|
อาการ
ต่อมน้ำเหลืองโตที่มีลักษณะเนื้อแน่น คล้ายยางลบ และเคลื่อนได้เมื่อเอามือคลึง โดยไม่ยึดติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง อาจพบต่อมน้ำเหลืองติดต่อกันเป็นลำที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ มักไม่เจ็บ หรือไม่แดงร้อน ถ้ามีอาการกดเจ็บ แดงร้อน มักนึกถึงโรคติดเชื้อมากกว่ามะเร็ง เข่น ติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอกจากจะเริ่มต้นเป็นที่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว ยังอาจเริ่มเป็นที่อวัยวะอื่นๆ ที่ไม่ใช่ต่อมน้ำเหลือง ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการที่แตกต่างกันก็ได้ ตัวอย่างเช่น
อาการทางผิวหนัง เช่น เป็นผื่นหรือตุ่ม ก้อนนูน แผลเรื้อรัง อาการหน้า คอ และแขนบวม ร่วมกับไอ และหายใจไม่สะดวกจากการมีก้อนในช่องอกที่กดเบียดเส้นเลือดดำ หรืออาจมีก้อนในปอดและทรวงอกที่ไม่มีอาการ แต่ตรวจพบโดยบังเอิญ อาการทางสมองหรือไขสันหลัง เช่น ปวดศีรษะ คอแข็ง ชัก ปวดหลัง ขาอ่อนแรง ชา เดินไม่ได้ ซึมสับสน บางรายเป็นก้อนในตาและเบ้าตา ทำให้มองไม่เห็น เห็นภาพซ้อนหรือมีตาโปนข้างเดียว อาการเลือดกำเดาไหล จมูกอุดตัน เป็นตุ่มหรือแผลเรื้อรังบนจมูก ซึ่งลามเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อและกระดูก มีก้อนในท้อง ปวดท้อง ตับม้ามโต ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือซีดลง มีไข้เรื้อรัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุ
อาจเป็นผลจากการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงกันอย่างแพร่หลายในการเกษตรหรืออุตสาหกรรม รวมทั้งมลภาวะที่เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน
สำหรับปัจจัยอื่นที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่ พันธุกรรม, ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด หรือภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการได้ยากดภูมิหลังปลูกถ่ายอวัยวะ, โรคออโตอิมมูน เช่น SLE , การติดเชื้อไวรัส, การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น การตรวจวินิจฉัย 1. ตรวจร่างกาย 2. เอ็กซเรย์ 3. การตรวจทางพยาธิวิทยา
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮ๊อดกิ้น (Hodgkin's Lymphoma) ส่วนมากพบ ในเด็กและวัยหนุ่มสาว
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮ๊อดกิ้น ( Hodgkin Lymphoma) จัดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่พบได้น้อยกว่า และมีลักษณะเฉพาะคือ พบ Reed-sternberg cell ซึ่งไม่พบในมะเร็งต่อน้ำเหลืองชนิดอื่น
ในแต่ละปีมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮ๊อดกิ้น 62,000 คนทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ชาย 60% และเป็นผู้หญิง 40 %
โดยเฉลี่ยในแต่ละปี ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด ฮ๊อดกิ้น 25,000 คน
2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนันฮ๊อดกิ้น (Non - Hodgkin's Lymphoma) มักพบในผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีการติดเชื้อโรคเอดส์ และพบในคนไทยมากกว่า ชนิดฮ๊อดกิ้น
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนันฮ๊อดกิน (Non-Hodgkin Lymphoma) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 30 ชนิดย่อย ถ้าอาศัยการเจริญของตัวมะเร็งแล้ว จะสามารถแบ่งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด นันฮ๊อดกิ้นออกได้ 2 ชนิด คือ
1. ชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolet) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้จะมีอัตราการแบ่งตัวของมะเร็งค่อนข้างช้า แต่มะเร็งชนิดนี้มักจะไม่หายขาดด้วยการรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
2. ชนิดรุนแรง (Aggressiv) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ จะมีอัตราการแบ่งตัวของมะเร็งเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายใน 6 เดือน ถึง 2 ปี ข้อแตกต่างจากมะเร็งชนิดค่อยเป็นค่อยไปคือ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดรุนแรงมีโอกาสหายหาดจากโรคได้ ถ้าได้รับการรักษา
ข้อควรรู้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองข้อมูลทั่วไป
- ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่เป็น - ผลกระทบของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองต่อการใช้ชีวิตประจำวัน - การตรวจค้นเพิ่มเติมที่ต้องทำ
แนวทางการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การรักษาที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ สามารถใช้ได้ทั้งเป็นการรักษาเดี่ยวหรือการรักษาแบบผสมผสาน
1. การเฝ้าติดตามโรค - การเฝ้าติดตามโรคมักใช้ในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolent) หรือในรายชื่อที่ผู้ป่วยมีอาการจากตัวโรคไม่มาก - ระหว่างการเฝ้าติดตามโรค จะมีการตรวจเลือดหรือตรวจทางรังสีเป็นระยะ
2. การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) - ยาเคมีบำบัดจะทำลายเซลล์มะเร็งโดยไปรบกวนการแบ่งตัวเซลล์มะเร็งการเลือกชนิดของยาเคมีบำบัดนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยทั่วไปการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักจะให้ยาเคมีบำบัดหลายขนานร่วมกัน หรืออาจให้ร่วมกับการรักษาด้วย แอนติบอดี (Monoclonal Antibodies)
3. การรักษาด้วยแอนติบอดี (Monoclonal Antibodies) - แอนติบอดี คือ สารสังเคราะห์ที่จะไปจับกับโปรตีนบนผิวของเซลล์มะเร็ง หลังจากนั้นจะมีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อมากำจัดเซลล์มะเร็งนั้น
4. การรักษาด้วยการฉายรังสี (Radiation Therapy) - คือการรักษาด้วยการใช้รังสีปริมาณสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
5. การรักษาด้วยปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Transplantation) - หลักการของรักษาด้วยปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดคือ การทำลายเซลล์มะเร็งให้หมดไป แล้วแทนที่ด้วยเซลล์ที่ปกติ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
5.1 การถูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด โดยอาศัยเซลล์ของผู้บริจาค ( Allogeneic Transplantation)
5.2 การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด โดยอาศัยเซลล์ของผู้ป่วยเอง (Autologous Transplantation)
การรักษา
- ทางเลือกและกลไกในการรักษา - ผลกระทบของการรักษาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน - ชื่อยาเคมีบำบัดที่ได้รับ - ระยะเวลาของการรักษา - ความถี่ของการใช้ยาเคมีบำบัด - จุดมุ่งหมายของการรักษา เพื่อรักษาให้หายขาด หรือเพื่อควบคุมโรค
ผลข้างเคียงของการรักษา
- อาการไม่พึงประสงค์และความเสี่ยงจากการรักษา
การปฏิบัติตัวระหว่างรักษา
- ควรงดบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ - รับประทานอาหารที่ปรุงสุก และสะอาด ไม่ควรรับประทานอาหารหมักดอง
| |
คอมเกเรมาหลายวัน เดียวกุ๊กไก่ค่อยส่งการบ้านนะค่ะ