ข้าแต่พระโคตมะ, ผู้เป็นเหล่ากอแห่งพระอาทิตย์ ข้าพระองค์ ได้มาเฝ้าพระองค์ตามคำแนะนำของท่านอสิตดาบส ผู้เป็นลุงโดยแท้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ผู้ถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง ขอพระองค์จงตรัสบอกความเป็นมุนีและปฏิปทาอันสูงสุดของมุนี ของเหล่าบรรพชิตแก่ข้าพระองค์เถิด
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า นาลกะ , เราจักบัญญัติปฎิปทาของมุนีที่บุคคลทำได้ยากให้เกิดยินดีโดยยากแก่ท่าน นาลกะ , ท่านจงอุปถัมภ์ตนจงเป็นผู้มั่นคงเถิด นาลกะ , พึงกระทำการด่าของคนชัง และการไหว้ของคนชอบในบ้านให้เสมอกัน มีค่าเท่ากัน พึงรักษาใจมิให้อารมณ์ใดๆประทุษร้าย พึงเป็นผู้สงบไม่มีความเย่อยิ่งเป็นอารมณ์ นาลกะ , อารมณ์ที่สูงๆต่ำๆ มีอุปมาเหมือนเปลวไฟมาสู่ครองจักษุเป็นต้น เหล่านารีย่อมเล้าโลมมุนีด้วยมารยาต่างๆ นารีนั้นอย่าพึงโลมท่าน คือว่าท่านอย่ายินดีในการเล้าโลมของนารีทั้งหลาย พึงหลีกไปเสียจากการเล้าโลมทั้งปวง มุนีละกามทั้งหลายทั้งที่ดีและไม่ดีแล้ว เว้นขาดจากเมถุนธรรมไม่ยินดียินร้าย ในสัตว์ทั้งหลายผู้สะดุ้งและมั้นคง พึงทำตนให้เสมอในสัตว์ทั้งหลายว่า เราฉันใด สัตว์เหล่านี้ก็ฉันนั้น
ที่มา : ตำนานพระพุทธสาวก ภาค6 (พระนาลกเถระ) โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีเถร )
หล่อนชื่อ นายทรงยศ รัตนาวรรณ น่ะจะบอกให้ !!!
นิโรธอริยสัจ
นิโรธ คือความดับทุกข์เพราะดับกิเลสได้นั่นเอง เพราะความสิ้นไปของตัณหา ความดับเพราะคายออกมาโดยไม่เหลือซึ่งตัณหานั้น การสละละทิ้งมันไป ความไม่มีอาลัยในตัณหานั้น นี่แหละคือทุกข์นิโรธ
ตทังคนิโรธ ความดับด้วยองค์นั้นๆ เช่น เมื่อมีเมตตา กรุณาเกิดขึ้น ความโกรธและความคิดพยาบาท คือความคิดเบียดเบียนย่อมดับไป เมื่อ อสุรสัญญา คือครบกำหนดว่าไม่งามเกิดขึ้น ราคะ ความกำหนัดยินดีในกามคุณ 5 ย่อมดับไป รวมความว่า ดับกิเลสด้วยองค์ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
วิภวตัณหา
ความไม่อยากเป็นนั่นเป็นนี่ ความอยากผลักในทางลบ ความอยากที่มีลักษณะอึดอัด ระอิดระอา ความอยากที่เจือด้วยโทสะ เช่น อยากฆ่าคน อยากทำร้ายเขา อยากทำร้ายอะไรๆ ที่อยู่รอบตัวเองด้วยความชิงชัง ความอยากชนิดนี้ ก่อความทุกข์ในรูปแบบความอึดอัดคับแค้นใจ ทุรนทุราย เร่งร้อนอยู่ด้วยเพลิงแห่งโทสะ ริษยา พยาบาท เป็นต้น
นอกจากทุกข์ในปัจจุบันทันตาเห็น ตัณหายังเป็นสาเหตุให้บุคคลต้องท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ เวียนว่ายตายเกิด เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป (วสิน อินทสระ, หัวใจพระพุทธศาสนา)