อำนาจและพลังลึกลับของสตรียุคโบราณ

อินเดีย : ในกาลก่อน มหาฤาษีวยาสะ แม้แต่เหล่าเทวดาก็เอาชนะโดยยาก ยังถูกนางกาศิสุนทรี ซึ่งเป็นหญิงแพศยาประหารด้วยเท้า                                อนึ่ง มหาฤาษีวิศวมิตระแม้จะได้บำเพ็ญตบะอันยิ่งใหญ่มาแล้ว แต่เมื่อถูกนางอัปสร ชื่อ ฆฤตาจีนำตัวไป(เป็นภัสดา) ก็หลงผิดคิดว่าเวลาสิบปี(ที่อยู่กับนาง) เป็นเสมือน หนึ่ง วัน !



 

อำนาจของสตรียิ่งใหญ่ด้วยวัตถุเครื่องเร้าอารมณ์ เช่น เสียง ระบำ ท่วงท่าทำนอง และด้วยการรอบรู้ในเรื่องอารมณ์ ด้วยการแสดงกริยายั่วยวนด้วยการถึงพร้อมด้วยความงามและความมีเสน่ห์ พวกเธอนับว่ามีอำนาจเหนือหญิงทั้งหลาย   ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความมีอำนาจเหนือชายทั้งหลายในการทำให้เขาหลงรัก!

 

กวีบทหนึ่งในเมฆทูตของกาลิทาส คือ “เมื่อท่าน(เมฆ)ได้ดึงผ้าสีน้ำ เงินในรูปของน้ำ ที่หลุดไปจากสะโพกของหญิงสาวคนนั้น (แม่น้ำ )ในรูปของฝั่งแม่น้ำ ที่เหมือนกับว่านางใช้มือดึงผ้าไว้ ด้วยปลายต้นอ้อที่โน้มลงไปจนถึงน้ำ ท่านซึ่งลอยตัวอยู่คงจะเดินทางต่อไปได้ยาก

เพราะผู้ชายคนไหนเล่าที่เคยลิ้มรสสวาทแล้วจะทิ้งสะโพกที่เปลือยเปล่าไปได้” ในที่นีกาลิทาสจินตนาการว่า เมฆเป็นชายหนุ่ม แม่น้ำเป็นหญิงสาว น้ำ ในแม่น้ำ ในฤดูแล้งที่ลดห่างฝั่งออกไปเป็นผ้าสีน้ำเงินที่กำลังหลุดจากสะโพกของหญิงสาวคือฝั่งแม่น้ำ ต้นอ้อที่ปลายโน้มลงไปจรดน้ำเป็นมือของหญิงสาวที่พยายามดึงผ้าไว้ไม่ให้หลุด



กรีกและโรมัน : อธีนาจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้วยังเชื่อกันว่าพระนางเป็นเทพีแห่งสงครามด้วยเนื่องจากเทวรูปของพระนางมักปรากฏเป็นรูปผู้หญิงสวมชุดเกราะถือโล่ห์และหอกที่มือซ้าย และถือไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะที่มือขวาโดยที่ชื่อกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ ก็มีที่มาจากพระนามของนางชื่อเต็มของอธีนาคือ พัลลัสอธีนา (Pallas Athena) ซึ่งชื่อพัลลัสมาจากเพื่อนมนุษย์ของอธีนาซึ่งเธอพลั้งมือสังหารไปขณะเล่นด้วยกันจึงได้นำชื่อของพัลลัสมาใส่นำหน้าเพื่อเป็นที่ระลึกอธีนาเป็นตัวแทนของสงครามที่เอาชนะด้วยกลยุทธหรือความถูกต้องซึ่งต่างจากแอรีสที่เป็นเทพสงครามที่ใช้กำลังมากกว่า

        เทพีวีนัส (อังกฤษ: Venus)เป็นเทพีแห่งเทพปกรณัมโรมันที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความรักและความงามหรืออีกชื่อคือ อโฟรไดท์ (Aphrodite)แห่งเทพปกรณัมกรีก พระนางเป็นชายาของเทพวัลคัน (Vulcan) หรือเฮฟเฟสตุส เทพแห่งงานช่างเทพีวีนัสตามตำราว่าเกิดขึ้นเองจากฟองทะเล ด้วยพระนามของพระนาง อะโฟรไดท์ นั้นมาจากคำว่า 'Aphros'ที่แปลว่าฟอง ซึ่งมีตำนานว่าพระนางเกิดในทะเลใกล้เกาะไซเธอราและถูกคลื่นซัดไปยังเกาะไซปรัสแต่บางตำราว่าเป็นธิดาของเทพซุสที่เกิดจากจากนางอัปสรไดโอนีแต่ที่ตรงกันคือพระนางมีความงดงามที่ไม่มีใครเทียมได้แม้กระทั่งเทพธิดาด้วยกันและสามารถสะกดใจผู้ชายทุกคนได้ภายในพริบตาแรกที่มองเห็นพระนางอีกทั้งพระนางก็ชอบใจในความสวยงามของตนเองมากเสียด้วยพระนางจึงไม่ยอมเด็ดขาดหากใครจะกล้าล้ำเส้นเทพีความงามของพระนาง ด้วยแรงริษยาที่รุนแรงพอๆกับรูปโฉมสะสวยทำให้เทพีวีนัสเป็นที่หวาดหวั่นของเทพหลายๆองค์ (วิกิพีเดีย )

                มุมมอง ทัศนะคติ และ ความคิดเห็นความรู้สึก ต่างๆ ที่มีต่อ ภาพวาดMona Lisa ของเลโอนาร์โด ดาวินซี นั้นมีมากมายเหลือเกิน "จูลส์ มิเชอเลต์" ได้พรรณนาไว้ใน หนังสือประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสว่า "ภาพเขียนนี้ดึงดูดข้าพเจ้า พรํ่าเรียกข้าพเจ้า รุกรานข้าพเจ้า ซึมซาบเข้าไปในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตรงลิ่วเข้าไปหาโดยไม่รู้สึกตัว ประดุจนกบินดิ่งเข้าไปในปากงูพิษ" นี่คือทัศนคติต่อ Mona Lisa ในศตวรรษที่ 16 ที่มองความงามในแบบอุดมคติ แต่มุมมองจากนักวิจารณ์ในศตวรรษที่ 19 กลับมองไปอีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มโรแมนติคส์ที่มองว่า โมนา ลิซ่า เป็นสตรีมรณะ (Femme fatale) หรืออีกนัยหนึ่งคือสตรีผู้ยื่นความตายแก่บุรุษ
     สำหรับ เธโอฟิล โกติเอร์ (Theophile Gautier)
โมนา ลิซ่า มิได้เป็นสาวน้อยที่มี รอยยิ้มแสนหวานงามปานกลีบกุหลาบ ตามที่วาซารีเคยพรรณนาไว้แต่จะเป็นสาววัย สามสิบที่ร่องรอยแห่งเลือดฝาด และความสดใสแห่งชีวิตเริ่มที่จะอันตรธานหายไป สีของอาภรณ์ และผ้าคลุมผมของเธอ ซึ่งหมองคลํ้าเพราะกาลเวลา ทำให้เธอดูเหมือนหญิง หม้ายที่แฝงไว้ด้วยความทุกข์โศก

 





Create Date : 12 สิงหาคม 2555
Last Update : 15 สิงหาคม 2555 10:16:28 น.
Counter : 2784 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
สิงหาคม 2555

 
 
 
2
9
14
19
21
26
31
 
 
All Blog