สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
ก้าวใหม่การรักษากระจกตาเสื่อมด้วยสเต็มเซลล์

กระจกตาปกติของคนเราจะใสและมีผิวเรียบ ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน การที่กระจกตาสามารถคงความใสอยู่ได้นั้นขึ้นกับหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ ผิวกระจกตา จะต้องไม่มีแผล ไม่มีเส้นเลือดรุกเข้ามา ตัวการสำคัญที่ทำหน้าที่นี้คือ สเต็มเซลล์ของผิวกระจกตา

มารู้จักสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตา

สเต็มเซลล์ของผิวกระจกตา คือเซลล์ที่ทำหน้าที่เปรียบเสมือนโรงงานคอยสร้างเซลล์ ผิวกระจกตาขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่าที่ตายไปตลอดเวลา ทำให้ผิวกระจกตาคงความใสและไม่เป็นแผล ตลอดจนทำหน้าที่เสมือนเขื่อนป้องกันไม่ให้เส้นเลือดจากเยื่อตาโตรุกเข้ามาในกระจกตาได้

ผลเสียของสเต็มเซลล์เสื่อมหรือตายไป

หากสเต็มเซลล์เสื่อมหรือตายไป จะเกิดภาวะผิวกระจกตาเสื่อม ซึ่งทำให้มีเส้นเลือดงอกเข้ามาในกระจกตา กระจกตาจะขุ่น ตามัวลง และมีแผลถลอกเกิดขึ้นบ่อยที่กระจกตา ซึ่งแผลอาจหายยากหรือไม่หาย ทำให้กระจกตาติดเชื้อได้ง่าย

พบได้ในโรคใด

ภาวะนี้พบได้ในโรคต้อเนื้อ โรคแพ้อย่างรุนแรง เช่น โรค Steven-Johnson รวมทั้งตาที่ได้รับอันตรายจากสารเคมี เช่น กรด – ด่างเข้าตา การติดเชื้อที่กระจกตา หรือตาที่ได้รับการผ่าตัดหลาย ๆ ครั้ง เป็นต้น

การรักษาทำอย่างไรได้บ้าง

ภาวะผิวกระจกตาเสื่อมนี้ เป็นภาวะที่รักษายาก หากเป็นน้อย อาจระวังไม่ให้เซลล์ที่เหลืออยู่ตายมากขึ้น โดยระมัดระวังในการใช้ยาหยอดตาและหยอดน้ำตาเทียมหล่อลื่นแทน

หากเป็นรอบกระจกตา การรักษาจำเป็นต้องทำการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตา ไม่สามารถใช้การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาตามปกติได้ เนื่องจากกระจกตาที่นำมาเปลี่ยนจะกลับขุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีสเต็มเซลล์

การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตา เราใช้สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อส่วนที่เป็นรอยต่อของตาดำกับตาขาวมาปลูกถ่ายโดยตรง ซึ่งเนื้อเยื่อที่ใช้ หากผู้ป่วยเป็นโรคในตาข้างเดียว และตาอีกข้างปกติอยู่ จะใช้เซลล์จากตาดีของผู้ป่วยปลูกถ่าย แต่หากเป็นโรคในตาทั้ง 2 ข้าง จำเป็นต้องใช้สเต็มเซลล์จากผู้อื่น ซึ่งอาจใช้จากญาติสายตรง หรือจากตาของผู้เสียชีวิตแล้วที่บริจาคไว้กับศูนย์ดวงตา

ปัญหาที่พบบ่อย ในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์

จากการผ่าตัดปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ทั้ง 2 ชนิดนี้มากว่า 12 ปี ปัญหาการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากตาดีของผู้ป่วยเอง หรือจากญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ เราพบว่าปริมาณเซลล์ที่นำมาจากตาข้างดีนั้นจะมีปริมาณน้อย เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นกับตาดีนั้น ดังนั้นเซลล์ที่ปลูกถ่ายจึงไม่เพียงพอที่จะป้องกันพังผืดที่จะรุกเข้ากระจกตาได้ในระยะยาว และในกรณีผู้ป่วยที่เป็นโรคในตาทั้ง 2 ข้างที่ต้องนำเซลล์ผู้อื่นมาปลูกถ่าย โอกาสเกิดปฏิกิริยาต่อต้านต่อสเต็มเซลล์นั้นมีได้สูง เนื่องจากเซลล์ที่นำมาปลูกถ่ายมิใช่ของผู้ป่วยเอง จำเป็นต้องให้ยากดภูมิคุ้มกันรับประทานเป็นระยะเวลานานหรือตลอดชีวิต ทำให้ผลการรักษาไม่ดีนักและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยากดภูมิสูง อาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกทั้งยามีราคาสูงมาก

ทางเลือกใหม่ของการรักษา

จากปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันจึงมีการค้นคว้าหาวิธีใหม่ในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตา โดยนำสเต็มเซลล์ไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการก่อนนำไปปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ก่อนการปลูกถ่ายและลดโอกาสการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านเนื้อเยื่อ ซึ่งวิธีนี้มีรายงานทางการแพทย์ว่า ในปี 1997 ประเทศอิตาลี เป็นประเทศแรกที่ใช้รักษา โดย Dr.Pellegrini ต่อมาวิธีนี้ได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นประเทศอิตาลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และอินเดียว่า เป็นมาตรฐานหนึ่งในการรักษาภาวะการเสื่อมของผิวกระจกตา โดยใช้ระยะเวลาในการติดตามผล 1 - 4 ปี พบว่าวิธีนี้ประสบความสำเร็จสูงถึง 75%

การเลี้ยงสเต็มเซลล์ จะนำเนื้อเยื่อบริเวณรอยต่อของตาดำและตาขาว ซึ่งมีสเต็มเซลล์อยู่ไปเลี้ยงบนเยื่อรกในห้องปฏิบัติการที่ปลอดเชื้อประมาณ 2 - 4 สัปดาห์ จากเซลล์ขนาด 2 X 2 มม. ให้โตเพิ่มปริมาณขึ้นเป็น 20 X 20 มม. จากนั้นจึงนำเยื่อรกที่มีสเต็มเซลล์อยู่บนผิวมาปลูกถ่ายกลับลงบนผิวกระจกตา

ข้อดีของการเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนเซลล์ก่อนการปลูกถ่ายให้เพียงพอแก่ความต้องการและคลุมผิวกระจกตาได้ทั้งหมด อีกทั้งลดอันตรายต่อตาข้างที่ดีของผู้ป่วย หรือญาติที่จะต้องนำสเต็มเซลล์มาใช้ เท่ากับเพิ่มโอกาสในการปลูกถ่ายโดยใช้เซลล์ของตนเองได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงและลดงบประมาณในการใช้ยากดภูมิซึ่งมีราคาแพง นอกจากนี้ในกรณีใช้สเต็มเซลล์จากผู้อื่น ยังทำให้โอกาสการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านต่ำกว่า และปริมาณการรับประทานยากดภูมิต้านทานก็น้อยกว่าการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์แบบดั้งเดิม เนื่องจากเซลล์ที่นำมาปลูกถ่ายมีเพียงเซลล์ผิวชั้นเดียวเท่านั้น

ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลโดยความร่วมมือของภาควิชาจักษุวิทยา ภาควิชาวิทยาภูมิคุ้มกัน ภาควิชาพยาธิวิทยา และศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ได้ทำการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตาในห้องปฎิบัติการบนเยื่อรกโดยวิธีปลอดเชื้อในห้องปฎิบัติการที่ได้มาตรฐานสูง โดยเซลล์ที่เพาะเลี้ยงได้นั้นมีการตรวจสอบพิสูจน์ทางพยาธิวิทยาว่าเป็นสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตาจริงและได้ปลูกถ่ายกลับให้ผู้ป่วยแล้วเป็นผลสำเร็จทั้งสิ้น 5 ราย เป็นเซลล์จากผู้บริจาค 2 ราย เซลล์ของผู้ป่วยเอง 2 ราย และเซลล์จากญาติ 1 ราย ระยะเวลาติดตามผลเฉลี่ย 4 เดือน ( 1 - 6 เดือน) พบว่าหลังผ่าตัดเซลล์ผิวกระจกตาติดดีตั้งแต่วันแรกและยังคงสภาพอยู่ได้ไม่หลุดลอก เส้นเลือดที่กระจกตาลดลง การอักเสบในตาลดลง กระจกตาเริ่มใสขึ้นและการมองเห็นเริ่มดีขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่เนื้อกระจกตาขุ่นในชั้นลึก หลังจากทำผ่าตัดปลูกถ่ายสเต็มเซลล์แล้ว จะต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเพื่อการมองเห็นต่อไปในอนาคต เท่ากับเป็น การเตรียมความพร้อมและเพิ่มโอกาสให้การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาประสบความสำเร็จสูงขึ้น

อย่างไรก็ตามโอกาสการรักษาจะประสบความสำเร็จขึ้นกับสภาพดวงตาและโรคของผู้ป่วย ดังนั้นก่อนผ่าตัดจึงจำเป็นต้องคัดกรองผู้ป่วยที่มีสภาวะเหมาะสม อีกทั้งการรักษานี้ยังจำเป็นต้องมีการติดตามผลการรักษาในระยะยาวด้วย

1. ผู้ป่วยโรคสตีเวนส์ จอห์นสัน เป็นผู้ป่วยรายแรกในประเทศไทยที่ทำการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ของผิวกระจกตาจากโรงพยาบาลศิริราช

2. การเก็บเซลล์จากข้างดีมาใช้ในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ จะเกิดแผลเพียงเล็กน้อยและหายในเวลา 3 - 4 วัน เหลือเพียงแผลเป็นจางๆ และไม่มีผลต่อการมองเห็น





ขอบคุณข้อมูลจาก//www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=662


Create Date : 05 มิถุนายน 2553
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 7:52:04 น. 20 comments
Counter : 2229 Pageviews.

 
อ่า....เมือนจะเกี่ยวเรื่องตากะเขาเหมือนกันครับ...ใส่แว่น..ไม่ใส่มองไม่เห็นครับ...สวัสดีตอนเช้าครับ


โดย: panwat วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:8:55:01 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แวะมาอ่านค่ะได้ความรู้เพียบเลยค่ะคุณกบ


โดย: อุ้มสี วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:13:02:10 น.  

 

สวัสดีค่ะ..
วันนี้อ้อมแอ้มไปช่วยปลูกต้นไม้ค่ะ
คืนพื้นที่สีเขียวให้กทม.
สนุกดี..มือดำไปหมด


โดย: อ้อมแอ้มเองค่ะ (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:17:14:58 น.  

 
มาอ่านข้อมูลดีๆจ้า



โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:21:59:16 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักทายกันวันหยุดค่ะคุณกบ



โดย: หอมกร วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:23:32:14 น.  

 
ขอความสุข ความสำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา
จงเป็นของคุณกบ ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:1:24:14 น.  

 
ดีคร่า แวะมาดูข้อมูลเผื่อเราเข้าข่ายค่ะ เอิ๊กๆๆๆ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:1:39:01 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:7:29:24 น.  

 
ทักทายสวัสดียามเช้าครับ
วิวัฒนาการใหม่ๆ ช่วยให้วงการแพทย์มีอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอๆ นะครับ และก็เป็นผลดีกับผู้ป่วย


โดย: ถปรร วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:8:51:02 น.  

 

Sunday Glitter Graphics

สวัสดียามสายๆค่ะคุณกบ มีความสุขมากมายนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:9:11:27 น.  

 
สวัสดีสายๆวันหยุดครับคุณกบ วันนี้แถวบ้านมีเลือกตั้งสข.หรือเปล่าครับ อย่าลืมไปใช้สิทธิ์นะครับ



โดย: ลุงกล้วย วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:9:11:30 น.  

 
สวัสดีวันหยุด จร้า คุงกบ


โดย: แม่อ้วนคนสวย วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:9:58:21 น.  

 


สวัสดีคะ แวะมาทักทายในวันหยุด
มีความสุขมากๆ นะคะ..



โดย: หน่อยอิง วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:12:39:55 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีนะคะ


โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:18:41:10 น.  

 
การแพทย์ไทย เดี๋ยวนี้ก้าวไกล
จริงๆนะน้องกบ

ฝนตกไหมครับ ภูเก็ตตกทั้งวัน
เลย วันนี้เป็นอีกวันที่ไร้แสงแด
จะทำอะไรก็สบาย เพราะอากาศไม่
ร้อน สบายจัง


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:21:28:04 น.  

 
สวัสดีค่ะ..พี่กบ

มาอ่านข้อมูลดีๆ ค่ะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะ.ฝันดีค่ะ



โดย: nootikky วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:21:28:53 น.  

 

สวัสดีค่ะ..

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะค่ะ

ไปเที่ยวกับเพื่อนๆในบล็อคมาค่ะ

เลยเอาความสุขที่ได้รับในวันนี้มาฝากค่ะ

มีความสุขมากๆนะค่ะ..



โดย: อ้อมแอ้มเองค่ะ (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:1:14:33 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ทักทายพร้อมความสดชื่นของเช้าวันจันทร์
มีความสุขตลอดวันนะค่ะคุณกบ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:6:59:43 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:7:09:34 น.  

 


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 5 ตุลาคม 2557 เวลา:0:49:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.