Bloggang.com : weblog for you and your gang
สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
รู้ทัน...ศัลยกรรมเพื่อความงาม
ในยุคนี้การทำศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อความสวยงาม เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก โดยเฉพาะสาวๆ ตะวันตก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศในตะวันออกกลาง หรือชาวเอเชีย แต่ความนิยมไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำตามกันไป หากจะเลือกทำ ควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามหลักวิชาการ และมีเหตุและผลรองรับ ยกตัวอย่าง ชอบดาราเกาหลี อยากทำศัลยกรรมสไตล์เกาหลี แต่ความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าคุณทำตามแบบแล้วจะรับกับโครงสร้างของตัวเอง ดังนั้น ควรจะทำความเข้าใจว่าโครงสร้างของเรามีข้อดีอย่างไร ข้อจำกัดอย่างไร เลือกทำข้อดีของเราให้เด่นมากขึ้น และปรับข้อด้อยให้ดีขึ้น จะมีโอกาสได้ความคาดหวังที่ใกล้เคียงความจริงมากกว่า สิ่งที่ตามมาคือ ได้ทั้งผลที่ดีและได้ความสบายใจ
หาข้อมูลก่อนตัดสินใจเสริมความงาม
ก่อนที่จะคิดปรับแต่งส่วนใดของตัวเอง หรือจะตัดสินใจฉีดสารใดๆ เข้าร่างกาย ควรตระหนักถึงผลดีผลเสียที่จะได้รับอย่างรอบคอบ อย่าใช้เวลาที่เตรียมไว้เป็นสิ่งเร่งรัดให้ต้องตัดสินใจ ทำเมื่อมีความพร้อมในทุกด้าน รวมไปถึงการเตรียมความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย ทุกการผ่าตัดทางศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวย ไม่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เหมือนการผ่าตัดเพื่อรักษาโรค ที่ควรรีบรักษา แต่การทำศัลยกรรมตกแต่ง เสริมสวย ส่วนใหญ่เป็นเพียงการผ่าตัดเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ ให้ได้ผลสนองต่อความพึงพอใจของตนเอง เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าไม่ยึดเหตุและผลควบคู่กันไป อารมณ์ความรู้สึกซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมาได้ จะมีผลต่อสภาพจิตใจหลังทำทั้งแง่บวกและลบ
ปัจจุบันการสื่อสารถึงกันรวดเร็วทั่วโลก ผ่านถึงผู้รับข่าวสารซึ่งอาจจะมีพื้นฐานในการรับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ เกิดการตีความผิด หรือเชื่อตามโดยง่าย มีข้อมูลด้านศัลยกรรมและเสริมความงามไม่น้อยที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสถาบันทางการแพทย์ และอีกมากที่โฆษณาชวนเชื่อเกินจริง หลายคนจึงเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เกิดการเลียนแบบ ทดลองทำตามๆ กัน ทั้งที่การทำศัลยกรรมตกแต่งเป็นการกระทำต่อเนื้อเยื่อส่งผลต่อเนื่องกับร่างกายหรือชีวิตได้ อีกทั้งการผ่าตัดแต่ละชนิดเองยังมีเทคนิครายละเอียดต่างกันไป ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแพทย์แต่ละท่านต่างกัน หรือแม้แต่แพทย์ท่านเดียวกันก็ตามทำผ่าตัดให้กับคนไข้แต่ละราย ผลที่ได้ของแต่ละคนยังมีโอกาสไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ควรอ้างอิงหรือเชื่อมั่นผลของผู้อื่นจนเกินไป
การผ่าตัดเสริมสวย จะเกิดปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย เช่น ทำให้มีเยื่อพังผืดเกิดขึ้น มีบาดแผล ไม่ว่าจะเห็นได้จากภายนอกหรือเกิดอยู่ใต้ผิวหนังก็ตาม เมื่อเนื้อเยื่อเปลี่ยนสภาพ มีบาดแผล มีเยื่อพังผืดแล้ว จะไม่สามารถคืนกลับเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่เคยผ่านการผ่าตัด ดังนั้นคุณภาพเนื้อเยื่อที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้นจึงไม่สามารถที่จะคาดหวังให้ได้ผลดีเมื่อผ่าตัดอีกครั้งเหมือนการผ่าตัดเนื้อเยื่อใหม่ที่ไม่เคยผ่านการผ่าตัดใดๆ มาก่อน จึงควรให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนตั้งแต่การผ่าตัดหนแรก ทั้งหมดนี้เป็นที่มาว่าทำไมต้องมีข้อมูลให้มากเพียงพอก่อนตัดสินใจทำ คือ รู้ให้หมด หรือรู้ให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจทำ ไม่ใช่ทำแล้ว มาพูดทีหลังว่า รู้แบบนี้ไม่ทำดีกว่า อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามทุกชนิดมีการพัฒนาตลอดเวลาทำให้โอกาสได้ผลดีมีมากขึ้น ในมุมกลับกันอย่าลืมว่าทุกการผ่าตัดมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ แม้จะระมัดระวังป้องกันสาเหตุแล้วก็ตาม จึงต้องทราบต่อด้วยว่า เวลาเกิดปัญหาหรือผลข้างเคียงแล้ว แพทย์จะมีแนวทางการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง และตัวคุณเองยอมรับกับผลต่างๆ เหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าคิดว่าไม่สามารถยอมรับได้เลย ทางที่ดีที่สุดคือ ไม่ต้องเสี่ยงทำ
ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยยอดนิยม...
ความพยายามทำให้ใบหน้าตามธรรมชาติให้ดูดีขึ้นนั้น เครื่องสำอางสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาเรื่องโครงสร้างรูปทรง ร่องรอยพับของผิว ความหย่อนคล้อย ยังต้องอาศัยการผ่าตัดเพื่อจัดปรับแต่งแก้ไข ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาสารสังเคราะห์ต่างๆ สำหรับฉีด มาร่วมแก้ไขปัญหาที่หลงเหลือหลังการผ่าตัด หรือนำมาใช้ในรายที่ยังไม่ต้องการผ่าตัด การฉีดสารสังเคราะห์ เป็นที่นิยมมาขึ้น เพราะเป็นความเชื่อของคนกลุ่มใหญ่ที่คิดว่าเป็นทางออกที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่สารต่างๆ ที่ใช้จะมีผลเฉพาะต่างกันตามแต่ละวัตถุประสงค์ ไม่มีสารใดใช้แก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ดังนั้นหากฉีดสารสังเคราะห์ไม่ตรงกับข้อบ่งชี้ นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วอาจเกิดผลเสียได้
สาร Botulinum toxin
สาร Botulinum toxin หรือ Botox ที่คุ้นเคยกันดี ได้จากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum เป็นสารพิษที่มีผลต่อเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต (เป็นสารพิษจากแบคทีเรียที่พบในอาหารกระป๋อง เมื่อรับประทานแล้วกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต การแพทย์จึงนำประโยชน์นี้มาใช้ในคนไข้ที่มีกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกตลอดเวลา) โดยทั่วไปจะนำมาใช้ในทางโรคผิวหนัง โดยเฉพาะในการรักษารอยย่นบนใบหน้าส่วนบน ได้แก่ รอยขมวดคิ้ว รอยย่นที่หน้าผาก รอยตีนกา และลดอาการเหงื่อออกมากที่รักแร้ นอกจากนั้นก็มีการนำมารักษารอยย่นที่คอ รอยย่นรอบปาก และรอยย่นที่มุมปาก * การแก้ไขรอยย่นที่เกิดจากผิวหนังหย่อน กล้ามเนื้อโครงสร้างหย่อน หรือริ้วรอยของผิว ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย Botulinum toxin แต่ทำได้เพียงให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบขมวดคิ้วทำให้เห็นเป็นรอยพับระหว่างคิ้ว การฉีด Botulinum toxin จะทำให้ไม่สามารถขมวดคิ้วได้ จึงดูไม่เป็นรอยหว่างคิ้ว แต่ในรายที่เป็นมานานจนรอยพับติดบนผิวแล้วก็ยังเห็นรอยพับเหมือนเดิม
* การฉีด Botulinum toxin เพื่อลดโหนกแก้ม ทำให้หน้าเรียวในทางวิชาการนั้นไม่อาจจะเป็นไปได้
* การฉีดเพื่อให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะการทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ไม่ได้มีผลทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
* การใช้ Botulinum toxin ฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาบางส่วนเป็นอัมพาต ทำให้ยิ้มได้ไม่เต็มที่ รอยตีนกาเลยเห็นน้อยลง ไม่ใช่ลบออกหมด และก็มีผลชั่วคราวเท่านั้น (ประมาณ 3- 6 เดือน)
* หลังฉีด Botulinum toxin ภายใน 72 ชั่วโมง ในคนที่มีรอยย่นเกิดจากกล้ามเนื้อหดตัว เช่น รอยขมวดคิ้ว หรือมีรอยตีนกาขณะยิ้ม กล้ามเนื้อที่เป็นตัวทำให้เกิดริ้วรอยนั้นจะค่อยๆ เริ่มคลายตัวอย่างช้าๆ สังเกตได้ว่าริ้วรอยเหล่านั้นค่อยเลือนลงอย่างชัดเจนจนทำให้ขมวดคิ้วไม่ได้ หรือยิ้มแต่หางตาไม่ขยับ จากที่กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ส่วนรอยย่นที่ฝังเป็นรอยที่ผิวแล้วจะไม่หายไป
* สารนี้จะค่อยๆ หมดฤทธิ์ลงอย่างช้าๆ ภายในระยะเวลาประมาณ 3- 6 เดือน
การปฏิบัติตัวหลังฉีด Botulinum toxin
หลังฉีด Botulinum toxin สามารถกลับไปทำงานหรือกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรอยู่ในท่าศีรษะตั้งตรง หรือท่านั่งประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าหรือใช้เครื่องสำอางได้ ควรยกเว้นการนวดหน้าในช่วงสัปดาห์แรก
ปัจจุบันคำแนะนำในการใช้ สาร Botulinum toxin สำหรับเสริมความสวยงามนั้นทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) แนะนำให้ใช้สำหรับรอยย่นหว่างคิ้วที่เกิดจากการขมวดคิ้ว และรอยย่นที่หางตาจากการยิ้มเท่านั้น การฉีดในกล้ามเนื้ออื่นยังไม่ได้รับการรับรอง เพราะส่วนใหญ่กล้ามเนื้ออื่นๆ จะเป็นกล้ามเนื้อสำคัญที่เป็นการใช้งานอาจได้รับผลกระทบ กล้ามเนื้อข้างเคียงที่ไม่ต้องการเป็นอัมพาต เช่น ลืมตาไม่ขึ้น ปากเบี้ยว ใบหน้าไม่สามารถแสดงสีหน้าได้เหมือนใส่หน้ากาก กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดเมื่อเป็นอัมพาตจะลีบฝ่อเพราะไม่ได้ใช้งาน
สารคอลลาเจน (Collagen)
เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อของร่างกาย รวมทั้งในผิวหนัง สารคอลลาเจนที่นำมาใช้ฉีดสกัดมาจากวัว ถูกผลิตมาเพื่อใช้ฉีดเสริมทดแทนส่วนที่ ยุบ หรือเพิ่มส่วนที่ต้องการให้ นูน ขึ้น
การฉีดสารคอลลาเจน มีข้อจำกัด ดังนี้
* มีข้อจำกัดในการกำหนดรูปทรง เพราะการฉีดสารที่เป็นของเหลวเข้าใต้ผิวเพื่อให้เป็นรูปร่าง สารที่ฉีดจะกระจายไม่สม่ำเสมอ ควบคุมได้ไม่ละเอียด จึงไม่อาจสร้างเป็นรูปทรงตามต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์ (เปรียบเทียบได้กับการที่เอาหมูเนื้อแดง มาฉีดน้ำเข้าไปให้สูงต่ำเป็นรูปจมูกหรือคาง ซึ่งเป็นไปไม่ได้)
* สารที่ฉีดจะปนแทรกกับเนื้อปกติของร่างกาย การผ่าตัดเอาออกทำได้ยากมาก เอาออกได้ไม่หมด หรือไม่สามารถเอาออกได้ เพราะการฉีดมีทั้งระดับลึกและตื้น การฉีดลึกจะแทรกในเนื้อเยื่อซึ่งพอจะเอาออกได้ โดยตัดทั้งเนื้อปกติที่มีสารแทรกอยู่ออกไปด้วย แต่การฉีดตื้นสารจะแทรกใกล้ผิวหนัง ถ้าตัดออกมากผิวหนังส่วนนั้นมีโอกาสตายสูง
* ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาของสารจะมีปัญหาต่อการแก้ไข โดยเฉพาะสารที่ไม่สามารถสลายตัว แม้แต่สารที่สลายตัวได้ ก็ต้องมีปัญหาตกค้างนานจนกว่าสารนั้นจะสลายตัวไปเอง
* ส่วนใหญ่การฉีดคอลลาเจนจะมีความปลอดภัยพอสมควร หากใช้กับรอยยุบหรือร่องรอยเล็กๆ หรือนำมาเติมให้นูนอิ่มขึ้นในส่วนที่ไม่ต้องการให้ใหญ่ขึ้นมากและรูปทรงไม่ซับซ้อน เช่น เพิ่มความอิ่มของริมฝีปาก ฉีดเพียง 1 cc. เท่านั้น ไม่ควรใช้ฉีดให้ใบหน้าอิ่ม และไม่แนะนำให้ใช้เสริมอวัยวะส่วนอื่นๆ เพราะต้องใช้ปริมาณมาก
* การฉีดสารคอลลาเจนทำให้มีรูปทรงความนูนเพิ่มขึ้น แต่ให้ผลไม่ถาวร แต่จะค่อยๆ สลายตัวไปภายใน 3 6 เดือน ทำให้ต้องฉีดซ้ำตลอดทุก 3-6 เดือน
ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ
* การฉีดสารคอลลาเจนอาจทำให้เกิดการชอกช้ำจากการฉีดได้ เป็นรอยแดง ฟกช้ำ ซึ่งอาจหายได้เอง ภายใน 1-7 วัน
* การแพ้ เนื่องจากสารคอลลาเจน เป็นสารแปลกปลอม แม้จะได้ทำการสังเคราะห์ลดปฏิกิริยาการแพ้แล้ว ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนทำการฉีด แพทย์จะทำการทดสอบการแพ้โดยลองฉีดสารคอลลาเจนเข้าที่บริเวณท้องแขน แล้วรอแปลผลประมาณ 4 สัปดาห์ ว่ามีอาการแพ้ บวมแดง บวมนูนหรือไม่ นอกจากนี้อาการแพ้อาจเกิดขึ้นที่ส่วนอื่นของร่างกายได้ เช่น ไขข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นต้น
* การฉีดตื้นหรือฉีดปริมาณมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนเรื้อรัง หรืออาการติดเชื้อบวมแดง
การเสริมจมูก
คนเอเชียส่วนใหญ่มีรูปกะโหลกศีรษะและโครงสร้างใบหน้าที่ดูกว้าง สันจมูกไม่สูง จึงนิยมผ่าตัดปรับแต่งรูปทรงจมูกให้ดูโด่งมากขึ้น ในอดีตนิยมฉีดซิลิโคนเหลวเพื่อเสริมจมูก แต่ระยะยาวพบว่ามีปัญหากับเนื้อเยื่อค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการไหล อักเสบ ติดเชื้อ ที่สำคัญคือการแก้ไขได้ยากซับซ้อนมาก จึงไม่แนะนำให้ฉีดซิลิโคนเหลวเพื่อเสริมจมูก หรือเสริมส่วนอื่นใดอีก
ปัจจุบันการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแท่ง เป็นเทคนิคมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ เพราะไม่ต้องใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง ไม่ทำให้บาดเจ็บหลายตำแหน่ง ตัววัสดุคือ ซิลิโคนแท่ง สามารถอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน เพราะมีพังผืดมาหุ้มโดยรอบกั้นแยกระหว่างเนื้อเยื่อจมูกกับตัวซิลิโคน หากไม่มีปัญหาใดๆ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน สามารถคงรูปได้ตามที่วางแผน ถ้าไม่พอใจถอดเอาออกได้ทั้งหมด และสิ่งสำคัญคือ แพทย์คุ้นเคยมาเป็นเวลานาน ทำให้เข้าใจปัญหา ให้การป้องกันและแก้ไขได้เมื่อเกิดผลไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียง
อย่างไรก็ตามการเหลาซิลิโคนแท่ง ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญ เช่นเดียวกับขั้นตอนการผ่าตัดเสริมจมูกทุกขั้นตอน แพทย์ผู้ทำต้องใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจสภาพเนื้อเยื่อของแต่ละคนที่จะทำด้วย มีการติดตามผลหลังทำ จึงจะมีโอกาสได้ผลที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากปัจจัยข้างต้นไม่สมบูรณ์ หรือคนไข้ไม่ไปพบแพทย์ตรวจหลังทำเลย ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นความเอียง ทะลุหรือเกิดการติดเชื้อ เป็นต้น
ทั้งนี้ยังมีผู้พยายามคิดวิธีเสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อตัวเองมาใช้ในคนบางกลุ่ม เช่น คนที่มีผิวหนังบาง หรือมีฐานกระดูกจมูกที่โด่งอยู่แล้ว ซึ่งการใช้เนื้อเยื่อของตัวเองมีข้อดี คือเมื่อหายแล้วจะสมานเข้ากับเนื้อเยื่อข้างเคียง ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดปัญหาการทะลุ ติดเชื้อจะมีน้อยกว่า อย่างไรก็ตามการนำเนื้อเยื่อตัวเองมาใช้ก็มีข้อจำกัด ที่นอกเหนือจากทำให้มีบาดแผลจากการย้ายเนื้อเยื่อจากที่อื่นไม่ว่าจะเป็นไขมันหรือกระดูก ก็มีโอกาสที่หลังการปลูกเนื้อเยื่อในที่ใหม่แล้วไม่ติดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงไม่สามารถควบคุมผลหรือรูปทรงให้ได้ตามต้องการ และถ้าต้องการแก้ไข ก็ต้องพยายามที่จะแยกเนื้อเยื่อที่ปลูกเข้าไปออกจากเนื้อเยื่อเดิม ทำให้การผ่าตัดแก้ไขมีความซับซ้อนกว่าการใช้ซิลิโคนแท่ง
ส่วนการฉีดสารสังเคราะห์อื่นๆ ที่มีในท้องตลาด ในปัจจุบันยังไม่แนะนำ เพราะยังไม่มีสารสังเคราะห์ที่เหมาะสม ที่สลายตัวเองได้ บ้างก็ยังมีปฏิกิริยาต่อเยื่อพังผืดเกาะยึดระหว่างสารกับผิวหนัง ทำให้มีปัญหาตามมามาก
การเสริมแก้มด้วยไขมันตนเอง
เซลล์ไขมัน(fat cells) เป็นเนื้อเยื่อของร่างกายตัวเอง มีประโยชน์มากมายทางการแพทย์ และสามารถนำมาใช้เพื่อเติมเต็มส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี เพราะมีปริมาณที่มากพอ และเมื่อปลูกเซลล์ไขมันติดแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ใกล้เคียงกับเซลล์ธรรมชาติ คือ พัฒนาตามความสมบูรณ์ของร่างกาย ดังนั้นการเสริมแก้มด้วยเซลล์ไขมันของตัวเอง ยังคงเป็นเทคนิคมาตรฐานอยู่ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องเปอร์เซ็นต์เซลล์ไขมันที่ปลูกสำเร็จประมาณ 30-80%
ปัจจัยที่มีผลต่อการปลูกติดของเซลล์ไขมันขึ้นกับเทคนิคการนำเซลล์ไขมันมาใช้ หากทำด้วยความนิ่มนวล และมีการเก็บเซลล์ที่ดีก็จะสามารถนำเซลล์ไขมันที่ดีไปปลูก ขึ้นกับรายละเอียดการผ่าตัดทำช่องให้เซลล์ไขมันอยู่สบายๆ ไม่ใช่ใส่เข้าไปมากๆ เผื่อไว้มากๆ แล้วจะได้ผลดี เหมือนปลูกเมล็ดพันธุ์พืช ต้องวางให้กระจายกันพอควร เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์ได้เพียงพอ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังแปรตามสภาพการหายหรือปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายแต่ละคน จึงต้องเข้าใจว่าหลังการปลูกเซลล์ไขมันเพื่อเสริมแก้มแล้ว มีโอกาสที่จะยังไม่ได้ผลมากพอตามที่ต้องการ และต้องการการปลูกเซลล์เพิ่มขึ้นได้อีก แต่เซลล์ที่ปลูกสำเร็จแล้ว จะคงอยู่ตลอดไป
ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น มีเลือดออกในโพรงที่ใส่เซลล์ไขมันเข้าไป มีโอกาสทำให้เกิดเยื่อพังผืดแทนที่เลือด คลำเป็นก้อนแข็งๆ ส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ส่วนปัญหาที่รุนแรงอื่นพบได้ไม่บ่อย เช่น กระทบกระเทือนเส้นประสาทบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดปัญหาปากเบี้ยวได้ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วการแก้ไขยุ่งยากมาก
การผ่าตัดเสริมแก้มด้วยไขมัน ถือเป็นการผ่าตัดที่มีความปลอดภัยสูง มีความเสี่ยงต่ำ ถ้าแพทย์ให้การใส่ใจในทุกขั้นตอน ยังไม่สามารถทดแทนด้วยทางเลือกอื่น ยังไม่แนะนำให้เสริมด้วยสารสังเคราะห์ใดๆ
การปรับแต่งสภาพหนังตาล่าง-ทำตาสองชั้น
เวลามีถุงใต้ตา คนมักเข้าใจผิดว่าเกิดจากไขมันเสมอ แต่หลายรายเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น
* กล้ามเนื้อใต้ตาเป็นรอยนูนๆ ใต้ขนตา เห็นได้บ้างเป็นเรื่องปกติในคนอายุน้อย ไม่ต้องทำการปรับแต่ง แต่ถ้าเห็นขอบหนานูนมากเกิน อาจจะพบได้ในคนที่มีปัญหาเรื่องสายตา ควรแก้ไขที่สาเหตุก่อน หากมีข้อบ่งชี้อื่นร่วมกันจึงจะเข้าไปตัดแต่งให้กล้ามเนื้อตำแหน่งนี้บางลงได้เช่นกัน
* ส่วนถุงใต้ตา คือ ส่วนนูนที่อยู่ใต้รอยนูนของกล้ามเนื้อ จะเป็นตำแหน่งของไขมัน ถ้ามีมากเกินสามารถนำไขมันออกได้ตามเหมาะสม อาจจะทำผ่านแผลด้านนอก หรือผ่านแผลด้านในเปลือกตาด้านล่าง
* หรือบางรายก็เกิดลักษณะเหมือนถุงไขมันใต้ตา แต่ไขมันจริงไม่มาก แต่ผนังด้านหน้าไขมัน ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อรอบตามีความหย่อนไม่ตึงเหมือนตอนอายุน้อย ทำให้ไขมันที่อยู่ด้านหลังดูห้อยหรือโป่งดันออกมา แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดปรับความตึงของกล้ามเนื้อ ไม่ใช่เอาไขมันออกอย่างเดียว หรือนำไขมันออกมากเกินจนทำให้ตาโหล จะทำให้ดูโทรม
หากมีหลายปัจจัยร่วมกัน สามารถปรับแต่งไปพร้อมๆ กันได้ รวมไปถึงการตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินตามเหมาะสม การตัดผิวหนังส่วนเกินมากไป มีโอกาสเกิดปัญหาเปลือกตาล่างปลิ้นได้
การทำตาสองชั้น
เป็นการทำศัลยกรรมตกแต่ง เสริมสวย ที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ของชาวเอเชีย เพราะมีขนาดชั้นตาที่น้อย หรือไม่มีรอยพับชั้นตาตั้งแต่กำเนิด ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า ทำตาให้ดูตาโตขึ้น แต่ความจริงขนาดลูกตายังคงมีเท่าเดิม เพียงแต่ว่าการมีขนาดชั้นตาที่มากขึ้นทำให้ดูเหมือนมีเนื้อที่รูปตาบนหน้ามากขึ้น มีการผ่าตัดได้สองวิธีหลักๆที่ได้รับการยอมรับ คือ การทำตาสองชั้นผ่านรอยแผลกรีด หรือทำด้วยวิธีการเจาะผิวหนัง ใส่ไหมเข้าไปยึดให้เกิดชั้นตา เพื่อลดปัญหาแผลเป็น ไม่เห็นเป็นรอยกรีด วิธีหลังนี้เหมาะจะทำในรายที่มีอายุน้อย ผิวหนังและไขมันมีไม่มากเกิน ถ้ามีผิวหนังที่มากหรือไขมันเกินจะเลือกใช้การผ่าตัดด้วยวิธีที่มีรอยแผลกรีดเพื่อช่วยแก้ไขสาเหตุ อย่างไรก็ตามปริมาณผิวหนังและไขมันที่ตัดออก ควรให้เหมาะสม หากตัดออกมาเกินจำเป็น จะเกิดปัญหาหลับตาไม่สนิท หรือทำให้เกิดร่องกระดูกเหนือชั้นตา ดูโทรมได้ และแก้ไขให้เหมือนเดิมทำได้ลำบากมาก
ในรายที่มีอายุมากขึ้นจะมีปัญหาการตกหย่อนของเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผาก ส่งผลให้ระดับคิ้วเลื่อนต่ำกว่าตอนอายุน้อย เมื่อคิ้วเลื่อนต่ำลง ผิวหนังคิ้วก็ลงมากองบังชั้นตาที่มีอยู่ เหมือนว่าชั้นตาเล็กลงหรือหลบในจนมองไม่เห็นชั้นตา ร่างกายจะช่วยตัวเองด้วยการพยายามยกคิ้วให้สูงขึ้น ผลที่ตามมาคือ เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผากเพิ่ม การแก้ไขที่สาเหตุ คือ การผ่าตัดดึงหน้าส่วนหน้าผาก จะช่วยยกระดับคิ้วให้กลับไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมได้ เมื่อระดับคิ้วกลับไปอยู่ที่ใกล้เคียงเดิม ผิวหนังที่มาบังชั้นตาก็ถูกยกสูงขึ้น ทำให้ชั้นตาเห็นมากขึ้นดูดีขึ้นได้ หากไปตัดผิวหนังตาออกมากเกินไปก่อนหน้าแล้ว เวลาดึงหน้าจะทำให้เหมือนกับว่ามีชั้นตาแค่ครึ่งเดียว ไม่สุด เพราะผิวหนังที่จะมาปิดส่วนปลายของชั้นตาถูกยกดึงขึ้น
การดูดไขมันหน้าท้อง
การดูดไขมันเป็นอีกหนึ่งความนิยมที่คิดว่าเป็นทางลัดของการลดความอ้วน ซึ่งคุณอาจเข้าใจผิด เพราะก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนที่จะทำการผ่าตัดเพื่อดูดไขมันได้ โดยหลักการที่ถูกต้องแล้วต้องมีการควบคุมน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์หรือใกล้เคียงกับความตั้งใจหรือแผนที่วางไว้ก่อน แล้วจึงจะพิจารณาว่ามีไขมันส่วนใดบ้างที่เกิน จนต้องดูดออก โดยพิจารณาเทียบเคียงกับสัดส่วนที่อยู่โดยรอบ เช่น สะโพก เอว มีสัดส่วนที่สมดุลแล้ว แต่มีไขมันพอกเฉพาะบริเวณหน้าท้องหรือพุง ก็เหมาะสมที่จะใช้การดูดไขมันบริเวณดังกล่าวออกได้
การดูดไขมันออกจะมีเลือดออกร่วมด้วย แม้ว่าเทคนิคทางการแพทย์สามารถควบคุมปริมาณเลือดที่ออกให้น้อยลงได้ก็ตาม แต่ถ้าดูดไขมันในปริมาณมากจนเลือดออกมากจะเสี่ยงต่อการขาดเลือด ทำให้ช็อกอาจต้องให้เลือด จึงควรทำในรายที่เหมาะสมเท่านั้น ในกรณีของการดูดไขมันบริเวณกว้างหลายตำแหน่ง หรือวางแผนดูดไขมันในปริมาณมาก ต้องทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานที่สามารถควบคุมความเจ็บปวดได้อย่างดีและสามารถให้การช่วยชีวิตหากเกิดภาวะฉุกเฉินได้
บริเวณที่นิยมดูดไขมัน คือหน้าท้อง ต้องตระหนักว่าหลังการผ่าตัดดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง ควรใส่สเตย์รัดหน้าท้องเพื่อลดปริมาณเลือดที่จะออกในโพรงที่ดูดไขมันออกแล้ว รอยช้ำที่เกิดตามบริเวณผิวหนังที่ดูดไขมันเป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ และส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ภายใน 1-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ผลหลังจากดูดไขมันแล้วมีโอกาสเกิดปัญหาผิวหนังไม่เรียบได้ จากเทคนิคการผ่าตัด และเซลล์ไขมันไม่งอกขึ้นใหม่ แต่เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่ ยังสามารถขยายใหญ่ขึ้นได้อีกเหมือนเดิมหากไม่ควบคุมอาหาร
ทุกเทคนิคของการทำศัลยกรรมความงามมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่สามารถลงรายละเอียดได้หมด แต่สามารถรับฟังข้อมูลจากแพทย์ซึ่งคุณอาจหาข้อมูลจากแพทย์มากกว่า 1 ท่าน เพราะแพทย์แต่ละท่านจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันตามเหตุผล และตามประสบการณ์ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้เทคนิคใด สิ่งสำคัญคือจำเป็นต้องทราบข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งขั้นตอน ผลของการทำทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ เพื่อมีทางออกให้กับตัวเองเวลาที่เกิดผลไม่พึงประสงค์ ค่าใช้จ่ายไม่ได้เป็นปัจจัยที่บอกว่าจะได้ผลดีหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจากพญ.สกุณา สัจจอิสริยวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้าง
//www.healthtoday.net/Thailand/feature/feautre_96.html
Create Date : 12 สิงหาคม 2552
Last Update : 12 สิงหาคม 2552 7:56:49 น.
11 comments
Counter : 1915 Pageviews.
Share
Tweet
สุขสันต์วันแม่ครับคุณกบ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:8:01:20 น.
บอกรักแม่ได้ทุกวัน...แม้ไม่ใช่วันแม่
วันนี้บอกรักแม่หรือยังค่ะ
โดย:
ดอกฝิ่นในสายลมหนาว
วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:10:36:37 น.
สุขสันต์วันแม่ค่ะ
โดย:
tuk-tuk@korat
วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:10:56:47 น.
สุขสันต์วันแม่จ้ะ
โดย:
Opey
วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:11:23:53 น.
สุขสันต์วันแม่นะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ เลยจ้า
โดย:
บ้านหวานเย็น
วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:14:28:39 น.
ไม่มีแม่วันนั้น ไม่มีคนดื้อรั้นวันนี้
วาทะแม่ปุ้มปุ้ย
คมบาดใจเลยเอามาฝาก อิๆๆๆ
โดย:
พลังชีวิต
วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:16:37:11 น.
โว้ว ๆ ทีมนี้สวยใสสบายตาดี อิอิ
ฝันดีราตรีสวัสดิ์จ้า
โดย:
ขุนพลน้อยโค่วจง
วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:0:56:34 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:8:08:58 น.
คงไม่สายเกินไปนะคะ หากจะบอกว่า....
โดย:
pinkyrose
วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:11:36:41 น.
สวัสดีค่ะคุณกบ ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่เงียบหายไปโดยไม่ได้บอกกล่าวให้เป็นเรื่องเป็นราว เหตุเพราะว่างานยุ่งมากๆประกอบกับเจ้าคอมคู่ใจโดนไวรัสเล่นงานจนเปิดหน้าจอไม่ได้เลยทำให้หงุดหงิด แอบไปใช้คอมที่โรงเรียนเน็ตก็ช้าๆๆๆๆๆไม่ทันใจเลยจำเป็นต้องตัดใจรอคอมที่นำไปซ่อมจนกระทั่งเมื่อวานช่างซ่อมคอมโทรมาบอกว่าเสร็จแล้วคุณกบเชื่อไหมคะว่าดิฉันดีใจอย่างกับถูกหวยรางวัลที่๑แน่ะอิอิ.....คุณกบสบายดีนะคะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:22:54:15 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:8:03:28 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [
?
]
.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake
เพื่อนของกบ
ป้ามด
UnderSunShine (คุณนุ้ย)
แค่ฟ้ามีดาว^^(คุณอุ๊)
Paradijs(คุณไหม)
lozocat(คุณแคท)
ยอดสน
ญามี่
ขุนพลน้อยโค่วจง(คุณเขตต์)
ลูกนางฟ้าลงมาเกิด
Hawaii_Havaii(คุณอ้อย)
maew_kk
close2heaven
the river of Aquarius
thattron(คุณแอน)
KungGuenter(คุณกุ้ง)
N_BEE810
ดอกหญ้าเมืองเลย
เนยสีฟ้า(คุณเนย)
pk12th
หมูฟ้าใส
แพรวขวัญ
มาเรีย ณ ไกลบ้าน
นู๋หญิงจ๋า(คุณหญิง)
ยายกุ๊กไก่
oranuch_sri(คุณนุช)
vannessa(คุณนุช)
fleuri
jj&TheGang(คุณแจน)
ลุงกล้วย
กะว่าก๋า
พลังชีวิต
ความเจ็บปวด
ถปรร
i-pinkberriiz's
รักษ์บ้านเกิด(คุณแอ๊น)
บ้านหวานเย็น
hiansoon
chabori (คุณไผ่)
ลุงแว่น
มิสเตอร์ฮอง
แม่น้องขวัญ_ซาแมนต้า
เกศสุริยง
ถั่วงอกน้อย
ไก่ย่างถูกเผามันจะถูกไม้เสียบ
kopdon
ปลายแป้นพิมพ์
Elbereth
ying_lp1
ถุงก๊อปแก๊ป
ชมพร
ooyporn
ดอกหญ้าใน Houston
หาแฟนตัวเป็นเกลียว
cd2lucky
อุ้มสี
คนผ่านทางมาเจอ
แม่อ้วนคนสวย
แม่อ้วนใจดีที่สุด
Pastel pied
never the last
กำไลสีส้ม
CeciLia_MaLee
นายแว่นธรรมดา
praewa cute
ปูขาเก เซมารู
ลิงค์เพื่อนกัน
กต
กรมการกงสุล
hi5kobnon
Facebookkobnon
แม่บ้าน
h&c
ชีวจิต
naichef
hilunch
หมอชาวบ้าน
lisa
Group Blog
ห้องโรคภัยไข้เจ็บ
ห้องพืชผักสมุนไพร
ห้องโรคกับอาหาร
ห้องรู้ทันโรค
ห้องสาระน่ารู้
ห้องบันทึกความทรงจำ
ห้องเกร็ดความรู้
ห้องแฟชั่นและความงาม
ห้องโชคชะตา
ห้องทำนายทายทัก
ห้องเทศกาลวันสำคัญ
ห้องสูตรอาหาร
ห้องพรรณไม้ดอกไม้
ห้องสมุดเยี่ยม
ห้องเล่าสู่กันฟัง
ห้องเก็บของ
Tag
ห้องออกกำลังกาย
ห้องบ้านรักษ์ธรรมชาติ
ห้องของสะสม
ห้องโรคภัยไข้เจ็บ (2)
<<
สิงหาคม 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
12 สิงหาคม 2552
รู้ทัน...ศัลยกรรมเพื่อความงาม
All Blogs
โรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อ
ขั้นตอนการรักษาอาการนอนกรน
รู้เท่าทันโรคสมองเสื่อม
ไข้หรือตัวร้อน
4 วิธี ช่วยกระดูกให้แข็งแรง
หัดเยอรมันกับการตั้งครรภ์
รับมือลมแดด......เพลียแดด
โรคผิวหนังแข็ง
เทคนิคคลายเครียด
ผ่าคลอด... ลูกเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ !
ปวดเมื่อยเมื่อสูงอายุ
ภาวะสูดสำลักขี้เทาในเด็กแรกเกิด
ผนังกั้นช่องจมูกคด (Deviated Nasal Septum)
ตาบอดในวัยเด็ก
การปฏิบัติตนในการรักษาฝ้า กระ หรือรอยดำ
ตายแล้ว! ไขมันในเลือดสูง
โรคเส้นเลือดขอดในสมอง
โรคหินปูนเกาะกระดูกหู (Otosclerosis)
การนอนในวัยต่างๆ
ผลกระทบของการเสพสารเสพติดระหว่างตั้งครรภ์
โรคฮันนีมูน วายร้ายคุกคามกระเพาะปัสสาวะ
เมื่อน้ำ...เข้าหู
กินถูกหลัก ช่วย ตับ แข็งแรง
การดูแลสุขภาพทางเดินหายใจในช่วงฤดูหนาว
รู้ลึก รู้จริง อินซูลิน
โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า
อันตรายจากสารเคมี เข้าตา... ก่อโรค
วันนี้คุณกลืนได้ปกติหรือยัง?
หนูน้อยภูมิแพ้ กับการดูแลสุขภาพในหน้าหนาว
โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน
หลอดเดียว...ก็คุมอยู่
น่าห่วง! หูตึง
มารู้จักไซนัสอักเสบในเด็กและวิธีรักษาที่ถูกต้องกันเถอะ
มะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรีที่พบบ่อย
หอบหืดจากภูมิแพ้...โรคเรื้อรังที่ต้องรีบรักษา
ปวดหลัง แต่ทำไมร้าวลงขา
โรค...ของคนอยากผอม
6 คำถามยอดฮิต ...ท้องแล้วมีเซ็กส์ได้ไหม
ตาบอดจากโรคเบาหวาน
จะสูดหรือดูดก็เสี่ยงมะเร็งปอด
โรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อ
การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
เมื่อไร! สงสัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม
เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบ
การใช้คลื่นความถี่วิทยุ จี้บริเวณเพดานอ่อน เพื่อรักษานอนกรน
เมื่อเป็นข้อสะโพกเสื่อม
โรคลิมโฟมาผิวหนัง
ว่าด้วยสิวไขมันอุดตันบนใบหน้า
กระเนื้อ
โรคเท้าปุก
โรคผิวหนังแข็ง
ทำไม? ...ต้องตรวจเลือด - ตรวจปัสสาวะ
รู้ได้อย่างไร! ลูกน้อยในท้องปัญญาอ่อน
การตรวจพิสูจน์ ดีเอ็นเอ
แผลเป็น
เต้านมเกิน หรือ นม 4 เต้า
หลับสบาย ได้สุขภาพ
โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
เสียงแหบ
ไส้เลื่อนในเด็ก
เชื้อรา...ปัญหาของตกขาวคันในสตรี
ภาวะสำลักส่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ
สวยด้วย..คอนแทคเลนส์จริงหรือ
ลูกป่วยหน้าฝน
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
เมื่อลูกรักของคุณนอนกรน
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
กลิ่นปาก
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส
เวียนศีรษะ
หูน้ำหนวก
อวัยวะเพศกำกวมในเด็กทารกแรกเกิด
หูด
ไข้หรือตัวร้อน
มะเร็งหลังโพรงจมูก
ถาม- ตอบปัญหาเรื่องนิ่วทางเดินปัสสาวะ
อาการปวดหู
โรคเป็นสาวก่อนวัย
คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีระดับกรดยูริกในเลือดสูง
โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน
เยื่อแก้วหูอักเสบเฉียบพลัน
กระบังลมหย่อน
ไทรอยด์เป็นพิษ ไม่ใช่มะเร็งไทรอยด์
เนื้องอกเต้านม ในหญิงสาว
ดูแลสุขภาพ...ห่างไกลโรคแผลในกระเพาะอาหาร
โรคหินปูนเกาะกระดูกหู (Otosclerosis)
เยื่อแก้วหูทะลุจากการบาดเจ็บ
หน้าฝนระวังโรคตาแดง
ทำไม? ...ต้องตรวจเลือด - ตรวจปัสสาวะ
กำจัดขนด้วยเลเซอร์ อันตรายหรือไม่
กรดไหลย้อน.....ภัยเงียบวัยทำงาน
การผ่าตัดมะเร็งทำให้โรคแพร่กระจายจริงหรือ
มารู้จักเลเซอร์กันเถอะ
สุขอนามัยการนอนที่ดีขั้นพื้นฐาน (Basic Sleep Hygiene)
เฝือก อุปกรณ์ดามกระดูกและข้อ
เจ็บคอเรื้อรัง
การบำบัดโรคจมูกและไซนัสด้วยวิธีสูดไอน้ำร้อน (Steam Inhalation for Sinonasal Diseases)
ก้าวใหม่การรักษากระจกตาเสื่อมด้วยสเต็มเซลล์
หินน้ำลาย
เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคเนื้องอกสมอง
โรคหลอดเลือดอักเสบ (Cutaneous vasculitis)
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
ยาหรือ.....ระวังนะ!
โรคตาเหล่
อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง
ผ่าคลอด... ลูกเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ !
เส้นเลือดขอดที่ขา
คัดจมูก...เกิดจากอะไรเอ่ย
ลูกพูดช้า
เตรียมพร้อมก่อนผ่าตัดหัวใจ
สายเสียงอักเสบ และวิธีถนอมเสียง
ถาม-ตอบเรื่องข้อเสื่อม
คันเรื้อรัง... อาจมีโรคภายในแทรกซ้อน
เมื่อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
ทำอย่างไรเมื่อเป็นโรคลิมโฟม่า
หิด
มารู้จักและช่วยเด็กสมาธิสั้นกันเถอะ ตอนจบ
มารู้จักและช่วยเด็กสมาธิสั้นกันเถอะ ตอนที่ 2
มารู้จักและช่วยเด็กสมาธิสั้นกันเถอะ ตอนที่ 1
โรคทอนซิล (Tonsil) ตัดทิ้งดีหรือไม่
การทำดีท็อกซ์ดีจริงหรือ
ท้องลม...ท้องหลอก
สวยใสไม่ไร้สติ แสงแดดกับการดูแลรักษาผิว
แม่จ๋า... หนูคันก้น
มีโรคอะไรบ้างนะที่ต้องระวังเมื่อลูกน้อยปวดท้อง
กันหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทอย่างไรดี
สารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ที่ควรรู้จัก
เวียนศีรษะ บ้านหมุน .ช่วยด้วย
โรคเหงือกและรำมะนาด
คู่มือตรวจสุขภาพยุคประหยัด
การตั้งครรภ์แฝด
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ระวัง!โรคพิษสุนัขบ้า
การทำดีท็อกซ์ดีจริงหรือ
ขึ้น... ลงเครื่องบิน มีปัญหาปวดหู หูอื้อ...ทำอย่างไรดี
ท้องอืด.... อาหารไม่ย่อย
โรคของคนอยากผอม
ตับ กับหน้าที่หลัก 4 ประการ
โรคเริม
โรคด่างขาว
ปีกมดลูกอักเสบ
ไซนัสอักเสบ ..รักษาได้
ไฝ..แบบไหนถึงน่ากลัว จะเป็นมะเร็ง
ภาวะสมองเสื่อม
โรคลมพิษ
เลือดกำเดาไหล
โรคเบาหวานกับไต
กระดูกพรุน แก้ง่ายเพียงเติมแคลเซียมจริงหรือ
น่ากลัว... ไวรัสตับอักเสบ ซี
โรคลมแดด(Heat Stroke)
พังผืดใต้ลิ้น ปัญหาที่ถูกซ่อนเร้นของลูกน้อย
เด็กอ้วน
จะสูดหรือดูดก็เสี่ยงมะเร็งปอด
หูอื้อ
โรคเส้นเลือดขอดในสมอง
โรคในช่องปากศัตรูตัวฉกาจของเด็ก ๆ
โรคลมบ้าหมู
ตาบอดสี
ไข้หรือตัวร้อน
เจ็บคอจัง....ทอนซิลอักเสบ
ล้างจมูกให้ลูกน้อย
เมื่อลูกรักของคุณนอนกรน
การดูแลรักษาสุขอนามัยของหู
การดูแลสุขภาพทางเดินหายใจในช่วงฤดูหนาว
กระเนื้อ
อัมพฤกษ์อัมพาต โรคเรื้อรังที่ต้องดูแล
โรคเส้นเลือดขอดในสมอง
เกลื้อน
การอุดฟัน
โรคไข้สมองอักเสบ
เป็นโรคหัวใจแล้วตั้งครรภ์
มะเร็งกล่องเสียงและคอหอยส่วนล่าง
มารู้จักและช่วยเด็กสมาธิสั้นกันเถอะ
พังผืดใต้ลิ้น ปัญหาที่ถูกซ่อนเร้นของลูกน้อย
มารู้จักไวรัสตับอักเสบ ซี กันเถอะ
โรคลิมโฟมาผิวหนัง
โรคธาลัสซีเมีย
ความรู้เกี่ยวกับฟลูออไรด์
หัวจ๋า...ผมลาก่อน
ทำไงดี! ไม่มีมดลูก รังไข่
คัดจมูก...เกิดจากอะไรเอ่ย
เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด : สัญญาณอันตราย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
พยาธิใบไม้ตับ...ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี
มะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรีที่พบบ่อย
ทำอย่างไร เมื่อพบว่ามีน้ำเหลืองไหลออกจากหัวนม
ลมหนาว...วายร้ายของเจ้าตัวน้อย
โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน
รู้ลึก รู้จริง อินซูลิน
กระเปาะหลอดเลือดสมองโป่งพอง โรคร้ายที่รักษาได้
ตาบอดในวัยเด็ก
สิวเสี้ยน
ทำฟันในเด็ก น่ากลัวจริงหรือ
มีโรคอะไรบ้างนะที่ต้องระวังเมื่อลูกน้อยปวดท้อง
โรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อ
จะทำอย่างไรให้ฟันขาว
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรคตาจากเบาหวาน
ไซนัสอักเสบ...รักษาได้
อาการไอ
เสียงดังในหู
โรคหินปูนเกาะกระดูกหู
อยากเช็คสุขภาพ.....ทำอย่างไรดี
กันหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทอย่างไรดี
ท้องลม...ท้องหลอก
โรคเป็นสาวก่อนวัย
กระเนื้อ
โรคตาแดง
หูชั้นกลางอักเสบในเด็ก
โรคด่างขาว
รับมือ...ไบโพลาร์
กรดไหลย้อยมาฝากตามคำขอคุณเกศสุริยงค่ะ
มะเร็งหลังโพรงจมูก
นิ่วในถุงน้ำดี
มารู้จัก "โรคไอบีเอส" หรือลำไส้แปรปรวน
โรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้ (Non-Allergic Rhinitis)
ถาม-ตอบเรื่องแผลเป็น
อาการปวดหู
ไข้กาฬหลังแอ่นกลับมาอีกแล้ว
ไข้ออกผื่น ในเด็กเบบี๋
ถาม-ตอบปัญหาคราบหินปูน
โรคจอประสาทตาเสื่อม
มะเร็งตับ
โรคเบาจืด
หมอนรองกระดูกเคลื่อน
ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม..โรคแพนิค
8 คำถามสุดฮิตของคนมีลูกยาก
โรคแพ้อากาศ
อาการสะอึก
เอสแอลอี - โรคภูมิแพ้ต่อตัวเอง
ต้อหินเฉียบพลัน
โรคหัวบาตร HYDROCEPHALUS หรือเด็กหัวแตงโม
โรคหนอนพยาธิในลำไส้
อาการไอ ส่งสัญญาณอะไร?
เด็ก......ก็เครียดเป็น
โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
ท้องเสีย
หลากหลายประเด็นเกี่ยวกับ วัคซีน
รู้ทัน...ศัลยกรรมเพื่อความงาม
หูชั้นนอกอักเสบ...ปวดหูจัง ทำไงดี
รับมือกับวัณโรคในครอบครัว
มีลูกยาก เรื่องยากที่แก้ไขได้
นิ่วท่อไต
กาฬโรคปอด (Pneumonic Plague ICD9 020.5)
ไส้เลื่อนเป็นแล้วอย่าได้อายหมอ
เนื้องอกของหลอดเลือด (Vascular tumor)
โรคข้อศอกเทนนิส โรคสุดฮิตของคนใช้ ข้อมือและข้อศอกบ่อยๆ
โรคจอประสาทตาเสื่อม
โรคลมอัมพาต
รวบรวมคำถาม ถามบ่อย เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1เอ็น)
อาการไอกับการแก้
ความรู้เกี่ยวกับโรคไตวาย
โรคไข้สมองอักเสบ
โรคปอดอักเสบ
โรคสุดฮิตในกลุ่มคนที่ใช้ข้อมือ
ภัยคอนเทกต์เลนส์ตาโต
เกิร์ด-โรคน้ำย่อยไหลกลับ
ปวดกล้ามเนื้อ
ตะคริวถามหา
หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
สเตมเซลล์จากสายสะดือมรดกที่พ่อแม่ให้ลูก
ขี้หู : ปฏิกูลที่ควรกำจัด...จริงหรือ?
ก๊าซในทางเดินอาหาร
กล่องเสียงอักเสบ
ส่าไข้ในเด็ก
เนื้องอกสมอง
โรคบิดชิเกลล่า
มะเร็งลำไส้
บรูเซลโลซิส : โรคติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยง
โรคต้อกระจก
โรคปวดหลัง
ต่อมทอนซิลอักเสบ(Tonsillitis)
โรคเลือดออกในสมอง
โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่
โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ
ความรู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัย
ริดสีดวงทวาร(Hemorrhoid)
โรคไข้ "ชิคุน กุนยา"
หลายหลากเกี่ยวกับโรคของผู้สูงอายุ
โรคอ้วนลงพุงMetabolic syndrome
อย่างไรที่เรียกว่า...ท้องนอกมดลูก
หลากหลายประเด็นความรู้เกี่ยวกับ วัคซีน
โรควูบ
พิษร้ายของสเตียรอยด์
มาเรียนรู้เรื่องโรคเกี่ยวกับดวงตาหน้าต่างของหัวใจกัน
พิษร้าย...ยานอนหลับ
โรคปวดศรีษะ
ความรู้เกี่ยวกับการตรวจภายใน
โรคเกี่ยวกับการนอน
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเลี้ยง
คลังโลหิตสภากาชาดไทยขาดแคลนเลือดเชิญชวนผู้ใจบูญบริจาคโลหิตช่วยเพื่อนมนุษย์
ยุงลายกับไข้เลือดออก
โรคร้ายสะสมจากการบริโภค
ว่ากันด้วยเรื่องความรู้เกี่ยวกับฟัน
โรคข้ออักเสบ
โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของชายและหญิง
โรคหัวใจขาดเลือด
โรคตับอ่อนอักเสบ
โรคหัด
อาการบ่งชี้ของโรคกระเพาะอาหาร
ความรู้เกี่ยวกับโรคอ้วน
โรคตับแข็ง
โรคหัวใจวายและการดูแล
ก๊าซในทางเดินอาหาร
โรคติดต่อทางพันธุกรรมที่ควรรู้
โรคหอบหืดภัยเงียบที่มาแบบไม่รู้ตัว
โรคหนังแข็ง
ความรู้เกี่ยวกับการทำดีท๊อกซ์
โรคเกี่ยวกับสตรีตกขาวที่เกิดจากเชื้อรา
โรคสะเก็ดเงิน
ความรู้เกี่ยวกับการตรวจเต้านมด้วยวิธีเมมโมแกรม
โรคอัลไซเมอร์
โรคไส้เลื่อน
โรคเกี่ยวกับหัวใจ
โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย
โรคพาร์กินสัน Parkinson
โรคไข้สมองอักเสบ เจอี
โรคต้อหิน
ช็อกโกแลตซีส (cyst) โรคภายในของผู้หญิง
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ปวดศรีษะจากไมเกรน
โรคกระดูกพรุนภัยเงียบที่ต้องระวัง
ความรู้เรื่องโรคไต
เมื่อกระเพาะเป็นแผล
คุณมีสุขภาพดีแค่ไหนและเราควรไปพบแพทย์เมื่อใด
ความรู้เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงาม
มะเร็งเต้านม
มะเร็งต่อมลูกหมากเรื่องที่ผู้ชายควรทราบ
มะเร็งศีรษะและลำคอ
โรคเก๊าท์
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทำเลสิค
ความรู้เกี่ยวกับยาและการใช้ยาสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งผิวหนัง
โรคบาดทะยัก
การทดสอบและความรู้เกี่ยวกับภูมิแพ้ชนิดต่างๆ
มะเร็งโคนลิ้น มะเร็งต่อมทอนซิล (มะเร็งออโรฟาริ้งค์)
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
หลากหลายกับโรคตับอักเสบ
ความรู้เรื่องการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์
งูสวัดนะ ไม่ใช่เริม
ว่ากันด้วยเรื่องโรคไตวาย
โรคคางทูม (Mumps)
เลือดคั่งในหลอดเลือดดำส่วนลึก Deep vein thrombosis หรือโรคชั้นประหยัด
โรคปอดบวม
โรคบิด : โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ
ไส้ติ่งอักเสบ
ภาวะและผลจากอาหารเป็นพิษ
โรคกรดไหลย้อนกลับ
โรคหลอดเลือดหัวใจ
ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
การตรวจสุขภาพประจำปีจำเป็นหรือไม่
โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
โรคซึมเศร้า
โรคลมชัก ลมบ้าหมู
โรคไซนัสอักเสบ
ร้อนใน-แผลในปาก
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ตากุ้งยิง
กลาก เกลื้อน และโรคเชื้อราบนผิวหนัง
เมื่อเกิดอาการ...เสียวฟัน และ คอฟันสึก
โรคขาดเอ็มซัมย์หรือโรคเม็ดเลือดแดงแตก
โรคภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา (Allergic Conjunctivitis)
หูดับ
การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดความเครียด
ข้อเข่าเสื่อม
การตกเลือด (Hemorrhage)
โรคบ้านหมุน (Vertigo) น้ำในหูไม่เท่ากัน
โรคไข้หวัดนก
โรคนิ่ว
โรคที่มาพร้อมกับลมหนาว
"ไข้เลือดออก" เพชฌฆาตหน้าฝนที่ทุกคนมองข้ามไป
การทำ กิฟท์ (GIFT)
สารพันปัญหาเล็บในผู้เป็นเบาหวาน
โรคหลอดเลือด
กระดูกข้อเข่าเสื่อม
ผื่นแพ้จากการสัมผัส
โรคเลือดจางธาลัสซีเมียคืออะไร
ฝีที่เต้านม โรคที่คุณผู้หญิงต้องระวัง
โรคริดสีดวงทวาร
โรคตาบอดสี
โรคไข้กาฬหลังแอ่น
โรคผิวหนังที่เรียกว่า "เริม"
ผมร่วง
เรื่องน่ารู้ก่อนการจัดฟัน
โรคไซนัสอักเสบ
อัมพาตครึ่งท่อน หรือทั้งตัวคุณกลัวไหม..
โรคปวดศรีษะและโรคต่างๆ ที่ตามมา
ไทรอยด์เป็นพิษ
อัลไซเมอร์ ความจำเสื่อมกับวิธีป้องกัน
รู้สู้โรค ฉี่หนู เชื้อร้ายที่มากับน้ำท่วม
เมื่อผิวแพ้แดด
โรคกระเพาะปัสสาวะไวเกิน
รู้เท่าทัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน
ผลกระทบจากการนอนกรนร้ายแรง......แต่สามารถแก้ไขได้
โรคน้ำกัดเท้า...มันมากับความอับชื้น
ทอนซิลอักเสบ
โรคเก๊าท์และการดูแลอาหารของผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์
กรดในกระเพาะอาหาร
โรค มือ-เท้า-ปาก และ โรคจากเชื้อเอนเตอโรไวรัส 71
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ สเตียรอยด์
ซีสต์เต้านม ศัตรูของสาวๆ
มือ..บอกสุขภาพ
ทำความรู้จัก..ต้อกระจกให้มากขึ้น ?....
เส้นเลือดขอด(Varicose Vein)
ปวดหลังเรื้อรัง....ไม่ใช่แค่เหตุบังเอิญ
วัยทองอย่างมีคุณภาพ
ความรู้เรื่อง "ตัดมดลูก"
โรคที่ผู้หญิงควรรู้ ช็อกโกแลตซีส
รู้ก่อนกินยาลดความอ้วน
โรคไมเกรน
เลือดออกตามไรฟัน
ชีอปปิ้งมากเกินไประวังจะเป็นโรคนิ้วล๊อค
ว่าด้วยก้อนที่เต้านม
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี....โรคที่ติดต่อได้ง่ายที่สุด
ต่อมลูกหมากโต....โรคที่ผู้ชายควรรู้
"กระเพาะปัสสาวะอักเสบ" โรคยอดฮิตของสาวเวิร์กกิ้ง
วัยทองไม่ได้ถามหา แต่สักวัน......ต้องมาเอง
ห้องนอนซ่อน ภูมิแพ้
ยืนเพื่อสุขภาพ
ควรหรือไม่? ......ใช้แป้งกับจุดซ่อนเร้น
จะเก็บฟันคุดไว้หรือเอาออกดีนะ....
ข้าวกล้องของดีเพื่อสุขภาพ
วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ
Vitamins and Minerals for Men
Vitamins and Minerals for Woman
มาเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน.....เพื่อร่างกายที่สดใสมีชีวิตชีวา
11 วิธีพิชิตโรคภูมิแพ้
อาการนอนไม่หลับ
สุขภาพ
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add kobnon's blog to your web]
Links
BlogGang.com
MY VIP Friend
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.