สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
นิ่วท่อไต

ท่อไต (ureter) หมายถึง ท่อขนาดเล็กที่เชื่อมจากไตลงมาที่กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมีอยู่ 2 ข้าง บางครั้งอาจมีก้อนนิ่วขนาดเล็กอุดคาอยู่ภาย
ในท่อไต ซึ่งมักเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว ทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง
ฉับพลันได้


นิ่วท่อไตส่วนใหญ่มักจะหลุดและถูกขับถ่ายออกทางปัสสาวะได้เอง
ส่วนน้อยอาจคาอยู่ในท่อไต หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดภาวะ
แทรกซ้อนได้


♦ ชื่อภาษาไทย นิ่วท่อไต นิ่วในท่อไต


♦ ชื่อภาษาอังกฤษ Ureteric stone, Ureteral stone


♦ สาเหตุ

นิ่วท่อไตเป็นนิ่วขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในไต แล้วตกผ่านลงมาในท่อไต
เป็นเหตุให้ท่อไตเกิดการบีบรัดตัว เพื่อขับก้อนนิ่วให้หลุดออกมา ทำให้
ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องรุนแรง

ส่วนสาเหตุของการเกิดนิ่วในไตนั้น เชื่อว่ามีปัจจัยร่วมกันหลายอย่างด้วย เช่น การกินอาหารที่มีสารแคลเซียม กรดยูริก (มีมากในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ยอดผัก พืชหน่ออ่อน) และสารออกซาเลต (มีมากในผักต่างๆ) อย่างเสียสมดุล การเสียเหงื่อและดื่มน้ำน้อย การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และความผิดปกติทางโครงสร้างของไต เป็นต้น


♦ อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง โดยมีลักษณะปวดบิดเป็นพักๆ (คล้ายอาการปวดท้องแบบท้องเดิน) ตรงบริเวณท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว มักจะปวดนานเป็นชั่วโมงๆ หรือเป็นวันๆ ลักษณะเฉพาะของโรคนี้คือ จะมีอาการปวดร้าวไปที่หลังและต้นขาด้านใน (ปวดไปที่อัณฑะหรือช่องคลอด) ข้างเดียวกับท้องน้อยที่ปวด


บางคนอาจปวดมากจนดิ้นไปมา หรืออาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ตัวเย็นร่วมด้วย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการขัดเบา หรือถ่ายปัสสาวะกะปริดกะปรอย ปัสสาวะมักจะออกได้มากและใส ไม่ขุ่น ไม่แดง เวลาใช้มือกดหรือใช้กำปั้นทุบเบาๆ ตรงบริเวณท้องน้อยที่ปวดจะไม่มีอาการเจ็บ และมักจะไม่มีอาการเป็นไข้

♦ การแยกโรค
อาการปวดตรงท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ที่สำคัญได้แก่
- ไส้ติ่งอักเสบ มักมีอาการปวดตรงท้องน้อยข้างขวานานเกิน 6 ชั่วโมง เวลาขยับตัวหรือมีการกระเทือนถูก (เช่น เดินแรงๆ) หรือใช้มือกดถูกบริเวณนั้น จะมีอาการเจ็บมาก มักมีอาการคลื่นไส้ และมีไข้ต่ำๆ ร่วมด้วย
- ปีกมดลูกอักเสบ มักมีอาการปวดตรงท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ใช้มือกดถูกเจ็บ และมีไข้สูงร่วมด้วย

♦ การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการแสดง คือปวดท้องน้อยแบบปวดบิดๆ เป็นพักๆ และปวดร้าวไปที่หลังและต้นขาด้านใน

ในการวินิจฉัยให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจปัสสาวะ (พบมีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะจำนวนมากกว่าปกติ) เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ หรือใช้กล้องส่องตรวจท่อไตพบก้อนนิ่วคาอยู่ในท่อไต

♦ การดูแลตนเอง
หากมีอาการปวดท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง ที่มีลักษณะปวดรุนแรง ปวดนานเกิน 6 ชั่วโมง มีไข้หรือใช้มือกดถูกเจ็บ ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปวดที่ท้องน้อยข้างขวาซึ่งน่าสงสัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ

ถ้าแพทย์ตรวจพบว่าเป็นนิ่วท่อไต ผู้ป่วยควรกินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และเฝ้าสังเกตว่ามีก้อนนิ่วหลุดออกมาทางปัสสาวะหรือไม่ โดยการถ่ายปัสสาวะลงในกระโถน เมื่อนิ่วหลุดออกมาและไม่มีอาการปวดท้องกำเริบอีก ก็แสดงว่าหายดีแล้ว แต่ถ้าก้อนนิ่วไม่หลุดและมีอาการปวดท้องกำเริบอีก ก็ควรกลับไปพบแพทย์

♦ การรักษา
แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการปวดท้อง ได้แก่ ยาต้านการเกร็งของท่อไต (แอนติสปาสโมดิก) เช่น ไฮออสซีน (hyoscine) ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ เช่น ไดโคลฟีแนก

ถ้าปวดรุนแรง เบื้องต้นแพทย์อาจใช้ยาชนิดฉีด แล้วจึงค่อยให้ยากลับไปกินต่อที่บ้านแพทย์จะนัดติดตามดูผลการรักษาภายใน 1-2 สัปดาห์ ถ้านิ่วหลุดออกมาทางปัสสาวะ ก็ถือว่าหายดีแล้วแต่ถ้านิ่วไม่หลุด และยังมีอาการปวดท้องกำเริบอีกก็แสดงว่าอาจเป็นนิ่วขนาดใหญ่คาอยู่ในท่อไต แพทย์อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือใช้เครื่องสลายนิ่วบดนิ่วให้เป็นผงไหลออกมากับน้ำปัสสาวะ


♦ ภาวะแทรกซ้อน

ถ้านิ่วก้อนใหญ่หลุดออกเองไม่ได้ ปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ และไตวายได้


♦ การดำเนินโรค

ถ้าเป็นนิ่วท่อไตขนาดเล็ก มักจะหลุดออกมาทางปัสสาวะได้เอง ภายใน 1-2 สัปดาห์ถ้าเป็นก้อนนิ่วขนาดใหญ่ ก็มักจะคาอยู่ในท่อไตจนกว่าจะได้รับการผ่าตัดหรือการสลายนิ่ว จึงจะหายขาดได้


♦ การป้องกัน

ผู้ที่เคยเป็นนิ่วท่อไตมาครั้งหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะรักษาจนหายดีแล้ว ในระยะต่อมา (เป็นแรมปีหรือหลายๆ ปีต่อมา) ก็อาจมีก้อนนิ่วเกิดขึ้นได้ใหม่ ควรป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำโดยการดื่มน้ำให้มากๆ (วันละ 8-12แก้ว) เป็นประจำ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ (ปัสสาวะออกน้อยและเป็นสีน้ำชา) เพื่อป้องกันการตกตะกอนของสารต่างๆ จนเป็นก้อนนิ่ว

ควรปรับลดอาหารที่มีสารออกซาเลตสูงหรือกรดยูริกสูง ระหว่างการกินเนื้อสัตว์และพืชผักให้เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์


♦ ความชุก

โรคนี้พบบ่อยในวัยกลางคน และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง



ขอบคุณความรู้จากเว็ปไซด์หมอชาวบ้าน


Create Date : 06 สิงหาคม 2552
Last Update : 6 สิงหาคม 2552 10:29:33 น. 8 comments
Counter : 4964 Pageviews.

 



สวัสดีค่ะ คุณกบ

มาอ่านความรู้ค่ะ

มีความสุขมากมากนะคะ




โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:12:25:05 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



แวะมาทักทายกันวันพระฤหัสบดีจ้าคุณกบ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:13:19:38 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:14:39:55 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:7:29:29 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:8:05:23 น.  

 
ความรู้ล้วนๆ ดีจังเลยค่ะ


โดย: praewa cute วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:8:22:08 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าของเมืองไทยค่ะ อ้อยแวะมาทักทายคุณกบ ก่อนเข้านอนค่ะ อือ คุณกบ คุณกบเคยลงเรื่องราวของโรคไทรอยด์หรือเปล่า อ้อยสนใจอยากศึกษาค่ะ เมื่อปีที่ผ่านมาอ้อยได้ตรวจประจำปีค่ะ พบว่าตัวเองเป็นไทรอยด์ค่ะ ซึ่งก็แปลกว่า ตัวเองไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีโรคประจำตัวกับเขาด้วย เนื่องจากว่าเป็นคนออกกำลังกายเสมอ แต่ก็สังเกตุว่าตัวเองนั่งอยู่ดีดีๆก็เหงื่อออก ไม่มีแรง นี้เป็นสาเหตุที่ไปเช็คค่ะ ถึงรู้ว่าตัวเองเป็นไทรอยด์ ขอบคุณมากค่ะ อ้อยรบกวนส่งลิ้งค์ให้อ้อยนะค่ะคุณกบ อ้อยเข้ามาก็หาแต่หาไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าคุณกบได้อัพไปหรือยัง
ขอบพระคุณมากค่ะ


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:9:34:43 น.  

 
เมื่อวานซืน ป้ามดกินเมี่ยงคำอย่างเอร็ดอร่อย
ลืมไปเลยว่าใบชะพลูนี่มี oxalate สูงมาก
ก็ใบอื่นๆมันไม่หอมอร่อยเหมือนใบชะพลูนี่คะ


โดย: ป้ามด วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:11:50:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.