|
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย ผู้สูงอายุ นักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ผู้ป่วยเรื้อรัง หรือ ผู้ที่รับประทานมัสวิรัติเป็นประจำ ต่างก็มีความ ต้องการวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแคลเซียม พบว่าผู้หญิงทุกช่วงอายุ มีความต้องการแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 800 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อป้องกานการเกิด โรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมด ประจำเดือน มีโอกาสสูญเสียมวลกระดูกได้ มากกว่า ซึ่งสัมพันธ์กับการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน นอกจากนี้ ผู้หญิงมีโอกาสสูญเสียแร่ธาตุเหล็ก ในระหว่างการมีรอบเดือนซึ่งร่างกายต้องการ ธาตุเหล็กเพื่อใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง และนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่ว ร่างกายหรือวิตามินโฟลิค จำเป็นต่อการสร้าง เม็ดเลือดแดง ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจ บรรเทาภาวะซิมเศร้า และมีบทบาท สำคัญต่อพัฒนาการสำหรับผู้หญิง เพื่อช่วย ตอบสนองตรงความต้องการของร่างกาย อย่างถูกต้องและครบถ้วน
วิตามินและแร่ธาตุที่ผู้หญิงควรได้รับในชีวิตประจำวัน มีดังต่อไปนี้
- วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยบำรุงสายตาในการมองเห็นภาพกลางคืนกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมและรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย
- วิตามินซี (Vitamin C) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเสื่อม ของเซลล์และการเกิดเซลล์มะเร็ง จำเป็นต่อการ สร้างคอลลาเจนช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบ ภูมิคุ้มกันในการต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
- วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยให้ร่างกายเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและ ฟอสฟอรัสไปใช้เสริมสร้างกระดูกและฟัน
- วิตามินอี (Vitamin E) มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระป้องกันเซลล์เสื่อม และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและ หลอดเลือด และอาจช่วยบดความเสี่ยงต่อการ เกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้
- วิตามินบีรวม (B-Vitamin Complex) มีความสำคัญในกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร ให้เป็นพลังงานเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบ ประสาทและเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกายบำรุงสมอง คลายเครียดช่วยให้อวัยวะรับสัมผัสทำงานดีขึ้น วิตามินบีจะให้ผลดีเมื่อทำงานร่วมกันหลายๆ ชนิด ดังนั้น การทำงานวิตามินบีรวมจะมีประสิทธิภาพ ดีกว่าการใช้เดี่ยวๆ
- วิตามินบี 1 (Vitamin B1) ช่วยบำรุงระบบประสาทจำเป้นต่อากรทำงานของ เอมไซม์ในการเผาผลาญสารอาหารในการสร้าง พลังงาน
- วิตามินบี 2 (Vitamin B2) ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เพื่อสร้างพลังงานให้กับร่างกาย
- วิตามินบี 3 (Vitamin B3) ช่วยควยบคุมระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาล ในเลือดกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และทางเดินอาหาร
- วิตามินบี 5 (Vitamin B5) เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ฮอร์โมน ภูมิคุ้มกัน และสารสื่อประสาทในร่างกาย
- วิตามินบี 6 (Vitamin B6) บำรุระบบประสาท ช่วยเพิ่มการเผาผลาญโปรตีน และไขมันในการสร้างพลังงานให้กับร่างกาย
- กรดโฟลิค (Folic Acid) จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ลดอัตราเสี่ยงต่อ การเกิดโรคหัวใจ ป้องกันการพิการของทารก ในครรภ์ บรรเทาภาวะซึมเศร้า
- วิตามินบี 12 (Vitamin B12) กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง โดยทำงานร่วมกับ ธาตุเหล็ก กรดโฟลิค ทองแดง วิตามินบี 6 และ วิตามินซี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ประสาท
- แคลเซียม (Calcium) จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ป้องกันการเดิดภาวะกระดูกพรุน นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และการส่งกระแสประสาท
- เหล็ก (Iron) จำเป็นต่อการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง และช่วยขนส่งออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ทั่ว ร่างกาย
- สังกะสี (Zinc) จำเป็นต่อการสร้างเอนไซม์ Super Oxide Dismutase ซึ่งออกฤทธิ์เป็นสารต้านปฎิกิริยา ออกซิเดชัน กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วย สมานแผล และทำให้การรับรสและกลิ่น มีประสิทธิภาพ
| |