|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]
|
ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วให้คิดถึงอดีตอีกแล้วสิ...
เชื่อหรือไม่? ผมเข้าโรงจำนำตั้งแต่อายุยังไม่เต็ม 15 ปี !
เชื่อเหอะ ไม่รู้จะมาหลอกกันหาพระแสงอะไร
เรื่องของเรื่องคือ เงินที่จะใช้เที่ยวขาดแคลน จะหาหยิบยืมเอาจากเพื่อนฝูงวัยเดียวกันก็กระไรอยู่ เพราะเพื่อนในกลุ่มในก๊วนก็ล้วนแต่ต้องใช้เงินในการเที่ยวเหมือนเราเสียทุกคน
ก็เลยมีคำแนะนะจากเพื่อนฝูงในวัยนั้นว่า ถ้ามีข้าวของก็เอาไปฝากอาโกที่โรงจำนำไว้ก่อน จะได้เงินมาเที่ยวตามวัตถุประสงค์
วัตถุพยานที่นำไปจำนำเป็นครั้งแรกในชีวิต คือ กางเกงขายาวขาบานตัวใหม่ ที่ต้ดได้ไม่นาน ตอนตัดทั้งค่าผ้า ค่าแรง หมดไปร่วมสองร้อยบาท แต่เผอิญตัดออกมาแล้วไม่ถูกสเป็คไม่พอดีตัว จะโยนทิ้งก็เสียดาย จะให้ใครก็ไม่มีใครรับ พอมีดำริว่าต้องหาเงินมาใช้ จึงหยิบเจ้ากางเกงตัวนี้เป็นเหยื่อชิ้นแรกของชีวิตการจำนำ
สมัยนั้น คงไม่เข้มงวดกวดขันกับอายุของผู้มาใช้บริการเท่าใดนัก หนุ่มน้อยตัวกระเปี๊ยกนุ่งกางเกงขาสั้น ก็เลยสามารถเดินเข้าโรงจำนำได้อย่างสบายไร้กังวล
พอยื่นกางเกงตัวเก่งให้อาโกที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาก็คลี่ออก มองผาด ๆ แล้วพูดขึ้นลอย ๆ ว่า
"30 บาท"
"จำนำขาดเลยได้เท่าไหร่" ลูกค้าหนุ่มต่อรองตามคำแนะนำของเพื่อนผู้ชำนาญการ
"40"
"ขอ 50 แล้วกัน กางเกงใหม่เอี่ยมเลย ใส่ไม่เกิน 2 ครั้ง"
อาโกเหลือบตามองหน้าไอ้หนุ่มกางเกงขาสั้นแป๊บนึ่ง ก่อนจะเขียนตั๋วจำนำขยุกขยิกเป็นภาษาจีน เขียนเสร็จ ให้คนลูกค้าแปะโป้ง หยิบเงินในเก๊ะส่งให้ 50 บาท แล้วฉีกตั๋วจำนำใบนั้นทิ้งต่อหน้า เป็นนัยสำคัญของการ "จำนำขาด" หรือมีค่าเท่ากับการขาย ไม่มีการไถ่คืน
จากประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้การเข้าโรงจำนำในลำดับถัด ๆ มาเป็นไปอย่างลื่นไหลมากขึ้น สิ่งของที่นำเข้าจำนำก็มักจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นทันสมัยเสียมาก นาน ๆ ทีจึงจะสลับด้วยสร้อยทองสร้อยนาคบ้าง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ถ้าเป็นการจำนำตามปกติ คือ ไม่ใช่จำนำขาด หรือขายขาดดังที่เล่ามาเบื้องต้น ในตั๋วจำนำจะเขียนชื่อผู้จำนำว่า "นายสมชาย" โดยที่อาโกไม่เคยถามถึงชื่อแซ่สักคำ และในช่องอายุ จะระบุว่า 20 ปี ทุกทีไป
การกรอกชื่อและอายุเช่นนี้ คงเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างไม่สู้เห็นความสำคัญของข้อมูลทั้งสองส่วนนี้ เพราะมีลายพิมพ์หัวแม่มือแปะไว้เป็นสำคัญแล้วกระมัง
ชื่อ "สมชาย" จึงเป็นนามปากกา หรือนามแฝง ยอดฮิตสำหรับคนที่ใช้บริการโรงจำนำ จนแม้แต่อาโกก็พลอยเห็นดีเห็นงาม นำไปกรอกลงในตั๋วจำนำเสียเลย โดยไม่ต้องซักถามให้มากความ
จึงเป็นคำพูดที่เป็นอันรู้กันในหมู่มิตรสหายก๊วนเดียวกันว่า หากวันไหนไปหาสมชาย ก็หมายถึงไปเข้าโรงจำนำ...
พอห่างหายจากวงการเที่ยวดื่มกิน แบบวัยรุ่นในยุคนั้น ความขาดแคลนในด้านทุนทรัพย์ จนต้องหันไปพึ่งคุณสมชาย ก็หมดลง จึงไม่เคยแวะเข้าสถานที่พรรค์นั้นอีกเลย นับรวมเวลาเกือบกึ่งศตวรรษแล้ว...
ก็เลยไม่ได้รับรู้ว่า มีวิวัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศแบบครึ้มมืดคลาสสิคแบบโรงรับจำนำในยุคหลัง ๆ นี้หรือไม่อย่างไร
แต่เมื่อมาอ่านในบล็อกนี้ และพบว่ายังคงบรรยากาศแบบเดิม ๆ ก็ให้รู้สึกสบายใจ
หากมีอันต้องหันเหเข้าใช้บริการอีกครั้ง คงมั่นใจได้ว่า คงจะไม่ไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ ขัด ๆ เขิน ๆ อีกเป็นแน่แท้
และแม้อาโกจะไม่ถาม ก็ตั้งใจจะบอกอาโกแบบเสียงดังฟังชัดว่า
"ชื่ออะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่สมชาย"
สร้างสรรค์หน่อยสิอาโก...