ทริปดงนาทาม - สามพันโบก ตอนที่ 2 ... อลังการสามพันโบก
ตะวันขึ้นก่อนใครในสยาม ผาชะนะได
"ความเดิมตอนที่แล้วแม้ตะวันที่นี่จะขึ้นก่อนใครในสยาม แม้คุณจะมีโอกาสได้เห็นตะวันขึ้นก่อนใครเมื่ออยู่ที่นี่ แต่แล้วๆ นายน้ำฟ้าก็ตื่นสาย ว้าก เปิดเต็นท์ออกมาฟ้าแดงโล่ ไปไม่ทันแล้วแม่เจ้า ดูนาฬิกาข้อมือ แอ๊ ตีห้ากว่าเอง"
ณ หน่วยพิทักษ์ฯอช.ผาแต้มที่ 5ดงนาทามN15.622748 E105.611937 alt.>380m.ริมขอบผาห่างจากตรงนี้ไปราว 700เมตรตะวันออก คือ ผาชะนะได ที่ซึ่งตั้งอยู่บนเส้นแวงตะวันออกที่ 105องศา 37ลิบดา 17ฟิลิบดาจุดสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม แม้ไม่ใช่ละติจูดออกสุดก็ตามแต่เพราะอยู่บนความสูงราว 400เมตรจึงมองเห็นตะวันขึ้นก่อนพื้นราบที่อยู่ละติจูดออกกว่านั่นเอง ส่วนจุดที่เป็นตะวันออกสุดนั้นลงผาไปอีกนิดเยื้องขึ้นเหนือไปอีกหน่อยที่ N15 ํ 38' 34.8" E105 ํ 38' 2.4" ณ บ้านปากลา อ.โขงเจียม อำเภอเดียวกันกับที่เราอยู่ตอนนี้ อ่ะดูซีครับทั่นผู้ชม ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบผาชะนะไดโน่นแล้ว โว้ว กำ กำ ชีชำกระหล่ำดอง เอ่า บึ๋บจำบึ๋บ
ชมตะวันสาดแสงริมผาชะนะไดพร้อมชมวิวน้ำโขงกันจนอิ่มหนำ ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วน ได้เวลามื้อเช้าแล้วสิ กลับดีกว่าเรา ขากลับขอชมรอยพญานาคหน่อย อ๊ะม่ายช่าย นี่คือรอยไรรู้เปล่า ดอกยางล้อมอไซค์มอเตอร์ครอส เมื่อวานมาเฮฮาครอสคันทรี่แล้วตั้งแค้มป์เปิดเพลงกระหน่ำกันจองลานหินไม่ไกลจากเต็นท์เรานัก อบต.แถวนี้แหละขนคนเข้ามาฉลองเปิดงานฤดูเที่ยวดงนาทาม งานที่จบด้วยการสังสรรค์เสียงเพลงกระหน่ำป่า เฮ้อ ได้แต่ถอนใจที่ จนท.รัฐเป็นเสียเอง กลับมาถึงอาหารเช้าก็คอยท่าอยู่พอดี หิว หิว หม่ำเสร็จได้เวลาเก็บเต็นท์ วันนี้เราจะเดินทางต่อ สู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้นั่นคือแก่ง สามพันโบก แต่ว่าแต่ ก่อนจะไปเนี่ยแนวป่าข้างลานหินใกล้ๆกันนี่มีน้ำตกงามอยู่แห่งหนึ่งชื่อ น้ำตกห้วยพอก จะงามแค่ไหน ปะ ไปดูกัน ตามมาครับเดินนิดเดียว
น้ำตกห้วยพอก
น้ำตกห้วยพอกหน่วยดงนาทาม อช.ผาแต้มN15.624897 E105.61251 alt.>400m.แสงทแยงส่องเป็นลำเฉียงๆ เอียงทำมุมบอกเวลาเก้าโมง 555 โม้ไปงั้นแหละครับ รู้เวลาเพราะนาฬิกาข้อมือต่างหาก แสงเฉียงสวยแบบนี้เลยลังเลว่าจะใช้ฟิลเตอร์โพราไลซ์ตัดแสงสะท้อนดีหรือไม่ สุดท้ายก็ตัดสินใจถ่ายมันทั้งสองแบบ แต่ภาพออกมาชอบแบบไม่ใช้ฟิลเตอร์มากกว่ารวมทั้งภาพบนด้วย ได้เงาสะท้อนธรรมชาติรอบตัวในหลุมน้ำสวยกว่าอีกเน้อะครับ
น้ำตกห้วยพอกเกิดจากห้วยเฉลียงไหลลดหลั่นสามสี่ชั้นลงไปโน่นเลยครับลำน้ำโขง มันเป็นหน้าผาเดียวกันกับผาชะนะได เป็นลำน้ำที่ทอดตัวอยู่ด้านทิศเหนือของผาชะนะได
มอส ดัชนี้ชี้วัดความชุ่มชื้น
ขยะ!! จาน ช้อน ส้อม ถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ ขวดเบียร์ลีโอ เหล้าแบนแสงโสมครบ ผลงานเศษซากไอ้พวกเมื่อคืนนี้ มันขับโฟล์วีลควบมอเตอร์ครอสขนเข้ามาฉลองในนี้ได้แต่พาขยะกลับออกไปไม่ได้ คงไม่อยากให้รกรถ แต่ว่ารกธรรมชาติได้ รกโลกจริงๆ
จากชะนะได สู่สามพันโบก
ก่อนอื่นเราต้องกลับออกไปยังหน่วยฯห้วยทรายก่อนเพื่อเปลี่ยนรถ รถตู้รอเราอยู่ที่นั่น ระยะทางจากที่นี่สู่หน่วยฯห้วยทราย 18 กิโล ขามาเราใช้เวลา1 ชั่วโมงเต็มๆ ขากลับเราจะขับไปแวะถ่ายรูปกันไป จากนั้นเราจะเลยไป สามพันโบก อันเป็นจุดหมายหลักของทริป โดยใช้เส้นทางดังนี้ จากหน่วยฯห้วยทราย - แยกบ้านนาโพธิ์กลาง 6 กิโลเมตร แยกบ้านนาโพธิ์กลาง - แยกเข้าสามพันโบก 36 กิโลเมตร และแยกเข้าสู่สามพันโบกอีก 3 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้นจากผาชะนะได สู่ สามพันโบก 63 กิโลเมตรจ้าาา โย่ว
เอ้า พร้อมแล้วเดินทาง แผนเดิมนั้นเราตั้งใจจะเดินเท้า เส้นทางมันจะตัดผ่านจุดแวะมากมาย อาทิ เนินสนสองใบ โหง่นแต้ม เสาเฉลียงคู่ พลาญหินถ้ำไฮ แต่ เนื่องด้วยแดดแรงมว้าก ระดับ SPF 4หมื่นก็เอาไม่อยู่ พอมองหน้ากันก็พยักหน้าขึ้นรถเหอะ เก็บไว้เดินโอกาสหน้าละกัน
จุดแรกที่ผ่าน ดงป่าสนสองใบ มีป้ายดงนาทาม
ต้นไม้เปลี่ยนสี ยืนต้นค่อยๆทิ้งใบ
เสาเฉลียงN15.629112 E105.582169 alt.>375m.ไม่มีป้ายบอก อาศัยที่ว่าเรามีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นมาด้วย เลยได้ชมเสาเฉลียงนี้ มันซ่อนตัวบังไพรอยู่ในป่า ต้องลงจากรถแล้วเดินออกนอกทางไปหลายสิบเมตรอยู่ คนนำทางบอกผมว่า เนี่ย เสาเฉลียงต้นนี้อาถรรพ์มาก ใครมาถ่ายรูปไม่รู้เป็นไงถ่ายไม่เคยติดซะที ไหน ไหน ดูเซ๊ะ แช๊ะๆ ก็ติดดีนี่หว่าอ่ะทำลายอาถรรพ์ให้แระ
หินเต่าชมจันทร์N15.611257 E105.580366 alt.>310m.จากนั้นเราก็ผ่านทางเข้าน้ำตกชะปันทางขวามือ ผ่านจุดตัดเส้นทางเดิน Trail ที่ถ้าเดินจากผาชะนะไดจะมาตัดทางรถที่นี่ดูแล้วก็โหย ไกลโขเลยหลายโลอยู่นะเนี่ยดีที่ไม่เดิน แล้วก็มายังจุดแวะต่อไป หินรูปร่างเหมือนเต่า เดินวนหาเหลี่ยมหน่อย นี่งัย โว้ว เหมือนจริงด้วย ไกด์บอกว่ามันเป็นเต่าแหงนหน้าชมจันทร์อยู่ รู้แบบนี้นะเมื่อคืนเดินป่ามาหาหินเต่ามากางขาตั้งบันทึกภาพหินเต่ากับชมดวงจันทร์และหมู่ดาวดีกว่า ต้องเป็นภาพที่งามไม่ซ้ำใครแน่ๆ
กระบะขับสองหัวใจขับสี่ภาพบน โฉมหน้าเจ้ากระบะธรรมด๊าธรรมดา เดิมๆทุกประการของพวกเรา แต่หัวใจแกร่งเหลือเกิน โชเฟอร์ตีนเทวดามาก ภาพขวาบน เส้นทางเดินเท้าสู่ผาชะนะได ถ้าเราเดินกันเมื่อเช้าจะมาตัดกับทางรถตรงนี้ ดูจากป้ายจะเห็นว่าเส้นทางนี้ผ่านที่เที่ยวมากมาย อาทิ พลาญหินถ้ำไฮ โหง่นแต้ม เนินสนฯ ภาพขวากลาง เจอกลุ่มจักรยานเสือภูเขาผมรีบทิ้งตัวลงราบกับพื้นดักถ่ายเสียหน่อย แต่ควบคุมกล้องไม่ทัน เห็นทีต้องฝึกมือให้ฉมังกว่านี้ ภาพขวาล่าง วัดถ้ำปาฎิหารย์ N15.600428 E105.572829 alt.>250m. แลเห็นไกลๆอยู่ด้านขวา เห็นวัดนี้แล้วก็เหลืออีกห้าโลเศษจะถึงหน่วยฯห้วยทราย
พักกินมื้อเที่ยงกันก่อน
2 ชั่วโมงจากผาชะนะไดครับกับระยะทาง 18 กิโลที่โขยกเขยกกันมาตลอดจนท้องไส้ข้าวหายไปหมดแระ ดูเวลาก็ปาไปเที่ยงพอดี เวลาดีที่ต้องหาอะไรลงท้องกันอีกก่อนเดินทางต่อสู่สามพันโบกที่รอคอย
ถึงแล้ว ถึงแล้ว ถึงเลยละกันเน้อะสามพันโบกบ.โป่งเป้า ต.เหล่ามงาม อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานีพิกัดจุดจอดรถ N15.795485 E105.395086แกรนด์แคนยอนเมืองสยาม สามพันโบกเมืองอุบลมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างสรรค์ มันคือแก่งหินใต้น้ำโขงที่ถูกพลังมหาศาลของกระแสน้ำกัดเซาะเป็นพันปีจนเกิดเป็นรูเป็นหลุมมากมายนับพันพันรู และถูกขนานนามว่าแก่งสามพันโบกในที่สุด ซึ่ง"โบก" เป็นภาษาลาวที่มีความหมายถึง รู แอ่ง หลุม ยามหน้าแล้งมาถึงในแต่ละปีลำน้ำโขงลดระดับ สามพันโบกจะโผล่ขึ้นเหนือน้ำแลคล้ายเป็นภูเขากลางลำน้ำโขงอลังการตระการตา หินเหล่านี้มีลักษณะรูปทรงที่แตกต่างกันไปมากมายหลายหลากตามจินตนาการ
3000 โบก แห่งมหานทีสี่พันดอน
แปลงถั่วลิสง บนผืนทรายแก่งสามพันโบก
ที่นี่ประเทศไทย!
หยิก หยิก โอ้วเจ็บ น่าภูมิใจจริงที่เมืองไทยของเรามีธรรมชาติที่สวยงามขนาดนี้ เรามาถึงแก่งสามพันโบกบ่ายสอง แผนเดิมคือจะกางต็นท์นอนบนสามพันโบก แต่ โห แดดแรงเหลือล้น แถมลานหินคงอมความร้อนไว้เต็มที่กางไปมีหวังพื้นเต็นท์จะไหม้เสียก่อนหน่ะสิ คณะของเราเลยต้องแบ่งทีมกันออกหาทำเลที่จะพักสำหรับคืนนี้ ไกด์ตาเอกรับหน้าที่นี้ กว่าจะลงตัวได้ฤกษ์เดินชมสามพันโบกเวลาก็ปาไปบ่ายสี่ ดีเลย แดดร่มลมตกพอดี
อลังการธรรมชาติ
สะท้อนฟ้า สะท้อนน้ำ
โบกมิกกี้เมาส์
โบกนี้ชื่อดังนัก ใครมาถึงแล้วต้องหาให้เจอ หน้าตาเหมือนหนูมิกกี้เมาส์มาก นอกจากนี้ยังมีโบกรูปหัวใจผู้ชาย หัวใจผู้หญิง หลายคนสงสัยหัวใจชายหญิงต่างกันยังไง 555 พอไปดูถึงรู้โบกหัวใจหญิงมีน้ำ (น้ำใจ) โบกรูปหัวใจชายแห้งเหือดไม่มีน้ำ (ไร้น้ำใจ) อิอิ นอกจากนี้ยังมีโบกแปลกๆ ต่อเติมจินตนาการบรรเจิดอีกมากมาย
โบกน้อยในโบกใหญ่พวกเรายืนมองโบกน้อยๆที่ซ่อนตัวอยู่ในโบกใหญ่ๆอีกที อัศจรรย์ธรรมชาติแท้ๆ ที่เนรมิตความแปลกตาแบบนี้ได้ อ๊ะ แล้วนั่นเงาใครกันในโบกรูปหัวใจคุณผู้หญิง อ้าว! นายน้ำคว้านี่เอง ไปอยู่ในหัวใจสาวๆซะแระ
เหล่านักล่าความทรงจำกำลังชี้นิ้วเหวยเหวยฟ้าเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า แผ่นดินไทยที่ไหนสวยพวกเราจะดั้นด้นไปให้เห็นกับตา ดั้นด้นไปบันทึกภาพมาให้ได้กับมือ จนกว่ากำลังวังชาจะหาไม่ โย่ว
สระมรกต บนฉากหลังลำน้ำโขง
ดึงเวลาให้เนิ่นช้าเราทำความรู้จักแก่งสามพันโบกผ่าน 2 มัคคุเทศก์น้อย ที่คอยท่าอำนวยความสะดวกอยู่แถวนั้น น้องสาววัยเรียนสองคนขมักเขม้นเล่าเรื่องราวต่างๆ และพาชมโบกและโตรกหินที่น่าสนใจ ชมจนทั่วแล้วน้องขอตัวกลับส่วนพวกเราก็ขออ้อยอิ่งอยู่ต่อละครับ แสงไม่หมดไม่เลิก
แผนที่ข้างล่างขวาแสดงให้เห็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของสมพันโบกเทียบกับบริเวณเล็กๆ เส้นสีแดงเส้นทางเดินที่เราเดินไปสัมผัส
แสงสุดท้าย ณ ปลายฟ้า เหนือสระมรกต 3000 โบก
ที่นี่ ตะวันลับฟ้าก่อนใครในสยามเช่นกันดวงอาทิตย์กลางพย. ที่ละติจูดออกสุดของไทย ลาลับขอบฟ้า ณ เวลา 17:26 น. รถตู้ไปปฎิบัติภารกิจค้นหาที่พักเรียบร้อยก็วนมาดักรับพวกเราที่ปลายทางของ Trail ช่วยให้เราไม่ต้องเดินย้อนกลับ คืนนี้ที่พักของเราอยู่ที่ สองคอนรีสอร์ท ณ หาดสลึง บ้านสองคอน อ.โพธิ์ไทร ห่างจากแก่งสามพันโบกไปทางเหนือไปราว 10 กิโลเมตร ขอนอนแอร์กันสักคืนนะครับ เพราะว่าทริปนี้อากาศร้อนมาก สนนราคารีสอร์ทแห่งนี้ก็ถูกแสนถูก เราได้ห้องใหญ่แบบห้องเดียวพักได้ครบคนนอนสบายๆ ทำเลตั้งอยู่บนตลิ่งสูงเหนือหาดสลึง ตัวรีสอร์ทเป็นสวนอาหารในตัว คืนนี้ก็สบายหน่อยดินเนอร์ชมวิวสูงริมฝั่งโขงในบรรยากาศแมกไม้แสนสุขใจ
อรุณสวัสดิ์หาดสลึง บ้านสองคอน
หาดสลึง บ้านสองคอนN15.822954 E105.387216พัทยาแห่งอำเภอโพธิ์ไทร ยามหน้าแล้งน้ำโขงลดระดับจัดจัด หาดทรายจะโผล่พ้นน้ำมาให้เห็นเป็นแนวยาวกว่า 860 เมตร แต่ว่าวันนี้น้ำโขงยังลดระดับไม่มากพอ ตรงนี้ที่เราตั้งกล้องถ่ายภาพคือหน้ารีสอร์ทที่เราพัก จุดเดียวกับที่นั่งกินดินเนอร์กันเมื่อคืนนี้แหละ จานชามของพวกเราเมื่อคืนนี้ยังไม่มีใครมาเก็บไปเลย เราเห็นเงาตะคุ่มๆของใครสักคน ว่าจะเดินไปพูดคุยทักทาย ปรากฏว่าเจ้าของรีสอร์ทนั่นเอง ดีเลยจะถามเสียหน่อยทำไมไม่ให้เด็กมาเก็บจานชาม 555 ล้อเล่นหน่ะความจริงก็พูดคุยสอบถามเรื่องหาดสลึงและที่น่าเดินเที่ยวถ่ายรูปแถวนี้ ได้การหล่ะซี้ เจ้าของรีสอร์ทแนะนำทันใดท้ายรีสอร์ทตรงโน้นมีตลิ่งสูง ตรงข้ามจะแลเห็นต้นไม้โทน ใหญ่ยักษ์รากโผล่พ้นดินงามนัก เดินลงตลิ่งสูงจะมีสะพานไม้ไผ่เล็กๆ ไต่ข้ามไปอีกฟากก็จะไปถึงต้นไม้นั้น ถัดจากต้นไม้จะเห็นวิวมุมสูงแลไกลไปเห็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งของลำน้ำโขงนั่นคือปากบ้อง ส่วนที่แคบที่สุดของลำน้ำโขง ที่ไหลผ่านประเทศไทยตลอดความยาวกว่า 700 กิโลเมตร วะวะว้าว ฟังแล้วพลาดได้ไงต้องไปๆ
ต้นไม้ใหญ่ รากยักษ์
ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่ยักษ์นัก
มันยืนต้นสูงเด่นเห็นขนาดที่มหึมาแต่ไกล เป็นขวัญตาจริงๆ ดูรากที่มันโผล่พ้นดินมาสิ ต้นไม้ใหญ่รากยักษ์ต้นนี้ทำให้พวกเราสาละวนอยู่รอบๆมัน ให้มันเป็นฉากถ่ายภาพอยู่นานกว่าค่อนชั่วโมงกว่าจะยอมเดินต่อ ถัดมาก็เป็นวิวมุมสูงเรามองเห็นแนวหาด แนวตลิ่งคดเคี้ยวไปไกลและที่สุดสายตานั่น ปากบ้อง ส่วนแคบสุดของลำโขงนั่นเองเห็นแล้ว
ปลาสดสดจากลำน้ำโขง
น้องคนนี้เดินผ่านมา หิ้วปลาขึ้นมาจากริมน้ำ ตัวเขื่องมาก พอเห็นใกล้ๆ ว้าว ปลากรายกับปลากด ตัวมันใหญ่มาก เลยขอให้น้องชูอวดสวยๆ ถ่ายภาพเสียหน่อย น้องเค้าจะเอาไปขายหรือไปเป็นมื้ออาหารลืมถาม แต่ว่าถ้าไปหม่ำล่ะก้ออิ่มไปหลายมื้อเลย
ผืนทรายนุ่มๆ ยวบเท้าเราเลาะตลิ่งลงริมหาด เดินย่ำไปบนผืนทรายที่นุ่มเท้ามากๆ แทบอยากเดินตีนเปล่าเลย แต่ว่าแต่ ดูสิ อ๊ากกกก! ไส้เดือนนับพันๆตัวเกลื่อนหาดเลย ยิ่งตรงที่เป็นแนวตลิ่งหักนะ อี๋~~~ พวกมันไหลออกมาจากหน้าดินหล่นตุ้บๆราวกะเส้นเฉาก๊วยเลย น้องกุ้งเดินไปพลิกเท้าสำรวจไส้เดือนไป
ยายหาบอะไรมา
ดูเหมือนจะเป็นใบมันแกว หาบท่องๆมาแต่ไกล พอเดินเข้ามาใกล้ผมรีบยกกล้องขึ้นปุ๊บแกหยุด แล้วยิ้มซะพริ้มหวานเลย ขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค้าบ
ปากบ้อง จุดแคบสุดลำน้ำโขง
ปากบ้องส่วนที่แคบที่สุดของลำน้ำโขงN15.827476 E105.389136คะเนดูด้วยสายตาน่าจะยาวประมาณ 700 เมตร ส่วนความกว้างจากข้อมูลคือ 56 เมตร พี่เจ้าของรีสอร์ทเล่าให้ฟังว่าช่วงที่น้ำลดต่ำที่สุดปากบ้องจะกว้างเพียง 12เมตรเท่านั้น กระแสน้ำบริเวณนี้เชี่ยวกรากและรุนแรงมาก และบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งชุมนุมปลาที่ชุกชุมมากด้วยขากลับเราสังเกตเห็นเม็ดทราบเป็นเกล็ดๆระยิบระยับตามชายหาด น้องกุ้งบอกว่านี่มันเป็นสารที่เค้าเอาไปทำส่วนผสมของเครื่องสำอางค์หน้าขาว ว่าแล้วเธอก็ก้มลงไปเลียดๆพื้นน้ำพยายามถ่ายภาพเจ้าเม็ดระยิบระยับ
ได้เวลาอำลาแล้ว
จากเดิมที่พวกเราตั้งใจจะย้อนกลับไปสามพันโบกอีกครั้งในเช้านี้ กลับเปลี่ยนแผนมาสัมผัสหาดสลึงและปากบ้องแทน ต้องนับว่าคุ้มๆ และเป็นช่วงเวลาเดินถ่ายภาพที่มีความสุดมากๆ เราออกถ่ายตั้งแต่แสงเช้าตอนตีห้ากว่าจนตอนนี้แดดเริ่มแรงไส้เดือนหดหายไปหมดเกลี้ยงแล้ว ดูเวลาก็ปาไปแปดโมงกว่า ได้เวลาเดินทางกลับเสียที สมาชิกอีกสองคนเจ้าเอกเจ้าฝนเพิ่งจะไต่ตลิ่งตามมานั่น ไปนั่งเล่นรอที่รีสอร์ทดีกว่าเรา
สองคอนรีสอร์ท
ที่พักเมื่อคืนของเรา ห้องพักติดแอร์เย็นสบาย เป็นสวนอาหารด้วย และมีพื้นที่ให้บริการกางเต็นท์ ทำเลริมฝั่งโขงชมวิวสวย จากมุมสูง
บล็อกนี้ยาวเฟื้อยแล้วคงต้องลาไปเพียงเท่านี้ พบกันใหม่กับเรื่องราวการเดินทางในบล็อกหน้า การเดินทางสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาวอีกครั้งของนายน้ำฟ้า ปิดทริปด้วยภาพนี้ครับ ต้นไม้ยักษ์ยืนต้นเด่นมุมมองจากที่พักของเรา
มอเตอร์ไซค์คันกระจ้อยร่อย
ฝากคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจหรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา นะครับ ^___^
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์
หากท่านชื่นชอบการนำเสนอของบล็อกแห่งนี้เสมอมา ขณะนี้บล็อกน้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา ได้ร่วมประกวดบล็อกท่องเที่ยวที่เวป PaiNaiDii.com ซึ่งการประกวดเดินทางมาถึงรอบสุดท้ายชิงชนะเลิศแล้ว และบล็อกนายน้ำฟ้าแห่งนี้สามารถหลุดเข้ารอบชิงถึง 5 บล็อก แต่เหลือบล็อกที่ลุ้นชิงชนะเลิศอยู่เพียงบล็อกเดียวคือ บล็อกเขาช้างเผือก ซึ่งกำลังขับเคี่ยวอยู่กับบล็อกดอยแม่สลองและคะแนนเป็นรองอยู่มาก เพื่อนๆสามารถ คลิกเข้าหน้ารวมบล็อกรอบชิงทั้งหมด และคลิกชมบล็อกที่ท่านสนใจ โดยเฉพาะบล็อกเขาช้างเผือก VS ดอยแม่สลอง หากท่านชื่นชอบบล็อกใดสามารถกดโหวตให้บล็อกนั้น หากชอบใจการนำเสนอของบล็อกเขาช้างเผือกมากกว่า นายน้ำฟ้าก็ขอแรงสนับสนุกมา ณ โอกาสนี้
ง่ายๆ เพียงกดถูกใจ และ/หรือ comment ท้ายบทความ หนึ่งท่านกดถูกใจได้ like เดียว แต่ฝากcomment ได้ไม่จำกัด ทุก 1 like และทุก 1 ความคิดเห็น นับเป็นหนึ่งคะแนน หมดเขตโหวต 15 มกราคม 2556 ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ โย่ว
.
Create Date : 24 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 16 มิถุนายน 2556 12:50:04 น. |
|
78 comments
|
Counter : 12190 Pageviews. |
|
|
เห็นแล้วอยากจะไปบ้าง
แต่กำลังวังชาเริ่มจะถดถอยไปบ้าง
คงต้องรีบแล้วสิเรา