กุบไลข่าน ส่งทูตไปบอกกษัตริย์ของพุกาม(พม่าโบราณ)ชื่อนราธิปัต ให้ยอมสวามิภักดิ์
แต่กษัตริย์พม่าซึ่งเพิ่งปราบปรามชนกลุ่มน้อยในประเทศสำเร็จได้หลงตัวเองว่าตัวเองคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
ด้วยความอวดดี กษัตริย์พุกามจึงสั่ง ตัดหัวทูตมองโกลทั้งหมด
มองโกลต้องส่งแม่ทัพชื่อ ซายิด อัล จัล ผู้ปกครองมณฑลยูนานส่งทัพเข้าปราบ
กองทัพพม่าใช้ช้างศึกเป็นกำลังหลักกว่า 3,000 เชือก ซึ่งถ้าเทียบแล้ว กองทัพมองโกลเสียเปรียบ 3:1
ตอนแรกม้าของมองโกลหวาดกลัวช้างของพม่าพวกมองโกลจึงลงจากม้าแล้วล่อช้างของพม่าให้แตกกระจาย
แล้วระดมยิงด้วยธนูเมื่อควาญช้างเสียชีวิต ช้างจึงคลุ้มคลั่งไร้ทิศทาง พวกมองโกลจึงชนะโดยง่าย
พวกมองโกลบุกต่อไปถึงแม่น้ำอิรวดี แล้วประกาศให้พม่าเป็นมณฑลหนึ่งของจักรวรรดิมองโกล
ส่วนกษัตริย์พุกาม ได้หนีไปซ่อนตัวแล้วถูกน้องชายตัวเองวางยาพิษภายหลัง..
แม้ว่ามองโกลจะเอาชนะเวียตนาม จามปา และพม่า ซึ่งล้อมประเทศไทยได้แล้ว แต่กลับไม่ยกทัพโจมตีอาณาจักรสุโขทัยในยุคนั้น แสดงว่าพระมหากษัตริย์ไทย มีพระปรีชาสามารถในเชิงรัฐศาสตร์การฑูต อย่างเยี่ยมยอดเหนือประเทศเพื่อนบ้านทีไปท้าทายอำนาจที่เหนือกว่าจนต้องเสียเลือดเนื้อประชาชนโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด.