ขุนจอมธรรมครองเมืองพะเยาได้ 2 ปี มีโอรส 1 พระองค์ โหรถวายคำพยากรณ์ว่าราชบุตรองค์นี้จะเป็นจักรพรรดิราชปราบชมพูทวีป มีบุญญาธิการมากเวลาประสูติ มีของทิพย์เกิดขึ้น 3 อย่าง คือ แส้ทิพย์ พระแสงทิพย์ คนโททิพย์ ชื่อว่าขุนเจื๋อง ต่อมาอีก 3 ปี ได้ราชบุตรอีกพระนามว่า ขุนจอง หรือ ชิง เมื่อขุนเจื๋องเจริญวัยขึ้น ทรงศึกษาวิชายุทธศาสตร์ เช่น วิชาดาบ มวยปล้ำ เพลงชัย จับช้าง จับม้าและเพลงอาวุธต่างๆ พระชนมายุได้ 16 ปี พาบริวารไปคล้องช้างที่เมืองน่านเจ้าผู้ครองเมืองน่านเห็นความสามารถแล้วพอพระทัย ยกธิดาชื่อจันทร์เทวี ให้เป็นชายาขุนเจื๋อง พระชนมายุได้ 17 ปี พาบริวารไปคล้องช้างที่เมืองแพร่ เจ้าผู้ครองเมืองแพร่พอพระทัย จึงยกธิดาชื่อ นางแก้วกษัตริย์ ให้เป็นชายา พระราชทานช้าง 200 เชือก ขุนจอมธรรมปกครองเมืองพะเยาได้ 24 ปี พระชนมายุได้ 49 พรรษา ก็สิ้นพระชนม์ขุนเจื๋องได้ครองราชสืบแทน ครองเมืองได้ 6 ปี มีข้าศึกแกว (ญวน) ยกทัพมาประชิดนครเงินยางเชียงแสน ขุนชินผู้เป็นลุง ได้ส่งสาส์นขอให้ส่งไพร่พลไปช่วย ขุนเจื๋องได้รวบรวบรี้พลยกไปชุมนุมกันที่สนามดอนไชยหนองหลวง และเคลื่อนทัพเข้าตีข้าศึกแตกกระจัดกระจายไป เมื่อขุนชินทราบเรื่องก็เลื่อมใสโสมนัสยิ่งนัก ทรงยกธิดาชื่อ พระนางอั๊วคำคอน ให้และสละราชสมบัตินครเงินยางเชียงแสนให้ขุนเจื๋องครองแทนเมื่อขุนเจื๋องได้ครองราชเมืองเงินยางแล้ว ทรงพระนามว่า พระยาเจื๋องธรรมมิกราช(ตำนานของล้านช้างยกย่องเป็นมหาราช) ได้มอบสมบัติให้โอรสชื่อลาวเงินเรือง ครองเมืองพะเยาแทนหัวเมืองใหญ่น้อยเหนือใต้ยอมอ่อนน้อม ได้ราชธิดาแกวมาเป็นชายานามว่า นางอู่แก้ว มีโอรส 3 พระองค์คือ ท้าวผาเรืองยี่คำห้าว ท้าวสามชุมแสง ต่อมายกราชสมบัติเมืองแกวให้ท้าวผาเรือง ให้ท้าวคำห้าวไปครองเมืองล้านช้าง ท้าวสามชุมแสงไปครองเมืองน่าน ต่อมาได้โยธาทัพเข้าตีเมืองต่างๆ ที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ ทรงชนช้างกับศัตรูเสียทีข้าศึกเพราะชราภาพ จึงถูกฟันคอขาดและสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง พวกทหารจึงนำพระเศียรไปบรรจุไว้ที่พระเจดีย์เมืองหิรัญนครเชียงแสน ขุนเจื๋อง ประสูติเมื่อปีพุทธศักราช 1641 ครองราชย์สมบัติเมื่อพระชนมายุ 24 ปีครองแค้วนล้านนา ได้ 24 ปี ครองเมืองแกวได้ 17 ปี รวมพระชนมายุได้ 67 ปี ฝ่ายท้าวจอมผาเรืองราชบุตรขึ้นครองราชสมบัติเมืองพะเยาได้ 14 ปี ก็ถึงแก่พิราลัย / ที่มา: //www.chiangraifocus.com
ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง เป็นเรื่องราวตามคำบอกเล่าอยู่ร่วมสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นใหญ่อยู่ทะเลสาบ แต่หลังจากนั้นจะสถาปนาปราสาทนครวัดเมื่อราว พ.ศ. 1650
ขุนเจืองธรรมิกราช พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ ลำดับที่ ๒ เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงแสนยานุภาพทางด้านทหารมากที่สุด สามารถรวบรวมและเป็นใหญ่ ในประเทศ ๖ ประเทศในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ทรงมีพระนามใช้เรียกถึง ๓๓ พระนาม พระองค์ทรงเป็นมหาราช จนชนชาติต่าง ๆ อ้างพระองค์เป็นบรรพบุรุษของตนเอง พระองค์ทรงครองราชย์ ขณะพระชนมายุ ๓๗ พระชันษา ทรงสวรรคตในสนามรบ ด้วยวัย ๖๗ พระชันษาในต่างแดน และเหล่าทหารเข้าต่อสู้และแย่งพระศพได้แล้วนำกลับมา ณ เมืองหิรัญเงินยาง