วันเสาร์ อ่านข่าวไทยรัฐเพิ่งทราบว่าประเทศไทยใช้ยาฆ่าแมลงในการเกษตรสูงอันดับ 5 ของโลก และวันนี้ 23 กันยายน 2555 ผมไปไร่ จ.เพฃรบูรณ์
บังเอิญไปพบเกษตรกรปลูกมะเขือแบบลูกกลมและลูกยาวพร้อมหยอดยาฆ่าแมลง เคมีอันตรายเพื่อไม่ให้โรคแมลงทำลายสารเคมีพวกนี้พืชจะดูดเข้าไปทางรากและสะสมในลำต้นและผลผลิตได้ นี่คือภัยเงียบกำลังบ่อนทำลายประชาชนที่บริโภคอาหารที่ปนเปื่อนสารเคมีอันตรายโดยไม่รู้ตัวและสะสมมากขึ้นเรื่อยๆภาพสารเคมียาฆ่าแมลงฉีดพ่นให้กะหล่ำปลีสวย ยายังไม่หมดฤทธิ์ก็เก็บแล้ว คนปลูกไม่กล้ากินแต่ส่งให้คนเมืองบริโภค เมื่อเมืองเติบโตขึ้นและบริโภคกัน24ชม.สร้างแรงจูงใจให้คนในชนบทเพิ่มรายได้ขยายพื้นที่การเกษตรบุกป่าต้นน้ำลำธารบนภูเขาที่มีดินอุดมสมบูรณ์ แถบ ตาก เพชรบูรณ์แพร่ ลำปาง น่าน เชียงราย แม่ฮ่องสอน ...สารเคมียาฆ่าแมลงเหล่านี้ จะปนเปื้อนสะสมอยู่ในดินแและน้ำ...
ขณะนี้ ดิน-น้ำและพืชผลการเกษตรของประเทศไทยกำลังปนเปื้อนและดูดซับสารเคมีอันตรายที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมในระยะยาวและเพิ่มประชากรที่เจ็บป่วยมากขึ้น ตัวอย่างเช่นน้ำประปาที่เราบริโภคทุกวันนี้ อาจจะเป็นน้ำดิบที่ปนเปื้อนสารเคมีอันตรายพวกยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลงที่ประเทศไทยใช้มากเป็นอันดับ5ของโลก
ทีมฉีดสารเคมียาฆ่าหญ้าและกำจัดวัชพืช ภูเขาทั้งหลายทีเป็นป่าต้นน้ำในประเทศไทยนั้นถูกบุกรุกปลูก ข้าวโพด กะหล่ำปลีและพืชไร่ต่างๆหลายล้านไร่ ชาวไร่จะกำจัดวัชชพืชและโรคแมลงอันตรายกันเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเมืองใหญ่โตและร่ำรวยขึ้นเพิ่มการบริโภคเนื้อสัตว์พวก ไก่ หมู วัว ปลา ที่ใช้วัตถุดิบข้าวโพดเป็นอาหารสัตว์ ในที่สุดคนเมืองก็บริโภคของดีราคาถูกที่อุดมด้วยสารเคมี และเกิดทะเลภูเขาหัวโล้นในภาคเหนือ ในที่สุดก็เกิดมหาภัยน้ำท่วมใหญ่ปี2554เสียหายไป1.4ล้านล้านบาทและต่อไปอีก
ภูเขาข้าวโพดแลกะหล่ำปลีทีอุดมสมบูรณ์ด้วยสารเคมียาฆ่าแมลงและสารเคมีกำจัดวัชชพืช ทีไหลลงสู่แม่น้ำ ลำธารและแหล่งน้ำบริโภค สมควรที รัฐสภา สว. สส. รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีหันมาเหลียวมองภาคเกษตรและป่าไม้ ทีกำลังกำลังเป็นมหาภัยเงียบ สร้างหายนะทางสิ่งแวดล้อมและสมดุลย์ของระบบนิเวศน์ทีจะส่งผลต่อ ลูกหลาน ของเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าส
ารพิษอันตราย ยาฆ่าแมลง สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่ รัฐไทย ปล่อยปะละเลย
จนคนไทยป่วยโรคมะเร็งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และสาเหตุโรคร้ายแรงต่าง ๆ อีกมากมาย ความรุนแรงกำลังทวีสูงขึ้น อย่างน่ากลัวว่าด้วยเรื่องสารกำจัดศัตรูพืช
ข้อมูลเมื่อปี 2553 พบว่า
ประเทศไทยมีเนื้อที่ทางการเกษตรเป็นอันดับที่ 48 ของโลกแต่ใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันดับ 5 ของโลกใช้ยาฆ่าหญ้าเป็นอันดับ 4 ของโลกหากดูปริมาณนำเข้าสารกำจัดศัตรูพืชของปี 2552 พบว่ามีการนำเข้าสารกำจัดศัตรูพืชทั้งสิ้น 118,152 ตันเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากเมื่อปี 2545 ซึ่งมีปริมาณนำเข้า 39,634 ตันโดยตัวเลขการนำเข้านี้มีแนวโน้มสูงขึ้นมาตลอดในจำนวนการนำเข้าสารกำจัดศัตรูพืชนี้ จำแนกได้เป็น การนำเข้าสารกำจัดแมลง (Insecticide) 19,709 ตัน สารป้องกันและกำจัดโรคพืช (Fungicide) 8,485 ตัน สารกำจัดวัชพืช (Herbicide) 85,821 ตัน และอื่นๆ อีก 4,137 ตัน
ขณะที่ในการฉีดพ่น มีรายงานวิจัยจากต่างประเทศพบว่า สารเคมีที่ฉีดพ่นออกไป มีเพียงร้อยละ 0.2 ที่โดนแมลงโดยตรง ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 99.8 จะปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มา
//www.innovaclub.net/SMF-Board/index.php?topic=19982.0