ตันตระโยคะแบ่งวิญญาณหรือจิตออกเป็น ระดับหยาบ ละเอียด และประณีต
จิตในระดับหยาบได้แก่อารมณ์ต่างๆเช่นกลัว หิว กระหาย กรุณา โลภ ริษยา เบิกบาน เอื้อเฟื้อ ความอยากทางเพศ รวมเป็นสภาพความนึกคิด 80 ประเภท ขณะกำลังจะตายอารมณ์ที่ฝังแน่นเหล่านี้เผยตัวออกมา แล้วดับไป จังหวะนี้แหละกรรมใดใครก่อไว้ ก็จะเผยธาตูแท้ออกมา เช่นคนที่เคยฆ่าสัตว์ก็ต้องโหยหวนหรือดิ้นทุรนทุรายเหมือนสัตว์ถูกเชือด คนที่เคยทำร้ายใครก็จะถูกภาพกรรมเก่าที่ทำไว้มาปรากฎให้สะพรึงกลัว ใครโกงบ้านกินเมืองก็ให้มีอาการต่างๆที่ผิดสำแดงออกมาทั้งสิ้น ไม่ตายดีกันทั้งนั้น
ภาพโครงสร้างของจิต มีลักษณะคล้ายจักรวาล
พอจิตหยาบดับก็เป็นจิตละเอียดเผยตัวออกมา จังหวะนี้ผู้กำลังจะตายไม่มีอันติดต่อสัมพันธ์กับภาวะรอบข้างอีกแล้ว พูดง่ายๆว่าโคม่า ในดวงจิตจะปรากฎเป็นแสงสีขาวกระจ่าง สีส้มแดงเจิดจ้า หรือสีดำทะมึน ตรงนี้คนที่เคยเข้าภาวะเฉียดตายแล้วรอดมาได้อาจมาเล่าว่าเหมือนเดินเข้าอุโมงค์หรือทางเดินแบบก้นหอยผ่านจากสว่างไปขมุกขมัว แล้วมืด ....พอจิตละเอียดสามดวงดับลง ก็ถึงจิตปราณีต หรือจิตประภัสสร ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยฝึกอะไรมาเลยก็จะผ่านเลยขั้นนี้ ไม่มีโอกาสเสพรับจิตประภัสสรดังกล่าว โดยผลกรรมจะเหนี่ยวนำให้ไปบังเกิดในชาติภพต่างๆตามกรรมที่ได้ทำไว้
ภาพ พุทธภาวะหรือพุทธะปัญญา ในตัวคุณจะเผยออกมาเมื่อมีการปฏิบัติตนตามหลัก ศีล-สมาธิ-ปัญญา ที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา
ตามหลักของอนุตตรโยคะตันตระ ถือว่าไม่มีจิตใจที่ละเอียดปราณีตกว่าจิตแห่งแสงกระจ่างอันเป็นรากฐานของปรากฎการณ์ทั้งหลายในสังสารวัฏฏ์และนิพพาน จิตประภัสสรนี้แท้จริงดำรงอยู่มานับตั้งแต่เราเวียนว่ายตายเกิด มันเป็นจิตที่เป็นพื้นภูมิแท้ๆของเรา ดังคำกล่าวที่ว่า <เราแต่ละคนล้วนมีพุทธะอยู่ในตัว >เพียงแต่ว่าจิตแท้นี้ถูกหุ้มด้วยจิตละเอียด 3 ชั้น (ภาพบนคือโครงสร้างของจิตตามแนวพุทธมหายานที่บรมพุทโธ อินโดเนเซีย จิตประภัสสรคือมหาสถูปองค์ใหญ่ ล้อมรอบด้วยจิตละเอียด3ชั้น และภาพล่างคือพุทธะปัญญาในตัวมนุษย์จะปรากฎขึ้นเมื่อเราปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบตามหลักการ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ) และจิตหยาบอีก 80 ประเภท เคลือบคลุมอยู่ ซึ่งชี้นำให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในความโลภ โกรธ หลงโดยตลอด. (ที่มา: นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล 2555 )