สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
โรคริดสีดวงทวาร



ริดสีดวงทวาร

เกิดจากการโตขึ้นกลุ่มของ เส้นเลือด และ เนื้อเยื่อ บริเวณ
ส่วนปลายของลำไส้ตรง ที่เรียกว่า hemorrhoidal tissue


คนปกติมีริดสีดวงหรือไม่ เนื่อเยื่อนี้มีหน้าที่อะไร

ในคนปกติ จะมีริดสีดวง(hemorrhoidal tissue)ทุกคน โดย
จะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของ ทวารหนัก

เนื้อเยื่อ ริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ

ลองนึกภาพ ถ้าเรานอนหงายแล้วกางขาออก เหมือนท่าคน
จะคลอดลูก เปรียบเทียบกับ นาฬิกาด้านหน้า เป็น 6 นาฬิกา
ด้านหลังเป็น 12 นาฬิกา ด้านซ้ายเป็น 3 นาฬิกา ด้านขวา
เป็น 9 นาฬิกา เนื้อเยื่อริดสีดวงปกติจะมีอยู่ 3 ตำแหน่ง
คือ ที่ 3 , 7 , และ 11 นาฬิกา


เนื้อเยื่อริดสีดวงมีหน้าที่อะไร?

หน้าที่ปกติ จะมีหน้าที่ ป้องกัน กล้ามเนื้อของทวารหนัก
รวมทั้งหูรูด ระหว่าง ถ่ายอุจจาระ และช่วยให้ทวารหนักปิด
ได้สนิท ในขณะที่เราอยู่เฉย


โรคริดสีดวงทวารเกิดจากอะไร?

ริดสีดวง เกิดจากการโตขึ้น ของ เนื้อเยื่อ Hemorrhoid
ซึ่งสาเหตุแบ่งง่ายๆ เป็น 2 อย่างคือ

1.เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดบริเวณนั้น

2.เกิดจากการเพิ่ม ความดัน ต่อ กำบังลมด้านล่าง(Pelvic
Floor) นานๆ ซึ่งการเพิ่มความดัน ดังกล่าว เกิดได้จาก
การเบ่งอุจจาระบ่อยๆ จากท้องผูก การยกของหนัก การ
ยืนนานๆ รวมทั้งการตั้งครรภ์ จากการที่มีเด็กอยู่ ทำให้
เลือดไหลกลับไม่สะดวก

จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ กลุ่มเส้นเลือดดังกล่าว โตและ
ยืดออกซึ่งการที่มีเลือดออกนั้นเกิดจาก การที่มีการ
บาดเจ็บของเส้นเลือด บริเวณดังกล่าว(Local Injury)
ที่เจอบ่อยๆเกิดจาก อุจจาระที่แข็งมากๆ ร่วมกับ การเบ่ง
นานๆ ทำให้จะมีเลือดสดๆ ไหลออกจากทวารหนัก

โรคริดสีดวงมีกี่ชนิด?
เราแบ่งโรคนี้ออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.ริดสีดวงภายใน

คือริดสีดวง ที่อยู่เหนือ เส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate
line(บริเวณแถวๆ รอยที่หยัก)จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ
คือ

-จะคลุมด้วยเยื่อบุของทวารหนัก ไม่ใช่ผิวหนัง ด้านนอก
-จะไม่เจ็บ ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน
-ส่วนใหญ่มักเป็นอันนี้กัน

ริดสีดวงภายใน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ

1.ไม่มีก้อนยื่นออกมานอกทวารหนัก
2.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ และหดกลับเข้า
ไปได้เอง
3.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ แต่ไม่หดกลับเข้าไป
ต้องใช้มือ
ช่วยดันเข้าไป
4.มีก้อนยื่นออกมาและไม่สามารถใช้มือดันเข้าไปได้

2.ริดสีดวงภายนอก

คือริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line สังเกตง่ายๆคือ

-จะเป็นก้อนทีอยู่ข้างนอก
-ส่วนที่คลุมก้อน จะเป็นผิวหนัง มักมีอาการคัน และ
เจ็บมากกว่า

ริดสีดวงภายใน หลังจากอาการหายไป บางครั้ง ติ่ง
ผิวหนังนั้นอาจยังอยู่ กลายเป็นงติ่งเนื้อที่เรียกว่า
Skin Tag

อาการของโรคริดสีดวง มีอะไรบ้าง?
อาการของโรคนี้ที่มีพบแพทย์ มี 3 อาการ

1.ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด
ลักษณะจะเป็นดังนี้คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อน
(ระหว่างถ่ายอาจจะเจ็บหรือไม่ก็ได้) จากนั้นจะมีเลือดสดๆ
หยดออกมา ตามหลังจากอุจจาระ เลือดจะเป็นเลือดสดจริงๆ
มักไม่มีมูกเลือดปน

2.มีก้อนออกมาระหว่างถ่ายอุจจาระ
ขณะที่เบ่งอุจจาระ จะมีก้อนยื่นออกมา หรือ มีก้อนออกมา
ตลอดเวลา ขึ้นกับ ระยะที่เป็น

3.เจ็บบริเวณ ทวารหนัก
ปกติ ริดสีดวงจะไม่เจ็บ จะเจ็บในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน
เช่น เส้นเลือดอุดตัน(Thrombosis) หรือ มีเนื้อเยื่อตาย
(Necrosis)

การรักษาโรคริดสีดวงทวาร

ขึ้นกับระยะที่เป็น

ระยะ1

การรักษาใน ระยะนี้ ไม่ว่าจะเลือดออกหรือไม่ จะเน้นการ
ใช้ยาและการปฏิบัติตัว การใช้ยา จะเป็นพวก ยาที่ทำให้
อุจจาระนุ่ม(Stool Softener) อาจใช้ยาประเภท Steroid
เหน็บทวารเพื่อลดการอักเสบ

การปฏิบัติตัว คือ ทานอาหารมีกากมากๆ ทานน้ำมากๆ
หลีกเลี่ยงการเบ่ง หรือนั่งนานๆ มีบางแห่ง อาจใช้ Infrared
ช่วย แต่ไม่จำเป็น

ระยะ2-3 ต้นๆ

การรักษาด้วยยา รวมทั้ง การปฏิบัติตัวเหมือนเดิม
อาจใช้ยางชนิดพิเศษ รัดริดสีดวงทวาร ( Rubber Band
Ligation) ซึ่งได้ผลดีมาก ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ทำได้บ่อยๆ
ภาวะแทรกซ้อนต่ำ

ระยะ 3ที่ใหญ่ๆ -4

ต้องผ่าตัด

เมื่อไร ที่ต้องผ่าตัดริดสีดวง?

1.เป็นระยะ 3ที่ใหญ่ หรือ ระยะ 4
2.เป็นทั้ง ภายนอกและ ภายใน พร้อมกัน (Mixed Type)
ซึ่งไม่สามารถ ที่จะใช้ยางรัดได้ (เพราะจะเจ็บมาก)
3.มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน ปวดมาก หรือ
หัวริดสีดวงเน่า จากการขาดเลือด

การป้องกัน

ขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ทำให้ท้องผูก
กินอาหารที่มีกาก ผักผลไม้ เพื่อช่วยในการขับถ่าย
ดื่มน้ำมากๆ
ถ้ามีอาการผิดปรกติ รีบปรึกษาแพทย์


ทำไมเราต้องมาสนใจโรคริดสีดวงด้วย?

จริงๆ แล้วโรคริดสีดวง ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย อย่าง
มากก็เจ็บ เลือดออกส่วนใหญ่มักจะไม่มาก แต่ที่มากๆ
จน Shock ก็มีแต่ที่น่าจะระวังมากกว่านั้นคือ เราอาจ
ไม่ได้เป็นริดสีดวงก็ได้ อาการถ่ายเป็นเลือดสดนั้น อาจ
เกิดได้จากหลายอย่าง เช่น โรคแผลที่ทวารหนัก(Anal
fissure) ฯลฯ แต่ที่น่ากลัวกว่า คือ เนื้องอก หรือมะเร็ง
บริเวณ ลำไส้ตรง หรือ ทวารหนัก ซึ่งจะมีอาการ ถ่ายเป็น
เลือดเหมือนกัน ซึ่งสามารถให้การวินิจฉัยได้ด้วยการ
ตรวจร่างกายธรรมดาเท่านั้น การรักษานั้น คนละเรื่อง

ดังนั้น ถ้ามีอาการถ่ายเป็นเลือด ไม่ควรรักษาตัวเอง
ควรมาพบแพทย์






Create Date : 12 ตุลาคม 2551
Last Update : 13 ตุลาคม 2551 14:31:23 น. 5 comments
Counter : 1716 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ สดใสเชียวนะคะ

มีความรู้ด้วย


โดย: fleuri วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:22:06:59 น.  

 
สวัสดีค่ะ ความรุ้เยอะดีนะค่ะ ขอบคูณที่แวะไปเยี่ยมนะค่ะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ค่า


โดย: pk12th วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:9:45:51 น.  

 
ขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่แวะไปที่บล๊อกน๊า..มีความสุขมากๆค่ะ


โดย: Why England วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:15:07:27 น.  

 
อ่านแล้วกัวเนอะ...

อายหมอด้วยอ้ะ โรคเนี้ย..


โดย: pink_plumeria วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:18:59:10 น.  

 
แวะมาเอาความรู้ด้วยคนค่ะ ขอบคุณนะคะ ดีจังที่ยังไม่เป็นน่ะ ไม่งั้นคงไม่สบายตัวแย่เลยค่ะ


โดย: wiyada_susi วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:57:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.