เดินเล่น สุขใจในเมืองกรุง ตอนที่ 2 +++
จะว่าไปก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว เรามาเดินละเลียดถ่ายรูป แบบนี้หลายรอบแล้ว มีมุมดีๆ อยู่เยอะนะ ไม่ว่าเมืองเล็ก เมืองใหญ่ เราหาแบบ "ที่ชอบ" ได้ ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ลองดูค่ะ


ต่อจากตอนที่แล้ว เราเริ่มต้นกันที่ ปากคลองตลาด มาต่อกันเลยค่ะ

มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Discovery Museum)
ภายใต้สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้น การสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของ แหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทย เกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จัก ตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่ ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ //www.museumsiam.com/

ไม่ได้เข้าไปดูด้านในพิพิธภัณฑ์ฯ นะคะ แวะมาถ่ายรูป เดินไปเดินมาข้างนอกนี่แหละ

มีนิทรรศการภาพถ่ายท่าเตียนด้วยค่ะ

เรากินกาแฟมาแล้ว นี่เพิ่งจะ 10 โมง ยังไม่หิว



ตอนหาข้อมูลได้เห็นภาพจากเน็ต เค้าถ่ายภาพอาคารนี้สวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ

พยายามจะหามุม แต่ด้วยข้อจำกัดของเลนส์เนาะ


ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ชอบเปลี่ยนเลนส์กลับไปกลับมา เดินเรื่อยๆ แบบนี้ ติด 18-270 มาตัวเดียวนี่ก็หนักหนาสาหัสแล้วค่ะ


ป้ายแสดงนิทรรศการเค้าน่ารักดี

เอามาฝากด้วย...ใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดจากเว็บของมิวเซียมสยามได้เลยค่ะ

หรือ สอบถาม โทร. 02-225-2777 หรือ //www.facebook.com/museumsiamfan


แต่ถ้าเอา ultrawide มาก็ซูมแบบนี้ไม่ได้เนาะ ได้อย่างเสียอย่าง


ว่ากันว่า มิวเซียมสยาม เป็นสวรรค์สำหรับคนชอบถ่ายรูป เรายังไม่เคยเข้าไปเลยค่ะ

นิทรรศการท่าเตียน กรุงเทพฯ บทที่ 1



พยายามมองตามผัง ว่าอะไรอยู่ตรงไหน... ไม่สามารถค่ะ


เด็กๆ ปี 1 จากสถาบันไหนซักแห่ง


เดินตรงไปหลังร้านอาหาร ห้องน้ำเข้าฟรี สะอาดมากค่ะ


ออกจากห้องน้ำ เลยเดินดูนิทรรศการภาพถ่าย





อีก 20-30 ปีข้างหน้า หวังนิดๆ ว่า ภาพถ่ายของเรา คงจะเป็นภาพเล่าเรื่องแบบนี้ได้บ้าง




เดินเข้าด้านนี้ กลับทางเดิม...


ภาพสุดท้ายแล้ว...เดินเที่ยวกันต่อตอนหน้าค่ะ

Create Date :01 ธันวาคม 2557
Last Update :1 ธันวาคม 2557 5:14:56 น.
Counter : 3125 Pageviews.
Comments :29
- Comment
แต่ ละจุด สวยนะคะ
โดย: kwan_3023
วันหลังพาเที่ยวชมข้างในด้วยแน๋ครับ
โดย: moresaw
จริงค่ะ อร่อยใครอร่อยมันจริงๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
สาวเหนือขอเดินตามต้อยๆ นะคะกลัวหลงกรุง
น่าชมจังค่ะ
เห็นว่าเป็นสวรรค์ของคนชอบถ่ายภาพอย่างนี้ต้องตามติดแล้ว
เห็นภาพแรกนึกไม่ถึงว่ากรุงเทพก็มีมุมอย่างนี้
โดย: PhueJa
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กิ่งฟ้า Literature Blog ดู Blog
อุ้มสี Food Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
ปล.ขอบคุณกับพรวันเกิด ด้วยนะคะขอสิ่งดีเลิศในโลกจงมาอยู่กับพี่ตลอดไปนะคะ
โดย: ญามี่
สังเกตว่ามีรูปปั้นหน้าคนตรงกรอบโค้งหน้าต่างด้วย
อยากรู้ว่าเขาคือใคร ใครคือเขา อิอิ
ถ้ามีเหตุให้ต้องอยู่เมืองกรุง... เราจะอยู่แบบไหน ให้สุขกายสุขใจ
พี่หนูเลือกเดินถ่ายรูปรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ใช่มั้ยคะ อิอิ
ฟ้าใสเลือกอยู่บ้าน ทำบ้านให้เป็นสวรรค์
แล้วก็ดูภาพสวย ๆ ที่พี่หนูทำใส่บล็อกให้ดูสบาย ๆ อย่างนี้ดีกว่า อิอิ
แค่นี้ก็เป็นสุขแล้วค่ะ ไม่อยากออกไปเดินตากแดด 555
ขอบคุณสุด ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจค่า
มีภาพดอกไม้จากบล็อกใหม่มาฝากด้วยค่ะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่
น้องขอตามไปเที่ยวด้วยนะคะ
รูปสวยมากคะ ดึงดูดให้ไปมาก
น้องมาโหวตให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog
โดย: Chic Bossy
ขอบคุณที่นำรูปสวยๆ มาฝากกันนะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
โดย: หอมกร
เพราะเมืองกรุงมีอะไรมากมายให้ชม.
โดย: wicsir
เชียงใหม่หนาวแล้วนะคะ
โดย: mariabamboo
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
------------------------
ขอบคุณค่ะ อิอิ
ไม่ได้คำตอบว่าเป็นใคร แต่ก็ได้คำตอบที่คิดไม่ถึง
ลายปูนปั้นรูปหน้า ผู้หญิง ฝรั่ง
ฟ้าใสดูเป็นหน้าผู้ชายนะคะนั่น 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่
สวยดีนะคะ เป็นอาคารตึกยุคเก่า
ยุคนั้นจะนิยมทาสีตึกด้วยสีเหลืองอ่อนๆ
เราว่าสีนี้คลาสสิคดี ดูดีกว่าตึกสีขาวแบบสมัยนี้อีกค่ะ
สีขาวดูเก่าง่ายและเป็นคราบไม่สวย
แถวกระทรวงพาณิชย์นี่ไม่เคยไปเดินเลยค่ะ
ดอกพวงชมพูดอกเล็กแล้วยังสีชมพูเข้มอีก
ยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะทีนี้
ถ่ายรูปออกมาแทบไม่รู้ว่าเป็นอะไร
โดย: mambymam
หมิงหมิงชอบวิชาลูกเสือมากจริงๆครับ
คงจะสนุกสนานกว่าเรียนในห้องครับ
ชอบโปสเตอร์ปลุกยักษ์จังเลยครับพี่
โดย: กะว่าก๋า
โดย: Kavanich96
โดย: กะว่าก๋า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน
ไม่ได้เข้าบล็อกนานเลยครับ (แต่ยังไม่ได้อัพบล็อกนะ) จากบล็อกก่อน ภาพหุ่นขี้ผึ้งพระสังฆราชองค์แรกๆก็ยังน่าทึ่งนะครับ กล้องถ่ายรูปเพิ่งมีสมัย ร.4 การทำหุ่นขี้ผึ้งได้ละเอียดขนาดนี้ต้องใส่ข้อมูลและการอนุมานต่างๆเข้าไปเยอะเลย
โดย: ชีริว
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
tifun Diarist ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: mambymam
เลยครับคุณหนู
ใช่ครับ การเข้าสมาธิไม่จำเป็นต้องเห็นอะไร...
ขอเพียงแต่จิตสงบ สักระยะพลังจิตจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีความ
กล้า.. ถ้าเข้าสมาธิลึก ถึงขั้นฌานยิ่งดี.. จะมีความสุข เกิดปิติ.. ทำให้รู้ว่าสิ่งใดควรจะทำหรือไม่ควรทำ คือวิเคราะห์ออกว่า อันไหนถูกที่สุด
ส่วนการเห็นอะไรหรือพบสิ่งใน
ในนิมิต (ขณะที่ยังรู้สึกตัว) อาจจะเป็นจริง หรืออาจจะไม่จริง
ก็ได้ พระอาจารย์ท่านให้เพียง
แต่รับรู้ก็เพียงพอ ไม่ต้องติดใจ
ส่วนการเข้าถึง ฌาน..มีความสุข เกิดปิติมากมาย.. หลวงปู่มั่นท่านสอนว่า อย่าไปติด..
(อ้าวเป็นงั้นไป) ท่านให้เหตผลว่า ถ้ามัวไปติดสุข จะไม่
มีความก้าวหน้าในการทำสมาธิ
เป้าหมายคือ ญาน ทำให้เกิด
ปัญญามากมาย หรือที่เรียกว่า
เจริญสติปัญญานะครับ...ยาวมาก..
โดย: ไวน์กับสายน้ำ
ส่วนเลนส์ธรรมดาซูมได้ แต่ไม่ได้ความกว้าง
อย่างนั้นหรือหนู
เป็นคำถามของสว.ที่รู้จักกล้องน้อยกว่าเด็กอนุบาลค่ะ
ปัจจุบันของภาพถ่ายในวันนี้ คืออดีตที่จะย้อนกลับมาได้ด้วยภาพในอนาคต และด้วยเทคนิคการบันทึกภาพในปัจจุบัน เชื่อว่าลูก หลาน เหลน และรุ่นต่อๆไป จะรู้จักวันวานของปู่ ย่า ตา ทวดมากขึ้น
ไปต่อห้องของสะสมค่ะ
โดย: ร่มไม้เย็น
เมื่อวานไปสนามหลวงมา
พอเห็นคนถือกล้องถ่ายรูปก็ต้องมองตาม
เผื่อจะเห็นคนที่เราคุ้นเคยบ้าง
แต่อากาศตอนกลางวันร้อนมากๆร้อนสุดๆเลยค่ะ
ร้อนจนต้องแอบหลบเข้าไปรับแอร์เย็นๆในกองอำนวยการแบบเนียนๆเข้าไปค่ะ อิอิ
โดย: phunsud
โซนนี้ อ.เต๊ะ ไม่จำเป็นไม่ไปนะครับ 555
เดี๋ยวนี้ ไม่เหมือนสมัยวัยรุ่นครับ ที่สามารถโหนรถเมล์ ขึ้นรถลงเรือ ลุยถึงไหนถึงกัน
เดี๋ยวนี้ อ.เต๊ะ แค่นั่งเฉยๆหายใจทิ้ง ก้ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวละครับ พอย่างเข้าเบญจเพศนี่ อิอิ
ไอ้บ้า อ.เต๊ะ เอ็งน่ะ จะแซยิดซิไม่ว่า 555
แล้วก็ ถ้าที่ไหนไม่มีที่จอดรถสะดวกๆนี่
อย่าหวังจะได้เจอ อ.เต๊ะ นะครับ อิอิ
ขนาด มหาลัยไหน ให้สอนช่วงบ่าย เลิกเย็น4-5โมงนี่ ยังไม่เอาเลยครับ
เคยขับรถกลับบ้าน เกือบ 3ชั่วโมง เข็ดการจราจรในกรุงเทพจริงๆครับ
ที่อ.เต๊ะ ชอบมากคือ วันสงกรานต์ วันปีใหม่ เพราะ กรุงเทพ รถว่างดีจริงๆเลยครับ
555
มาบอกแค่นี้แหละ ไปนะครับ
เย้ย อ.เต๊ะ นี่วอนซะแล้ว
ที่แบบที่คุณหนูไปนี้ น่าจะเปิดช่วงวันหยุดยาว แบบปีใหม่บ้างนะครับ
เพราะไปดูที นี่ต้องใช้เวลา
ค่อยๆเดินดู เก็บภาพไป ชิวๆ รีบๆร้อนๆนี่ ไม่เหมาะแน่
เรื่องเลนส์นี่ ไปๆมาๆ เลนส์ที่อ.เตีะ ใช้มาก ติดกล้องประจำ คือเลนส์เพนเค้ก 40มม อันเล้กๆนี่แหละครับ
เบาถุกใจ แถมสีสวย หวานสว่างดีจริงๆครับ
เลนส์ซูมคล้องคอนานๆ เมื่อยซะไม่มีครับ แหะๆ
ภาพตึกโบราณแบบนี้ สีแบบนี้
detail แยะๆนี่
อ.เต๊ะ เห้นแล้วอยากถ่ายรุป เอามาเพ้นส์สีน้ำที่บ้านจังครับ
แสงจัดๆนี่ เพ้นท์ง่ายดีครับ
แต่ให้ไปเพ้นท์ตรงนั้น ก้ไม่ไหวครับ น่าจะร้อน เหงื่อหัวล้านไหลแน่ แฮ่ๆ 555
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
โดย: multiple
เอาไว้พาเด็ก ๆ ไปเที่ยวอีกรอบค่ะพี่หนู อิอิ
ชอบ ๆ ค่ะ
โดย: Close To Heaven
+
โดย: คุณต่อ (toor36
สวยมากค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Maeboon Travel Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
โดย: newyorknurse
ในระยะแรกของการก่อตั้งกระทรวงนั้นยังคงไม่มีที่ตั้งที่แน่นอน จึงได้อาศัยหอรัษฎากรพิพัฒน์ในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ทำการ ต่อมาได้ใช้วังบริเวณท้ายวัดพระเชตุพนฯเป็นที่ตั้งถาวร โดยได้ทำการรื้อถอนอาคารในส่วนของวังเก่าออกทั้งหมดแล้วก่อสร้างขึ้นเป็นอาคาร 3 ชั้น แบบยุโรป ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ พุทธศักราช 2464 โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระจันทบุรีนฤนาถ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเป็นพระองค์แรก
โดยรัฐบาลในขณะนั้นได้ว่าจ้างสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ มาริโอ ตามาญโญ (Mario Tamagno) มาเป็นผู้ออกแบบอาคารที่ทำการกระทรวงแห่งใหม่นี้ พร้อมกับได้ว่าจ้างนาย วิตโตริโอ โนวี (Vittorio Novi) นายช่างจากเมืองมิลานมาเป็นผู้ออกแบบลวดลายประดับอาคาร ตัวอาคารทั้งหมดได้เริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2463 แล้วเสร็จในปี พุทธศักราช 2465
ตัวอาคารที่ทำการกระทรวงพาณิชย์ถูกสร้างเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีผังเป็นรูปตัวอี (E) ก่ออิฐถือปูนเรียบทาสีเหลืองอ่อนโดยออกแบบให้มีระเบียงในส่วนด้านหน้าของอาคารทุกชั้น ลักษณะอาคารและลวดลายประดับอาคารเป็นแบบสถาปัตยกรรมยุโรป แบบอิตาเลียน เรอเนสซองส์ (Italian Renaissance) ที่ออกแบบให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น (Simplified) ตามแบบความนิยมในสถาปัตยกรรมยุคต้นศตวรรษที่ 20
ลักษณะของโครงสร้างอาคารเป็นแบบผสมระหว่าง ระบบผนังรับน้ำหนัก Wall Bearing ซึ่งเป็นเทคนิคโบราณ กับ ระบบเสา-คาน Post and Lintel โดยมีคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นวัสดุหลัก ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่มากในขณะนั้น ซึ่งโดยทั่วไป การใช้คอนกรีตเสริมเหล็กในสมัยนี้ นิยมใช้กับคานช่วงสั้นๆ และทำเฉพาะบางจุดเท่านั้น เพราะความรู้เกี่ยวกับระบบโครงสร้างแบบเสาและคานยังถือว่าเป็นของใหม่มากในเมืองไทยสมัยนั้น
กล่าวโดยสรุปคือ โครงสร้างของตัวอาคารนี้มีความสำคัญในแง่ของการเป็นรอยต่อทางประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านจากระบบการก่อสร้างแบบโบราณมาสู่ยุคสมัยใหม่
ส่วนผนังชั้นล่าง ฉาบปูนเรียบ โดย ทำเป็นเสาติดผนังเป็นเสาสี่เหลี่ยมเซาะร่องตามแนวขวางของเสาคล้ายกับการก่อด้วยหิน เหนือบานหน้าต่างทำเป็นแผงกันสาดยื่นยาวรองรับด้วยค้ำยันปูนปั้นรูปวงก้นหอย ซุ้มหน้าต่างชั้นสองก่อเป็นรูปวงโค้งครึ่งวงกลม มีปั้นปูนลายดอกไม้ร้อยห้อยขนาบ ตามแนวยอดวงโค้งปั้นเป็นรูปหน้าผู้หญิงฝรั่งอย่างสวยงาม ปลายยอดเสาของผนังชั้นสามปั้นเป็นบัวหัวเสาแบบไอโอนิค (Ionic) ส่วนผนังด้านหลังของอาคารไม่มีการประดับลวดลายใดๆ นอกจากนี้มุขด้านหลังชั้นที่ 2 เหนือช่องวงโค้ง ทำเป็นลายปูนปั้นรูปหน้าผู้หญิงฝรั่งเช่นเดียวกัน
ที่มา: หนังสือ "หินดินอิฐ ฟื้นชีวิตสู่พิพิธภัณฑ์"
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ
วันนี้บล็อคโดนใจมากๆค่ะ
นุ่นอยากไปมากเลย เวลาไปกทม อยากไปมากแต่ไม่มีโอกาสไปสักที
โอยยย อยากไปมิวเซียมสยามค่ะ
จริงๆถ้าเรารู้จักเที่ยว
กทมก็มีที่ให้ทั้งเที่ยวและเรียนรู้เยอะเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆค่า
โดย: lovereason
ผมไปเดินนำชมกับเค้ามาแล้ว
โดย: ปลาทอง สมองน้อย IP: 171.101.168.60 7 ธันวาคม 2557 4:20:42 น.