ดอยหลวงเชียงดาว ตอนที่3 (จบ) ... ตอน อะไรๆก็เกิดขึ้นได้สินะ
แดดบ่ายๆ ณ แค้มป์เชิงยอดดอย
ข้าวต้มมื้อเช้าตกถึงท้องเมื่อตอนบ่าย
เรียกได้ว่าซัดเต็มๆจนพุงกาง อิ่มหนำเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งนอนรอเวลา อากาศในอ่างสลุงเย็นสบายไม่ถึงกับหนาว แต่ใครอยู่ในเต็นท์อาจรู้สึกร้อนนิดๆ
"ดอยหลวงเชียงดาว ตอนที่ 3 (จบ)เมื่อเช้าพวกเราทั้งคณะเปี่ยมสุขกับสุดยอดบรรยากาศบนสันกิ่วลม แม้ไม่เห็นวิวทะเลหมอกไม่ได้ชมตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า แต่เป็นครึ่งวันเช้าที่ต่างยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าสันกิ่วลมสวรรค์ชัดชัด เหลืออีกหนึ่งภารกิจพิชิตฝันคือพาตัวเองสู่ยอดสูงสุดอีกครั้ง ใกล้ๆแค่เบื้องหน้านี่แล้ว แต่ว่าแดดยังแรงแม้อากาศยังเย็น ยอดสูงสุดไม่มีที่หลบแดดมีสิทธิ์ร้อนเหงื่อแตกได้เหมือนกัน ดังนั้นออกเดินกันสักสี่โมงเย็นจะดีกว่าทันถมเถ ว่าแล้วหนูซุมมี่ก็ส่งเหล้ารัมชั้นยอดจากเมืองซิกขิมมาให้นายน้ำฟ้ารับปุ๊บกระดกผ่านลำคอลงไปวอร์มตับทันใด "
ยอดสูงสุดรอเราพิชิต
4 โมงเย็น ได้เวลาแล้ว ว่าจะเดินฝ่าแดดกันสักเล็กน้อย แต่พอเริ่มออกเดินแดดก็หดหายไปเสียหมดซะงั้น ดีจังเลยตะวันหายเข้ากลีบเมฆไปแล้น โอ้เย้
จากแค้มป์ สู่ยอด 700 เมตร
ถ้าสามารถเดินเป็นเส้นตรงได้ ยอดดอยกับแค้มป์นั้นห่างกันเพียง 300 เมตรเท่านั้นในระยะกระจัด แต่ในความเป็นจริงเราคงต้องเดินบนเส้นทางที่ชันน้อยที่สุด และนั่นทำให้เส้นทางสู่ยอดต้องเลาะเชิงดอยไปราว 350 เมตรค่อยๆลาดขึ้นก่อนจะหักมุมชันดิ่งแทรกแนวร่องหินปูนขึ้นสู่ยอดอีกราว 350 เมตรเช่นกัน
ขุนดอยแห่งดอกไม้
คืบก็ดอก ศอกก็ดอกกันต่อไป ตลอดสองข้างทางสู่ยอด มีพรรณดอกไม้หลากชนิดเรียงรายเป็นรองสันกิ่วลมไม่มาก และนี่เป็นอีกเหตุผลที่พวกเราอยากออกเดินกันเร็วเพื่อจะได้ค่อยๆไล่เก็บภาพดอกไม้ไปตามทางแบบใจเย็นๆ
แดดร่มลมตกถ่ายดอกไม้เพลินมากไม่ต้องรีบไม่ต้องเร่ง กว่าดวงอาทิตย์จะตกก็อีกกว่าชั่วโมง ขอเก็บภาพดอกไม้เพิ่มอีกสักหน่อย แล้วค่อยไปถ่ายว่าที่บ่าวสาวพรีเวดดิ้งใส่่กี่เพ้ากันบนยอด
ฝนตก!! แม่จ้าว ฉิกไหแระ 200 เมตรสุดท้ายใกล้เหยียบยอด ละอองฝนหยดแหมะแตะไรขน พลันขนแขนก็สแตนอัพ ผมหันหลังมองย้อนไปทางสันกิ่วลมด้านหลังทวนทิศทางลม อัยยะ เมฆฝนก้อนเบ้อเริ่มม้วนหางข้ามขอบอ่างสลุงสันกิ่วลมมาโน่นแล้ว เดชะบุญเมื่อตอนอยู่ตลาดเชียงดาวพวกเราพร้อมใจซื้อเสื้อกันฝนเตรียมไว้เนื่องจากไม่ไว้ใจสภาพอากาศนัก ทุกคนรีบเก็บกล้องอย่างไวที่สุด รวมทั้งนายน้ำฟ้าล่ะครับ เก็บกล้องยัดใส่กระเป๋าสวมเสื้อกันฝนคลุมทับ สักพักเดียวเท่านั้นกลุ่มฝนก็ชาร์ตเข้าถึงตัว งงแดกครับพี่น้อง คิดไม่ถึงเลยว่าทริปย่ำดอยเหนือกลางหน้าหนาวเดือนพย.แบบนี้จะต้องมายืนตากฝนที่ดูท่าจะตกหนักเอาเรื่อง
กลุ่มเมฆฝนม้วนหางข้ามสันกิ่วลม
ภาพนี้กำลังยืนงง ใจก็ยังไม่เชื่อว่าฝนจะตก
ตอนแรกก็มั่นใจว่าเมฆฝนมันยกตัวไม่พ้นสันกิ่วแน่ๆ ต้องม้วนตัวกลับเทฝนลงนอกดอยแน่นอน แกล้งทำเย็นใจได้แป๊บเดียวเก็บกล้องแทบไม่ทัน
ชมพูเชียงดาว
ชมพูเชียงดาวกอใหญ่ตรงหน้าเป็นภาพเฟรมสุดท้ายก่อนจะเก็บกล้องก้มหน้าเดินต่อ สี่โมงสี่สิบสี่นาที เลขสวย ดวงอาทิตย์จะลับฟ้าราวๆห้าโมงห้าสิบ มีเวลารอลุ้นฟ้าหลังฝนอีกเป็นชั่วโมงก่อนจะมืด ถ้าลุ้นขึ้นมีสิทธิ์เจอฟ้าอลังการครับงานนี้ เผลอๆได้เจอตะวันระเบิดแสงทะลุเมฆด้วย ดังนั้นเมื่อเก็บกล้องแล้วผม ว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวจึงเดินหน้าไต่ดอยกันต่อไปขณะที่สมาชิกหลายท่านทยอยสวนทางกลับลงแค้มป์กันเกือบหมดอย่างอดลุ้น
ดอยสามพี่น้องถ่ายบนยอดดอย ภาพประกอบจากทริปเมื่อ 2ปีที่แล้ว Y Y
ฟ้าไม่เป็นใจ
จวนเวลาตะวันนัดกะขอบฟ้า ยังไม่มีวี่แววจะฝนซา ตรงกันข้ามกลับตกหนักเข้าไปอีก สุดท้ายว่าที่บ่าวสาวจึงตัดสินใจหอบกี่เพ้ากลับลงแค้มป์ คงเหลือแต่ผมคนเดียวยังขอปักหลักลุ้น ยืนนิ่งๆอยู่หน้าป้ายยอดสูงสุดที่ฉากหลังตอนนี้มองไม่เห็นแม้แต่ดอยสามพี่น้องที่ต้องตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอีกสามคนปักหลักรอเช่นกัน และอีกอึดใจทุกคนก็พร้อมใจล้มภารกิจก้มหน้าเดินลงดอยแต่โดยดี ศิโรราบให้กับสภาพธรรมชาติที่ไม่มีความแน่นอน
และแล้วฝนก็ขาดเม็ดกลางทางลง ฟ้าเบื้องตะวันตกมีแสงส้มเรื่อๆ ผมตัดสินใจถอดเสื้อกันฝนออกเพื่อจะได้หยิบกล้องออกมาถ่ายภาพ นาทีนี้ได้เท่านี้ก็ดีกว่าไม่ได้ภาพยามเย็นติดมือ ฟ้าเร่ิมมืดทำให้ต้องเซ็ทขาตั้งกล้อง กว่าจะสาละวนเสร็จก็เริ่มมองอะไรไม่ค่อยเห็นแล้ว จะเจอเลียงผาม้าเทวดามั้ยเนี่ยตรูเปลี่ยวๆงัยไม่รู้ทุกทีที่รู้ว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังเราแล้วแบบนี้ ในที่สุดก็ผ่านโค้งสุดท้ายตรงสู่แค้มป์อ่างสลุง เห็นแสงไฟประดิษฐ์สว่างไสวจากแค้มป์คณะอื่นข้างหน้า ฟ้ายังไม่กลืนหายไปกับความมืด เลยจัดเองสักภาพ เซ็ทกล้องขึ้นบนขาตั้งอีกหนจากนั้นก็ใช้จีพีเอสย้อนรอยงมทางฝ่าความมืดมุดป่ากลับแค้มป์โดยสวัสดิภาพ ภารกิจบนยอดดอยยังไม่ยุบ แค่เลื่อนมันออกไปเช้าวันพรุ่งเท่านั้น
เช้าวันใหม่ ยอดดอยหายไปเลย
ฝนคงตกตลอดคืนตื่นมาน้ำขังในเต็นท์ข้างๆกองอุปกรณ์ถ่ายภาพที่วางผึ่งไว้ เดชะบุญอิ๊บอ๋า่ยนี่ถ้าย้ายตำแหน่งอีกคืบเดียวกล้องทั้งเซ็ตนอนอยู่ในแอ่งน้ำแน่ๆ นอนฟังเสียงฝนจนขาดเม็ดโผล่ออกมานอกเต็นท์เจ็ดโมงเช้า ยอดดอยทั้งยอดกลืนหายไปในสายหมอกแล้ว สงสัยจะอดขึ้นเป็นแน่แท้ ขึ้นไปก็คงมองไม่เห็นวิว ยังไม่ละความหวังความตั้งใจครับ ว่าแต่ว่าตอนนี้หม่ำมื้อเช้าเอากำลังก่อนดีกว่า
ธรรมชาติสอนเราครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้แต่ก็ซุ่มสอนเราเช่นกันว่าอย่าหมดความหวัง เซอร์ไพรส์มีได้เสมอ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่วันนี้ อย่างน้อยก็ยังดีที่ฝนไม่ตกในวันแรกที่มา ไม่เช่นนั้นแล้วรถคงเข้าไม่ถึงเด่นหญ้าขัดและคงต้องอัดพละกำลังเดินเท้าขึ้นฝั่งปางวัวซึ่งหนักหนาสาหัสแน่ๆ อย่างนี้ต้องขอบคุณท้องฟ้าที่ฝนตกช้าไปหนึ่งวัน เสียดายถ้าขอได้มากกว่านั้นอยากขอให้ตกหลังจากเรากลับหน่ะสิ
โบกมือลา บ๋ายบายดอยหลวงเชียงดาว แล้วเราจะกลับมาอีก
ในที่สุดทริปนี้ฟ้าไม่เป็นใจ ความหวังเริ่มชัดแล้วว่าริบหรี่ ลุ้นกระทั่งใกล้สามโมงเช้า เราจึงตัดสินใจว่า....กลับสิครับ จะอยู่ทำไร เตรียมตัวเก็บของลงดอยได้ หนทางลงยังอีกไกล เส้นทางลงของเราคือฝั่งปางวัว ระยะทางรวมราว 6 กิโลครึ่ง ว่าที่เจ้าสาวของเราก็ถอดใจแล้วครับเก็บกี่เฟ้าเรียบร้อยเปลี่ยนชุดกันฝนเตรียมตัวลงดอย ถือว่างานซ้อมแต่งผูกข้อไม้ข้อมือผ่านไปได้ด้วยดีแต่พรีเวดดิ้งต้องมีซ่อม เน้าะ
เอ้าลงดอยแล้ว เฮฮากันโหน่ย
ฝนไม่ใจร้ายนัก ถึงฟ้าจะช้ำแต่ไม่มีน้ำฝนหยดลงมาสร้างความลำบาก แดดไม่มีก็เดินสนุก ไม่ร้อน เทรลเดินลงบนดอยแห่งนี้บอกตรงๆ เป็นเทรลที่สวยมาก ชมวิวงามตลอดทาง โดยเฉพาะวิวดอยสามพี่น้อง วิวดอยหนอก เราค่อยๆเปลี่ยนระดับความสูง ปรับเพดานบินต่ำลงเรื่อยๆ จาก 2000เมตรup ค่อยๆลดลงไปสู่ระดับ 1141 ณ ปางวัว
ผ่านป่าแปลกๆ กิ่งก้านระโยงระยางดำเมี่ยมเป็นตะโก ดูเหมือนโรคใบไหม้จะลง เดาเอาอ่ะ
เรายังผ่านป่าห้มผ้าอีกด้วย มอส ตะไคร่ ไลเคนขึ้นเต็มต้น ธรรมชาติบนนี้ชุ่มชื่นดีจัง
เดินลงชมวิวดอยสามพี่น้อง
ออกเดินมาราวโลครึ่งเมื่อผ่านโค้ง 1900m.ลงมาทางจะพ้นโค้งเหลี่ยมเขาเข้าทางตรงลงสามแยก วิวดอยสามพี่น้องที่มีเหลี่ยมดอยงดงามที่สุดในประดาขุนดอยทั้งปวงบนดอยหลวงจะปรากฏแก่สายตา วิวตรงหน้ามันเหมือนดินแดนลึกลับซ่อนเร้น ด้วยเหตุอีกอย่างที่เค้าประกาศห้ามผู้ใดย่างกรายเข้าไปใกล้แล้ว มองไปใจชอบจินตนาการไปยุคจูราคสิคปาร์คเสียทุกที
รองเท้าลงดอยคู่เก่งของผมยังเป็นแตะรัดข้อยี่ห้อAdda มันพิสูจน์สมรรถนะมาแล้วตั้งแต่หนก่อน ก้าวหนึบติดหนับเหมาะลงทางชันฝั่งปาววัวยิ่ง ส่วนสตั๊ดดอยที่ซื้อมาวันแรกเมื่อเช้าผมบริจาคให้ลูกหาบไปแล้ว แอบเหล่สตั๊ดพัดลมคู่เหลืองเห็นว่าหนึบหนับยิ่งกว่าสตั๊ดดำ เจอที่ไหนต้องรีบคว้ามาทดลองสักครา
ชั่วโมงเดียวเราก็มาได้สองโลกว่า ตามสบายพักกันที่แค้มป์ดงน้อย ไกด์ตาเอกของเราบอกว่าหลังโขดหินมีดงเทียนนกแก้ว ป๊าด ให้ตายสิโรบินถ้าไม่บอกคงได้แต่ยืนพัก แอบอยู่หลังเรานี่เอง
เป็นเวลาพักที่สนุกสนานล่ะครับทีนี้ ควักกล้องออกมาถ่ายเทียนนกแก้วกันใหญ่ อีรุงตุงนังเลย ยืนถ่ายกันชิวชิวไม่ลำบาก เพราะว่าแต่ละดอกอยู่ในระดับสายตาพอดี อ้าวนั่นไกด์ตาเอก ว่าที่เจ้าสาวเค้าจะถ่ายดอกไม้ไปยุ่งอะไรกะหัวเค้านั่น โอ๊ยโอ๊ย อิจฉาคู่นี้เสียจริงเชียว
สามแยก ณ ระดับ 1600m.ถึงสามแยกเท่ากับกึ่งกลางทาง เมื่อเข้าสู่ดงน้อยเส้นทางก็เลาะติดเชิงดอยสามพี่น้อง ทิวทัศน์ดอยใกล้ตาเปลี่ยนไปเป็นดอยหนอก หนึ่งในยอดขุนดอยของดอยหลวง หน้าตกเหมือนหนอกวัวใหญ่ๆ มีต้นค้อขึ้นทั่ว ความสูงของยอดประมาณ 1930เมตรจากระดับน้ำทะเล
ท้องฟ้า ณ เวลานี้เผยให้เห็นสีฟ้าแล้ว อุเหม่กลับขึ้นดอยอีกครั้งดีมั้ยเนี่ย ปั๊ดดิโถถังกะละมังหม้อ
ทางชันยาวราว 1 กิโลเมตร ..>
ดงกล้วยดงที่ไม่อยากหยุดพักนาน!!พ้นสามแยกมาราว 700เมตร เราก็มายืนใจกลางบริวเณที่เต็มไปด้วยต้นกล้วยสูงชลูด เสียวสะท้านพิกล ยิ่งบวกเรื่องเล่าที่ไกด์ตาเอกยืนเล่าให้ฟังด้วยแล้วยิ่งขนลุก ไม่น่ายืนฟังเลย บริเวณนี้เมื่อก่อนเป็นแค้มป์ดงกล้วย ดูสภาพแล้วเห็นด้วยกับผมมั้ยครับช่างไม่น่าพักเอาเสียเลย ไปกันต่อเถอะ
ทางชันยาว ปางวัวมาล่ะครับท่านที่เคารพ ทางชันยาวสุดโหดสัญลักษณ์ฝั่งปางวัว ชันยาวๆ ราวโลกว่าๆ ดิ่งจากระดับ 1480 สู่ 1180 โดยประมาณ เรียกกว่าดิ่งลดฮวบลดเพดานบิน 300เมตร เส้นทางฝั่งนี้มีไว้ลงเถอะครับถ้าเลือกได้ อย่าได้เลือกเดินขึ้นฝั่งนี้เลย นั่นนั่น หาว่าหล่อไม่เตือนไม่ได้น้า
ใกล้ถึงแล้วห้าชั่วโมงกับหกกิโล ใครทำได้กว่านี้มั้ย อีกอึดใจเดียวแล้ว ใกล้ถึงปลายทาง อยู่ในช่วงกิโลเมตรสุดท้ายแล้ว ป่านนี้พวกเราชุดแรกที่ล่วงหน้าไปคงนอนพักเยียดกายที่ปากทางกันสบายเฉิบ ส่วนพวกเรากลุ่มหอยทากงับส้นยังคงรั้งสถิติบ๊วยตลอดกาลไว้อย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม โดยเฉพาะนายน้ำฟ้าที่เป็นตัวปิดท้ายตลอดศก
บ ท ส่ ง ท้ า ย
การได้มาเยือนดอยหลวงเชียงดาวเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสามปีหลังจากเข็ดครั่นคร้ามมาในครั้งแรก แต่เมื่อเอาชนะใจตนพาตัวเองกลับมาได้อีกครั้งกลับรู้สึกว่าขุนดอยแห่งนี้มีมนต์สเน่ห์อย่างเหลือเชื่อ ครั้งนี้เรี่ยวแรงยังเหลือ อาจเป็นเพราะเตรียมร่างกายมาดีกว่าหนก่อน แม้พลาดหวังกับยอดสูงสุดแต่ก็ได้ยลโฉมสันกิ่วลมที่พลาดไปเมื่อหนก่อน ความรู้สึกตอนนี้มีอย่างเดียวคือตั้งใจจะกลับมาอีกอย่างแน่นอน
ฝากคอมเมนท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา นะครับ ^___^
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 1 :แต่งงานระฟ้า ณ ยอดดอยหลวงเชียงดาว ตอนที่ 2 : เหนือเมฆ2 ตอนสันกิ่วลม ที่สุดแห่งสวรรค์พรรณไม้ ดอยหลวงเชียงดาว ตอน2
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 31 มกราคม 2557 15:33:35 น. |
|
76 comments
|
Counter : 9818 Pageviews. |
|
|
เครื่องดื่มคลายหนาว ทำให้การเดินทางช้าลง อิอิ