฐฯ สนทนากับ "เปรม-สิทธิ-อานันท์"

“วิกิลีคส์” ปูดเอกสารล่าสุด บันทึกทูตสหรัฐสนทนากับ เปรม ติณสูลานนท์ - สิทธิ เศวตศิลา - อานันท์ ปันยารชุน เป็นการสนทนากันต้นปีนี้ โดยเปรมกล่าวว่าอภิสิทธิ์ “หนุ่มไป” และ “ไม่เข้มแข็งพอ” แต่ยังเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นนายกฯ ส่วน พล.อ.อ.สิทธิ บอกว่ามาร์คเกาะโพเดียมมากไป พร้อมเผยไม่ไว้ใจ “เสธ.แดง” กังวล “อนุพงษ์” มั่นใจ “ประยุทธ์”

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 21.00 น. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์วิกิลีกส์ ได้เผยแพร่เอกสารลับ หมายเลข “S E C R E T SECTION 01 OF 03 BANGKOK 000192” ซึ่งเป็นบันทึกทางการทูตของนายอีริคส์ จี จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ลงวันที่ 25 ม.ค. 53 โดยบันทึกซึ่งถูกแบ่งเป็น 15 ย่อหน้า หัวข้อแรกเป็นบทสรุป รายละเอียดเป็นบันทึกของทูตภายหลังจากพบกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี

ทูตระบุว่าได้สนทนากับ พล.อ.เปรม ในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน วันที่ 13 ม.ค. 53 ส่วนทูตสหรัฐฯ สนทนากับ พล.อ.อ.สิทธิ ที่บ้านพักของ พล.อ.อ.สิทธิ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 53 ส่วนอานันท์สนทนากับทูตสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนธันวาคมปี 52 ในรายงานส่วนใหญ่เป็นบันทึกความเห็นของ พล.อ.เปรม กับ พล.อ.อ.สิทธิ เป็นส่วนใหญ่ มีความเห็นของนายอานันท์ประกอบเล็กน้อย

ในรายละเอียดของเอกสาร มีการสนทนาหัวข้อสำคัญหลายหัวข้อ ทั้งเรื่องการตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความท้าทายที่มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

บันทึกระบุ “เปรม” เห็นว่า “อภิสิทธิ์” หนุ่มไปและไม่เข้มแข็ง แต่เปรมยังไม่มีตัวเลือก

ในย่อหน้าที่ 3 ของบันทึก ระบุว่า พล.อ.เปรม เห็นว่านายกรัฐมนตรี “หนุ่มเกินไปและไม่เข้มแข็งพอที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ยากลำบาก” อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม รู้สึกว่าสิ่งที่อภิสิทธิ์ถูกทดสอบในปี 2552 ก็คือ การถูกท้าทายการทำงานในการขับเคลื่อนรัฐบาลผสมที่มีหลายค่าย ซึ่งไม่ใช่งานง่าย พล.อ.เปรม ยังเสริมว่า ไม่มีนักการเมืองคนไหนที่ดูมีหลักการและมีความซื่อสัตย์มากกว่าอภิสิทธิ์ และประเทศไทยต้องการมีผู้นำเช่นนี้ พล.อ.เปรม มีความหวังว่าชาวไทยและชาวต่างประเทศจะเพิ่มความอดทนกับอภิสิทธิ์ ซึ่ง พล.อ.เปรม เชื่อว่า เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พล.อ.อ.สิทธิเห็นว่าอภิสิทธิ์ใช้เวลาบนโพเดียมมากไป

ในย่อหน้าที่ 4 บันทึกระบุว่า พล.อ.อ.สิทธิ วิจารณ์อภิสิทธิ์ มากกว่า พล.อ.เปรม โดย พล.อ.อ.สิทธิ กล่าวว่าได้บอกบิดาของนายอภิสิทธิ์(น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะแพทย์ประจำตัว)แล้วว่าในปี 2553 ลูกชายควรเป็นคนกล้าตัดสินใจมากกว่านี้ และมีเพื่อนมากกว่านี้ พล.อ.อ.สิทธิ ยังวิจารณ์ว่าอภิสิทธิใช้เวลาอยู่บนโพเดียมมากเกินไป ไม่มีเวลาที่จะสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะทำให้อภิสิทธิ์สามารถมอบหมายนโยบายและคิดริเริ่มเรื่องนโยบาย อภิสิทธิ์จำเป็นต้องไปมีส่วนร่วมกับคนรากหญ้า ซึ่งสิ่งนี้เป็นด้านหนึ่งของจุดแข็งทักษิณ ในความคาดหวังของ พล.อ.อ.สิทธิ ยังหวังให้อภิสิทธิ์ตั้ง พล.ต.อ.ประทีป (ตันประเสริฐ) เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างถาวร หวังให้อภิสิทธิ์ใช้อำนาจที่มีเหนือพรรคร่วมรัฐบาลโดยการขู่ว่าจะยุบสภาถ้าพวกเขาออกนอกแถว และบอกให้กองทัพดำเนินการขับ “ทหารนอกแถว” อย่าง พล.ต.ขัตติยะ (สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง) แม้ว่า พล.อ.ประวิตร (วงศ์สุวรรณ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมปฏิเสธคำสั่งปลด พล.ต.ขัตติยะ

ในย่อหน้าที่ 5 รายงานว่า พล.อ.เปรมสอบถามเกี่ยวกับกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ป่วนการทำงานของรัฐบาลและชีวิตประจำวันของประชาชน ทูตอธิบายว่าระบบของสหรัฐอเมริกาให้สิทธิผู้ชุมนุมในด้านเสรีภาพการแสดงความเห็น แต่ไม่สามารถไปชุมนุมได้ทุกที่ ทูตยังแสดงความไม่พอใจในการตัดสินใจที่ส่งผลลบต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการลงทุน อย่างเช่น มาบตาพุด การยกเลิกหวยออนไลน์ การบังคับใช้กฎหมายที่มีความไม่เป็นธรรม การฝ่าฝืนข้อตกลง และการควบคุมเคลื่อนย้าย มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนมากกว่าความยุ่งเหยิงทางการเมือง

ไม่ไว้ใจ “เสธ.แดง” กังวล “อนุพงษ์” มั่นใจ “ประยุทธ์”

ในย่อหน้าที่ 6 ทูตสหรัฐบันทึกว่า พล.อ.อ.สิทธิ แสดงความกังวลมากกว่า พล.อ.เปรม ในเรื่องสถานการณ์ด้านความมั่นคงในปี 2553 โดยเสนอว่า ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ (เผ่าจินดา) ไร้ความสามารถในการควบคุมพล.ต.ขัตติยะ “นายพลหัวแข็ง ซึ่งอยู่ในเครือของเสื้อแดง” ซึ่ง พล.อ.อ.สิทธิกล่าวหาว่า เป็นผู้ยิงระเบิดเอ็ม-79 ใส่ผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง และ พล.ต.ขัตติยะ ยังได้ไปพบกับทักษิณในต่างประเทศด้วย พล.อ.อ.สิทธิ กล่าวด้วยว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ใช่ผู้หาข่าวที่ดี

ในบันทึกของทูตอีริค ยังวงเล็บด้วยว่า สามวันถัดจากการคุยกับ พล.อ.อ.สิทธิ มีผู้โจมตีห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ในช่วงกลางคืนด้วยเอ็ม-79 และ พล.ต.ขัตติยะ ถูกสงสัยอย่างมาก

โดยในย่อหน้าที่ 6 บันทึกของอีริค จี จอห์น ระบุว่า พล.อ.อ.สิทธิ มีความหวังกับรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ (จันโอชา) มากกว่า โดยคาดหมายว่าจะได้มาแทนตำแหน่งของ พล.อ.อนุพงษ์ ในเดือนตุลาคม [...] พล.อ.อ.สิทธิอ้างด้วยว่า พล.อ.เปรม ได้ส่งสัญญาณว่าไม่พอใจ พล.อ.อนุพงษ์ โดยแสดงอาการดูแคลนในระหว่างที่บรรดานายพลเข้าพบ พล.อ.เปรม ที่บ้านพักเพื่ออวยพรวันเกิด โดย พล.อ.เปรม ไม่พูดคุยกับ พล.อ.อนุพงษ์เป็นการส่วนตัว ระหว่างที่ พล.อ.อนุพงษ์ยืนอยู่กับกลุ่มผู้บัญชาการทหารคนสำคัญๆ

นอกจากนี้ในบันทึกยังกล่าวถึงทัศนะของ พล.อ.เปรม พล.อ.อ.สิทธิ และนายอานันท์ ต่อเรื่องการสืบราชสมบัติด้วย […]


ทักษิณยังเป็นประเด็นสำหรับเปรม-สิทธิ-อานันท์

ส่วนในย่อหน้าที่ 13 บันทึกของทูตยังระบุด้วยว่า ทักษิณยังคงเป็นประเด็นสำหรับสามบุคคลสำคัญนี้ (เปรม-สิทธิ-อานันท์) อดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์กล่าวถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว […] และการท้าทายของทักษิณเป็นต้นเหตุต่อเรื่องเสถียรภาพของประเทศนี้ พล.อ.เปรมถามต่อทูตสหรัฐฯ ว่าสหรัฐอเมริกาควรทำอย่างไรต่อสถานการณ์ของไทย ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านได้แต่งตั้งอดีตผู้นำรายนี้ (หมายถึงทักษิณ) ขึ้นเป็นที่ปรึกษา ซึ่งบุคคลนี้มีความแน่วแน่ในการโค่นล้มรัฐบาล ทูตสหรัฐฯ ตอบว่าขณะที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจะกล่าวสุนทรพจน์ถึงประเด็นในประเทศอื่นเป็นบางครั้งคราว แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับรัฐบาลประเทศอื่น แต่ทูตสหรัฐ ได้แนะนำ พล.อ.เปรม และเจ้าหน้าที่ไทยให้ใช้วิธีให้ความเห็นต่อสาธารณะในเรื่องกัมพูชา และไม่ควรเล่นเกมตาต่อตาฟันต่อฟันกับทักษิณและฮุนเซ็น

ในบันทึกของทูตวงเล็บว่าดูเหมือนว่า พล.อ.เปรม จะรำพึงถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่ก็มีความชัดเจนว่า พล.อ.เปรม มุ่งไปที่ความรับรู้ต่อเรื่องการคุกคามโดยทักษิณ และการที่ฮุนเซ็น อำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมของทักษิณ

พล.อ.อ.สิทธิ ไม่ไว้ใจกัมพูชา บรูไน ลาว เวียดนาม หนุนหลัง “ฮุนเซ็น”

ในย่อหน้าที่ 14 พล.อ.อ.สิทธิ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เพิ่งมาเยี่ยมเขาในวันคล้ายวันเกิดครบ 90 ปี และชี้ให้เห็นว่าอีกไม่นานไทยจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน อภิสิทธิ์จะมีข้อจำกัดน้อยลงในการตอบโต้ด้วยฝีปากกับฮุนเซ็น พล.อ.อ.สิทธิ แสดงความกังวลเพิ่มเติมต่อกรณีของกัมพูชา และบรูไน ว่าน่าจะอยู่ในฝ่ายทักษิณ โดยพิจารณาจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของทักษิณ กับฮุนเซ็น และสุลต่านบรูไน ลาว และเวียดนาม ซึ่งน่าจะหนุนหลังฮุนเซ็น ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศไทย-กัมพูชา ขณะนี้

ในย่อหน้าที่ 15 พล.อ.อ.สิทธิ โจมตีทักษิณว่า พยายามใช้เงิน, ผู้ชุมนุมเสื้อแดง และ ฮุนเซ็น เพื่อ “ทำลายประเทศของเรา” แต่เขาทำนายว่าทักษิณจะทำไม่สำเร็จ ทักษิณไม่เคยพยายามเจรจา พล.อ.อ.สิทธิแนะนำว่า ข้อเรียกร้องทักษิณจะได้รับการตอบสนอง ถ้าเขากลับเข้าประเทศ และรับโทษในคุกพอเป็นพิธี ทักษิณก็น่าจะได้รับการอภัยโทษอย่างรวดเร็ว และได้รับการปล่อยตัวในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ทักษิณพยายามก่อความยุ่งเหยิง จุดชนวนโดยใช้กำลัง ในขณะที่ พล.อ.อ.สิทธิ ยังคาดด้วยว่า ทักษิณจะแพ้คดีในวันที่ 26 ก.ย. (ปี 53) ต่อกรณีเงินที่ถูกอายัดเงินจำนวน 76,000 ล้านบาท แต่ พล.อ.อ.สิทธิ อ้างว่าจากข้อมูลของเขาแสดงให้เห็นว่าทักษิณยังคงมีเงินราว 240,000 ล้านบาทในต่างประเทศ ทักษิณแทนที่จะอยู่ต่างประเทศเงียบๆ แต่ทักษิณได้ตัดสินใจสู้ โดย พล.อ.อ.สิทธิ อ้างว่า ทักษิณได้ให้ทุนสนับสนุนบรรดาเว็บไซต์โจมตีพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ เพื่อจุดชนวนต่อทัศนะการต่อต้านสถาบันกษัตริย์

ที่มา ประชาไท




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2553    
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 1:22:21 น.
Counter : 1392 Pageviews.  

สาวไส้ความสัมพันธ์นายทุนชาตินิยม สหพัฒน์-สหยูเนียน-แพรนด้า จิวเวลลี่

ที่มา Thai E-News

ไหนๆ สหพัฒน์ก็ไม่สนใจการแคมเปญของคนไร้การศึกษาอยู่แล้ว เรามาทำความรู้จักกับเครือสหพัฒน์ และนักธุรกิจชาตินิยมในสายสัมพันธ์กับกลุ่มนี้กันหน่อย

ย้อนประวัติศาสตร์ไปช่วงปี 2515 - 2516 อานันท์ ปันยารชุน ในฐานะเอกอัคราชฑูตไทยประจำสหประชาชาติ ได้เชิญ CEO ของไนกี้ มาประเทศไทย เพื่อเชิญชวนให้สั่งผลิตสินค้ากับกลุ่มสหพัฒน์และสหยูเนียน ผลการเจรจาเป็นไปอย่างน่าปราบปลื้ม สหยูเนียนเปิดโรงงานหลายแห่งเพื่อผลิตรองเท้าและเสื้อผ้าให้ไนกี้ กลุ่มสหพัฒน์ตั้งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งเพื่อรองรับออเดอร์รองเท้าและเสื้อผ้าจากไนกี้ และตามมาด้วยเกือบทุกยี่ห้อทั้ง Adidas, Reebok, Timberlands, Mark & Spencer และ Scholl รวมทั้งแบรนดังยี่ห้ออื่นๆ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาแบรนด์ของตัวเอง "Pan" และสหพัฒน์กลายเป็นผู้ผลิตรองเท้าไนกี้ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

“. . .กลุ่มสหพัฒน์ เป็นกลุ่มนายทุนที่ทรงอิทธิพลเรื่องรองเท้าภายใต้ชื่อกลุ่มบางกอกรับเบอร์ และแพนกรุ๊ป รับจ้างผลิตให้กับเกือบทุกแบรดเนมระดับโลก โดยเฉพาะ Nike Clarks, Marks & Spencer และ Scholl เฉพาะกลุ่มแพนกรุ๊ป นั้นมีมูลค่าการส่งออกปี 2545 จำนวน 155.47 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 33.7 ของมูลค่าส่งออกรองเท้ากีฬาของไทย โดยกลุ่มแพนซึ่งเป็นหนึ่งใน Partner group ของ Nike มี order Nike ในสัดส่วนร้อยละ 10 รองจากกลุ่ม Feng Tay และ Pou Chen ที่ได้รับสัดส่วน order ร้อยละ 18 และ 17 ตามลำดับ[3] ไนกี้ยังได้เลือกสวนอุตสาหกรรมสหพัฒน์ศรีราชา จ.ชลบุรี ของแพนกรุ๊ป เป็นศูนย์ฝึกสอนขั้นตอนและกระบวนการทำรองเท้าให้กับระดับผู้บริหารจากทั่วโลก ซึ่ง เดิมศูนย์นี้อยู่ที่อินโดนีเซีย" (คัดย่อมาจากรายงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ ตัดเย็บเสื้อผ้า และผลกระทบต่อแรงงานหญิง โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย)

สหพัฒน์มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องต่อต้านสหภาพแรงงานอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู และทั้งเครือไม่มีสหภาพแรงงาน หมายความว่าคนงาน 100,000 คนที่ผลิตให้สหพัฒน์ ไม่สามารถต่อรองเรียกร้องผลประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ กับผู้บริหารได้เลยแม้แต่น้อย

มีความพยายามของนักสหภาพแรงงานหลายคนและต่อเนื่องมานับสามสิบปีที่จะช่วยคนงานสหพัฒน์จัดตั้งสหภาพ แต่คนงานที่เป็นแกนนำทั้งหลายส่วนใหญ่ถูกเลิกจ้าง จ้างออก หรือปรับเพิ่มตำแหน่งให้ยุติบทบาทการตั้งสหภาพแรงงาน เรื่องความยากในการตั้งสหภาพแรงงานของเครือสหพัฒน์ต้องถามนักสหภาพแรงงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในหมู่นักสหภาพแรงงานที่ภาคตะวันออก

สหพัฒน์เป็นกลุ่มทุนกลุ่มแรกๆ ที่เป็นต้นแบบการจ้างงานระบบตั้งเป้า และรับเหมาช่วง ที่เป็นปัญหาใหญ่ของขบวนกาสหภาพแรงงานทั่วโลก และเป็นหนึ่งในต้นต่อที่ทำให้ขบวนการแรงงานอ่อนแอ และใร้อำนาจใจการต่อรอง และขบวนการแรงงานทั่วโลกทำงานกันหลายปีเพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่่องระบบกาาจ้างงานรับเหมาช่วงนี้

ขบวนการแรงงานไทยเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนกฎหมายคุ้มครองให้ยกเลิกการจ้างงานระบบรับเหมาช่วงมาหลายปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้า และจำนวนคนงานทีี่ถูกผลักไปสู่ในระบบการจ้างงานรับเหมาช่วง นอกระบบที่ไร้การคุ้มครองทางกฎหมายมีจำนวนสูงกว่าคนงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมกว่าเท่าตัวในปัจจุบัน - นี่คือปัญหาที่กลุ่มทุนชาตินิยมนำโดยสหพัฒน์ได้มอบให้กับสังคมไทย

ด้วยความสำเร็จในการไม่สามารถทำให้คนงานรวมตัวต่อรองได้ ระบบนี้จึงได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรมในปัจจุบัน โดยเฉพาะในด้านเสื้อผ้าและรองเท้า แต่รวมทั้งอิเลคทรอนิกส์​ เครื่องประดับ อาหาร และยานยนต์

การเน้นการสร้างแรงจูงใจด้วยเงินเป้าเริ่มจากฐานค่าแรงขั้นต่ำ ไม่สนใจค่่าแรงตามกฎหมาย ไม่ยอมรับการเจรจาต่อรองกับคนงาน และไร้การควบคุมและมาตรฐานเช่นนี้ คนงานบอกว่า "เป้าขยับชึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา การจะได้ตามเป้าเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อคนงานต้องเปลี่ยนชิ้นงานกันบ่อยๆ" และผลที่เกิดขึ้นคือเมื่อคำนวณชั่วโมงการทำงานแล้ว พวกคนงานอาจจะได้เงินต่ำกว่ากฎหมาย เพราะไม่ได้มีการคำนวณค่าทำงานล่วงเวลาให้กับคนงาน

เมื่อพูดถึงสหพัฒน์ ก็อดโยงไปยังนายทุนที่เป็นพัธมิตรร่วมชาตินิยมกลุ่มอื่นๆ อีกไม่ได้ โดยเฉพาะสหยูเนียน และแพรนด้า จิวเวอรี่กรุ๊ป ซึ่งทั้งณรงค์ โชควัฒนา แห่งสหพัฒน์ อานันท์ ปันยารชุน แห่งสหยูเนียน (ปัจจุบันเป็นนายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์) และปรีดา เตียสุวรรณ์ เจ้าของแพรนด้า จิวเวอรรี่ กรุ๊ป ของนายทุนใหญ่แห่งพันธมิตร และพรรคการเมืองใหม่

ทั้งสามคนนี้นำเสนอภาพตัวเองเป็นกลุ่มนักธุรกิจเพื่อสังคม สนใจปัญหาชาวบ้านและสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ยอมรับอำนาจต่อรองของคนงานและของสหภาพที่ทั้งสามกลุ่มมีร่วมกันก็น่าจะร่วม 200,000 คน คนงานเหล่านี้ ส่วนใหญ่ได้รับค่าแรงตามกฎหมายแรงงานขั้นต่ำ หรือถ้าเป็นคนงานที่รับซับในหมู่บ้านห่างไกลที่ต่างจังหวัด คงมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รับค่าแรงตามกฎหมาย และไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ ทั้งสิ้น

อานันท์ ปัญญารชุน เป็นประธานกรรมการบริหารสหยูเนียน ตั้งแต่ปี 2534 สามเดือนก่อนได้รับพระราชทานตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เขามีชื่อเสียงว่า “ในสมัยรัฐบาลอานันท์มีการออกกฎหมายถึง 267 ฉบับ หลายฉบับเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาดในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง"

มีความคลุมเคลือว่าอานันท์สร้างผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จากการตั้งโรงงานไฟฟ้าในจีนได้ถึง 11 แห่ง ในระหว่างคาบเกี่ยวของการเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย และในฐานะบทบาทซ้ำซ้อนของการเป็นประธานกรรมการบริหารสหยูเนียนไปด้วยในเวลาเดียวกัน (ไม่รวมทั้งการตั้งสำนักงานนายกที่สำนักงานใหญ่ของสหยูเนียน)

ความสำเร็จจากโรงไฟฟ้าที่จีน นำมาซึ่งกำไรให้กับสหยูเนียนอย่างเห็นได้ชัด และนำมาสู่การคิดเบนเข็มสหยูเนียนไปสู่ธุริกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย แต่ก็ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากชาวชุมชนบ่อนอกและบ้านกรูดตั้งแต่ปี 2538 เมื่อสหยูเนียนได้รับอนุญาตให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดประจวบ

แกนนำการต่อสู้โรงไฟฟ้าที่ประจวบ ของชาวบ้านบ่อนอก และบ้านกรูด เจริญ วัดอักษร ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547บริเวณทางเดินเข้าบ้าน หลังเดินทางไปยื่นข้อมูลความผิดปกติกับคณะกรรมการธิการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา

ไหนๆ ก็ลากยาวมาแล้ว ขอสาวความสัมพันธ์ของนายทุนสายชายตินิยมกลุ่มนี้ ต่อยาวเลยไปถึงความแนบแน่นของอานันท์ ปันยารชุน กับนายมีชัย วีระไวทยะ (ทั้งคู่เป็นเขยของเชื่อพระวงศ์) ผู้ได้รับการรู้จักในนาม “มิสเตอร์ คอมดอม หรือ ถุงยางมีชัย” ที่สามารถหากินจากชื่อเสียงจากเรื่องการส่งเสริมให้คนไทยใช้ถุงยางได้ต่อเนื่องนาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เขาเป็น NGO ที่ได้รับเงินบริจาคจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจากมูลนิธิของบรรษัทข้ามชาติทั้งหลาย ทั้งไนกี้ และเกตต์ และทำงานร่วมกับโครงการรัฐฯ มากมาย เรากำลังพูดถึง NGO ที่มีเงินไหลเข้าระดับร้อยล้าน พันล้าน ไม่ใช่ NGO กระจอกรับเงินบริจากแค่แสนสองแสน หรือล้านสองล้าน แล้วต้องแสดงรายการการใช้จ่ายกันถี่ยิบ

จากกรุงเทพธุรกิจในบทความครูคนใหม่แห่ง ร.ร. นอกกะลา

"35 ปีที่ผ่านมาของ PDA จุดประกายให้เกิดโครงการต่างๆ กระจายเครือข่ายทั่วประเทศครอบคลุมพื้นที่กว่า 25,000 หมู่บ้าน ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2,500 หมู่บ้าน คิดเป็นเม็ดเงินระดมทุนไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากกว่า 3,700 ล้านบาท"

ช่างเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากจริงๆ ลงทุน 1,200 ล้านบาท ได้คืนมาเพียง 3,700 ล้านบาท มีชัยน่าจะลองปรึกษา จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ. สำนักงานทรัพย์สินดูบ้่างว่าทำอย่างไรผลกำไรถึงได้งอกงามระดับล้านล้านบาท

องค์กรแรงงานและสหภาพแรงงานช่วยคนงานประท้วงเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทตลอดสิบปีที่ผ่านมา ใช้เงินกันไม่ถึงยี่สิบสามสิบล้าน ช่วยคนงานหลายพันคนได้รับค่าเสียหายกลับคืนมาร่วมกันก็น่าจะหลายพันล้านแล้ว

โครงการของมีชัยด้านหนึ่งคือการตั้งโรงงานมากมายทั่วภาคอีสานใต้ เพื่อรับจ้างเย็บเสื้อผ้าและรองเท้า ที่ประชาสัมพันธ์ว่าเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น แต่ด้วยงานคือการรับเหมาช่วงงานต่อไปจากสหยูเนียน จึงถูกตั้งข้อสงสัยว่าเพื่อการจ้างงานหรือว่าเพื่อป้อนแรงงานราคาถูก(ที่รับจ้างเย็บรายชิ้น ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่มีสวัสดิการที่พอเพียง) ให้กับกลุ่มสหยูเนียนของเพื่อนซี้อานันท์ ปันยารชุน กันแน่

นี่คือภาพขยายนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับทุนชาตินิยมไทย ที่บอกว่าคนไทยต้องปกป้อง และอุดหนุน

---------------------------------------------------

เกี่ยวกับเครือสหพัฒน์จากข้อมุลที่เผยแพร่ในเวบไซด์ของเครือสหพัฒน์ ดาวโลดเมื่อเช้านี้
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เป็นจุดเริ่มต้นของเครือสหพัฒน์ โดยเริ่มจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย ต่อมาได้พัฒนาไปสู่การ เป็นผู้ผลิตสินค้าและเป็นตัวแทนจำหน่าย อีกทั้งยังมีการร่วมทุนกับต่างประเทศในการผลิตสินค้าและบริการ

ปัจจุบันเครือสหพัฒน์เติบใหญ่จนเป็นเครือ บริษัทของคนไทย ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง มีบริษัทในเครือกว่า 200 บริษัท และมีสินค้าและบริการเป็นที่รู้จักหลากหลายกว่า 30,000 รายการ จากกว่า 1,000 แบรนด์ที่จำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก

สินค้าส่วนใหญ่ในเครือสหพัฒน์ผลิตโดยตรงจากโรงงานในสวนอุตสาหกรรมของ เครือสหพัฒน์ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สวนอุตสาหกรรม ศรีราชา จ.ชลบุรี สวนอุตสาหกรรม กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และสวนอุตสาหกรรมลำพูน จ.ลำพูน รวมพื้นที่ทั้งหมดถึง 6,000 ไร่ เครือสหพัฒน์มีพนักงาน รวมทั้งสิ้นกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2553    
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 0:04:33 น.
Counter : 1968 Pageviews.  

แกะรอยงบ650ล้านวันพ่อในกำมือเนวิน-เสี่ยวินิจ ซาบซึ้งแล้วรวยด้วยธุรกิจการเมืองศรัทธามาร์เก็ตติ้ง

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
7 ธันวาคม 2553

เราตามแกะรอยเส้นทางของวินิจ-เนวินพบว่าช่างสะดวกดายราวลัดปลายนิ้ว เมื่อธุรกิจผนึกการเมือง แล้วใช้ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง ที่ยากจะมีคนตั้งคำถามเรื่องความใปร่งใส เป็นช่องทางโกยเงิน เพราะหากมองเผินๆงานแบบนี้ควรได้แค่"กล่อง" แต่ทั้งสองทำอย่างไรจึงได้ทั้งเงินก้อนโตไปอีกด้วย

29 สิงหาคม 2550-บริษัทRSของเฮียฮ้อก่อตั้งบริษัท RS FRES AIR จำกัด มอบหมายให้นายวินิจ เลิศรัตนชัย เป็นผู้บริหารทีม เพื่อทำธุรกิจคอนเสิร์ต โดยตั้งเป้าทำเงิน 100 ล้าน ต่อมานายวินิจลาออกจากสถานะลูกจ้าง และขายหุ้นในส่วนของเขาคืนเฮียฮ้อหมด

2 ธ.ค.2551-ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยุบ 3 พรรคการเมือง รวมทั้งพรรคพลังประชาชน จากนั้นกลุ่มเพื่อนเนวิน ของเนวิน ชิดชอบ ไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลเทพประทานในค่ายทหาร

นายศุภชัย โพธิ์สุ สมาชิกคนสำคัญของกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้เหตุผลในการย้ายขั้วว่า "รู้ไหม ขณะนี้ กำลังสู้อยู่กับใคร สู้อยู่กับสถาบันฯ ไม่มีทางชนะหรอก"...แต่ยังไม่มีคำอธิบายมาจนบัดนี้ว่าเป็นสถาบันไหน...?

14 ม.ค.2552-เปิดตัวพรรคภูมิใจไทย รังใหม่ของเนวิน ขณะที่พรรคของเขาได้คุมกระทรวงสำคัญ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย งานนี้มีนายวินิจ เลิศรัตนชัย อดีตดีเจชื่อดังเป็นคนจัดอีเว้นต์เปิดตัวพรรคภูมิใจไทย และแต่งเพลงและริงโทนให้พรรคด้วย

9 มี.ค. 2552-นายวินิจ เลิศรัตนชัย ที่ปรึกษาของนายเนวิน ชิดชอบ จดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ซื้อขาย ผลิตสื่อโฆษณาทางวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และวารสาร รับจ้างทำโฆษณา จัดทำรายการวิทยุ โทรทัศน์

ไทยโพสต์รายงานว่า วงการการเมืองรู้กันดีว่า วินิจ อดีตเจ้าของรายการไพรเรตร็อก วิทยุเพลงร็อก 24 ชั่วโมงคลื่นแรกในเมืองไทย แต่สุดท้ายต้องปิดฉากพร้อมกับเป็นหนี้ 20 ล้าน มีความแนบแน่นและเป็นหุ้นส่วนสำคัญของ TRAF หรือทราฟฟิค คอนเนอร์ ที่มี "เสี่ยป๊อป" สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย เป็นเจ้าของ และรู้กันดีว่าสุรพงษ์มีสายสัมพันธ์อันดีกับเนวินและศักดิ์สยาม ชิดชอบ มาร่วม 10 ปี

ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เพิ่งออจากงานค่ายRSมา และเป็นหนี้นับ20ล้านบาท ทำไมจึงมีเงิน30ล้านบาทมาจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ และอาจจะประหลาดใจกว่านั้นหากพบว่าแค่ปีเดียว บริษัทที่จัดตั้งใหม่หมาดนี้ก็ทำเงินมากกว่า 400 ล้าน และเติบโตพรวดพราดในเวลาต่อมา จนพอที่จะมีเงินไปเทกโอเวอร์วงดนตรีคาราบาว!

11 พ.ย.2552-นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีมหาดไทย มีคำสั่งแต่งตั้งนายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานคณะทำงานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ และตั้งงบดำเนินการไว้ประมาณ 150 ล้านบาท ( ข่าวอสมท.)

ไทยโพสต์รายงานว่า

สำหรับ FRESH AIR ที่ได้จัดอีเวนต์ครั้งนี้ จากเอกสารข่าวที่แจกจ่ายกับสื่อมวลชนระบุไว้ชัดว่า "ได้รับการจัดจ้างให้จัดกิจกรรมโดยวิธีพิเศษ"

อันหมายถึงเป็นการได้งานภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ที่หัวหน้าส่วนราชการจะพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น ผลงานที่ผ่านมา โดยอาจไม่ต้องมีการ Bid เสนอราคาขึ้นมา


5 ธ.ค.2552-นายเนวิน ชิดชอบ จัดฉายภาพสี่มิติเทิดพระเกียรติวันพ่อที่ลานพระรูปทรงม้า เป็นที่ฮือฮา เพราะเป็นการฉายภาพสี่มิติในที่กลางแจ้ง ครั้งแรกในไทย โดยมีนายวินิจแห่งเฟรชแอร์เฟสติวัล เป็นมือทำงาน คนไม่รู้ก็นึกว่านายเนวินทำฟรีเอากล่อง แต่ความจริงคือการให้นายวินิจรับจ้างไปทำ

15 ธ.ค. 2552 - กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ว่าจ้าง บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ดำเนินโครงการจัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (Otop city) ครั้งที่ 6 ปี 2552 วงเงิน 88.4 ล้านบาท

ในปีแรกที่ก่อตั้งบริษัท นายวินิจเปิดเผยว่า ทำรายได้ 400 ล้านบาทปลายๆ ส่วนใหญ่มาจากโครงการ"พิเศษ"คือ งานโอท็อป มิดเยียร์, งานโอท็อปซิตี้ และงานวันพ่อ หรืองานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552

วินิจกล่าวยอมรับว่า ได้งานมาเพราะเนวิน "ผมยอมรับว่าถ้าไม่ได้ท่านโอกาสที่จะได้ทำงานนี้ก็ยากมาก" และย้ำว่า"ผมรักพี่เนวิน ผมและเขาคือพี่น้อง ที่พี่เขาให้มาทำผมถือเป็นโบนัส " (อ่านรายละเอียดในประชาชาติธุรกิจ)

20 เม.ย. 2553-ระหว่างการประท้วงอันดุเดือดของกลุ่มเสื้อแดง ที่ประชุมครม.ในราบ11 ได้ อนุมัติในหลักการ ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2554 จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

โดยแบ่งงบประมาณเป็น 2 ปี ได้แก่งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 200 ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 จำนวน 300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ครม.ได้กำชับเรื่องการใช้งบประมาณให้คำนึงถึงความสมพระเกียรติ ประหยัดและเหมาะสม โดยคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการใช้งบประมาณนั้นมีหน้าที่พิจารณารายละเอียด ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังกล่าว

25 พ.ย.2553-วินิจให้สัมภาษณ์ประชาชาติธุรกิจว่า ปีนี้จะมีรายได้ขยายตัวได้อีกราว 20% โดยมีรายได้หลักจาก งานเฉลิมพระเกียรติวันพ่อ 5 ธันวาคม 2553 ที่แม่น้ำเจ้าพระยา หน้าโรงพยาบาลศิริราช จากนั้นจะตามด้วยนิทรรศการถาวร King Pavilion ของในหลวงตลอดทั้งปี ตั้งแต่เกือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ที่แอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสัน

เขาไม่ได้ระบุว่ารวมถึงงานวันพ่อปีหน้า 2554 ที่จะเป็นงานใหญ่ งบประมาณที่ครม.อนุมัติให้ล่วงหน้า 300 ล้านบาทด้วยหรือไม่ แต่เรื่องนี้คงเดาได้ไม่ยาก

นอกจากนั้นเขายังได้เข้าไปบริหารวงดนตรีคาราบาว คาดว่าน่าจะมีรายได้จากโครงการนี้ประมาณ 350 ล้านบาท เฉพาะด้านโฆษณา ไม่รวมจัดคอนเสิร์ต

3 ธ.ค.2553-เนวิน ชิดชอบ ประธานคณะทำงานจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ กล่าวว่า ถูกตำหนิเป็นอย่างมากว่า ทำอะไรทำไมไม่บอกคนอื่น แต่ที่จริงแล้วตนเห็นว่า การทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวใคร ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งประชาสัมพันธ์ว่าทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เราทำอยู่ พวกเราทุกคนรู้ดีว่ารักพ่อมากแค่ไหน

5 ธ.ค.2553-โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดสดงานพิธีเฉลิมฉลองวันพ่ออลังการยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการถวายพระพรทางน้ำ การฉายภาพสี่มิติ โดยคีย์แมน2คนเป็นผู้ปั้นงานนี้กับมือคือเนวิน ชิดชอบ+วินิจ เลิศรัตนชัย อย่างไรก็ตามจากการตั้งเป้ามีเรือเข้าจุดเทียนถวายพระพร 700 ลำ มีการลดลงมาเมื่อถึงวันจริง 555 ลำ

********
ข้อมูลจำเพาะ

Name : วินิจ เลิศรัตนชัย
ฉายา : ดีเจวินิจ
Age : 48 ปี
วันเกิด : 1 กรกฎาคม 2505
Status : สมรสแล้วกับเพ็ญ พิสุทธ์ อดีตนางเอกหนัง มีลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 12 ปี คนเล็กอายุ 9 ปี
Education : ปวส. แผนกการโฆษณา โรงเรียนพณิชยการพระนคร

Career Highlights :

-ปัจจุบัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Fresh Air Festivalจำกัด
-ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท Max Maker จำกัด ขายโฆษณาบนเครื่องบินและสื่อนิตยสารบนเครื่องบิน
-ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Wave Worker จำกัด ทำ Sport Event, เว็บไซต์
-ที่ปรึกษาเนวิน ชิดชอบ
-ที่ปรึกษาการตลาด สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ของเนวิน

2544-2548 กรรมการบริหาร บริษัททราฟฟิกคอร์นเนอร์ ของสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย
2541-2544 กรรมการผู้จัดการ บริษัท Dream Media
2537-2538 กรรมการผู้จัดการ บริษัท Prirate Radio จำกัด
2530 นักจัดรายการ บริษัทมีเดีย พลัส จำกัด
2528 นักจัดรายการ โลกสวยด้วยเพลง บริษัท ไนท์ สปอร์ต จำกัด
2527 ดีเจ บริษัท โน้ต โปรโมชั่น จำกัด
2526 นักจัดรายการวิทยุ รายการวิทยุ Sunday Gap
2525 ผู้ประกาศข่าว สถานีวิทยุ พล.ปตอ. 603 กิโลเฮิรตซ์




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2553    
Last Update : 8 ธันวาคม 2553 14:50:26 น.
Counter : 1407 Pageviews.  

คำถามคาใจในคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคฯ - นิติเกิน

ด้วยความเคารพอย่างสูงต่อท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่าน คำวินิจฉัยอย่างไม่เป็นทางการที่ท่านได้อ่านไปในคดียุบไม่พรรคประชาธิปัตย์นั้น ทำให้ผู้น้อยเกิดความสงสัยหลายประการ อยากให้ท่านช่วยอธิบายให้กระจ่างชัดด้วย

1. วิธีการอ่านคำวินิจฉัยที่ถูกต้องควรเป็นเช่นไร

เคยเข้าใจมาตลอดว่า ศาลไทยและต่างประเทศมีวิธีปฏิบัติเหมือนกันคือ เขียนคำพิพากษาให้เสร็จ ตรวจทานแล้วจึงให้ตุลาการทุกท่านที่เป็นองค์คณะลงนามกำกับไว้ ท่านใดมีความเห็นแย้ง หรือมีเหตุผลเป็นอย่างอื่นก็จะแนบเข้าไปกับตัวคำพิพากษา จากนั้น จึงนำมาอ่านต่อหน้าคู่ความ

หากเทียบกับกรณีศาลรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยที่สุด คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็น่าจะต้องแล้วเสร็จพร้อมอ่านต่อหน้าผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ส่วนความเห็นในการวินิจฉัยส่วนตน แม้ไม่มีสภาพบังคับในทางกฎหมาย แต่ก็น่าจะเปิดเผยไปพร้อมกันด้วย

แต่คดีนี้ ปรากฎว่า คำวินิจฉัยของศาลยังไม่เสร็จ เปิดดูเว็ป ก็มีแต่คำวินิจฉัยอย่างไม่เป็นทางการ

จริง ๆ แล้ว ที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไรครับ

2. ตกลงคดีนี้ ถือว่าได้วินิจฉัยในเนื้อคดีแล้วหรือยังครับ

เท่าที่อ่านข่าว คดีนี้ศาลลงมติ 4 ต่อ 2 คือ 4 เสียง ยกคำร้อง อีก 2 เสียง ไม่ยกคำร้องและวินิจฉัยในเนื้อคดี

เข้าใจเอาเองว่า ถ้าศาลยกคำร้องด้วยเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์หรืออำนาจยื่นคำร้องของผู้ร้อง เช่นนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยในเนื้อคดี ดังนั้น มาฟ้อง มาร้องใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย (ป.วิ.พ. ม. 148; ป.วิ.อ. ม. 39 (4) และ ม. 185; ระเบียบฯ วิธีพิจารณาคดีปกครอง ข้อ 97)

ปัญหาแรก ก็คือ ข้อกำหนดศาลว่าด้วยวิธีพิจารณา ไม่ได้เขียนเรื่องห้ามฟ้องซ้ำไว้ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาเข้าใจว่ายังไม่ผ่านสภา จะถือตามหลักเกณฑ์ใดดี จะอ้างอิง วิ.แพ่ง วิ. อาญา หรือระเบียบศาลปกครอง มาใช้ได้มั้ย

ในปัญหาที่สอง ด้านหนึ่ง ถ้าดูคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งผูกพันทุกองค์กรของรัฐตามรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรคห้า (เข้าใจว่าคงไม่แตกต่างจากที่เผยแพร่ทางเว็ปมากนัก – เพราะถ้าต่างเยอะล่ะก็ ยุ่งแน่!) ศาลยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อคดีเลย

แต่อีกด้านหนึ่ง ความเห็นในการวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการแต่ละคน ซึ่งไม่มีผลผูกพันใครในทางกฎหมาย ตามข่าวว่า ได้วินิจฉัยทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นรายประเด็นไปแล้ว อย่างนี้ ถือว่าลงเนื้อคดีแล้วแน่ ๆ

ตกลง จะถืออย่างไรดีครับ

3. บรรทัดฐานที่องค์กรของรัฐอื่นควรยึดถือปฏิบัติคืออะไร

เรื่องนี้สำคัญจริง ๆ นะครับ เพราะมีกฎหมายอีกหลายสิบฉบับเขียนเนื้อความในทำนองเดียวกันกับกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 93 เลย ก็คือ “เมื่อความปรากฎต่อ A ว่า... ให้ A โดยความเห็นชอบของ B ดำเนินการ...”

เหตุผลข้อแรก (ตุลาการ 3 ท่าน) บอกว่า ต้องมีทั้งความเห็นชอบของ A และ B จึงจะดำเนินการได้

เหตุผลข้อสอง (ตุลาการ 1 ท่าน) บอกว่า A ไม่สำคัญ จะมีหรือไม่ก็ได้ ขอเพียง B เห็นชอบก็พอแล้ว

ทั้งสองเหตุผล ปรากฎในคำวินิจฉัยศาลทั้งคู่ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรคห้า รับรองสถานะคำวินิจฉัยไว้สูงยิ่งขนาดนั้น ผูกพันทั้งหมด แต่พอเหตุผลขัดกันเอง ก็ไม่รู้ว่า จะเชื่อและทำตามเหตุผลข้อไหนดี

4. ตกลงระยะเวลา 15 วันเริ่มนับแล้วหรือไม่

ตุลาการ 3 ท่านอธิบายว่า การยื่นคำร้องไม่ถูกต้อง เพราะขาดความเห็นชอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง ผิดขั้นตอนของกฎหมายในสาระสำคัญ ไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง

เข้าใจเอาเองว่า ถ้าเงื่อนไขการใช้อำนาจยังไม่ครบถ้วน ระยะเวลาก็ยังไม่เริ่มนับ เพราะ “ความยังไม่ปรากฎต่อนายทะเบียน” เช่นนี้ ถูกหรือไม่

แต่ก็ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อตุลาการอีกหนึ่งท่าน บอกว่า ระยะเวลาเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2552 จึงเกิน 15 วันมานานแล้ว งงครับงง

5. ตกลงนายทะเบียนต้องเห็นชอบก่อน กกต. หรือไม่

เคยเข้าใจมาตลอดว่า กรณีที่กฎหมายเขียนให้องค์กรสององค์กร เจ้าหน้าที่สองเจ้าหน้าที่ ใช้อำนาจร่วมกัน อย่างเช่น นายทะเบียนกับ กกต. นี้ แม้การวินิจฉัยตัดสินใจของสององค์กร จะสลับที่ ผิดคิว กันบ้าง ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสาระสำคัญอยู่ตรงที่ ต้องมีความเห็นชอบทั้งสององค์กร สองเจ้าหน้าที่ จึงจะมีอำนาจดำเนินการต่อไปได้

แต่ในเหตุผลข้อแรก กลับบอกว่า นายทะเบียนต้องมีความเห็นก่อน จากนั้น ก็ กกต. มีความเห็นตกลงว่า ถ้านายทะเบียนยังไม่ทำความเห็น ส่งเรื่องเข้า กกต. ซึ่งเห็นชอบแล้ว ต่อมาส่งเรื่องกลับมาที่นายทะเบียน ซึ่งก็เห็นชอบด้วย และได้ยื่นคำร้องต่อศาล เช่นนี้ ผิดขั้นตอนหรือไม่ครับ

เมื่อไปอ่านกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองก็ยิ่งสงสัยหนัก เพราะหลักในมาตรา 41 บอกไว้ว่า

“คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ไม่เป็นเหตุให้คำสั่งทางปกครองนั้นไม่สมบูรณ์... (4) คำสั่งทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าที่อื่นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่นั้นได้ให้ความเห็นชอบในภายหลัง”

แปลไทยเป็นไทยได้ว่า ลำดับก่อนหลัง – ไม่ใช่สาระสำคัญ ถูกต้องมั้ยครับ

แม้แต่ “คำสั่งทางปกครอง” ซึ่งมีผลกระทบสิทธิสร้างภาระหน้าที่ให้แก่บุคคลแล้ว ยังไม่ถือเรื่องลำดับขั้นตอนก่อนหลังให้เป็นสาระสำคัญเลย แล้วเหตุไฉน การดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการออกคำวินิจฉัยของศาลให้กระทบสิทธิเสรีภาพเป็นอันดับถัด ๆ ไป จึงถือลำดับขั้นตอนเคร่งครัดกันนัก

กรณีนี้ จะขอยืมสุภาษิตการตีความกฎหมาย “ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น” (a fortiori) อย่างเช่นที่ศาลท่านเองก็เคยใช้ในคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปพร้อม ๆ กันทั้งสามพรรค ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 วรรคสอง มาพิจารณาประกอบได้หรือไม่ครับ

(คดีพรรคมัชฌิมาธิปไตย – คำวินิจฉัยที่ 18/2551 คดีพรรคชาติไทย – ที่ 19/2551 ลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 2 ธันวาคม 2551 เล่ม 126 ตอนที่ 16ก วันที่ 19 มีนาคม 2552 ในหน้า 17 และ หน้า 99 ตามลำดับ ส่วนคดีพรรคพลังประชาชน – ที่ 20/2551 ลงตอนที่ 20ก วันที่ 31 มีนาคม 2552 ในหน้า 24)

6. นายทะเบียนกับประธาน กกต. มีเพียงใจเดียวได้หรือไม่ครับ

ยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ ในเมื่อนายทะเบียนกับประธาน กกต. มีชื่อว่า อภิชาติ สุขัคคานนท์ คนเดียวกัน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญท่านเองก็เคยเชื่อเช่นนั้น

(คำวินิจฉัยที่ 52/2548 คดียุบพรรคชาติประชาธิปไตย ลงราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 13 ก วันวาเลนไทน์ 14 กพ. 2549 ในหน้า 144 – 145 ซึ่งสมัยนั้น เผอิญ คนๆ เดียวกันที่นั่งสองเก้าอี้มีชื่อว่า “วาสนา เพิ่มลาภ” ก็คนที่ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่บางขวาง โดยไม่ได้ประกันตัวอยู่หลายวัน นั่นแหละครับ)

ในเรื่องนี้ มีตัวอย่างสมมุติที่ยังหาคำตอบไม่ได้ อยากเรียนถามท่านสักหน่อย

ระเบียบศาลเขียนว่า “นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต. ทั้งคู่ ต้องมาศาล จึงจะเปิดประตูรับ”

กรณีแรก ท่านอภิชาติ ในป้าย “นายทะเบียน” ไม่มา มีมาแต่ กกต. 4 ท่านคือ ท่านสดศรี ท่านประพันธ์ ท่านสมชัย และท่านวิสุทธิ์ อย่างนี้ ประตูศาลต้องปิด ไม่เปิดรับ ใช่มั้ยครับ

กรณีที่สอง ท่านอภิชาติ ในป้าย “นายทะเบียน” ไม่มา แต่มี กกต. มาครบ ทั้ง 5 ท่านเลย 4 ท่านที่เอ่ยนามข้างต้นยืนหน้าศาล พร้อม ๆ กับท่านอภิชาติ ซึ่งติดป้ายคาดหน้าอกว่า “ประธาน กกต.” อย่างนี้ ประตูศาลจะเปิดรับท่านเหล่านั้นหรือไม่

ถ้าตีความตามหลักลายลักษณ์อักษร (Literal Rule) ไม่เปิดประตูแน่ ๆ เพราะท่านอภิชาติไม่ได้คาดหน้าอกว่า “ประธาน กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง” จึงไม่ครบองค์ประกอบตามกฎหมาย

แต่หากตีความตามหลักมิให้ผลการตีความกฎหมายผิดเพี้ยนเหลวไหล (Golden Rule) ประตูต้องเปิดรับพวกท่านครับ ก็ในเมื่อท่านอภิชาติ มายืนเท่ ๆ อยู่หน้าประตูแล้ว อย่างนี้ หากจะฝืนบอกว่า นายทะเบียนไม่ได้มาด้วย ก็คงขัดสามัญสำนึกการรับรู้ข้อเท็จจริงของมนุษย์อยู่นะครับ

ฉันใดก็ฉันนั้น แม้นายทะเบียนไม่ได้ทำความเห็นให้แจ้งชัด หากประธาน กกต. ซึ่งแน่นอนต้องมีใจเดียวกันกับนายทะเบียน (เว้นแต่ท่านอภิชาติเป็นคนหลายใจ) ลงมติในที่ประชุม กกต. ด้วยตนเองว่า ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เช่นนี้ จะถือว่า นายทะเบียนให้ความเห็นชอบแล้วโดยปริยาย ได้หรือไม่ครับ

หมายเหตุ Literal Rule / Golden Rule ที่ว่ามาข้างต้น เป็นหลักการตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษรของอังกฤษเค้า ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ ว่าศาลรัฐธรรมนูญไทยจะถือหลักการนี้ด้วยหรือไม่ เพราะมือท่านถือพจนานุกรมเล่มเบ้อเร่ออยู่ครับ

(คดีทำกับข้าวออกทีวี ที่ 12-13/2551 ลงราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 122ก 19 พย. 2551 ในหน้า 14 – 15)
“เบ้อเร่อ” อยู่ในพจนานุกรมหน้า 637 แปลว่า ใหญ่โตกว่าปกติครับ

คำถามทั้ง 6 ข้อนี้ ช่วยกรุณาตอบหน่อยเถอะครับ

“นิติเกิน”




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2553    
Last Update : 4 ธันวาคม 2553 18:49:37 น.
Counter : 590 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.