พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (๑) ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เดินเที่ยวงาน "ใต้ร่มพระบารมี ๒๔๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์" ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครไหน ๆ ก็มาแล้ว เราตั้งใจจะไปดูห้องจัดแสดงที่อาคารมหาสุรสิงหนาทอยู่แล้ว จัดไปในคราวเดียวเลยค่ะ๑๐.๐๕ น. เช้าวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๕ พระที่นั่งศิวโมกขพิมานติดต่อช่องจำหน่ายบัตรเข้าชม / ๒๐-๒๔ เมษายน ๒๔๖๕ เข้าชมฟรีค่ะได้แผ่นพับพิมพ์ใหม่ สวยงามเลยค่ะ จัดการฝากเป้ที่ล็อคเกอร์แล้ว...พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นพระที่นั่งภายในพระราชวังบวรสถานมงคล สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราช เจ้ามหาสุรสิงหนาท เดิมมีนามว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เดิมสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงมี พระราชด าริให้สร้างขึ้นเพื่อท าการพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีตรุษสารท พระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ เป็นต้น หลังจากนั้น เมื่อปีพ.ศ. ๒๓๓๐ พระองค์เสด็จไปยังเชียงใหม่ และได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมา พระองค์จึงทรงพระราชอุทิศพระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ต่อมาสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหา ศักดิพลเสพ ทรงเปลี่ยนนามพระที่นั่งองค์นี้ว่า พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ อาจด้วยเหตุผล ๓ ประการ ได้แก่ ประการแรก เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งมีชื่อที่ใกล้เคียงกับพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ดังนั้น สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ จึงเปลี่ยนนามพระที่นั่งองค์นี้เพื่อให้แตกต่างไป ประการที่ ๒ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพโปรดให้ สร้างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยขึ้นใหม่ ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนชื่อให้คล้องจองกัน ประการสุดท้าย หลังจากการสร้าง พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พระองค์ทรงย้ายพระแท่นเศวตฉัตร ซึ่งเดิมอยู่ที่พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ไปไว้ที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พระองค์คงมีพระราชดำริให้พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดังที่เคยเป็น จึงเปลี่ยนนามพระที่นั่งใหม่เป็น “พระที่นั่งพุทไธสวรรย์”ถ้าเลื่อนลงดูกรุ๊ปบล็อกนี้ เราอัปบล็อกพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร หลายครั้งมาก...อย่างที่บอก พยายามจะเก็บภาพลงบล็อกให้มากที่สุดค่ะประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปโบราณหล่อด้วยสำริดหุ้มทอง ปางสมาธิสูง ๗๙ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๖๓ เซนติเมตร เป็นศิลปะแบบลังกา ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าสีหฬะ พระมหากษัตริย์แห่งลังกาทวีป ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๗๐๐ ต่อมาเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้ไปขอมาถวายพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้กรุงสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้มีผู้นำไปไว้ที่เมืองกำแพงเพชรและเชียงรายตามลำดับ เมื่อพระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ ยกทัพไปตีเมืองเชียงราย จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองเชียงใหม่พร้อมกับพระแก้วมรกต ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตีเมืองเชียงใหม่ได้เมื่อ พ.ศ.๒๒๐๕ จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปไว้ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยา เป็นเวลานานถึง ๑๐๕ ปี เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ แก่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ชาวเชียงใหม่ก็ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปยังเชียงใหม่อีกครั้ง ต่อมาเมื่อมณฑลพายัพได้กลับมารวมเป็นส่วนหนึ่งของสยามในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้เสด็จไปราชการทัพยังเชียงใหม่ จึง ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมายังกรุงเทพมหานครฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๘ และขอพระราชทานประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์อยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคลตั้งแต่นั้นมาภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ โดยเฉพาะผนังที่เขียนเรื่องพุทธประวัติ มีทั้งหมด ๓๒ ผนังถอดรองเท้าก่อนเข้าชม...พื้นเงาวับ สะอาดมากพระตำหนักแดง ศาลาสำราญมุขมาตย์สวยมากค่ะพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ท้องพระโรงวังหน้าพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เดิมเป็นพระที่นั่งท้องพระโรงของพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า สำหรับพระมหาอุปราช เสด็จออกว่าราชการ หรือเสด็จออกรับแขกเมือง ซึ่งเป็นการเสด็จออกอย่างเต็มยศในการพระราชพิธีอันเป็นมหาสมาคม รวมทั้งใช้เพื่อการพระราชพิธีและการบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆพระราชบัลลังก์บุษบกมาลา ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล ตั้งเป็นประธานอยู่ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พระราชบัลลังก์บุษบกมาลาวังหน้าองค์นี้ สร้างด้วยไม้เป็นฐานลดหลั่นรองรับกัน ๓ ชั้น จำหลักลายปิดทองประดับกระจก ที่ฐานเชิงบาตรทั้ง ๓ ชั้น มีรูปแกะสลักเป็นยักษ์ ครุฑ และเทพพนม ติดประดับเรียงรายโดยรอบ ที่ปลาย ๒ ข้างของฐานชั้นบนสุดมีที่ปักฉัตร ปลายฐานแต่ละชั้นมีเกรินแกะสลักอย่างงดงามประดับอยู่ทั้ง ๒ ข้างพระแท่นบวรเศวตฉัตร ตั้งแสดงอยู่ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เคียงคู่กับพระราชบัลลังก์บุษบกมาลา สำหรับเสด็จออกอย่างเต็มยศในการพระราชพิธี ยังใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป พระบรมอัฐิ และเป็นที่สำหรับพระสงฆ์นั่งแสดงพระธรรมเทศนาในพระราชพิธีต่าง ๆ ทำด้วยเครื่องไม้แกะสลัก จำหลักไม้ลงรักปิดทองประดับกระจก มีฐาน ๒ ชั้น ที่ฐานเชิงบาตร์ชั้นล่างแกะสลักรูปครุฑ ชั้นบนเป็นเทพพนม ติดประดับโดยรอบพระแท่นบวรเศวตฉัตร ที่กระดานพิงประดับตราจุฑามณีบนพานแว่นฟ้า พระบวรราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวแผนผัง พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยและหมู่พระวิมานอาจจะไม่ได้เดินครบทุกห้องจัดแสดงนะคะ บางห้องเราเคยอัปบล็อกไปแล้วด้วยล่ะค่ะเบื้องหน้าพระแท่นบวรเศวตฉัตร คือ พระแท่นออกขุนนางโดยปกติ พระแท่นไม้จำหลักลงรักปิดทองประดับกระจกสำหรับประทับออกว่าราชการโดยปกติ ณ พระที่นั่งอิศราวินิฉัยพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ จัดแสดงเครื่องสูง พระแท่นและพระโธรนพยายามจะถ่ายให้ติดป้ายจัดแสดงมาด้วย แต่ไม่ครบทุกภาพค่ะพระที่นั่งภิมุขมณเฑียร จัดแสดงราชยาน คานหามพระที่นั่งทักษิณาภิมุข จัดแสดงมหรสพและการละเล่นภาพเขียนด้านหลังประตูเดินออกมาแล้วค่ะ เดี๋ยวไปอาคารมหาสุรสิงหนาทห้องน้ำอยู่หลังพระตำหนักแดง สะอาดมากค่ะศาลาสำราญมุขมาตย์ สถาปัตยกรรมไทยอาคารมหาสุรสิงหนาทการจัดแสดงภายในอาคาร อาคารมหาสุรสิงหนาท แบ่งเป็น ห้องศิลปะเอเชีย เพื่อแสดงความหลากหลายของรูปแบบศิลปกรรมในภูมิภาคเอเชีย ห้องก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์และการพัฒนาตามลำดับ ห้องทวารวดี เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรมทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก ห้องลพบุรี เล่าเรื่องศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับวัฒนธรรมเขมรในราชอาณาจักรกัมพูชาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ และปิดท้ายด้วย ห้องศิลปะศรีวิชัย นำเสนอหลักฐานทางโบราณคดีของวัฒนธรรมศรีวิชัยโดยเฉพาะในทางตอนใต้ของประเทศไทยช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๘แปะภาพยาว ๆ เลยนะคะ ในห้องจัดแสดงมีป้ายอธิบายทุกชิ้นค่ะ“งานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นคือพระพุทธรูปปางประทานพรแบบศิลปะคุปตะของอินเดียในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10-11 โดยสกุลช่างสารนาถซึ่งนักวิชาการกล่าวว่าเป็นยุคทองของศิลปะอินเดียเหมือนกับสมัยสุโขทัยของเรา พระพุทธรูปในยุคนี้มีความเป็นมหาบุรุษมากกว่าแบบสกุลคันธาระ เช่น ผมขมวดเป็นก้นหอย กะโหลกศีรษะปูด หูยาว แขนยาวเกือบเสมอหัวเข่า เครื่องเพศเก็บอยู่ในฝักและไม่ได้เปลือยแต่ห่มจีวรบางแนบลำตัวแบบผ้าไหมกาสีของแคว้นกาสี” คุณศุภวรรณ นงนุช ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร อธิบายสแกนจากแผ่นพับเลยค่ะ Create Date :17 พฤษภาคม 2565 Last Update :17 พฤษภาคม 2565 15:45:40 น. Counter : 1334 Pageviews. Comments :0 twitter google ผู้โหวตบล็อกนี้...คุณปัญญา Dh, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณmariabamboo, คุณpeaceplay, คุณปรศุราม, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสองแผ่นดิน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณhaiku, คุณกะว่าก๋า, คุณKavanich96, คุณSweet_pills, คุณThe Kop Civil, คุณtuk-tuk@korat, คุณทนายอ้วน, คุณชีริว, คุณเริงฤดีนะ, คุณnewyorknurse, คุณอุ้มสี, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณทูน่าค่ะ, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว
คุณปัญญา Dh, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณmariabamboo, คุณpeaceplay, คุณปรศุราม, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสองแผ่นดิน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณhaiku, คุณกะว่าก๋า, คุณKavanich96, คุณSweet_pills, คุณThe Kop Civil, คุณtuk-tuk@korat, คุณทนายอ้วน, คุณชีริว, คุณเริงฤดีนะ, คุณnewyorknurse, คุณอุ้มสี, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณทูน่าค่ะ, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว