วังบางขุนพรหม ๒ "วังบางขุนพรหม" เป็นวังเก่าแก่อายุกว่า ๑๐๐ ปี สร้างเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๔๔ จัดเป็นวังที่สวยที่สุดในเมืองไทย วังแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของ พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เนื้อที่ ๓๓ ไร่ ริมเจ้าพระยา เปิดให้ชมฟรี ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๕ เฉพาะเสาร์-อาทิตย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้างวังบางขุนพรหม เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระโอรสลำดับที่ ๓๓ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าและพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี อัครราชเทวีเป็นวังที่ออกแบบโดย คาร์ล ซันเดรสกี สถาปนิกชาวเยอรมัน แต่ไม่แล้วเสร็จ จึงได้ มารีโอ ตามัญโญ สถาปนิกชาวอิตาลี (ผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม, สะพานมัฆวานรังสรรค์ และวังปารุสกวัน) มาดำเนินการออกแบบจนแล้วเสร็จรูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากยุคบาโรก (สถาปัตยกรรมตะวันตก ต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ ในอิตาลีจะเน้นเรื่องแสง สี เงา และคุณค่าประติมากรรม) และยุคโรโกโก (ศิลปะรูปแบบนี้พัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่องประดับ จะออกแบบให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1000905โถงบันได ตำหนักใหญ่กล่าวกันว่าบันไดวังบางขุนพรหมเป็นบันไดแบบ Ceremonial Stair ที่ออกแบบได้อย่างงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในยุคนั้นโถงบันไดออกแบบให้ฐานล่างกว้างกว่าชั้นบนในลักษณะสอบเข้าหากัน ทำให้ลูกนอนของบันไดเสมือนคลื่นไหลลงจากฐานด้านบนลงสู่ฐานด้านล่างอาคารสำคัญในยุโรป เช่น โรงละคร Opera Garnier ประเทศฝรั่งเศส ใช้บันไดแบบ Ceremonial Stair เช่นเดียวกันหัวบันไดและราวลูกกรงเป็นโลหะหล่อมองขึ้นไปข้างบนประตูไม้สีเขียวในห้องต่าง ๆ ของวังบางขุนพรหม มีลวดลายเดียวกับปูนปั้นภายในและภายนอก รวมถึงกรอบหน้าจั่วและหน้าต่างภายนอกอาคารเคอราคอตต้า ดินเผาในอุณหภูมิสูง แล้วเคลือบมัน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ นำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งชุด แล้วมาประกอบเองน้ำพุ ยังใช้งานได้ดีอยู่ค่ะลวดลายบนบานประตู เป็นงานแกะสลักลงในเนื้อไม้ และใช้แผ่นทองคำเปลวปิดลงตรงช่องลึกและบนขอบกรอบลูกฟัก เพื่อตกแต่งเป็นลายเส้นสีทอง และลวดลายทองลักษณะนี้ ยังพบเห็นที่เพดานเหนือโถงบันไดและในห้องสีชมพูห้องสีชมพูลวดลายบนบานประตูเพดานห้องสีชมพู ไม่อนุญาตให้เข้าชมด้านใน แต่ถ่ายภาพจากข้างนอกได้ค่ะสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี พระมารดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตมองลงไปบันไดข้างล่างชั้น ๓ นี้ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปค่ะห้องสีน้ำเงิน เดิมจะใช้เป็นห้องรับแขกของพระชายา ในทูลกระหม่อมบริพัตร เคยเป็นที่ประดิษฐานพระโกศ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรมีพระรูปหล่อเต็มพระองค์ ของทูลกระหม่อมบริพัตร ในพระหัตถ์ถือตำรากล้วยไม้เล่มแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของท่านขวามือของผนังห้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ ขาว-ดำ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘ห้องสีน้ำเงิน และห้องสีชมพู มีประตูเดินทะลุถึงกันฝั่งนี้ ไม่ค่อยมีเงากระจกสะท้อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ผลงานการวาดของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤตสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และ ทูลกระหม่อมบริพัตร ผลงานการวาดของ อ.วราวุธ ชูแสงทองห้องบริพัตร หรือห้องกิมตึ๋ง จัดแสดงพระประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต รวมทั้งวัตถุที่เกี่ยวเนื่องในพระองค์ เช่น สิ่งของที่ระลึก พัดรองงานขึ้นตำหนักใหญ่วังบางขุนพรหม ไม้เท้าทรง โน้ตเพลงลายพระหัตถ์ ฯลฯ เป็นอีกห้องที่น่าชม*** ห้ามถ่ายภาพ ***ประตูกระจกสีน้ำตาล ซ้ายมือ ชั้นบน ห้องพระค่ะ ห้ามถ่ายภาพเช่นเดียวกันตำหนักสมเด็จ เจ้าหน้าที่นำชม พาเดินทางเดินเชื่อมกับตำหนักใหญ่มองกลับไปที่ตำหนักใหญ่ศาลาแตรวังเทวะเวสม์ตำหนักสมเด็จ สร้างเพิ่มเติมเพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ผู้เป็นพระมารดาของทูลกระหม่อมบริพัตร บริเวณชั้นสองเหนือห้องบรรทมมีผลงานภาพวาดของนายคาร์โล ริโกลี จิตรกรชาวอิตาลี เจ้าของผลงานจิตรกรรมในพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นภาพนักบวชหญิงแบบยุคพรี-ราฟาเอล วาดด้วยเทคนิคเฟรสโกหรือการเขียนสีปูนเปียก ซึ่งเป็นการเขียนสีลงไประหว่างที่ปูนฉาบยังหมาดๆ เมื่อสีแห้งไปพร้อมกับปูนจึงทำให้ผลงานภาพวาดติดคงทนชั้นล่าง เป็นบางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิตี้บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิตี้ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ทรงวางแผนและควบคุมการศึกษาของพระนัดดา และพวกข้าหลวงทั้งหลายที่อยู่ในวัยเรียนด้วยพระองค์เองโดยตลอด ทั้งภาคภาษาไทย และต่างประเทศ ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่เล็งเห็นว่าการศึกษามีความสำคัญเกี่ยวพันโดยตรงกับการพัฒนาประเทศ จึงได้เกิดแนวคิดและรูปแบบการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาสตรีไทยให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศ เดินกลับไปตำหนักใหญ่ค่ะ ถอดรองเท้าไว้ที่นั่นเดินออกมาแล้วค่ะ Create Date :25 กรกฎาคม 2565 Last Update :25 กรกฎาคม 2565 16:25:40 น. Counter : 2192 Pageviews. Comments :0 twitter google ผู้โหวตบล็อกนี้...คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณร่มไม้เย็น, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณอุ้มสี, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณหอมกร, คุณชีริว, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณThe Kop Civil, คุณtuk-tuk@korat, คุณkae+aoe, คุณSweet_pills, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณ**mp5**, คุณทูน่าค่ะ, คุณnewyorknurse
คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณร่มไม้เย็น, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณอุ้มสี, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณหอมกร, คุณชีริว, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณThe Kop Civil, คุณtuk-tuk@korat, คุณkae+aoe, คุณSweet_pills, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณ**mp5**, คุณทูน่าค่ะ, คุณnewyorknurse