ทุลักทุเล ที่ ดอยทูเล ตอน1/2
ทุลักทุเล ที่ ดอยทูเล
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อต้นปีมานี้เองกำลังหาทริปเดินป่าอยู่ จู่จู่ชื่อดอยทูเลก็ลอยมากระทบโสตประสาท เอ๊ะใครๆก็ไปดอยทูเล มึนงงปนสงสัยดอยอะไรทำไมไม่เคยได้ยิน ดอยนี้อยู่หนไหนใกล้หรือไกลมีอะไรน่าสนใจ จากนั้นก็เสริซกูเกิ้ลเพื่อไขความกระจ่าง ดูรูปอ่านรีวิว โอ้ว! ดอยนี้ทะเลหมอกสวยอลังใช้เวลาคืนเดียวก็เที่ยวได้ ดังนั้นทริปพิชิตดอยทูเลทริปนี้จึงอุบัติขึ้น พร้อมประสบการณ์แสนทุลักทุเลกว่าจะพาตัวเองขึ้นไปยืนเด่นบนยอดดอยสีทองลูกนี้สำเร็จ!!
ดอยทูเล อยู่ บ.แม่จวาง ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
ออกเดินทางจากกรุงเทพ - ตาก - แม่สอด - แม่ระมาด - ท่าสองยาง สู่จุดเริ่มต้นที่อบต.ท่าสองยางระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร เราทำเวลาสบายๆเดินทางหัวค่ำมาย่ำรุ่งที่อบต.แห่งนี้ อาบน้ำผลัดผ้าล้างหน้าแปรงฟันและรอเสือดอยกระบะพันธุ์ลุยมาสบทบเพื่อผ่องถ่ายสัมภาระและนำทางไปสู่จุดเริ่มเดินเท้าขึ้นดอยทูเล ณ บ้านแม่จวางที่อยู่ห่างออกไปจากอบต.ราว 6-7 กิโลเมตร
คณะเรามาถึงอบต.ก่อนฟ้าสางราวครึ่งชม. ทันทีที่เร่ิมสว่างมองเห็นสภาพแวดล้อมเราก็เห็นป้ายจุดชมวิวแม่น้ำเมยอยู่ตรงหน้าและเมื่อทอดตาเลยออกไป โอ้ว!! วะว้าว!! ดูวิวแม่น้ำเมยตรงหน้าเรานี่สิ!
UnSeen แม่น้ำเมย แม่น้ำ2สัญชาติ พม่าอยู่ฝั่งข้างโน้นไทยอยู่ฝั่งข้างนี้ หัวสะพานตรงกันอาบน้ำกันเห็นกันทุกที ♬ แม่น้ำเมยสายนี้ไหลเป็นพรมแดนกั้นพม่ากับไทย ต้นน้ำอยู่ที่อำเภอพบพระ ไหลกลับทิศจากใต้ขึ้นเหนือ ผ่านแม่สอด แม่ระมาด ท่าสองยาง ไหลไปบรรจบแม่น้ำสาละวินที่บ้านสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ความยาวของสายน้ำทั้งสาย 327 กิโลเมตร
ภาพที่เห็นตอนนี้กรุ่นไอหมอกตลบอบอวลลอยฟุ้งขึ้นเหนือผิวน้ำ นี่กระมังแหล่งผลิตทะเลหมอกอันลือลั่นที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาชมกันบนยอดม่อนยอดดอยต่างๆในแถบถิ่นนี้ งดงามจริงๆ
เราถลุงเวลาเพลินไปกับการเดินเลาะไปตามตลิ่งหามุมถ่ายภาพอย่างเต็มที่ สภาพทั่วไปบริเวณริมแม่น้ำเมยตรงช่วงนี้เป็นตลิ่งสูงทางเดินลงทุลักทุเลนิดหน่อย ทางสบายก็มีเค้าทำเป็นบันไดไว้ให้แต่อยู่ไกลไปนิด ตรงเหนือตลิ่งข้างบนเค้าสร้างศาลาชมวิวแม่น้ำเมยมุมสูงให้ไม่ต้องเดินเมื่อยลงมาข้างล่างก็ได้ แต่พวกเราหลายคนเห็นไอหมอกระเหยขึ้นเหนือน้ำแบบนี้แล้วบ่องตงอดใจเดินลงมามองใกล้ๆไม่ได้ ลืมบอกไปศาลาที่ว่าอยู่ในสถานีตำรวจภูธรแม่เมยครับ รั้วติดกันกับอบต.ท่าสองยางแหละ พวกเรามาจอดรถในสภ.เพราะว่าเรามาถึงกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางอบต.ยังไม่เปิดประตู เอาล่ะครับเพื่อนข้างบนตะโกนลงมาตามให้ขึ้นไปแล้ว รถกระบะที่จะมาสมทบก็มาแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้ากันที่ร้านใกล้ๆอบต.นี่ก่อน ปะไปกัน
ป้ายุง อาหารตามสั่งเติมพลังมื้อเช้าเป็นกำลังวังชาสำหรับเดินเท้าขึ้นดอยทูเล ร้านนี้อยู่ใกล้ๆอบต. เดินกันมาก็ได้แต่พวกเราพร้อมใจนั่งรถ อิอิ ประหยัดพลังงานไว้ก่อน มาถึงก็ไม่ต้องเสียเวลารอ เพราะอาหารได้ถูกสั่งล่วงหน้าไว้แล้ว
เมนูไข่มดแดง!! เมนูลือลั่นสะท้านภพ ไข่เจียวยัดไส้ไข่มดแดง สมาชิกกลุ่มหลายคนน้ำลายสอ ส่วนนายน้ำฟ้าร้องลั่น ขอเลี่ยงไปหม่ำเมนูอื่น รถกระบะฟอร์ดเสือดอยคาดสติ๊กเกอร์อบต.ท่าสองยางตามมารอท่าอยู่หน้าร้าน เอาล่ะหม่ำอิ่มพุงปลิ้นเตรียมตัวเดินทางต่อสู่บ้านแม่จวางกัน
บ้านแม่จวาง ตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง จุดเริ่มต้นเดินเท้าสู่ดอยทูเล
6 กิโลจากร้านป้ายุงกระบะฟอร์ดเสือดอยนำทางพาพวกเรามาถึงปากทางแยกเข้าสู่บ้านแม่จวาง เส้นทางก็ไม่ซับซ้อนออกจากร้านขับตามทาง โลเดียวออกถนนใหญ่ถนนเส้นเดียวของชายแดนแถบนี้ ทางหลวง 105 (แม่สอด-แม่สะเรียง) เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าทางเดียวกับไปแม่ฮ่องสอน ขับไป 5กิโลก็เจอแยกเจอป้ายเข้าบ.แม่จวาง เป็นทางลำลองเล็กๆ รถตู้ของเราโขยกตามเข้าไปอีกกิโลเมตรเศษก็ถึงที่หมาย
ก๋วย ภาชนะจักสานคล้ายตระกร้าคล้ายเข่ง เอาเชือกหรือผ้ารัดสะพายไว้ข้างหลังสำหรับใส่ของแบกเดินทางของชาวเขารวมทั้งลูกหาบของคณะเรา
เหล่าน้องๆลูกหาบมารอท่าอยู่แล้ว พอเสือดอยตระกุยเข้ามาเทียบพวกเราก็ช่วยกันแบ่งสัมภาระ แยกส่วนที่ต้องนำติดตัวระหว่างเดินทางไว้ ที่เหลือลูกหาบก็นำไปใส่ยังก๋วยของแต่ละคน ชาวบ้านแม่จวางเป็นชาวไทยภูเขาหลายเผ่าพันธุ์ ส่วนน้องๆที่อบต.ประสานมาเป็นลูกหาบให้คณะเราวันนี้เป็นชาวปกาเกอะญอ เอาล่ะครับ ทุกคนพร้อมออกเดินเท้าแล้ว มองเห็นเทือกดอยทูเลทอดัวอยู่ตำแหน่งสองนาฬิกาหรือตะวันออกเฉียงเหนือคะเนด้วยสายตาห่างไปราว 4 กิโล ปะไปกันครับพี่น้อง โย้ว
แผนที่แสดงเส้นทางเดินเท้าขึ้นสู่ ดอยทูเล
ระยะทางจากจุดต่างๆ
จุดเริ่มต้นเดินเท้า - แค้มป์ 7 กิโลเมตร
จุดเริ่มต้นเดินเท้า - ยอดดอยทูเล 7.5 กิโลเมตร
แค้มป์ - เนินธง 150 เมตร
แค้มป์ - ยอดดอย 500 เมตร
เริ่มต้นเดินเท้ากิโลเมตรแรก เดินชิลๆ9 โมงเก้านาที แหม่ ฤกษ์ดีเวลาดี เราบ่ายหน้าสู่แนวเขาที่ตั้งของดอยทูเล เดินหันหน้าเข้าหาแดดเช้าที่ยังไม่ค่อยแรง ลูกหาบเดินราวกับเครื่องจักรนำหน้าพวกเราไปทีละคน สภาพป่าโปร่งสบายตา อากาศก็กำลังดี ต้นไม้รอบข้างบังใบให้ร่มเงาพอควร ครึ่งชม.เราก็มายืนอยู่ที่เส้นระดับความสูง alt. 300 เมตร จากจุดเร่ิมเดินที่ alt.190 เมตร ทำระยะทางมาครบหนึ่งกิโลเมตรแรก นับว่าเป็นสปีดที่ไม่เลวทีเดียว ทั้งที่เดินกันอย่างไม่เร่งรีบ
สู่กิโลเมตรที่สอง หลงทาง! เส้นทางเริ่มชัน เราพร้อมใจกันพักเอาแรงตรงราบไหล่ดอย เส้นทางช่วงนี้เป็นไหล่ดอยขึ้นสู่สันดอย พอทางชันขึ้นนายน้ำฟ้าเริ่มห้อยท้ายและถูกทิ้งห่างจนไม่เห็นหัวขบวน เกาะกลุ่มห้อยท้ายกันสี่คนอันมีผมกะอีก 3 สาว พอขึ้นถึงสันดอยสภาพเป็นเนินกว้างมีทางแยกตัดลงไหล่ดอยฝั่งตรงข้ามกับทางแยกขึ้นดอยไปตามสันมีป้ายเล็กๆปักไว้บอกทาง ไอ้เรามัวแต่ก้มหน้าเดินตามไม่ทันเห็นทั้งป้ายทั้งแยก และสาวคนนำหน้าตีความลูกศรบนป้ายผิดทิศด้วย กว่าจะรู้ตัวว่าผิดทางก็เมื่อรู้สึกว่ายิ่งเดินทางยิ่งลง เดินผิดทางไปกลับครึ่งกิโล กลับสู่ทางอีกทีก็เร่งเท้าตามกลุ่มขึ้นไป ทำระยะครบสองกิโลตรงระดับความสูง alt. 456 เมตร ใช้เวลากิโลเมตรที่สองไปกว่าห้าสิบนาที แดดเริ่มแรง อากาศเริ่มร้อน ดูเวลาก็ปาไปสิบโมงครึ่ง
จากกม.2 สู่ กม.3 ยังสบายสบาย
ความลาดชันต่ำ เดินกันสบายๆ เป็นอีกช่วงกิโลเมตรที่ทำเวลากันได้ดี ใช้เวลาไปกับระยะที่สามนี้เพียงครึ่งชม. แต่เมื่อผ่านสามกิโลเราก็เผชิญหน้ากับทางชันยาว ดูจากแผนที่ชั้นความสูงข้างล่างจะเห็น เส้นระดับ 500 เมตร - 740 เมตรเป็นทางชันมาก เปลี่ยนระดับถึงสองร้อยเมตรในระยะเดินกว่าแปดร้อยเมตร หนักเอาการ ทำให้เราต้องพักกันบ่อยขึ้น
ไต่สันชันยาว เพื่อผ่านครึ่งทาง แดดที่แรงขึ้นบวกทางที่ชันยาวทำให้ผมต้องอัดเต็มข้อฝืนความเมื่อยเอาชนะตัวเองให้ได้ ยังดีที่ต้นไม้รอบข้างให้ร่มเงาทุเลาความร้อนไปได้บ้าง ลูกหาบปกาเกอะญอของเรายังต้องปลดก๋วยพักชาร์ตพลังกันบ่อยขึ้น สักพักเพื่อนสาวคนหนึ่งร้องมาว่าลืมไม้เดินป่าไว้หน้าเนินตรงที่เราพักครู่ใหญ่ตะกี๊ ผมห้อยท้ายขบวนอยู่เลยอาสาย้อนลงไปตามเก็บแล้วย้อนมาตั้งหลักสู้กับสันชันยาวอีกรอบ เล่นเอาหอบแฮกแฮกไปเลย
พักยก เรี่ยวแรงหมดต้องพักเติมกลูโคส
เที่ยงพอดี เราไต่ผ่านครึ่งทางกันแล้ว พ้นทางชันยาวมายืน ณ ระดับ 750 เมตร ตรงนี้เป็นเนินใหญ่ลมเย็นมีร่มเงาบังแดดสบายๆ คณะเราทั้งหมดปลดสัมภาระลงกินมื้อเที่ยงพักยาวชาร์ตพลังกัน ไกด์ตาเอกทำเซอร์ไพร๊ซ์เมื่อปลดเป้ที่แบกหลังแอ่นแล้วเปิดออกมา ป๊าดดดด เป้ทั้งใบใส่กระติกแช่เบียร์ขึ้นมา สุดยอด
บ่ายโมงเป๊ง! บ่ายหน้าต่อพักกันชั่วโมงเต็ม เราก็ลุกเดินทางต่อ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!! ขณะเดินปิดท้ายขบวนอยู่ห่างๆ สภาพทางเป็นไหล่เขาแคบผมก้าวพลาด! เหยียบอากาศหวืดหล่นวูบพริบตาเดียวหัวลงไปอยู่ระดับเดียวกับพื้น ฝุ่นตลบคลุ้งสองมือเกาะกำกอหญ้าไว้แน่น สำรวจกล้องที่คล้องคอก่อนเลย โล่งอกที่ผมโกร่งตัวอัตโนมัติกล้องไม่กระแทกกับอะไร ตั้งสติได้ก็ยันกายป่ายขึ้นมาบนทางใหม่ ใจหายวาบนึกว่าจะตกเหวตายแล้ว
ถัดมาเพียงสองร้อยเมตรก็เจอกับลำห้วยแห้งๆสายหนึ่งมีฝายกั้นน้ำสร้างแบบง่ายๆ มีร่มเงา แดดบ่ายโย้มาส่องหลังหันกลับไปมอง โอ้ว! แสงระเบิด ว้าว
สู่กม.ห้า สู่ดงค้อ จากฝายน้ำล้นที่แห้งขอด หลังจากพักเม้าท์มอยด์เรื่องหวิดตกเหวตาย พวกเราก็เร่งเท้าเดินต่อมุ่งหน้าเข้าหาระยะทางที่กิโลเมตรที่ห้า ทางช่วงนี้ไม่ชันนัก เนินเขาข้างหน้ามีสันเขาสองสันที่จะไต่ขึ้น เส้นทางพาเราอ้อมเนินโค้งไปทางซ้ายไปไต่สันที่ถัดไกลออกไปเดาว่าสันนี้คงขึ้นง่ายกว่า จับสันนี้ได้ก็พ้นเข้าความสูงระดับ 800เมตรป่ารอบข้างบัดนี้กลายเป็นดงต้นค้อภูเขาดงใหญ่หนาตาทั้งต้นสูงใหญ่ต้นอ่อนใบปรกดินเป็นเส้นทางแปลกตาสำหรับผม เพราะว่ายังไม่เคยเดินใต้ดงต้นค้อแบบนี้ เคยแต่เห็นอยู่ไกลลิบแบบอย่างค้อเชียงดาวที่ดอยหลวง
ค้อ Livistona speciosaเป็นพืชชนิดปาล์มต้นเดี่ยว ถิ่นกำเนิดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชอบขึ้นอยู่บนภูเขาตามป่าดอยแถบถิ่นเหนือ ลำต้นสูงได้ถึง 25-40 เมตร ใบรูปพัด จักเว้าลึกไม่ถึงครึ่งตัวใบ จีบเวียนรอบใบสวยงาม ใบอ่อนสีเขียวเข้มเป็นมัน
กม.5 สู่ กม.6 เตรียมตัวสู่กิโลนรก! ดงค้ออยู่กับเรามาตลอดระยะทางกว่ากิโลบนสันทางเดินที่ไม่ชันนัก พอต้นค้อเริ่มบางตาวิวทางขวาเปิดไกล เผยให้ยอดดอยสีทองของดอยทูเล วิวยอดดอยสูงลิบตระหง่านท้าสายตาตรงหน้าที่ที่เราต้องตระกายขึ้นไปให้ถึง เฮ้อ แลดูสูงจังแถมแลดูยังอีกไกลโขกว่าจะตะกายไปถึง ใจตอนนี้แทนที่จะฮึกเหิมดีใจกลับกลายเป็นท้อเพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดเริ่มถอยจนใกล้ศูนย์!
เหนื่อยนักก็พัก! คำคำนี้ใช้ไม่ได้แล้ว ณ เวลานี้ พ้นดงค้อเข้าสู่ทางท้อแท้ป่าเริ่มโปร่ง ร่มเงาเริ่มขาดแคลน หนำซ้ำทางยังชันเอาเรื่อง ที่บั่นทอนที่สุดก็คือมันเป็นความเหนื่อยที่หยุดไม่ได้! เพราะแสงแดดอันร้อนระอุแผดเผาเสียจนก้าวไม่ไหวก็ต้องก้าวต่อไป และในที่สุดเมื่อเจอเงาไม้เพียงน้อยนิดนายน้ำฟ้าก็ทรุดลงตรงนั้นแบบไม่ต้องหาที่นั่ง กองอยู่ตรงพื้นนั่นแหละ หมดสภาพ! หมดแรงจะก้าวต่อแม้เพียงก้าวเดียวก็ไม่ไหว เหลือแรงไว้หายใจอย่างเดียว
|