Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
9 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
ฉากจำลอง "ข้าวยากหมากแพง"

นักเขียนท่านหนึ่งเล่าถึงสังคนจีนในเมืองชนบทสมัยก่อน เมื่อเริ่มเป็นชุนชนใหม่ๆ ทุกครอบครัวเท่าเทียมกันหมด มีคนหลายประเภท นิสัยใจคอต่างกัน บ้างชอบอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไร บ้างขยันทำมาหากิน บ้างเห็นแก่ตัว บ้างมีจิตอาสา บ้างเคร่งครัดในศีลธรรม เมื่อเวลาผ่านไป เมืองนั้นมั่งคั่งร่ำรวยขึ้น เกิดคนจน คนรวย(หยิบมือเดียว)

เมื่อถึงวันที่ฐานะทางสังคมของผู้คนแตกต่างกันอย่างสุดขั้วมาถึง จะมีการปล้นสะดมกันครั้งใหญ่ จนกระทั้งทุกคนอยู่ไม่ได้ ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด พวกมั่งคั่งร่ำรวยทำที่ซ่อนสมบัติ ซึ่งเตรียมไว้นานแล้ว เพราะรู้ว่าวันหนึ่งจะต้องเกิดเหตุเช่นนี้ ที่ซ่อนสมบัตินิยมทำกันมากๆคือการเจาะกำแพงเป็นช่องเก็บสมบัติแล้วโบกปูน หรือดินเหนียวทับ เมื่อเมืองร้างแล้วจึงเข้ามาเก็บทรัพย์สิน เพื่อเป็นทุนในการตั้งตัวต่อไป หากเมืองนั้นจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จะเริ่มต้นด้วยความเท่าเทียมกัน คือจนกันหมดทุกคน ยกเว้นบางคนที่ยังมีสมบัติที่ซ่อนไว้ แต่ต้องแกล้งจนเหมือนชาวบ้าน แล้วเกิดเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป

เมืองไทย วันนี้น้ำราวีแบบไม่เลือกขนชั้น วรรณะ มีเงิน ไม่ได้ใช้เงิน มีรถ ไม่ได้ใช้รถ มีบ้านก็อยู่ไม่ได้ ข้าวของไม่ขาดแคลนแต่ส่งหากันไม่ถึง มีความเท่าเทียมกันอย่างเป็นรูปธรรม ถึงอย่างไรก็ตาม ฉากนี้เหมือนกับหนังตัวอย่าง ให้รับรู้รสชาติของสังคมในอุดมคติ ที่เอื้ออาทร หว่งใยกัน แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ แม้จะฉาบฉวยและเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกดี

ธรรมชาติคงรู้ว่าในศตวรรษนี้ การจะสถาปนาความเท่าเทียมกันทางสังคมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จึงได้จำลองฉาก “ข้าวยากหมากแพง” เพื่อเตือนสติคนบางกลุ่มบางพวก ให้เห็นพิษภัยที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมเชื่อว่าถ้าสังคมเราลดความเห็นแก่ตัวลง ธรรมชาติอาจเกิดความเห็นอกเห็นใจ และ ยืดเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงไปอีกนานแสนนาน



Create Date : 09 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 22:44:37 น. 5 comments
Counter : 1010 Pageviews.

 
น้ำท่วมครั้งนี้ อาจทำให้บ้านใกล้เรือนเคียงที่ไม่เคยพูดกัน อยู่ติดกันแท้ๆ อาจได้รู้จักสนิทสนมกันยิ่งขึ้นก็ได้นะครับคุณอิม

เมื่อเช้าดูข่าว แต่ก่อนโจรที่มาปล้นทางน้ำ อาศัยดำน้ำใช้ทางมะละกอหายใจ เดี๋ยวนี้ทันสมัยมากครับ ใช้ท่อพีวีซี เรียกว่าเอากันทุกรูปแบบ พวกนี้จับได้ ต้องขังให้เข็ด ค่าที่ซ้ำเติมคนตกทุกข์ได้ยากกันตอนนี้

อีกไม่นาน ข้าวสารต้องกินอย่าทิ้งสักเม็ดเลยนะ แพงมหาศาลแน่ๆ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:21:54 น.  

 

 
น้ำท่วมครั้งนี้สังคมได้บทเรียนหลายอย่างจริง ๆ ค่ะ ธรรมชาติมาช่วยให้เราคิด ให้เราได้เปลี่ยนแปลง ความเจริญก็จะตามมาอย่างที่คุณอิมว่าอย่างในบล็อคที่แล้วน่ะค่ะ ตอนนี้สดใสก็ได้คำตอบแล้ว

เพราะกว่าจะมาได้คำตอบมานี่ สดใสคิดว่าเคี่ยวเข็ญความรู้สึกออกมาอย่างหนักหนาสาหัสพอควร ขนาดยังไม่ได้สัมผัสน้ำท่วมกะเขาเลย กับการที่เฝ้ารอเวลาว่าเมื่อไรจะถึงเวลาที่เราจะต้องอพยพแล้ว มันก็เครียดเอาการเหมือนกันและก็ไม่อยากจะเจอแบบนี้อีก ความคิดใคร่ครวญมันก็เกิดขึ้นบ้าง แล้วกะคนที่ต้องอยู่ในน้ำล่ะ เขาคิดกันอย่างไรหนอ



โดย: วันสดใส วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:45:58 น.  

 
น้ำท่วมในครั้งนี้ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในสังคม พอดีเห็นพูดถึงเรื่องความยากจน-ร่ำรวย ขอพูดถึงเรื่องการขายขยะ

น้ำท่วมในครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ในเรื่องของขยะที่มีมาก หลายคนบอกว่าผมงก แต่การขายขยะ มันได้ประโยชน์ 3 ทาง
1. คนขายได้เงิน
2. คนรับซื้อได้เงินด้วย
3. นำไปรีไซเคิลได้ง่าย ลดขยะไปในตัว

ถ้ามองในมุมที่เห็นแก่ตัวหน่อยก็คือ "ข้าขายเพราะต้องการเงินคืน ข้าทำเพื่อเงิน" ถามว่ากรณีขายขยะแบบนี้ได้เงินเยอะหรือไม่ มันไม่เยอะหรอก อย่างมากก็ไม่ถึงพันบาทต่อปี แต่ถ้าหลายปีความแตกต่างมันก็เกิดขึ้นในเรื่องของฐานะ เพราะเงินที่ได้มาอาจเอาไปลงทุนเพิ่มหรืออะไรก็ได้ บางทีแนวคิดต่างกันมันก็ทำให้คนต่างกันได้เหมือนกัน แต่ถ้ามองในมุมของสิ่งแวดล้อมมูลค่าที่ได้จากการแยกขยะขายนั้นประเมิณค่ามิได้เลยทีเดียว

น้ำท่วมในครั้งนี้มันมีสองมุมจริงๆ สำหรับประเทศไทย แต่ที่น่าห่วงในตอนนี้มุมมืดมันปรากฏให้เห็นเยอะกว่าที่ผมคาดไว้นี่สิ มันน่าเศร้าจริงๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:31:52 น.  

 
หนูมีความเชื่อว่า อะไรที่ถึงจุดสูงสุด ก็จะต้องถูกทำลายด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง และจะต้องเริ่มต้นใหม่
แต่สภาพที่เป็นอยู่วันนี้ คล้าย ๆ กับว่า อยากให้คนคิดถึงว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะได้เริ่มต้นสร้างสังคมไทยใหม่ ที่ผ่านมา เป็นความเจริญแบบหลวม ๆ ไม่ยั่งยืน หากคิดได้ หนูเชื่อว่า หากใช้ชีวิตอย่างเศรษฐกิจพอเพียง คนไทยจะพบความสุขที่แท้จริง
หนูเรียกน้ำท่วมครั้งประว้ติศาสตร์ 2554 ว่า "น้ำล้างซวยประเทศไทย" ค่ะ


โดย: kimmy (kimmybangkok ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:46:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.