สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
โรคผิวหนังที่เรียกว่า "เริม"



เริม (herpes)


เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง มีอาการแสบๆ คันๆ บริเวณที่เป็น
ร่วมกับตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่ม บนพื้นสีแดง พบได้เกือบทุกแห่งของ
ร่างกาย แต่พบได้บ่อยที่บริเวณริมฝีปากและอวัยวะเพศ ผู้ที่เคย
เป็นโรคเริมแล้ว จะมีโอกาสเกิดโรคเริมซ้ำได้อีก ที่ตำแหน่งเดิม
ได้บ่อยพอสมควร เนื่องจากเชื้อไวรัสเริมจะเข้าไปหลบซ่อนตัว
ที่ในปมประสาท พอร่างกายอ่อนแอลง เชื้อไวรัสเริมก็จะออกมา
ก่อโรค ทำให้เกิดโรคเริมขึ้นที่เดิมได้อีก ทำให้ผู้ป่วยขาดความ
มั่นใจ รู้สึกไม่สวยงาม และเสียบุคลิกภาพ


สาเหตุ

เชื้อไวรัสเริมเป็นดีเอ็นเอไวรัสชนิดสายคู่ที่มีเปลือกหุ้ม อนุภาค
ของไวรัสประกอบด้วยส่วนเปลือก ส่วนนอกคลุม ส่วนนิวคลิ
โอแคปสิด และแกนดีเอ็นเอตรงกลาง ส่วนนิวคลิโอแคปสิด
ของไวรัสเริมมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 105 นาโนเมตร
ประกอบไปด้วย 162 แคปโซเมอร์ โมเลกุลของดีเอ็นเอมี
ความยาว 150 กิโลเบส สร้างโปรตีนมากกว่า 100 ชนิด
โครงสร้างจีโนมของไวรัสเริมคล้ายคลึงกับเชื้อชนิดอื่นๆ ใน
ตระกูลเดียวกัน ทั้งหมดประกอบไปด้วยชิ้นส่วนยาวและสั้น
เรียงต่อกันในทิศทางต่างๆ เกิดเป็น 4 ไอโซเมอร์


เชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 ทำให้เกิดโรคเริมที่ริมฝีปากและรอบๆ
ปากได้บ่อย ส่วนเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 2 ทำให้เกิดโรคเริมที่
บริเวณอวัยวะเพศ บริเวณก้น และในร่มผ้าได้บ่อย ทั้งนี้พบว่า
จีโนมของเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 และเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 2
มีความเหมือนกันมากถึงร้อยละ 50-70

การติดต่อ

ไวรัสเริมติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง ผู้ได้รับเชื้อมีแผลถลอก
อยู่ ทำให้เชื้อไวรัสเริมเข้าไปได้ โดยมากมักพบเริมที่บริเวณ
ริมฝีปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศ การจูบหรือดื่มน้ำแก้วเดียวกัน
ทำให้เชื้อเริมติดต่อได้ เช่นเดียวกับการมีเพศสัมพันธ์ขณะที่
อีกฝ่ายกำลังเป็นเริมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ปกติ ทางปาก
หรือทางทวารหนัก มีรายงานการติดเชื้อเริมจากการเข้าห้องน้ำ
สาธารณะ บางคนเป็นเริมที่นิ้วมือ ติดจากการจับมือกัน การ
โหนราวรถเมล์ การจับลูกบิดประตูห้องน้ำสาธารณะ การจับ
โทรศัพท์สาธารณะ โดยทั่วระยะเวลาฟักตัวของไวรัสเริม
ประมาณ 2-20 วัน


ตำแหน่งของโรคเริม


บริเวณปาก ริมฝีปาก และรอบๆ ปาก เป็นตำแหน่งที่พบบ่อยมาก
บริเวณอวัยวะเพศ ก้น และในร่มผ้า เป็นตำแหน่งที่พบบ่อยเช่นกัน
บริเวณมือ เป็นตำแหน่งที่พบได้น้อย นานๆจึงจะพบโรคเริมที่มือ
นิ้วมือ ฝ่ามือ
บริเวณเอว ลำตัว หลัง เป็นตำแหน่งที่พบค่อนข้างน้อยเช่นกัน
อาจพบในนักมวยปล้ำที่มีการต่อสู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน


เริมเป็นโรคที่ติดต่อโดยการสัมผัส ดังนั้น บุคคลบางอาชีพจึง
อาจจะเป็นเริมที่ตำแหน่งแปลกๆ ที่พบไม่บ่อยนักได้ เช่น ที่
บริเวณนิ้วมือ ในทันตแพทย์ หรือตามแขน หรือลำตัวในพวก
นักมวย หรือ มวยปล้ำ


อาการ


ลักษณะเริ่มต้นเป็นตุ่มน้ำพองใสเหมือนหยดน้ำเล็กๆ มีขอบแดง
มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ต่อมาตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกเป็นแผลถลอก
ตื้นๆ และหายไปในที่สุด อาจมีอาการคัน เจ็บหรือปวดแสบ
ปวดร้อน ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บๆ แสบๆ คันๆ แต่ไม่มากนัก
ไม่ถึงกับปวดจนนอนไม่ได้ ไม่ถึงกับคันมาก จนต้องเกาแรงๆ
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณผื่นอาจจะโต และเป็นอยู่ประมาณ 10-14 วัน


การติดเชื้อครั้งแรก


การเป็นเริมในครั้งแรก มักจะมีอาการมากกว่าในครั้งถัดๆ มา
ถ้าเป็นที่ปาก จะมีอาการเป็นตุ่มน้ำพองเล็กๆ ทั่วทั้งช่องปาก
โดยเฉพาะที่บริเวณเหงือก พบว่าต่อมน้ำเหลืองในบริเวณ
ใกล้เคียงบวมโต อาการค่อนข้างรุนแรง อาจมีไข้ปวดเมื่อย
ถ้าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอาจ
อักเสบร่วมด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่าการติดเชื้อไวรัสเริมครั้งแรก
จะเกิดตุ่มน้ำหลายกลุ่ม ต่อมาจะแห้งตกสะเก็ดแล้วแผล
จึงจะหาย


การติดเชื้อซ้ำ


สำหรับปัญหาของโรคเริมที่สำคัญคือ เมื่อมีการติดเชื้อครั้งแรกแล้ว
หลังจากนั้นจะมีการกลับเป็นผื่นใหม่เป็นระยะๆ เนื่องจากร่างกาย
กำจัดเชื้อไวรัสไม่หมด การกลับมาเป็นใหม่ของโรคเริมแต่ละครั้ง
จะเกิดตุ่มน้ำกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 5-7 วัน โดยไม่มีอาการ โดย
มากเกิดปีละ 2-3 ครั้ง และเกิดใกล้ๆ บริเวณเดิม โรคเริมที่
เกิดซ้ำ อาการและรอยโรคไม่ค่อยรุนแรงเหมือนครั้งแรก
ผู้ป่วยจะมี “อาการเตือน” นำตุ่มน้ำมาก่อน 1–3 วัน เช่นเจ็บ
เสียวแปลบๆ คันยุบยิบ ปวดแสบปวดร้อนในบริเวณรอยโรคเดิม
แผลจะหายเร็วภายใน 5-10 วัน ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกัน
บกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง รอยโรคอาจ
รุนแรงหรือเป็นแผลเรื้อรังได้


ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า การเป็นเริมครั้งถัดๆ มา จะไม่ใช่
เป็นการติดเชื้อใหม่ แต่เป็นเชื้อเดิมที่หายแล้ว และซ่อนตัว
อยู่ในบริเวณปมประสาทที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อมีการกระตุ้น ก็
จะย้อนแนวเส้นประสาทออกมาแสดงอาการที่ผิวหนัง ทำให้
เริมมักจะเป็นในบริเวณเดิมที่เคยเป็นมาแล้ว แต่อาการ
จะน้อยกว่า


ปัจจัยชักนำ

ปัจจัยชักนำที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดโรคเริมได้มากขึ้น ได้แก่

- ความเครียด

- ทำงานหนักมากเกินไป ทำให้ร่างกายอ่อนแอ อ่อนล้า ภูมิ
ต้านทานของร่างกายลดน้อยลง ทำให้ติดเชื้อไวรัสได้ง่ายขึ้น

- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้โอกาสติดเชื้อไวรัสจึง
มีมากกว่าคนทั่วไป

เชื้อไวรัสเริมชอบอากาศร้อนชื้นเหงื่อออกง่าย คนไทยจึง
เป็นเริมกันบ่อย คนที่ไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วย เช่น กำลัง
เป็นหวัด ร่างกายทรุดโทรมอ่อนแอ โอกาสติดเชื้อไวรัสเริม
มีมากกว่าในคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ผู้ที่ต้องนอนอยู่
บนเตียงนานๆ เช่น เป็นอัมพาต ผู้ที่รับการผ่าตัด ผู้ป่วยที่มี
กระดูกหัก ทำให้ขยับตัวลำบาก มีโอกาสเป็นเริมที่ก้นได้ง่าย
เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ต่างๆ ผู้ที่เคยเป็น
เริมแล้วถ้าวันไหนดื่มเหล้าเบียร์มากจนเกินไป จะมีโอกาส
เป็นเริมซ้ำขึ้นได้อีกง่ายมาก


การรักษา

โดยทั่วไปแล้ว เริมสามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องรักษา ซึ่ง
มักจะเป็นอยู่ประมาณ 10-14 วัน โดยที่ในระหว่างที่เป็น ผู้
ที่เป็นสามารถแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้โดยการสัมผัส การใช้
ยาต้านไวรัสช่วยลดความรุนแรงของโรค แผลหายเร็วขึ้น
แต่ยังมีราคาค่อนข้างแพง


ยาทาที่นิยมใช้ ได้แก่ Zovirax, Virogon, Vilerm, Zevin
ยาชนิดรับประทาน ได้แก่ Zovirax, Valtrex, Famvir นิยม
ใช้ในกรณีสำหรับผู้ที่มักจะกลับเป็นซ้ำได้บ่อย คนทั่วไปที่
เป็นเริม มักต้องการการรักษาตามอาการเท่านั้น เพราะเริม
เป็นโรคที่หายได้เอง เว้นเสียแต่ในรายที่เพิ่งเริมแสดงอาการ
หรือมีภูมิต้านทานบกพร่อง หรือไม่มีแนวโน้มที่แผลจะหาย
ได้เอง จึงควรที่จะได้รับยาต้านไวรัสที่จำเพาะกับโรค ร่วม
ไปกับยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน







Create Date : 06 ตุลาคม 2551
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 14:00:11 น. 3 comments
Counter : 73265 Pageviews.

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าคะ รู้แต่ว่าเริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แค่นั้นนะค่ะ แต่พอมาอ่านแล้ว โอ้ เป็นโรคที่น่ากลัว แล้วสามารถเป็นที่มือและปาก อือ ครั้งแรกคิดว่าเป็นเฉพาะในส่วนที่ลับ ตอนนี้สามารถดูและรู้ในส่วนที่แจ้ง ฮิฮิ ขอบคุณสำหรับสาระดีดีๆที่นำมาฝากกันนะค่ะ


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:19:53:21 น.  

 
เคยเป็นที่ปากตอนเด็ก ๆ หนหนึ่ง กินข้าวลำบากโคตร



โดย: ขุนพลน้อยโค่วจง วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:22:12:41 น.  

 
ขอบคุณคะ


โดย: marzo วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:2:08:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.