สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

โรคกรดไหลย้อนกลับ







เมื่อเรารับประทานอาหารทางปาก อาหารจะถูกเคี้ยวและกลืนเข้าหลอดอาหาร อาหารจะถูกบีบไล่ไปยังกระเพาะอาหาร ระหว่างรอยต่อของกระเพาะอาหารและหลอดอาหารจะมีหูรูดหรือที่เรียกว่า Sphincter ทำให้ที่ปิดมิให้อาหารหรือกรดไหลย้อนกลับไปยังหลอดอาหาร เมื่ออาหารอยู่ในกระเพาะจะมีกรดออกมาจำนวนมาก เมื่ออาหารได้รับการย่อยแล้วจะถูกการบีบ
ไปยังลำไส้เล็ก ดังนั้นหากมีกรดไหลย้อนไปยังหลอดอาหารก็จะมีอาการ
เจ็บหน้าอก


โรคกรดไหลย้อนคืออะไร

คือภาวะที่กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหารทำให้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือแสบหน้าอก บางครั้งอาจจะรู้สึกรสเปรี้ยว


สาเหตุของกรดไหลย้อน

Hiatus hernia (คือโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้นเข้าไปในกำบังลม)
ดื่มสุรา
อ้วน
ตั้งครรภ์
สูบบุหรี่
อาหารรสเปรี้ยว เผ็ด
ช้อกโกแลต
อาหารมัน ของทอด
หอมกระเทียม
มะเขือเทศ




อาการของกรดไหลย้อน

อาการทางหลอดอาหาร

- อาการปวดเสบร้อนบริเวณหน้าอก และลิ้มปี่ที่เรียกว่าร้อนใน (heart burn) บางครั้งอาจจะร้าวไปที่คอได้
- รู้สึกมีก้อนอยู่ในคอ
- กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ
- เจ็บคอหรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า
- รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือมีรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก
มีเสมหะอยู่ในคอ หรือระคอตลอดเวลา
- เรอบ่อย คลื่นไส้
- รู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย


อาการทางกล่องเสียง และปอด

- เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้าหรือมีเสียงผิดปกติจากเดิม
- ไอเรื้อรัง
- ไอ หรือ รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน
- กระแอมไอบ่อย
- อาการหอบหืดแย่ลง
- เจ็บหน้าอก
- เป็นโรคปอดอักเสบเป็นๆหายๆ





การรักษา

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

- ลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มาก
- งดบุหรี่เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดกรดมาก
-ใส่เสื้อหลวมๆ
- ไม่ควรจะนอน ออกกำลังกาย หรือยกของหนักหลังออกกำลังกาย
- งดอาหารก่อนนอน 3 ชั่วโมง
- งออาหารมันๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ช้อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ เผ็ด เปรี้ยว เค็มจัด
- รับประทานอาหารพออิ่ม
- หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอักลม เบียร์ สุรา
- นอนหัวให้สูงประมาณ 6-10 นิ้ว โดยหนุนที่ขาเตียง ไม่ควรใช้หมอนหนุนที่ศีรษะเพราะทำให้ความดันในช่องท้องสูง


การรักษาด้วยยา

Antacids เป็นยาตัวแรกที่ใช้ สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่มาก
ใช้ยา proton pump inhibitor ซึ่งเป็นยาที่ลดกรดได้เป็นอย่างดีอาจจะใช้เวลารักษา1-3 เดือน เทื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ก็อาจจะลดยาลงได้ยาที่นิยมใช้ได้แก่ omeprazole , lansoprazole , pantoprazole , rabeprazole, และ esomeprazole

หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ทำให้กระเพาะหลั่งกรดมาก หรือทำให้หูรูดหย่อน เช่น ยาแก้ปวด aspirin NSAID VITAMIN C


หากให้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรจะต้องตรวจเพิ่มเติมได้แก่

การกลืนแป้งตรวจกระเพาะ
การส่องกล้องตรวจกระเพาะ
การรักษาโดยการผ่าตัด

จะผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล


โรคแทรกซ้อน

- หลอดอาหารที่อักเสบอาจจะทำให้เกิดแผล และมีเลือดออด หรือหลอด
- อาหารตีบทำให้กลืนอาหารลำบาก
- อาจจะทำให้โรคปอดแย่ลง เช่นโรคหอบหืดเป็นมากขึ้น ไอเรื้อรัง ปอดอักเสบ





การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น คืออะไร

คือการส่องกล้องตรวจเยื่อบุหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น โดยการสอดใส่สายยางเล็กที่มีเลนส์และแสงไฟ ส่องกล้องเข้าทางปาก ทำให้แพทย์สามารถมองเข้าไปตรวจดูหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนตัวได้ โดยอาจจะดูผ่านจอทีวีหรือผ่านทางกล้อง เพื่อดูว่าอะไรเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารเป็นท่อเล็กบางที่สามารถงอได้ มีให้กล้องขยาย แสงสว่างที่ปลายท่อ ซึ่งสามารถใส่ผ่านจากปากเข้าไปในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นได้


ทำไมต้องส่องกล้องตรวจลำไส้เล็กส่วนต้นแพทย์จะใช้การส่องกล้องเพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคต่อไปนี้

ปวดด้านบนของท้อง
อาเจียนโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
กลืนอาหารลำบาก
เลือดออกทางเดินอาหาร
การใช้กล่องส่องจะทำให้เห็นเยื่อบุกระเพาะเพื่อดูการอักเสบ ดูแผล ดูเนื้องอก นอกจากนั้นยังสามารถตัดเนื้อเพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง เพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนั้นยังใช้การส่องกล้องเพื่อรักษาเลือดออกทางเดินอาหาร


ควรจะเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนมาตรวจ

- ให้นอนพักผ่อนให้เพียงในคืนก่อนมารับการตรวจ
- ห้ามรับประทานอาหาร และดื่มน้ำทุกชนิดก่อนมารับการตรวจ อย่างน้อย 6-8 ชม. ก่อนการตรวจทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่ากระเพาะอาหารว่างเปล่า เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากการสำลักอาหาร และน้ำเข้าไปในหลอดลมขณะที่กลืนกล้องลงสู่ลำคอ
- ผู้ป่วยควรมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดประมาณ 30 นาที่เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวให้พร้อม
- ในรายที่มีฟันปลอมถอดได้ ต้องถอดออก หรือมีฟันโยกต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ถ้ามีโรคประจำตัว หรือแพ้ยาต่างๆ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ หากต้องได้รับยาปฏิชีวนะก่อนการส่องกล้องต้องบอกแพทย์
- ควรนำญาติมาด้วย ถ้าผู้ป่วยกลัวและวิตกกังวล
- ถ้าต้องการใบรับรองแพทย์ หรือ ใบเบิกใดๆต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
-ไม่ใส่เครื่องประดับติดตัวมา
- แต่งกายให้หลวมสบายๆสะดวกในการผลัดเปลี่ยน





อะไรจะเกิดขึ้นบ้างกับตัวท่าน ขณะได้รับการตรวจ

เมื่อถึงห้องตรวจผู้ป่วยจะได้พบกับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่จะดูแลท่านตลอดเวลาที่ท่านได้รับการตรวจ ในห้องตรวจ ท่านจะได้รับการพ่นยาชาเฉพาะที่ลงในลำคอ เพื่อให้ยาชาบริเวณด้านหลังของคอ สำหรับยาชาที่พ่นนี้สามารถกลืนลงไปได้โดยไม่เป็นอันตราย บางรายอาจจะให้ยาคลายเครียดเพื่อลดความกังวลของผู้ป่วย ท่านจะต้องให้นอนตะแคงซ้าย หลังจากนั้นแพทย์จะใส่ท่อเพื่อกันการกัดในปาก ซึ่งจะมีรูเปิดไว้สำหรับให้กล้องผ่านลงไปได้
หลังจากนั้นแพทย์จะทำการส่องกล้อง โดยจะผ่านจากปากเข้าไปในลำคอ กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น โดยไม่เจ็บ ซึ่งปกติจะใช้เวลาในการตรวจ ประมาณ 10-20 นาที ในระหว่างทำการตรวจ แพทย์ผู้ตรวจจะใส่ลมเล็กน้อย เข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อให้กระเพาะขยาย และสามารถมองเห็นสิ่งผิดปกติภายในได้ ซึ่งจะไม่เจ็บเพียงแต่บางท่านอาจจะรู้สึกรำคาญบ้าง และบางท่านอาจมีน้ำลายมาก ควรปล่อยให้นำลายไหลออกมา ไม่ต้องกลัวเปื้อน เนื่องจากจะมีผ้ารองน้ำลายปูไว้ให้ กั้นเปื้อน กรุณาอย่ากลืนน้ำลายลงไป เพราะจะทำให้สำลักและอึดอัดได้ตลอดเวลาที่แพทย์ทำการส่องกล้องตรวจนี้ผู้ป่วยหายใจทาง จมูกไม่ควรหายใจทางปาก


หมายเหตุ

ในรายที่กลัวและวิตกกังวล แพทย์อาจจะให้ฉีดยาคลายกังวลให้ หลังจากตรวจไม่ควรขับรถด้วยตัวเอง การปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ จะช่วยให้การตรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว และปลอดภัย


การปฏิบัติตนหลังได้รับการตรวจ

ท่านจะรู้สึกเหมือนมีเสมหะติดยู่ในลำคอ หรือรู้สึกหนาๆ เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากฤทธิ์ของยาชา ความรู้สึกเช่นนี้จะยังอยู่ประมาณ 10-15 นาที หลังจากหมดฤทธิ์ยาชาแล้ว อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไป เป็นปกติเช่นเดิม ระหว่างที่คอยังชาอยู่ ให้บ้วนน้ำล้างปากได้ เพียงแต่อย่ารีบร้อนดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารเพื่อป้องกันอาการสำลัก
หลังจากคอหายชาแล้วให้เริ่มจิบน้ำก่อน เพื่อทดสอบระบบการกลืน ว่าเป็นปกติหรือยังจึงให้รับประทานอาหารได้ ควรจะเริ่มรับประทานอาหารก่อน จนสามารถกลืนได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ป่วยบางท่านที่ได้รับยาฉีดให้นอนหลับเพื่อคลายกังวล อาจจะยังมีอาการง่วงนอนอยู่จำเป็นต้องนอนพักให้ฟื้น และรู้สึกตัวดีก่อน จึงกลับบ้านได้ ผู้ป่วยบางท่านที่นอนพักใน ร.พ. อาจจะต้องงดน้ำ และอาหารต่อตามแผนการรักษาของแพทย์ สำหรับผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ เมื่อกลับบ้านแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานอาหารและยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ควรมารับการตรวจรักษาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง





โรคแทรกซ้อน

- เลือดออกโดยเฉพาะบริเวณที่ตัดชิ้นเนื้อ มักจะหายได้เอง
- แพ้ยานอนหลับ
- กระเพาะอาหารทะลุ
- หลังการตรวจหากมีไข้ เจ็บคอ กลืนอาหารลำบาก เจ็บหน้าอก หรือเจ็บท้องต้องรีบแจ้งแพทย์


10 วิธี ป้องกันท้องอืดจากโรคกรดไหลย้อนกลับ

1). กินแล้วอย่าเอน(นอน)ทันที เนื่องจากท่านอนเป็นท่าที่กรดไหลย้อนขึ้นได้ง่าย เปรียบคล้ายขวดน้ำที่ปริ่มๆ จะเต็มอยู่ พอเอียงก็จะทำให้น้ำไหลออกได้ทันที

(2). ควรกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนนอนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรลองเขยิบเวลาอาหารให้เร็วขึ้นคราวละ 1 ชั่วโมง เช่น เลื่อนจาก 18.00 น. เป็น 17.00 น. ฯลฯ

(3). ถ้าเป็นบ่อย... ควรปรึกษาหมอ พยาบาล เภสัชกร หรืออนามัยที่ดูแลท่าน เพื่อพิจารณาใช้ยาลดกรด

(4). งด-ลด-ละ-เลิกแอลกอฮอล์ได้แก่ เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ โดยเฉพาะเบียร์นี่ทำให้อาการแย่ลงได้มากที่สุด เนื่องจากกระตุ้นกรดได้มากเป็นพิเศษ และมีแก๊สทำให้ปริมาณกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น

(5). งด-ลด-ละ-เลิกบุหรี่

(6). ลดผลิตภัณฑ์ที่มีมิ้นท์ เช่น หมากฝรั่งที่มีเปปเปอร์มินท์ ฯลฯ

(7). ลดอาหารประเภทไขมัน เช่น ของทอด ครีม เนย เนื้อสำเร็จรูป (เช่น ไส้กรอก ฯลฯ) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีไขมันสูง ฯลฯ

(8). งด-ลด-ละ-เลิกน้ำอัดลม โซดา เนื่องจากมีแก๊สที่ทำให้ปริมาตรกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น

(9). ไม่กินมื้อใหญ่มากเกิน เนื่องจากอาหารมื้อใหญ่มักจะทำให้ปริมาตรกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นมาก และการหลั่งกรดเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย

(10). สังเกตว่า อาหารต่อไปนี้เป็นอาหารแสลงสำหรับท่านหรือไม่ เช่น ชอคโกแลต โกโก้ มะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศ พริกไทย มัสตาร์ท(ในแฮมเบอร์เกอร์) น้ำส้มสายชู ฯลฯ







 

Create Date : 19 ธันวาคม 2551
3 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 9:54:43 น.
Counter : 1887 Pageviews.

 

กำลังมีอาการแบบนี้ทุกอย่างเลย ครับ

 

โดย: OFFBASS 19 ธันวาคม 2551 10:42:53 น.  

 




ว้าวบล็อคหวานจังค่ะคุณกบ
วันศุกร์แร้ว สู้สู้ กะการทำงานน๊า จาได้หยุดพักแร้วคร่า คริคริ..

 

โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) 19 ธันวาคม 2551 13:15:17 น.  

 

Wadee ka, how are you ka? Have a good w/end na ka.

 

โดย: CrackyDong 20 ธันวาคม 2551 9:20:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.