สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
รู้ทัน...ศัลยกรรมเพื่อความงาม

ในยุคนี้การทำศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อความสวยงาม เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก โดยเฉพาะสาวๆ ตะวันตก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศในตะวันออกกลาง หรือชาวเอเชีย แต่ความนิยมไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำตามกันไป หากจะเลือกทำ ควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามหลักวิชาการ และมีเหตุและผลรองรับ ยกตัวอย่าง ชอบดาราเกาหลี อยากทำศัลยกรรมสไตล์เกาหลี แต่ความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าคุณทำตามแบบแล้วจะรับกับโครงสร้างของตัวเอง ดังนั้น ควรจะทำความเข้าใจว่าโครงสร้างของเรามีข้อดีอย่างไร ข้อจำกัดอย่างไร เลือกทำข้อดีของเราให้เด่นมากขึ้น และปรับข้อด้อยให้ดีขึ้น จะมีโอกาสได้ความคาดหวังที่ใกล้เคียงความจริงมากกว่า สิ่งที่ตามมาคือ ได้ทั้งผลที่ดีและได้ความสบายใจ


หาข้อมูลก่อนตัดสินใจเสริมความงาม

ก่อนที่จะคิดปรับแต่งส่วนใดของตัวเอง หรือจะตัดสินใจฉีดสารใดๆ เข้าร่างกาย ควรตระหนักถึงผลดี–ผลเสียที่จะได้รับอย่างรอบคอบ อย่าใช้เวลาที่เตรียมไว้เป็นสิ่งเร่งรัดให้ต้องตัดสินใจ ทำเมื่อมีความพร้อมในทุกด้าน รวมไปถึงการเตรียมความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย ทุกการผ่าตัดทางศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวย ไม่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เหมือนการผ่าตัดเพื่อรักษาโรค ที่ควรรีบรักษา แต่การทำศัลยกรรมตกแต่ง เสริมสวย ส่วนใหญ่เป็นเพียงการผ่าตัดเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ ให้ได้ผลสนองต่อความพึงพอใจของตนเอง เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าไม่ยึดเหตุและผลควบคู่กันไป อารมณ์ความรู้สึกซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมาได้ จะมีผลต่อสภาพจิตใจหลังทำทั้งแง่บวกและลบ

ปัจจุบันการสื่อสารถึงกันรวดเร็วทั่วโลก ผ่านถึงผู้รับข่าวสารซึ่งอาจจะมีพื้นฐานในการรับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ เกิดการตีความผิด หรือเชื่อตามโดยง่าย มีข้อมูลด้านศัลยกรรมและเสริมความงามไม่น้อยที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสถาบันทางการแพทย์ และอีกมากที่โฆษณาชวนเชื่อเกินจริง หลายคนจึงเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เกิดการเลียนแบบ ทดลองทำตามๆ กัน ทั้งที่การทำศัลยกรรมตกแต่งเป็นการกระทำต่อเนื้อเยื่อส่งผลต่อเนื่องกับร่างกายหรือชีวิตได้ อีกทั้งการผ่าตัดแต่ละชนิดเองยังมีเทคนิครายละเอียดต่างกันไป ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแพทย์แต่ละท่านต่างกัน หรือแม้แต่แพทย์ท่านเดียวกันก็ตามทำผ่าตัดให้กับคนไข้แต่ละราย ผลที่ได้ของแต่ละคนยังมีโอกาสไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ควรอ้างอิงหรือเชื่อมั่นผลของผู้อื่นจนเกินไป

การผ่าตัดเสริมสวย จะเกิดปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย เช่น ทำให้มีเยื่อพังผืดเกิดขึ้น มีบาดแผล ไม่ว่าจะเห็นได้จากภายนอกหรือเกิดอยู่ใต้ผิวหนังก็ตาม เมื่อเนื้อเยื่อเปลี่ยนสภาพ มีบาดแผล มีเยื่อพังผืดแล้ว จะไม่สามารถคืนกลับเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่เคยผ่านการผ่าตัด ดังนั้นคุณภาพเนื้อเยื่อที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้นจึงไม่สามารถที่จะคาดหวังให้ได้ผลดีเมื่อผ่าตัดอีกครั้งเหมือนการผ่าตัดเนื้อเยื่อใหม่ที่ไม่เคยผ่านการผ่าตัดใดๆ มาก่อน จึงควรให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนตั้งแต่การผ่าตัดหนแรก ทั้งหมดนี้เป็นที่มาว่าทำไมต้องมีข้อมูลให้มากเพียงพอก่อนตัดสินใจทำ คือ รู้ให้หมด หรือรู้ให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจทำ ไม่ใช่ทำแล้ว มาพูดทีหลังว่า “รู้แบบนี้ไม่ทำดีกว่า” อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามทุกชนิดมีการพัฒนาตลอดเวลาทำให้โอกาสได้ผลดีมีมากขึ้น ในมุมกลับกันอย่าลืมว่าทุกการผ่าตัดมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ แม้จะระมัดระวังป้องกันสาเหตุแล้วก็ตาม จึงต้องทราบต่อด้วยว่า เวลาเกิดปัญหาหรือผลข้างเคียงแล้ว แพทย์จะมีแนวทางการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง และตัวคุณเองยอมรับกับผลต่างๆ เหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าคิดว่าไม่สามารถยอมรับได้เลย ทางที่ดีที่สุดคือ “ไม่ต้องเสี่ยงทำ”


ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยยอดนิยม...

ความพยายามทำให้ใบหน้าตามธรรมชาติให้ดูดีขึ้นนั้น เครื่องสำอางสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาเรื่องโครงสร้างรูปทรง ร่องรอยพับของผิว ความหย่อนคล้อย ยังต้องอาศัยการผ่าตัดเพื่อจัดปรับแต่งแก้ไข ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาสารสังเคราะห์ต่างๆ สำหรับฉีด มาร่วมแก้ไขปัญหาที่หลงเหลือหลังการผ่าตัด หรือนำมาใช้ในรายที่ยังไม่ต้องการผ่าตัด การฉีดสารสังเคราะห์ เป็นที่นิยมมาขึ้น เพราะเป็นความเชื่อของคนกลุ่มใหญ่ที่คิดว่าเป็นทางออกที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่สารต่างๆ ที่ใช้จะมีผลเฉพาะต่างกันตามแต่ละวัตถุประสงค์ ไม่มีสารใดใช้แก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ดังนั้นหากฉีดสารสังเคราะห์ไม่ตรงกับข้อบ่งชี้ นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วอาจเกิดผลเสียได้


สาร Botulinum toxin

สาร Botulinum toxin หรือ “Botox” ที่คุ้นเคยกันดี ได้จากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum เป็นสารพิษที่มีผลต่อเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต (เป็นสารพิษจากแบคทีเรียที่พบในอาหารกระป๋อง เมื่อรับประทานแล้วกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต การแพทย์จึงนำประโยชน์นี้มาใช้ในคนไข้ที่มีกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกตลอดเวลา) โดยทั่วไปจะนำมาใช้ในทางโรคผิวหนัง โดยเฉพาะในการรักษารอยย่นบนใบหน้าส่วนบน ได้แก่ รอยขมวดคิ้ว รอยย่นที่หน้าผาก รอยตีนกา และลดอาการเหงื่อออกมากที่รักแร้ นอกจากนั้นก็มีการนำมารักษารอยย่นที่คอ รอยย่นรอบปาก และรอยย่นที่มุมปาก * การแก้ไขรอยย่นที่เกิดจากผิวหนังหย่อน กล้ามเนื้อโครงสร้างหย่อน หรือริ้วรอยของผิว ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย Botulinum toxin แต่ทำได้เพียงให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบขมวดคิ้วทำให้เห็นเป็นรอยพับระหว่างคิ้ว การฉีด Botulinum toxin จะทำให้ไม่สามารถขมวดคิ้วได้ จึงดูไม่เป็นรอยหว่างคิ้ว แต่ในรายที่เป็นมานานจนรอยพับติดบนผิวแล้วก็ยังเห็นรอยพับเหมือนเดิม

* การฉีด Botulinum toxin เพื่อลดโหนกแก้ม ทำให้หน้าเรียวในทางวิชาการนั้นไม่อาจจะเป็นไปได้
* การฉีดเพื่อให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะการทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ไม่ได้มีผลทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
* การใช้ Botulinum toxin ฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาบางส่วนเป็นอัมพาต ทำให้ยิ้มได้ไม่เต็มที่ รอยตีนกาเลยเห็นน้อยลง ไม่ใช่ลบออกหมด และก็มีผลชั่วคราวเท่านั้น (ประมาณ 3- 6 เดือน)
* หลังฉีด Botulinum toxin ภายใน 72 ชั่วโมง ในคนที่มีรอยย่นเกิดจากกล้ามเนื้อหดตัว เช่น รอยขมวดคิ้ว หรือมีรอยตีนกาขณะยิ้ม กล้ามเนื้อที่เป็นตัวทำให้เกิดริ้วรอยนั้นจะค่อยๆ เริ่มคลายตัวอย่างช้าๆ สังเกตได้ว่าริ้วรอยเหล่านั้นค่อยเลือนลงอย่างชัดเจนจนทำให้ขมวดคิ้วไม่ได้ หรือยิ้มแต่หางตาไม่ขยับ จากที่กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ส่วนรอยย่นที่ฝังเป็นรอยที่ผิวแล้วจะไม่หายไป
* สารนี้จะค่อยๆ หมดฤทธิ์ลงอย่างช้าๆ ภายในระยะเวลาประมาณ 3- 6 เดือน


การปฏิบัติตัวหลังฉีด Botulinum toxin

หลังฉีด Botulinum toxin สามารถกลับไปทำงานหรือกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรอยู่ในท่าศีรษะตั้งตรง หรือท่านั่งประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าหรือใช้เครื่องสำอางได้ ควรยกเว้นการนวดหน้าในช่วงสัปดาห์แรก

ปัจจุบันคำแนะนำในการใช้ สาร Botulinum toxin สำหรับเสริมความสวยงามนั้นทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) แนะนำให้ใช้สำหรับรอยย่นหว่างคิ้วที่เกิดจากการขมวดคิ้ว และรอยย่นที่หางตาจากการยิ้มเท่านั้น การฉีดในกล้ามเนื้ออื่นยังไม่ได้รับการรับรอง เพราะส่วนใหญ่กล้ามเนื้ออื่นๆ จะเป็นกล้ามเนื้อสำคัญที่เป็นการใช้งานอาจได้รับผลกระทบ กล้ามเนื้อข้างเคียงที่ไม่ต้องการเป็นอัมพาต เช่น ลืมตาไม่ขึ้น ปากเบี้ยว ใบหน้าไม่สามารถแสดงสีหน้าได้เหมือนใส่หน้ากาก กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดเมื่อเป็นอัมพาตจะลีบฝ่อเพราะไม่ได้ใช้งาน


สารคอลลาเจน (Collagen)

เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อของร่างกาย รวมทั้งในผิวหนัง สารคอลลาเจนที่นำมาใช้ฉีดสกัดมาจากวัว ถูกผลิตมาเพื่อใช้ฉีดเสริมทดแทนส่วนที่ “ยุบ” หรือเพิ่มส่วนที่ต้องการให้ “นูน” ขึ้น


การฉีดสารคอลลาเจน มีข้อจำกัด ดังนี้

* มีข้อจำกัดในการกำหนดรูปทรง เพราะการฉีดสารที่เป็นของเหลวเข้าใต้ผิวเพื่อให้เป็นรูปร่าง สารที่ฉีดจะกระจายไม่สม่ำเสมอ ควบคุมได้ไม่ละเอียด จึงไม่อาจสร้างเป็นรูปทรงตามต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์ (เปรียบเทียบได้กับการที่เอาหมูเนื้อแดง มาฉีดน้ำเข้าไปให้สูงต่ำเป็นรูปจมูกหรือคาง ซึ่งเป็นไปไม่ได้)
* สารที่ฉีดจะปนแทรกกับเนื้อปกติของร่างกาย การผ่าตัดเอาออกทำได้ยากมาก เอาออกได้ไม่หมด หรือไม่สามารถเอาออกได้ เพราะการฉีดมีทั้งระดับลึกและตื้น การฉีดลึกจะแทรกในเนื้อเยื่อซึ่งพอจะเอาออกได้ โดยตัดทั้งเนื้อปกติที่มีสารแทรกอยู่ออกไปด้วย แต่การฉีดตื้นสารจะแทรกใกล้ผิวหนัง ถ้าตัดออกมากผิวหนังส่วนนั้นมีโอกาสตายสูง
* ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาของสารจะมีปัญหาต่อการแก้ไข โดยเฉพาะสารที่ไม่สามารถสลายตัว แม้แต่สารที่สลายตัวได้ ก็ต้องมีปัญหาตกค้างนานจนกว่าสารนั้นจะสลายตัวไปเอง
* ส่วนใหญ่การฉีดคอลลาเจนจะมีความปลอดภัยพอสมควร หากใช้กับรอยยุบหรือร่องรอยเล็กๆ หรือนำมาเติมให้นูนอิ่มขึ้นในส่วนที่ไม่ต้องการให้ใหญ่ขึ้นมากและรูปทรงไม่ซับซ้อน เช่น เพิ่มความอิ่มของริมฝีปาก ฉีดเพียง 1 cc. เท่านั้น ไม่ควรใช้ฉีดให้ใบหน้าอิ่ม และไม่แนะนำให้ใช้เสริมอวัยวะส่วนอื่นๆ เพราะต้องใช้ปริมาณมาก
* การฉีดสารคอลลาเจนทำให้มีรูปทรงความนูนเพิ่มขึ้น แต่ให้ผลไม่ถาวร แต่จะค่อยๆ สลายตัวไปภายใน 3 – 6 เดือน ทำให้ต้องฉีดซ้ำตลอดทุก 3-6 เดือน


ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ

* การฉีดสารคอลลาเจนอาจทำให้เกิดการชอกช้ำจากการฉีดได้ เป็นรอยแดง ฟกช้ำ ซึ่งอาจหายได้เอง ภายใน 1-7 วัน
* การแพ้ เนื่องจากสารคอลลาเจน เป็นสารแปลกปลอม แม้จะได้ทำการสังเคราะห์ลดปฏิกิริยาการแพ้แล้ว ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนทำการฉีด แพทย์จะทำการทดสอบการแพ้โดยลองฉีดสารคอลลาเจนเข้าที่บริเวณท้องแขน แล้วรอแปลผลประมาณ 4 สัปดาห์ ว่ามีอาการแพ้ บวมแดง บวมนูนหรือไม่ นอกจากนี้อาการแพ้อาจเกิดขึ้นที่ส่วนอื่นของร่างกายได้ เช่น ไขข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นต้น
* การฉีดตื้นหรือฉีดปริมาณมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนเรื้อรัง หรืออาการติดเชื้อบวมแดง


การเสริมจมูก

คนเอเชียส่วนใหญ่มีรูปกะโหลกศีรษะและโครงสร้างใบหน้าที่ดูกว้าง สันจมูกไม่สูง จึงนิยมผ่าตัดปรับแต่งรูปทรงจมูกให้ดูโด่งมากขึ้น ในอดีตนิยมฉีดซิลิโคนเหลวเพื่อเสริมจมูก แต่ระยะยาวพบว่ามีปัญหากับเนื้อเยื่อค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการไหล อักเสบ ติดเชื้อ ที่สำคัญคือการแก้ไขได้ยากซับซ้อนมาก จึงไม่แนะนำให้ฉีดซิลิโคนเหลวเพื่อเสริมจมูก หรือเสริมส่วนอื่นใดอีก

ปัจจุบันการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแท่ง เป็นเทคนิคมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ เพราะไม่ต้องใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง ไม่ทำให้บาดเจ็บหลายตำแหน่ง ตัววัสดุคือ ซิลิโคนแท่ง สามารถอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน เพราะมีพังผืดมาหุ้มโดยรอบกั้นแยกระหว่างเนื้อเยื่อจมูกกับตัวซิลิโคน หากไม่มีปัญหาใดๆ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน สามารถคงรูปได้ตามที่วางแผน ถ้าไม่พอใจถอดเอาออกได้ทั้งหมด และสิ่งสำคัญคือ แพทย์คุ้นเคยมาเป็นเวลานาน ทำให้เข้าใจปัญหา ให้การป้องกันและแก้ไขได้เมื่อเกิดผลไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียง

อย่างไรก็ตามการเหลาซิลิโคนแท่ง ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญ เช่นเดียวกับขั้นตอนการผ่าตัดเสริมจมูกทุกขั้นตอน แพทย์ผู้ทำต้องใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจสภาพเนื้อเยื่อของแต่ละคนที่จะทำด้วย มีการติดตามผลหลังทำ จึงจะมีโอกาสได้ผลที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากปัจจัยข้างต้นไม่สมบูรณ์ หรือคนไข้ไม่ไปพบแพทย์ตรวจหลังทำเลย ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นความเอียง ทะลุหรือเกิดการติดเชื้อ เป็นต้น

ทั้งนี้ยังมีผู้พยายามคิดวิธีเสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อตัวเองมาใช้ในคนบางกลุ่ม เช่น คนที่มีผิวหนังบาง หรือมีฐานกระดูกจมูกที่โด่งอยู่แล้ว ซึ่งการใช้เนื้อเยื่อของตัวเองมีข้อดี คือเมื่อหายแล้วจะสมานเข้ากับเนื้อเยื่อข้างเคียง ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดปัญหาการทะลุ ติดเชื้อจะมีน้อยกว่า อย่างไรก็ตามการนำเนื้อเยื่อตัวเองมาใช้ก็มีข้อจำกัด ที่นอกเหนือจากทำให้มีบาดแผลจากการย้ายเนื้อเยื่อจากที่อื่นไม่ว่าจะเป็นไขมันหรือกระดูก ก็มีโอกาสที่หลังการปลูกเนื้อเยื่อในที่ใหม่แล้วไม่ติดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงไม่สามารถควบคุมผลหรือรูปทรงให้ได้ตามต้องการ และถ้าต้องการแก้ไข ก็ต้องพยายามที่จะแยกเนื้อเยื่อที่ปลูกเข้าไปออกจากเนื้อเยื่อเดิม ทำให้การผ่าตัดแก้ไขมีความซับซ้อนกว่าการใช้ซิลิโคนแท่ง

ส่วนการฉีดสารสังเคราะห์อื่นๆ ที่มีในท้องตลาด ในปัจจุบันยังไม่แนะนำ เพราะยังไม่มีสารสังเคราะห์ที่เหมาะสม ที่สลายตัวเองได้ บ้างก็ยังมีปฏิกิริยาต่อเยื่อพังผืดเกาะยึดระหว่างสารกับผิวหนัง ทำให้มีปัญหาตามมามาก


การเสริมแก้มด้วยไขมันตนเอง

เซลล์ไขมัน(fat cells) เป็นเนื้อเยื่อของร่างกายตัวเอง มีประโยชน์มากมายทางการแพทย์ และสามารถนำมาใช้เพื่อเติมเต็มส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี เพราะมีปริมาณที่มากพอ และเมื่อปลูกเซลล์ไขมันติดแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ใกล้เคียงกับเซลล์ธรรมชาติ คือ พัฒนาตามความสมบูรณ์ของร่างกาย ดังนั้นการเสริมแก้มด้วยเซลล์ไขมันของตัวเอง ยังคงเป็นเทคนิคมาตรฐานอยู่ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องเปอร์เซ็นต์เซลล์ไขมันที่ปลูกสำเร็จประมาณ 30-80%

ปัจจัยที่มีผลต่อการปลูกติดของเซลล์ไขมันขึ้นกับเทคนิคการนำเซลล์ไขมันมาใช้ หากทำด้วยความนิ่มนวล และมีการเก็บเซลล์ที่ดีก็จะสามารถนำเซลล์ไขมันที่ดีไปปลูก ขึ้นกับรายละเอียดการผ่าตัดทำช่องให้เซลล์ไขมันอยู่สบายๆ ไม่ใช่ใส่เข้าไปมากๆ เผื่อไว้มากๆ แล้วจะได้ผลดี เหมือนปลูกเมล็ดพันธุ์พืช ต้องวางให้กระจายกันพอควร เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์ได้เพียงพอ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังแปรตามสภาพการหายหรือปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายแต่ละคน จึงต้องเข้าใจว่าหลังการปลูกเซลล์ไขมันเพื่อเสริมแก้มแล้ว มีโอกาสที่จะยังไม่ได้ผลมากพอตามที่ต้องการ และต้องการการปลูกเซลล์เพิ่มขึ้นได้อีก แต่เซลล์ที่ปลูกสำเร็จแล้ว จะคงอยู่ตลอดไป
ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น มีเลือดออกในโพรงที่ใส่เซลล์ไขมันเข้าไป มีโอกาสทำให้เกิดเยื่อพังผืดแทนที่เลือด คลำเป็นก้อนแข็งๆ ส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ส่วนปัญหาที่รุนแรงอื่นพบได้ไม่บ่อย เช่น กระทบกระเทือนเส้นประสาทบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดปัญหาปากเบี้ยวได้ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วการแก้ไขยุ่งยากมาก

การผ่าตัดเสริมแก้มด้วยไขมัน ถือเป็นการผ่าตัดที่มีความปลอดภัยสูง มีความเสี่ยงต่ำ ถ้าแพทย์ให้การใส่ใจในทุกขั้นตอน ยังไม่สามารถทดแทนด้วยทางเลือกอื่น ยังไม่แนะนำให้เสริมด้วยสารสังเคราะห์ใดๆ


การปรับแต่งสภาพหนังตาล่าง-ทำตาสองชั้น

เวลามีถุงใต้ตา คนมักเข้าใจผิดว่าเกิดจากไขมันเสมอ แต่หลายรายเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น
* กล้ามเนื้อใต้ตาเป็นรอยนูนๆ ใต้ขนตา เห็นได้บ้างเป็นเรื่องปกติในคนอายุน้อย ไม่ต้องทำการปรับแต่ง แต่ถ้าเห็นขอบหนานูนมากเกิน อาจจะพบได้ในคนที่มีปัญหาเรื่องสายตา ควรแก้ไขที่สาเหตุก่อน หากมีข้อบ่งชี้อื่นร่วมกันจึงจะเข้าไปตัดแต่งให้กล้ามเนื้อตำแหน่งนี้บางลงได้เช่นกัน
* ส่วนถุงใต้ตา คือ ส่วนนูนที่อยู่ใต้รอยนูนของกล้ามเนื้อ จะเป็นตำแหน่งของไขมัน ถ้ามีมากเกินสามารถนำไขมันออกได้ตามเหมาะสม อาจจะทำผ่านแผลด้านนอก หรือผ่านแผลด้านในเปลือกตาด้านล่าง
* หรือบางรายก็เกิดลักษณะเหมือนถุงไขมันใต้ตา แต่ไขมันจริงไม่มาก แต่ผนังด้านหน้าไขมัน ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อรอบตามีความหย่อนไม่ตึงเหมือนตอนอายุน้อย ทำให้ไขมันที่อยู่ด้านหลังดูห้อยหรือโป่งดันออกมา แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดปรับความตึงของกล้ามเนื้อ ไม่ใช่เอาไขมันออกอย่างเดียว หรือนำไขมันออกมากเกินจนทำให้ตาโหล จะทำให้ดูโทรม
หากมีหลายปัจจัยร่วมกัน สามารถปรับแต่งไปพร้อมๆ กันได้ รวมไปถึงการตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินตามเหมาะสม การตัดผิวหนังส่วนเกินมากไป มีโอกาสเกิดปัญหาเปลือกตาล่างปลิ้นได้


การทำตาสองชั้น

เป็นการทำศัลยกรรมตกแต่ง เสริมสวย ที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ของชาวเอเชีย เพราะมีขนาดชั้นตาที่น้อย หรือไม่มีรอยพับชั้นตาตั้งแต่กำเนิด ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า ทำตาให้ดูตาโตขึ้น แต่ความจริงขนาดลูกตายังคงมีเท่าเดิม เพียงแต่ว่าการมีขนาดชั้นตาที่มากขึ้นทำให้ดูเหมือนมีเนื้อที่รูปตาบนหน้ามากขึ้น มีการผ่าตัดได้สองวิธีหลักๆที่ได้รับการยอมรับ คือ การทำตาสองชั้นผ่านรอยแผลกรีด หรือทำด้วยวิธีการเจาะผิวหนัง ใส่ไหมเข้าไปยึดให้เกิดชั้นตา เพื่อลดปัญหาแผลเป็น ไม่เห็นเป็นรอยกรีด วิธีหลังนี้เหมาะจะทำในรายที่มีอายุน้อย ผิวหนังและไขมันมีไม่มากเกิน ถ้ามีผิวหนังที่มากหรือไขมันเกินจะเลือกใช้การผ่าตัดด้วยวิธีที่มีรอยแผลกรีดเพื่อช่วยแก้ไขสาเหตุ อย่างไรก็ตามปริมาณผิวหนังและไขมันที่ตัดออก ควรให้เหมาะสม หากตัดออกมาเกินจำเป็น จะเกิดปัญหาหลับตาไม่สนิท หรือทำให้เกิดร่องกระดูกเหนือชั้นตา ดูโทรมได้ และแก้ไขให้เหมือนเดิมทำได้ลำบากมาก

ในรายที่มีอายุมากขึ้นจะมีปัญหาการตกหย่อนของเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผาก ส่งผลให้ระดับคิ้วเลื่อนต่ำกว่าตอนอายุน้อย เมื่อคิ้วเลื่อนต่ำลง ผิวหนังคิ้วก็ลงมากองบังชั้นตาที่มีอยู่ เหมือนว่าชั้นตาเล็กลงหรือหลบในจนมองไม่เห็นชั้นตา ร่างกายจะช่วยตัวเองด้วยการพยายามยกคิ้วให้สูงขึ้น ผลที่ตามมาคือ เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผากเพิ่ม การแก้ไขที่สาเหตุ คือ การผ่าตัดดึงหน้าส่วนหน้าผาก จะช่วยยกระดับคิ้วให้กลับไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมได้ เมื่อระดับคิ้วกลับไปอยู่ที่ใกล้เคียงเดิม ผิวหนังที่มาบังชั้นตาก็ถูกยกสูงขึ้น ทำให้ชั้นตาเห็นมากขึ้นดูดีขึ้นได้ หากไปตัดผิวหนังตาออกมากเกินไปก่อนหน้าแล้ว เวลาดึงหน้าจะทำให้เหมือนกับว่ามีชั้นตาแค่ครึ่งเดียว ไม่สุด เพราะผิวหนังที่จะมาปิดส่วนปลายของชั้นตาถูกยกดึงขึ้น


การดูดไขมันหน้าท้อง

การดูดไขมันเป็นอีกหนึ่งความนิยมที่คิดว่าเป็นทางลัดของการลดความอ้วน ซึ่งคุณอาจเข้าใจผิด เพราะก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนที่จะทำการผ่าตัดเพื่อดูดไขมันได้ โดยหลักการที่ถูกต้องแล้วต้องมีการควบคุมน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์หรือใกล้เคียงกับความตั้งใจหรือแผนที่วางไว้ก่อน แล้วจึงจะพิจารณาว่ามีไขมันส่วนใดบ้างที่เกิน จนต้องดูดออก โดยพิจารณาเทียบเคียงกับสัดส่วนที่อยู่โดยรอบ เช่น สะโพก เอว มีสัดส่วนที่สมดุลแล้ว แต่มีไขมันพอกเฉพาะบริเวณหน้าท้องหรือพุง ก็เหมาะสมที่จะใช้การดูดไขมันบริเวณดังกล่าวออกได้

การดูดไขมันออกจะมีเลือดออกร่วมด้วย แม้ว่าเทคนิคทางการแพทย์สามารถควบคุมปริมาณเลือดที่ออกให้น้อยลงได้ก็ตาม แต่ถ้าดูดไขมันในปริมาณมากจนเลือดออกมากจะเสี่ยงต่อการขาดเลือด ทำให้ช็อกอาจต้องให้เลือด จึงควรทำในรายที่เหมาะสมเท่านั้น ในกรณีของการดูดไขมันบริเวณกว้างหลายตำแหน่ง หรือวางแผนดูดไขมันในปริมาณมาก ต้องทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานที่สามารถควบคุมความเจ็บปวดได้อย่างดีและสามารถให้การช่วยชีวิตหากเกิดภาวะฉุกเฉินได้

บริเวณที่นิยมดูดไขมัน คือหน้าท้อง ต้องตระหนักว่าหลังการผ่าตัดดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง ควรใส่สเตย์รัดหน้าท้องเพื่อลดปริมาณเลือดที่จะออกในโพรงที่ดูดไขมันออกแล้ว รอยช้ำที่เกิดตามบริเวณผิวหนังที่ดูดไขมันเป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ และส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ภายใน 1-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ผลหลังจากดูดไขมันแล้วมีโอกาสเกิดปัญหาผิวหนังไม่เรียบได้ จากเทคนิคการผ่าตัด และเซลล์ไขมันไม่งอกขึ้นใหม่ แต่เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่ ยังสามารถขยายใหญ่ขึ้นได้อีกเหมือนเดิมหากไม่ควบคุมอาหาร

ทุกเทคนิคของการทำศัลยกรรมความงามมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่สามารถลงรายละเอียดได้หมด แต่สามารถรับฟังข้อมูลจากแพทย์ซึ่งคุณอาจหาข้อมูลจากแพทย์มากกว่า 1 ท่าน เพราะแพทย์แต่ละท่านจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันตามเหตุผล และตามประสบการณ์ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้เทคนิคใด สิ่งสำคัญคือจำเป็นต้องทราบข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งขั้นตอน ผลของการทำทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ เพื่อมีทางออกให้กับตัวเองเวลาที่เกิดผลไม่พึงประสงค์ ค่าใช้จ่ายไม่ได้เป็นปัจจัยที่บอกว่าจะได้ผลดีหรือไม่




ขอบคุณข้อมูลจากพญ.สกุณา สัจจอิสริยวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้าง
//www.healthtoday.net/Thailand/feature/feautre_96.html


Create Date : 12 สิงหาคม 2552
Last Update : 12 สิงหาคม 2552 7:56:49 น. 11 comments
Counter : 1915 Pageviews.

 
สุขสันต์วันแม่ครับคุณกบ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:8:01:20 น.  

 


บอกรักแม่ได้ทุกวัน...แม้ไม่ใช่วันแม่
วันนี้บอกรักแม่หรือยังค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:10:36:37 น.  

 
สุขสันต์วันแม่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:10:56:47 น.  

 
สุขสันต์วันแม่จ้ะ


โดย: Opey วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:11:23:53 น.  

 
สุขสันต์วันแม่นะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ เลยจ้า


โดย: บ้านหวานเย็น วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:14:28:39 น.  

 
ไม่มีแม่วันนั้น ไม่มีคนดื้อรั้นวันนี้

วาทะแม่ปุ้มปุ้ย

คมบาดใจเลยเอามาฝาก อิๆๆๆ


โดย: พลังชีวิต วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:16:37:11 น.  

 
โว้ว ๆ ทีมนี้สวยใสสบายตาดี อิอิ

ฝันดีราตรีสวัสดิ์จ้า


โดย: ขุนพลน้อยโค่วจง วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:0:56:34 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ












โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:8:08:58 น.  

 
คงไม่สายเกินไปนะคะ หากจะบอกว่า....

Photobucket


โดย: pinkyrose วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:11:36:41 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
สวัสดีค่ะคุณกบ ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่เงียบหายไปโดยไม่ได้บอกกล่าวให้เป็นเรื่องเป็นราว เหตุเพราะว่างานยุ่งมากๆประกอบกับเจ้าคอมคู่ใจโดนไวรัสเล่นงานจนเปิดหน้าจอไม่ได้เลยทำให้หงุดหงิด แอบไปใช้คอมที่โรงเรียนเน็ตก็ช้าๆๆๆๆๆไม่ทันใจเลยจำเป็นต้องตัดใจรอคอมที่นำไปซ่อมจนกระทั่งเมื่อวานช่างซ่อมคอมโทรมาบอกว่าเสร็จแล้วคุณกบเชื่อไหมคะว่าดิฉันดีใจอย่างกับถูกหวยรางวัลที่๑แน่ะอิอิ.....คุณกบสบายดีนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:22:54:15 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:8:03:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.