สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
โรคตาจากเบาหวาน

สาเหตุของตามัวและตาบอดในโรคเบาหวาน

อาการตามัวจากเบาหวานเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

1. ตามัวขณะที่มีน้ำตาลในเลือดสูง
ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีอาการตามัวในขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเลนส์ตาเกิดการบวมน้ำ เวลามองภาพไม่สามารถปรับโฟกัสภาพให้ชัดได้ อาการเหล่านี้เกิดเพียงชั่วคราว เมื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การเห็นจะกลับดีขึ้นได้

2. ตามัวจากการเกิดต้อกระจก
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานนาน ๆ เลนส์ตาที่เดิมใสจะขุ่นขึ้น เรียกว่าต้อกระจก เกิดเนื่องจากน้ำตาลในเลือดมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสารซอบิตอล และฟรุคโตส สารเหล่านี้สะสมที่เลนส์ตาทำให้เลนส์ตาขุ่นบังแสงมิให้เข้าสู่นัยน์ตา วิธีรักษา คือ เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก ทำการผ่าตัดเอาเลนส์ที่ขุ่นออก และใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทน

3. ตามัวเนื่องจากมีจอประสาทตาผิดปกติ
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน จอประสาทตาจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยระยะแรกหลอดเลือดฝอยที่จอประสาทตามีการโป่งพอง และอาจแตกเห็นเป็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ อาจพบไขมันออกมาจากผนังหลอดเลือดเหล่านี้เห็นเป็นก้อนสีเหลือง ไขมันที่รวมตัวใกล้จุดรับภาพที่จอประสาทตาร่วมกับจอประสาทตาบวม ทำให้ตามัวมองภาพไม่ชัด

ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานานเป็นสิบ ๆ ปี จอประสาทตาส่วนที่ขาดเลือดจะถูกกระตุ้นให้เกิดหลอดเลือดใหม่ที่ผิดปกติ หลอดเลือดเหล่านี้มีผนังเปราะแตกง่าย ทำให้มีเลือดออกภายในลูกตา ผู้ป่วยจะตามัวลงทันที นอกจากนี้อาจเกิดเนื้อเยื่อคล้ายพังพืดงอกตามหลอดเลือดและดึงรั้ง ทำให้จอประสาทตาลอกและตาบอดได้ ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน 15 ปี โอกาสที่จอประสาทตาผิดปกติมีร้อยละ 50-60

4. ตาบอดจากต้อหิน
ผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดจอประสาทตาผิดปกติ อาจพบมีหลอดเลือดผิดปกติเกิดขึ้นที่บริเวณม่านตา หลอดเลือดเหล่านี้จะอุดทางเดินของน้ำภายในลูกตา ทำให้ความดันตาสูง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตา ตามัวเมื่อเป็นนานเข้า ความดันตาที่สูงจะกดให้ประสาทตาฝ่อ และตาบอดได้

การป้องกันมิให้สายตาเสื่อมลง

ก. ตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ
ผู้ป่วยเบาหวานควรได้รับการตรวจสายตา และจอประสาทตา การเปลี่ยนแปลงของจอประสาทตาระยะแรก คือ พบการโป่งพองของหลอดเลือดฝอยที่จอประสาทตา สิ่งสำคัญที่บอกถึงการพยากรณ์โรคและอัตราเสี่ยงต่อการเกิดตาบอดในภายหลัง คือ การพบหลอดเลือดผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเห็นได้โดยใช้กล้องตรวจดูจอประสาทตา หรือโดยการถ่ายภาพจอประสาทตา

ข. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมัน และความดันโลหิต
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมัน และความดันโลหิตมิให้สูงเกินไป จะช่วยลดการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตา ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในระดับ 90-130 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ระดับโคเลสเตอรอลต่ำกว่า 200 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ระดับไตรกลีเซอไรด์ต่ำกว่า 150 มิลลิกรัม / เดซิลิตร และคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท

ค. ทำการรักษาจอประสาทตาโดยแสงเลเซอร์
แสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีความยาวของคลื่นแสงขนาดเดียวกัน สามารถปรับให้ลำแสงมีขนาดเล็กลงมาก แสงนี้สามารถผ่านตาดำ เลนส์ตา เข้าสู่จอประสาทตา เมื่อกระทบจอประสาทตา แสงจะเปลี่ยนจากพลังงานแสงเป็นพลังงานความร้อน ผู้ป่วยเบาหวานที่มีจอประสาทตาผิดปกติ มีหลอดเลือดโป่งพองจำนวนมาก และมีเลือดออกในจอประสาทตา การใช้แสงเลเซอร์จี้ที่ประสาทตา จะทำให้ส่วนของประสาทตาที่ขาดเลือด ต้องการออกซิเจนลดลง เป็นการป้องกันมิให้เกิดหลอดเลือดใหม่ที่ผิดปกติ นอกจากนี้การจี้เลเซอร์ ยังทำให้หลอดเลือดผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วฝ่อลงไปได้

สรุปผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน มีผลแทรกซ้อนที่สำคัญทางจักษุที่ทำให้ตามัวคือ ความผิดปกติในจอประสาทตา การเกิดต้อกระจกและต้อหิน การป้องกันมิให้สายตาเลวลงโดยตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตาเกิดมากขึ้น การรักษาโดยแสงเลเซอร์จะช่วยป้องกันมิให้สายตาเลวลง


จอประสาทตาเปลี่ยนแปลงจากโรคเบาหวานและการคัดกรองโรค

เบาหวานเป็นโรคที่มีความผิดปกติในการหลั่งฮอร์โมนอินสุลินที่สร้างโดยตับอ่อน หรือมีการสร้างอินสุลินเป็นปกติ แต่ร่างกายไม่สามารถนำอินสุลินไปใช้ได้ มีผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานพบได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทแรก เกิดเนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ตามปกติ เบาหวานกลุ่มนี้พบได้มากในเด็กและวัยรุ่น ประเภทที่สอง เกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำอินสุลินที่หลั่งโดยตับอ่อนไปใช้ได้ เบาหวานชนิดนี้มักพบในผู้ใหญ่ โดยพบได้ประมาณร้อยละ 90 ของเบาหวานทั้งหมด สาเหตุของโรคเบาหวานเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น มีความผิดปกติในยีน เป็นกรรมพันธุ์ หรือมีปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม

อาการของโรคเบาหวานที่พบได้ คือ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอาจไม่แสดงอาการเหล่านี้ และจะทราบต่อเมื่อเกิดโรคแทรกซ้อนแล้ว การวินิจฉัยโรค โดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

โรคแทรกซ้อนที่สำคัญในผู้ป่วยเบาหวาน คือ

1. จอประสาทตาเปลี่ยนแปลงจากโรคเบาหวาน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตาบอดและสายตาพิการ
2. ไตวาย เกิดเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่หลอดเลือดฝอยที่ไต ทำให้ไตไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ
3. โรคหัวใจ พบว่าเป็นสาเหตุของการตายในผู้ป่วยเบาหวานถึงร้อยละ 50
4. ประสาทเปลี่ยนแปลงจากเบาหวาน มีการชาตามปลายมือ ปลายเท้า
5. เท้าเป็นแผล เกิดจากความผิดปกติในหลอดเลือดและปลายประสาทที่เท้า ทำให้เท้าชา เกิดแผลเรื้อรัง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องตัดขา

ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานประมาณร้อยละ 50 ไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรค ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน 15 ปี มีร้อยละ 2 ที่เกิดตาบอด และร้อยละ 10 ที่มีสายตาเลือนลาง การที่มีประชากรอายุเพิ่มมากขึ้น และอายุยืนยาวขึ้นทำให้มีโอกาสพบผู้ป่วยที่มีสายตาพิการและตาบอด จากโรคเบาหวานมากขึ้น
เรื่อย ๆ

การเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตาจากโรคเบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดตาบอดหากไม่ได้รับการรักษา การเปลี่ยนแปลงในระยะแรก จะพบการโป่งพองของหลอดเลือดฝอย เห็นเป็นจุดสีแดงเล็ก ๆ ที่จอประสาทตา พบไขมันที่รั่วมาจากหลอดเลือดเห็นเป็นก้อนสีเหลือง พบเลือดออกในจอประสาทตา และพบเส้นใยประสาทตาบวม เห็นเป็นก้อนสีขาวเหมือนปุยนุ่น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถตรวจดูได้โดยใช้กล้องตรวจจอประสาทตา ผู้ป่วยเบาหวานหากเป็นนานขึ้นจะพบเส้นเลือดผิดปกติ และเกิดเยื่อพังผืดขึ้นที่จอประสาทตา เยื่อพังผืดเหล่านี้จะดึงทำให้จอประสาทตาลอก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอด

การป้องกันมิให้โรคลุกลามมากขึ้น คือ เมื่อพบว่ามีเส้นเลือดผิดปกติแพทย์จะใช้แสงเลเซอร์รักษาจี้ไปยังประสาทตา เพื่อทำให้เส้นเลือดฝ่อ เป็นการหยุดการเปลี่ยนแปลงของโรค

ดังนั้นการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตา ในระยะแรกเริ่มจึงมีความสำคัญ การตรวจคัดกรองดูจอประสาทตา ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการตรวจนัยน์ตาโดยการหยอดยาขยายม่านตา และใช้กล้องตรวจจอประสาทตา การตรวจพบเส้นเลือดฝอยโป่งพอง จุดเลือดออก หรือก้อนไขมันคั่ง ทำให้ทราบว่าจอประสาทตาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากเบาหวาน แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจเป็นระยะ ๆ และสามารถให้การรักษาโดยแสงเลเซอร์ ก่อนที่จะเกิดพังผืดดึงรั้งให้จอประสาทตาลอก

ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ เจริญมากขึ้นมีการประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพจอประสาทตาในระบบดิจิตอล สามารถถ่ายภาพจอประสาทตาและแสดงภาพได้ทันที ทำให้มีความแม่นยำในการวินิจฉัย ทางภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ ดร.จันจิรา สินทนะโยธิน และคณะ จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ( NECTEC ) ได้ศึกษาวิจัยถึงการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้คัดกรองจอประสาทตาเปลี่ยนแปลงจากโรคเบาหวานโดยอัตโนมัติ โดยได้รวบรวมข้อมูลผู้ป่วยเบาหวาน และสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เชื่อมโยงกับกล้องถ่ายภาพจอประสาทตา จากการนำผู้ป่วยมาถ่ายภาพจอประสาทตาและให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์วินิจฉัยภาพโดยอัตโนมัติ ดูว่าผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตาจากเบาหวานหรือไม่ การวิจัยพบว่าโปรแกรมที่สร้างขึ้นสามารถตรวจสอบความผิดปกติและมีประโยชน์ทางด้านคลินิก คณะผู้วิจัยกำลังพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้มีความแม่นยำในการวินิจฉัยมากขึ้น และสามารถใช้กับกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาชนิดต่าง ๆได้ ซึ่งคาดว่าจะมีการนำโปรแกรมมาใช้แพร่หลายในอนาคต

ตาบอดจากโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากมีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนอินสุลิน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยผู้ป่วยจะมีระดับฮอร์โมนอินสุลินต่ำ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มีน้ำตาลออกมากับปัสสาวะ อาการเริ่มแรกที่ปรากฏคือปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ อ่อนเพลีย เมื่อเป็นโรคนานขึ้น จะมีการชาตามปลายมือ ปลายเท้า มีการเปลี่ยนแปลงในหลอดเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ ผนังหลอดเลือดจะหนาตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หัวใจ ไต และตา
การตรวจที่ทำให้ทราบว่าเป็นเบาหวานคือ ตรวจพบมีน้ำตาในปัสสาวะ และการตรวจเลือดพบมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

สาเหตุของตามัว และตาบอดในโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานทำให้มีการเปลี่ยนปลงทางตา เกิดอาการตามัว จนกระทั่งถึงตาบอดได้ ถ้าเป็นโรคนานหลายปี อาการตามัวจากเบาหวานเกิดได้ดังนี้

ก.ตามัวขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีอาการตามัว ในขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเลนส์ตาเกิดการบวมน้ำ เวลามองภาพไม่สามารถปรับโฟกัสภาพให้เห็นชัดได้ ลักษณะที่เกิดเหมือนกับคนที่มีสายตาสั้น อาการเหล่านี้เกิดเพียงชั่วคราว เมื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับสายตาจะกลับดีขึ้นได้

ข.ตามัวเนื่องจากเป็นต้อกระจก
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานนาน ๆ เลนส์ตาที่ใสจะขุ่น ที่เราเรียกว่าต้อกระจก เกิดเนื่องจากน้ำตาลในเลือดมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสารซอบิตอล และฟรุคโตส ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมที่เลนส์ตาทำให้เลนส์ตาขุ่นบังแสงมิให้เข้าสู่นัยน์ตา วิธีรักษาคือ เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก ทำการผ่าตัดเอาเลนส์ที่ขุ่นออก และให้ผู้ป่วยใส่แว่น

ค. ตามัวเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตา
สาเหตุเกิดจาก :จุดรับภาพที่จอประสาทตาบวม มีเลือดออกภายในลูกตาดำ เกิดเยื่อผังผืดดึงรั้งให้จอประสาทตาลอกจอประสาทตาของคนปกติ ประกอบด้วยเส้นเลือดจำนวนมากแผ่เป็นร่างแหเลี้ยงเซลล์ประสาทตา การรับรู้ภาพเกิดโดยแสงจากวัตถุ ผ่านตาดำและเลนส์ตา หักเหรวมแสงให้ภาพตกที่จอประสาทตา การรับรู้ภาพเกิดโดยแสงวัตถุ ผ่านตาดำและเลนส์ตา หักเหรวมแสงให้ภาพตกที่จอประสาทตา และการรับรู้ถ่ายทอดจากจอประสาทตา ผ่านตามเส้นประสาทจากนัยน์ตาไปยังสมอง

ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน จอประสาทตามีการเปลี่ยนแปลงโดยในระยะแรก หลอดเลือดฝอยที่ประสาทตา มีการโป่งพอง และอาจแตกเห็นเป็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ อาจพบไขมันออกจากผนังหลอดเลือดไขมันเหล่านี้ ถ้ารวมอยู่บริเวณจุดรับภาพ จะทำให้ตามัวมองภาพไม่ชัด

ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานานเป็นสิบ ๆ ปี จอประสาทตาส่วนที่ขาดเลือดจะถูกกระตุ้น ให้เกิดเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีผนังเปราะและแตกออกง่าย ในระยะที่มีเส้นเลือดผิดปกติเกิดขึ้นนี้อันตรายมาก เพราะเส้นเลือดแตกง่าย ทำให้เลือดออกภายในลูกตา และตามัวลงทันที นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีเนื้อเยื่อคล้ายพังผืดงอกตามเส้นเลือด และดึงรั้งให้ชั้นของประสาทตาลอก ทำให้ตาบอดได้

การเปลี่ยนแปลงที่ชั้นประสาทตาเหล่านี้ พบว่าสัมพันธ์กับระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ถ้าเป็นเบาหวานมานาน 15 ปี โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตามี 50-60 เปอร์เซ็นต์ และเกิดตาบอดได้ 1-2 เปอร์เซ็นต์ ง.ตามัวจากต้อหิน

ผู้ป่วยเบาหวานพบเป็นต้อหินได้ เนื่องจากเกิดเส้นเลือดที่ผิดปกติที่บริเวณม่านตา (เป็นส่วนตาดำที่มองเห็น) เส้นเลือดเหล่านี้จะอุดทางเดินของน้ำภายในลูกตา ทำให้ความดันตาสูง ผู้ป่วยมีอาการปวดตา ตามัว และเมื่อเป็นนานเข้า ความดันจะกดให้ประสาทตาฝ่อ และตาบอดได้

การป้องกันมิให้สายตาเสื่อมลง

ก.ตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ

ผู้ป่วยเบาหวาน ควรได้รับการตรวจสายตา และจอประสาทตาโดยแพทย์ การเปลี่ยนแปลงที่ตรวจพบได้ในระยะแรก คือการโป่งพองของเส้นเลือดฝอยที่จอประสาทตา สิ่งสำคัญที่บอกถึงการพยากรณ์โรค และอัตราเสี่ยงต่อการเกิดตาบอดในภายหลังก็คือ การพบเส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเห็นได้โดยการใช้กล้องตรวจดูประสาทตา หรือฉีดสีเข้าเส้นเลือด และถ่ายภาพดูเส้นเลือดที่ประสาทตา

ข. ควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติ

ถึงแม้ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการควบคุมระดับน้ำตาลจะช่วยยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของประสาทตามิให้เลวลง ได้ผลจริงหรือไม่ แต่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก็สามารถลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรค จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง

ค. การจี้ด้วยแสงเลเซอร์

แสงเลเซอร์ เป็นสิ่งที่มีความยาวของคลื่นแสงขนาดเดียวกัน สามารถปรับให้ลำแสงมีขนาดเล็กมาก แสงนี้สามารถผ่านตาดำ เลนส์ตา และเมื่อกระทบกับประสาทตา จะถูกเปลี่ยนพลังงานจากพลังงานแสงเป็นพลังงานความร้อน
การใช้แสงเลเซอร์จี้ที่ประสาทตา ทำให้ส่วนของจอประสาทตาที่ขาดเลือด ต้องการออกซิเจนลดลง เป็นการป้องกันมิให้เกิดเส้นเลือดใหม่ที่ผิดปกติ นอกจากนี้แสงเลเซอร์ยังใช้จี้เส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว ให้ฝ่อไปได้

สรุปผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมีผลแทรกซ้อนอันสำคัญทางจักษุที่ทำให้ตาบอดคือ เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นของประสาทตา เกิดต้อกระจก และต้อหิน การป้องกันมิให้สายตาเลวลง คือตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงที่ประสาทตามากขึ้น การรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์ จะช่วยป้องกันมิให้สายตาเลวลง



ขอบคุณข้อมูลจาก
//www.si.mahidol.ac.th


Create Date : 28 ตุลาคม 2552
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 9:56:33 น. 11 comments
Counter : 2219 Pageviews.

 


อยากจะชวนไปร่วมรำลึกถึง

ระหัดวิดน้ำ...

ภูมิปัญญาของบรรพชนที่กำลังสูญหาย

ใน...

"ระหัดวัดใจ"

"...ระหัดวน หมุนช่วย ด้วยแรงน้ำ

เช้าจรดค่ำ ไม่หยุดหย่อน ผ่อนหลับใหล

ไม่พึ่งพา พลังแรง จากแหล่งใด

เพียงอาศัย ร่วมแรง ดัดแปลงทำ..."



โดย: ลุงแว่น วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:7:25:37 น.  

 

มาชวนไปเที่ยว งานวัดกันค่ะ เกศสุริยง
สร้างกริตเตอร์

ใกล้วันลอยกระทงแล้วกำลังมีโปรแกรมไปเที่ยวอยู่ใช่ไหมค่ะ?แวะมาทักทายค่ะและมาชวนไปเที่ยวงานวัดค่ะ คุณกบสบายดีนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:8:58:10 น.  

 
ทักทายค่ะ


โดย: I love TV วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:16:04:47 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 ตุลาคม 2552 เวลา:7:26:23 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:23:56 น.  

 


อะไรเอ่ย ควรจับยัดใส่ลังแล้วเอาไปฝังเสียให้เร็วที่สุด....?

ตอบ....

ก็เจ้า... "ลังเล" นั่นไง...



"เอาลังเล ใส่ลงลัง แล้วฝังเสีย

กลบแล้วเกลี่ย ก้าวให้ข้าม ความคาดหวัง

ใช้หัวใจ ที่ใฝ่ธรรม เป็นกำบัง

คิดให้จริง ทำให้จัง เลิกลังเล..."






โดย: ลุงแว่น วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:50:37 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:46:51 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณกบ
สบายดีนะค่ะ คุณกบงานเยอะอย่างไร
แต่เห็นคุณกบปรับปรุงบล็อกได้สวยตลอดเลย เซ็ตนี้ น่ารักมากๆเลยค่ะ
คืนนี้ ลอยกระทงที่ไหน ก็ขอให้มีความสุขนะค่ะ


โดย: pk12th วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:22:21 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:37:34 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:38:56 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับคุณกบ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:06:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.