พุทธศตวรรษที่ 14 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2ทรงรวบรวมแคว้นเจนละบกและเจนละน้ำให้เป็นปึกแผ่น และประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับชวา(อาณาจักรศรีวิชัย) อีกต่อไป พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ได้เสด็จจากชวามาครองกัมพูชาโดยนำลัทธิไศเลนทร์ หรือลัทธิเทวราชากลับมาด้วยและเกิดการสร้างปราสาท หรือเทวาลัย ซึ่งก็คือศาสนสถานเป็นชั้นเพื่อถวายเป็นทิพยวิมานของเทพเจ้าอีกทั้งยังใช้เป็นราชสุสานของกษัตริย์เมื่อเสด็จสวรรคตซึ่งมีความเชื่อว่าดวงพระวิญญาณจะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเจ้าที่พระองค์ทรงนับถือ
ลัทธิเทวราชคืออะไร ?
เท วะ หมายถึงราชาและราชาก็คือเทวะที่จุติลงมาเพื่อสร้างสันติสุขให้กับโลกมนุษย์ การบูชาเทวราชาก็คือการบูชารูปศิวะลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาเสมือนพระศิวะประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาศ กษัตริย์ที่นับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายจึงต้องสร้างศาสนสถานหรือเทวสถาน หรือวิหารที่ประดิษฐานศิวลึงค์รูปแบบของปราสาทหรือเทวาลัยยุคแรกๆ จะถูกสร้างขึ้นบนภูเขาจริงๆหรือไม่ก็บนเนินเขาตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
ต่อ มา มีการปรับแนวความคิดใหม่โดยการสร้างบนที่ราบกลางเมือง โดยสร้างศาสนสถานนั้นเป็นชั้นหรือการสร้างภูเขาจำลองแทนที่จะสร้างบนภูเขาจริงๆและใช้ปรางค์ปราสาทองค์ที่สูงที่สุดเป็นที่ประดิษฐานศิวะลึงค์ ดังนั้นศิวะลึงค์มักจะถูกเก็บไว้ในปรางค์ประธาน หรือที่เรียกว่า ห้องครรภฤหกษัตริย์ขอมจะทำการบูชาเซ่นสรวง โดยรดน้ำลงที่ศิวะลึงค์น้ำจะไหลลงช่องโยนีผ่านท่อโสมสูตร ศิวลึงค์ถือเป็นต้นกำเนิดของสรรพชีวิต ดังนั้นศิวะลึงค์จึงมีบุคลิกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนภูเขาธรรมชาติ หรือภูเขาจำลองโดยตั้งอยู่กลางนครหลวง ซึ่งเปรียบเสมือนแกนแห่งจักรวาล หรือศูนย์กลางของจักรวาล
กษัตริย์ ที่นับถือศานาฮินดู ไศวนิกายนิยมสร้างศิวะลึงค์ไว้ในปราสาทต่างๆ เพื่อใช้เป็นรูปเคารพศิวลึงค์เป็นเป็นเครื่องหมายองค์กำเนิดของเพศชายเป็นพลังสร้างสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า โดยศิวะลึงค์นี้จะตั้งอยู่บนฐานโยนี(แทนอวัยวะเพศหญิง) ของพระนางปรารพตี ชายาของพระศิวะตราบใดที่อวัยวะเพศทั้งสองนี้อยู่ด้วยกัน ก็จะเกิดความรุ่งเรืองบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข
โดยสรุปแล้ว กษัตริย์ลัทธิเทวราชาและพราหมณ์ มักจะสร้างศาสนสถานเพื่อ จุดประสงค์ดังนี้
1.เป็นวิหารเก็บราชลึงค์บนภูเขาเพื่อบูชาพระศิวะ
2.เป็นทิพยวิมานของเทพเจ้าบนโลกมนุษย์
3.เป็นพระราชสุสานเมื่อเสด็จสวรรคตโดยเชื่อว่าดวงพระวิญญาณของพระองค์จะไปหลอมรวมกับเทพเจ้าที่ทรงนับถือ
4.เป็นเขาพระสุเมรุ (ที่อยู่ของทวยเทพ)หรือศูนย์กลางโลกและจักรวาล ส่วนบารายหรือคูน้ำที่ล้อมรอบปราสาทเปรียบเหมือนมหานทีสีทันดรที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ
อ่านเพิ่มเติม //www.oknation.net/blog/print.php?id=258895 พิธีศิวาราตรียังคงมีที่อินเดียจนถึงปัจจุบันนี้ มีความหมาย 2 นัย ดังนี้
1. ศิวาราตรี ในที่นี้หมายถึง พิธีเฉลิมฉลองแห่งองค์พระศิวะที่ทำกันทุกปีที่ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะทางอินเดียตอนใต้ที่เมืองติรุมวันมาลัย ที่มีเทวาลัย คือโบสถ์แห่งพระศิวะที่สำคัญและยิ่งใหญ่มากเมื่อวันเช่นนี้เวียนมาถึงเข้าประชาชนทุกหมู่เหล่าที่นับถือในองค์พระศิวะเจ้าก็จะร่วมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นให้ใหญ่โตมหโหฬารและสนุกสนานครื้นเครง กันโดยเฉพาะตามเทวสถานที่สำคัญต่าง ๆ และเรียกวันที่มีพิธีการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ในรอบีนี้ว่า"มหาศิวาราตรี"
2. ศิวาราตรี หมายถึง พิธีแห่งการลอยบาป ทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจะจัดให้มีขึ้นเป็นประจำในวันเพ็ญเดือน 3 ของทุก ๆปี พิธีนี้ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ในทางศาสนา เมื่อวันเช่นนี้เวียนมาถึงเข้าประชาชนโดยทั่วไปตลอดทั้งนักพรต นักบวชในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูทั่วทุกสารทิศก็จะหลั่งไหลไปทำพิธีลอยบาปกันที่แม่น้ำคงคา ตรงจุฬาตรีคูณเมืองอันลาฮาบาดทุก ๆ ปีจึงนับได้ว่าพิธีลอยบาปนี้เป็นพิธีที่สำคัญและยิ่งใหญ่อีกพิธีหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและไปร่วมประกอบพิธีนี้เพราะในแต่ละปีนั้นจะมีประชาชนไปร่วมงานประมาณปีละเป็นแสนคนเลยทีเดียว