มะเร็งกล่องเสียงและคอหอยส่วนล่าง
มะเร็งกล่องเสียงและคอหอยส่วนล่าง (Carcinoma of Larynx and hypopharynx)
เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย โดยพบ 1-2 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี อัตราส่วน ชาย : หญิง 10 : 1 ,พบประมาณร้อยละ 2.8 ของมะเร็งทั้งหมด และพบในช่วงอายุ 5060 ปี
สาเหตุของการเกิดมะเร็งกล่องเสียงและคอหอยส่วนล่าง
สาเหตุที่บ่งชี้ได้ชัดเจน คือ การสูบบุหรี่ และจะพบมากขึ้นในผู้ที่ดื่มสุราด้วย รวมถึง
การสูดเอาสารระคายเข้าไป หรือการใช้เสียงผิดปกติ ทำให้กล่องเสียงมีการอักเสบบ่อยๆ
อาการ
ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการเสียบแหบ เสียงเปลี่ยน โดยไม่ค่อยมีอาการเจ็บคอ ซึ่งหากรอยโรคอยู่ที่ตำแหน่งของสายเสียง (laryngeal cancer) จะแสดงอาการนี้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ทำให้วินิจฉัยโรคได้เร็ว มีโอกาศรักษาให้หายขาดได้ แต่หากเป็นที่ตำแหน่งคอหอยส่วนล่าง (hypopharyngeal cancer) ในระยะแรกเสียงจะไม่แหบ แต่จะรู้สึกเจ็บหรือร้อนในคอ อาการคล้ายก้างปลาติดคอ กลืนแล้วเจ็บ ผู้ป่วยมักคิดว่าคออักเสบ อาจซื้อยามากินเอง ต่อมามะเร็งลุกลามไปยังส่วนต่างๆ ของกล่องเสียง จึงทำให้เกิดเสียงแหบ
ระยะของโรค
โดยทั่วไปแพทย์แผนปัจจุบันจะรักษามะเร็งตามระยะของโรคที่เป็น มะเร็งแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ตามมาตรฐานสากล คือ
ระยะที่ 1: มะเร็งอยู่เฉพาะอวัยวะที่เป็นโรคเท่านั้น ไม่ลุกลามหรือแพร่กระจายออกไป
ระยะที่ 2: มะเร็งยังอยู่เฉพาะอวัยวะที่เป็นโรค แต่มีขนาดโตขึ้น และเริ่มรบกวนการทำหน้าที่ของอวัยวะนั้นๆ
ระยะที่ 3: มะเร็งลุกลามมากขึ้น อวัยวะที่เป็นโรคมักถูกทำลายจนผิดสภาพ และทำหน้าที่ผิดปกติไป และมีต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงโตขึ้นอย่างชัดเจน
ระยะที่ 4: มะเร็งมีการลุกลามออกไปยังอวัยวะใกล้เคียงและ/หรือแพร่กระจายไปทางกระแสเลือด ไปที่อวัยวะอื่นที่อยู่ห่างจากต้นกำเนิดของมะเร็ง เช่น ปอด ตับ กระดูก และสมอง เป็นต้น
การกระจายของโรค
มะเร็งกล่องเสียง (Laryngeal cancer) เจริญและกระจายช้ากว่ามะเร็งคอหอยส่วนล่าง(hypopharyngeal cancer) เนื่องจากสายเสียงมีเส้นเลือดและท่อน้ำเหลืองน้อย อาการที่แสดงว่ามีการกระจายของโรค คือ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณกลางลำคอด้านข้างโต และจะกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายต่อไป
การวินิจฉัยโรค
อาศัยการตรวจโดยใช้กระจกส่องในคอดูกล่องเสียง(Indirect laryngoscopy) วิธีนี้สามารถตรวจหาบริเวณที่เป็นมะเร็งได้ แต่การวินิจฉัยที่แน่นอนจะต้องทำการส่องกล้องเข้าไปดูโดยตรง (Direct laryngoscopy) แล้วตัดชิ้นเนื้อบริเวณที่เป็นส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
การรักษา
การรักษามะเร็งโดยทั่วไปมี 3 วิธีคือ
1. การผ่าตัด เป็นการผ่าเอาก้อนที่เป็นมะเร็งออกไป ซึ่งจะทำผ่าตัดมากหรือน้อยขึ้นกับระยะของโรค โดยระยะที่ 1, 2 มักจะผ่าตัดกล่องเสียงออกบางส่วนเท่านั้น หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะสามารถพูด และกินอาหารได้ตามปกติ โดยอาจเสียงแหบบ้าง แต่ระยะ 3 ,4 มักจะต้องผ่าตัดกล่องเสียงออกทั้งหมด ซึ่งหลังผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องฝึกการพูดแบบไม่มีกล่องเสียงต่อไป แต่ส่วนใหญ่จะกินอาหารได้ปกติ
2. รังสีรักษา เป็นการให้รังสีกำลังสูง เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง ใช้รักษามะเร็งกล่องเสียงระยะแรกให้หายขาด และใช้ร่วมกับการผ่าตัดในการรักษามะเร็งระยะหลัง
3. เคมีบำบัด เป็นการให้ยา (สารเคมี) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง อาจใช้เป็นวิธีเสริมในการักษามะเร็งกล่องเสียงและคอหอยส่วนล่าง
การรักษามะเร็งกล่องเสียงและคอหอยส่วนล่าง ระยะเริ่มแรกจะใช้การฉายรังสีหรือการผ่าตัดป็นหลัก ทั้งนี้เพราะให้ผลการรักษาได้เท่าเทียมกัน แต่ยังสามารถรักษากล่องเสียงไว้ได้ ทำให้ผู้ป่วยยังคงพูดได้เป็นปกติ แต่ในระยะลุกลาม จะใช้การรักษาร่วม ระหว่างการผ่าตัดและฉายรังสีหรืออาจร่วมกับเคมีบำบัดในบางราย ผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องมักจะเสียชีวิตภายใน 1 ปี ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตมักเกิดจากการลุกลามของมะเร็งจนอุดกล่องเสียงทำให้หายใจไม่สะดวก (airway obstruction) หรือลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง ได้แก่ หลอดเลือดแดงใหญ่ของลำคอทำให้เกิดเลือดออกมากผิดปกติ (massive bleeding) หรือกดหลอดอาหาร ทำให้ไม่สามารถกลืนอาหารได้ เป็นต้น
การรักษามะเร็งกล่องเสียงต้องเจาะคอ (เจาะรูหายใจที่คอ) หรือไม่
สำหรับมะเร็งระยะเริ่มแรกมักไม่ต้องเจาะคอ แต่ในรายที่ทำผ่าตัดมักจะต้องเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจชั่วคราว จนกว่าแผลหายจึงจะถอดท่อออกได้ มีบางรายเท่านั้ที่ต้องใส่ท่อตลอดไป
สำหรับผู้ที่เป็นมาก จนหายใจไม่สะดวกก็ต้องเจาะคอช่วยหายใจก่อน แล้วจึงทำการรักษา ซึ่งส่วนใหญ่มักต้องตัดกล่องสียงออกทั้งหมด และเปิดหลอดลมเป็นรูหายใจที่คอ
หลังผ่าตัดมะเร็งกล่องเสียง จะพูดได้หรือไม่
ถ้าตัดกล่องสียงออกทั้งหมด จะต้องฝึกพูดด้วยหลอดอาหาร (esophageal voice) หลังผ่าตัด ซึ่งจะมีแพทย์ นักฝึกพูด และผู้ป่วยที่ตัดกล่องเสียงและพูดได้ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงแห่งประเทศไทยคอยให้ความช่วยเหลือ บางรายอาจพูดโดยอาศัยรูที่เจาะระหว่างหลอดลมและหลอดอาหาร หรือ ใช้เครื่องช่วยพูด
ข้อควรระวัง
เมื่อมีอาการเสียงแหบนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่นอาการไอ และเจ็บคอ ควรพบแพทย์เฉพาะทาง หู คอ จมูก หรือแพทย์ผู้ชำนาญทางโรคมะเร็ง เพื่อส่องตรวจดู กล่องเสียง ไม่ใช่เพียงการตรวจคอตามปกติ
การปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
-ไม่สูบบุหรี่ -ไม่ดื่มสุรา
ขอบคุณข้อมูลจาก//www.si.mahidol.ac.th
Create Date : 30 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 30 ธันวาคม 2552 9:15:35 น. |
|
18 comments
|
Counter : 5356 Pageviews. |
|
|
|
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]