happy memories
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๓




https://www.youtube.com/watch?v=I70QuiVq1oA







ที่ศาลาริมทางกลางทุ่งนา สองพี่น้องนั่งนิ่ง ดวงตาจุนโซพร่าเลือนมองอึนโซที่น้ำตาไหลไม่หยุด แต่น้องไม่มีแม้เสียงสะอื้นออกมา

ศจ.ยุนกลับจากทำงานลงจากรถเห็นชีเน่เดินก้มหน้าเข้ามาก็เรียก พอมองหน้าลูกก็เห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ พ่อจูงมือลูกสาวเข้ามาในบ้าน แม่เดินมาหา ชีเน่ฟ้องทันที
"พี่จุนโซตบหน้าหนูเพราะเรื่องอึนโซ เพราะอึนโซค่ะ" ฟังความแล้วคุงฮาทำท่าไม่สนใจ
"หยุดร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆแบบนี้ได้แล้ว ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว" คุงฮาหันหลังเดินไป สามีท้วง ชีเน่พูดประชดแม่
"อย่างงั้นก็ดี หนูจะไปจากที่นี่ เชิญอยู่กับอึนโซให้สบายใจเถอะ" คุงฮาชะงักไป
"ทำไมแม่ถึงเกลียดหนูคะ แม่ไม่ใช่แม่ของหนูหรือ แล้วหนูน่ะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของแม่อย่างงั้นหรือคะ" แม่ใจอ่อน น้ำตาเริ่มคลอ พ่อเม้มริมฝีปากแน่น
"หนูต้องทนทรมานทำงานหนักในร้านอาหารนั่น แถมยังมีพี่ชายที่คอยทุบตีรังแก หนูอยากจะ...อยากจะสวมชุดสวยๆกับเค้าบ้าง หนูอยากมีพี่ชายที่รักใคร่ใยดีหนูบ้าง หนูต่ำต้อยจนถึงขนาดที่พ่อแม่แท้ ๆ ก็ยังรักหนูไม่ได้เชียวหรือ หนูต่ำต้อยจนแม่เกลียดหนูหรือ หนูน่ารังเกียจอย่างนั้นเชียวหรือ แม่คะ แม่เป็นแม่ของหนูไม่ใช่หรือ แม่ขา...แม่" เสียงเรียกแม่ของชีเน่ทิ่มแทงความรู้สึกของคุงฮา แม่ลูกทรุดตัวลงร่ำไห้ ชีเน่เรียกแม่ไม่หยุดปากจนคุงฮาต้องหันไปโผเข้ากอดลูกไว้

"ชีเน่ แม่ขอโทษนะจ๊ะ เป็นความผิดของแม่เอง อย่าร้องไห้นะชีเน่ แม่เป็นคนผิดเอง หยุดร้องไห้นะลูก"
"แม่ขา แม่จะไม่ไล่หนูไปใช่ไหม"
"ลูกจะไม่ต้องไปไหนอีกแล้วล่ะจ๊ะ" พ่อสะเทือนใจจนต้องเดินหนีไปยืนสงบอารมณ์ที่หน้าบ้าน




สักครู่หันไปเห็นจุนโซจูงมืออึนโซเดินเข้ามา จุนโซหยุดเดินเมื่อเห็นพ่อแล้วหันไปมองอึนโซดึงมือน้องเดินต่อ กล่าวสวัสดีกับพ่อแล้วก้มหน้าก้มตาจับมืออึนโซจะเดินเข้าประตู
"อย่าเพิ่งไป จุนโซ มาคุยกันก่อน" จุนโซไม่สนใจ
"ไว้ทีหลัง" พ่อฉุนกึกเมื่อเห็นท่าทีของลูกชาย อึนโซจะออกรับแทนพี่ชาย พ่อถามเสียงเขียว
"ทำไมลูกตบหน้าน้องสาว"
"อึนโซเป็นน้องสาวผม ผมไม่เคยตบหน้าอึนโซสักครั้ง" พ่อทำท่าอ่อนใจ
"ลูกควรปฏิบัติกับชีเน่ให้ดีๆด้วยนี่ ให้เหมือนที่ทำกับอึนโซ ชีเน่เป็นน้องแท้ๆของลูก" จุนโซเถียงทันที
"เค้าไม่ใช่น้องสาวผม ผมมีน้องสาวอยู่นี่แล้ว จะเอายังไง จะเอายังไงอีกล่ะ ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่คิดยังไงหรอกครับ แต่สำหรับผมแล้วชีเน่ไม่มีความหมายแม้แต่นิดเดียว ส่งเค้ากลับไปซะ" จบคำพูดพ่อตบหน้าลูกชายอย่างแรง อึนโซตกใจเรียกพ่อเสียงดัง หันไปมองหน้าพี่ชาย จุนโซเร่งให้น้องเข้าบ้านไป อึนโซเดินเข้าข้างใน หูยังได้ยินคำโต้ตอบด้วยอารมณ์แรงของพี่ชายที่ดังลอดเข้ามา
"แล้วอึนโซล่ะครับพ่อ พ่อไม่สนใจว่าน้องรู้สึกยังไงหรือ" อึนโซสะเทือนใจหนักกับความขัดแย้งของคนในครอบครัว พยายามกล้ำกลืนความรู้สึก เดินขึ้นมาชั้นบนมองไปทางห้องนอนของตัวเองที่ชีเน่เข้าไปอยู่แทน ไฟในห้องยังสว่างอยู่ อึนโซเช็ดน้ำตาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ แง้มประตูออกมองเห็นชีเน่หลับอยู่บนเตียง แม่นั่งข้าง ๆ ลูบหน้าชีเน่แผ่วเบา สายตาที่มองเพื่อน และน้ำตาที่ไหลรินออกมาของแม่สั่นสะเทือนจิตใจและความรู้สึกของอึนโซนัก
"แม่คะ...ไม่ต้องร้องไห้นะคะ"




ความเศร้าที่เข้ามาแทนที่ความสุขในครอบครัวอันอบอุ่น ความร้าวฉานที่ก่อความทุกข์ใจให้ทุกคนรอบตัว มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาให้คลายลงได้ ถ้วยสี่ใบวางเรียงกันตรงหน้า เป็นเหมือนตัวแทนความรักและความอบอุ่นที่อึนโซได้รับมาตั้งแต่เกิด ความสุขที่เคยมีพลิกผันเพียงชั่วข้ามคืน เหลือเพียงความเศร้าและเจ็บปวด อึนโซน้ำตารินไหล หยิบถ้วยทีละใบเอ่ยคำพูดของแต่ละคน
"ลูกอึนโซของเราโตเป็นสาวแล้วจริงไหมแม่"
"นั่นซิค่ะ อึนโซ ลูกอึนโซ ลูกสาวแสนสวยสุดที่รักของแม่" คำพูดของแม่ที่พูดติดปากอยู่เสมอ
"อึนโซไม่เห็นจะสวยสักหน่อยเลย แม่คิดไปเอง" คำหยอกเย้าของพี่ชายยังดังก้องในหู ความรักความห่วงใยของพี่ชายอึนโซจะจดจำไว้เสมอ
"แม่ขา...พ่อขา...แล้วก็พี่จุนโซ อึนโซรู้สึกซาบซึ้ง...ซึ้งในบุญคุณที่ช่วยกันเลี้ยงดูหนูมาด้วยดีนะคะ หนูจะเอาถ้วยไปเพื่อจะได้ระลึกถึงทุกคนตลอดไป" อึนโซสะอื้นฮักยกถ้วยขึ้นจูบลาทีละใบ
"พ่อขาลาก่อนค่ะ..."
"ลาก่อนค่ะแม่ที่ใจดีที่สุด..."
"แล้วก็พี่...พี่ชายเค้าไปนะ..." อึนโซบอกลาพี่ชายเป็นคนสุดท้ายแล้วหยิบเพียงถ้วยของตัวเองติดตัวไป ช่วงชีวิตนับแต่นี้ไปจะไม่มีวันเป็นเช่นเดิมอีก วันชื่นคืนสุขจะเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมา

เช้าแล้ว จุนโซรู้สึกตัวมองไปที่เตียง เห็นแต่ความว่างเปล่า ตกใจรีบลุกขึ้นวิ่งลงไปข้างล่างเปิดไฟดู เห็นถ้วยของอึนโซหายไป เจ้าของไม่อยู่แล้ว จุนโซรีบออกตามหาน้อง




ซุนอิมเปิดประตูร้านเอาขยะออกมาทิ้ง เหลือบเห็นอึนโซถือกระเป๋ายืนอยู่ เพ่งมองดู อึนโซยิ้มให้แม่ ราวกับจะแย้มรับเส้นทางชีวิตสายใหม่ที่เด็กสาวอย่างเธอเป็นผู้เลือกเอง ทั้งที่รู้ว่าชีวิตของตนจะไม่มีวันสดใสเช่นท้องฟ้าในยามเริ่มต้นวันอีกเลย

วันแรกในครอบครัวใหม่ประดุจฝันร้ายของอึนโซ ครอบครัวนั่งกินข้าวด้วยกัน อึนโซได้แต่เขี่ยข้าวในชาม ผิดกับพี่ชายที่ตักกินอย่างตะกรุมตะกราม อึนโซมองอย่างไม่คุ้นชิน ครั้นเห็นสายตาของแม่ที่มองมาก็รีบตักข้าวใส่ปาก ซุนอิมเข้าใจความรู้สึกของลูกดีได้แต่ถอนใจ




อึนโซไปรองน้ำนอกบ้าน มือข้างหนึ่งถือร่ม อีกข้างหิ้วถังน้ำเดินมาจวนจะเข้าประตูบ้านอยู่แล้ว จงชลวิ่งหนีแม่ออกมาจากบ้านชนอึนโซจนล้มลง ถังน้ำหลุดจากมือ ซุนอิมวิ่งไล่หลังลูกชายมาร้องด่าว่าที่ขโมยเงินไป
"นี่! กลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ลูกทรพี เฮ้ย! แกมาขโมยเงินแล้วจะหนีไปเรอะ หา เอาเงินคืนมานะโว้ย อย่าได้เสนอหน้ากลับมาอีกเชียวนะขืนมีพฤติกรรมชั่ว ๆ แบบนี้!" ซุนอิมหยุดวิ่งเมื่อเห็นว่าไล่กวดลูกชายไม่ทัน หันกลับมาเห็นอึนโซ หยิบร่มออกกางให้
"อ้าว! ฝนตกแล้วจะหิ้วถังมาทำอะไรอีกล่ะ"
"คือว่า แม่...พรุ่งนี้น้ำประปาไม่ไหลค่ะ" อึนโซชะงักกับคำว่าแม่ ไม่คุ้นกับการเรียกคนอื่นว่าแม่ ซุนอิมท่าทางอ่อนลง คว้าถังจากมืออึนโซ
"เอามา ฉันไปตักเอง"
"แม่ให้หนูถูบ้านใช่ไหมคะ" อึนโซพูดเอาใจแม่อีกแต่กลับถูกดุ
"เลิกกวนใจซะทีน่า ถ้าจะให้ช่วยฉันจะบอกเอง" อึนโซก้มหน้านิ่ง ซุนอิมเดินห่างไปไม่กี่ก้าว หันกลับมาบอก
"ถ้าเรียกฉันว่าแม่ไม่ได้ก็ไม่ต้องเรียกหรอก" ซุนอิมหันหลังเดินไป อึนโซทำหน้ายุ่งใจแล้วเดินเข้าบ้าน เพื่อนบ้านตะโกนเรียกซุนอิมบอกว่ามีคนโทรศัพท์มาหา แล้วต่อว่าทำไมไปบอกเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของตัวเองให้คนอื่นรู้




อึนโซนั่งเฝ้าหน้าร้านมีลูกค้าเป็นผู้ชายสองคนเดินเข้ามาถามถึงแม่ อึนโซบอกว่าไปข้างนอกเดี๋ยวก็กลับ ลูกค้าถามว่าทำของกินเป็นไหม อึนโซยิ้มตอบว่าเป็นให้รอเดี๋ยว

คุงฮาโทรนัดให้ซุนอิมออกมาพบแล้ว เอ่ยขออึนโซคืน
"คุณอยากเอาแกกลับคืน"
"ฉันเสียใจจริงๆ แต่เราอยากได้อึนโซคืนค่ะ" ซุนอิมหน้าเครียดทันที
"คุณกลับไปเสียดีกว่า"
"ฉันอยากคุยกับอึนโซค่ะ ให้ฉันได้คุยกับแกก่อนนะคะ"
"คุณพูดอย่างกับพวกหน้าเลือด แกไม่ใช่สิ่งของนะ แล้วชีเน่ล่ะ เอามาคืนฉันก่อนซิ"
"ชีเน่น่ะ ฉันก็ส่งแกคืนไม่ได้ค่ะ"
"ทำไมถึงคืนไม่ได้"
"เพราะว่าแกไม่อยากกลับมาอยู่กับคุณ"
"ชีเน่มัน...มัน...มันว่าอย่างนั้นหรือ" ซุนอิมเจ็บปวดที่ลูกไม่ยอมกลับมาหา
"เราจะย้ายไปอยู่อเมริกาเร็ว ๆ นี้ อึนโซน่ะเราทิ้งแกไว้ที่นี่ไม่ได้ค่ะ"
"คุณจะ...พาชีเน่...ไปด้วยหรือ" ซุนอิมใจหาย
"ฉันเสียใจจริง ๆ แต่จะเป็นไปได้ไหมคะ ถ้าเราจะขอเลี้ยงทั้งชีเน่และก็อึนโซทั้งสองคนน่ะ เราจะไม่ยึดแกไว้ตลอดไปหรอกค่ะ เราอยากจะขอดูแลแกจนกระทั่งแกเข้ามหาวิทยาลัย ได้ไหมคะ นะคะ ไม่อย่างงั้น อึนโซคงไม่ได้...แกคงโตขึ้นเป็นนางเสิร์ฟ แล้วยังต้องอยู่กับคุณ อย่าเห็นแก่ตัวซิคะ" ความอดทนของซุนอิมหมดลงเมื่อฟังคำสุดท้าย
"เห็นแก่ตัวหรือ"
"เราจะเลี้ยงดูแกได้ดีกว่าคุณนะคะ" คุงฮาขอร้อง ซุนอิมปาดน้ำตา พูดอย่างโมโหจัด
"นี่! คุณนาย ใช่ซินะ คนอย่างฉันมันเห็นแก่ตัว ฉันอยากจะหาประโยชน์จากลูก จิกหัวใช้อยู่แต่ในร้านอาหาร ก็งานน่ะมันหนักหนาสาหัสนี่ ยิ่งหน้าหนาวงานที่ร้านยิ่งยุ่ง ฉันจะปล่อยแกไปได้ยังไงกันล่ะ ก็คนที่เลี้ยงมากับมือมันยังไม่อยากกลับมาอยู่กับฉัน อย่างนี้น่ะมันดีแล้ว" ซุนอิมจะลุกกลับ คุงฮาเรียกไว้หยิบซองออกมาวางตรงหน้า ซุนอิมมองดูก็รู้ว่าเป็นเงิน
"เท่าไหร่กันเนี่ย"
"นี่สำหรับที่คุณกรุณาช่วยเลี้ยงดูชีเน่มาจนโต ส่วนอึนโซถ้าคุณจะยอมคืนให้กับเรา ฉันจะให้เพิ่มอีก"
"เอามาทุกบาททุกสตางค์ซิ" ซุนอิมจ้องหน้าคุงฮาเขม็ง
"ค่ะ?"
"ให้ไม่ได้ล่ะซิ เฮอะ! ลูกตั้งสองคน คุณนายถือว่ามีค่าเพียงแค่นี้หรอกหรือ ยอมจ่ายมาจนหมดตัวไม่ได้ ทำเป็นจะต่อรองหรือยังไง"
"ไม่ใช่อย่างงั้นนะ" คุงฮาปฏิเสธเสียงอ่อน ซุนอิมเขวี้ยงซองเงินใส่หน้าคุงฮา
"เงินซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่างซินะ ฉันไม่รับเงินสกปรก คิดว่าฉันเป็นคนยังไง หา" ครั้นเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายก็หยุดไป




ลูกค้ากินเหล้าพอเมาได้ที่ก็เริ่มเอะอะ เรียกอึนโซมาต่อว่า
"นี่! ออกมานี่หน่อยซิ ขายยังไง ชามนี้ดูซิไม่เห็นมีเนื้อสักชิ้นเดียวเลยนี่"
"มีแต่กระดูกเต็มชามไปหมดเลย" อีกคนติตามเพื่อน
"ใช่แล้วของฉันก็เหมือนกัน อย่างนี้ต้องชดเชย ต้องแก้ตัว ร้องเพลงให้เราฟังด้วย เสียงดีหรือเปล่าล่ะ เราน่ะ ดีหรือเปล่า เสียงดีนะคงเหมือนแม่ล่ะนะ วันนี้ฉันมีเงินจะตกรางวัลให้เป็นพิเศษเลยทีเดียว ไม่ร้องหรือไง ไม่เป็นไรมารินเหล้าให้ฉันแทนก็ได้" ซุนอิมยืนมองที่หน้าร้านน้ำตาไหล เมื่อได้เห็นอึนโซจะต้องมามีสภาพไม่ผิดกับตัวเองในวันข้างหน้า ซุนอิมกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งเห็นลูกสาวถูกลูกค้าจับไม้จับมือจะให้รินเหล้าให้ ซุนอิมทนไม่ไหวเปิดประตูเข้าไป คว้ามืออึนโซลากออกจากบ้าน ไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของลูกค้า




ซุนอิมดึงมือลูกสาวเดินอย่างเร็วออกมา พอเห็นคุงฮาก็หยุดชะงัก อึนโซเห็นก็เรียกแม่เสียงดัง คุงฮาได้ยินหันไปเห็นอึนโซเรียกลูก สองคนน้ำตาไหลพรากโผเข้ากอดกันด้วยความรักและคิดถึงเป็นที่สุด ซุนอิมก้มหน้าลงด้วยความสะท้อนสะเทือนใจกับภาพที่เห็น เดินเข้าไปใกล้ สองแม่ลูกผละออกจากกัน ซุนอิมเอ่ยพูดเจือด้วยเสียงสะอื้น
"แกคงไม่เรียกคุณว่าแม่ แกคงไม่เรียกอย่างงั้นถ้าแกไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างมาอยู่กับฉันแกไม่เคยเรียกฉันว่าแม่สักครั้ง ที่คุณพูดก็ถูกนะ ถ้าต้องมาจมปรักอยู่กับฉันก็คงไม่มีอนาคต ได้เป็นแค่นางเสิร์ฟ แกคงไม่มีโอกาสเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ฉันน่ะคงพออยู่ต่อไปได้ ฉันไม่เคยชอบเด็ก ๆ อยู่แล้วล่ะ แล้วฉัน...ไม่ใช่แม่ที่ดีสักเท่าไหร่...เอาแกกลับไปซะ" อึนโซมองหน้าแม่ทันที คุงฮาคาดไม่ถึง
"บ้านนั้นเขาจะไปอเมริกากันแล้ว ไปกับเขาซะ เอาแกคืนไป" ซุนอิมบอกลูกและตัดใจพูดประโยคหลังกับคุงฮา คำพูดเหมือนไม่ใยดี ทว่าดวงตาก็เต็มเปี่ยมด้วยความทุกข์ทรมานใจ
"เป็นพระคุณมากค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ" คุงฮาปลื้มปิติที่ได้ลูกคืนมา อึนโซมองตามแม่ที่หันหลังกลับสาวเท้าจากไปอย่างเร็ว
"ลูกแม่ อึนโซ กลับบ้านกับแม่ กลับบ้านกับแม่เถอะนะลูกนะ"
"แต่ว่า...หนูกลับไปไม่ได้ค่ะ...อึนโซไม่ใช่ลูกของแม่ค่ะ แม่มี...ชีเน่อยู่แล้ว แล้วก็พี่จุนโซด้วย" คำพูดของลูกเหมือนมีดกรีดความรู้สึกของคนเป็นแม่
"ไม่จริงนะลูก อึนโซ"
"หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่ได้ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงหนูอีกต่อไปแล้ว" อึนโซฝืนยิ้มให้แม่ทั้งน้ำตาแล้ววิ่งกลับไปหาซุนอิม
"อึนโซ...อึนโซเดี๋ยว...อึนโซ...อึนโซ!" หัวใจคุงฮาคล้ายถูกบีบคั้นอย่างแรง ร้องเรียกลูกแต่อึนโซก็วิ่งจากไปแล้ว
อึนโซวิ่งตามซุนอิมมาเรียกคำว่าแม่เสียงดัง ซุนอิมหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำว่าแม่จากปากอึนโซเป็นครั้งแรก อึนโซเรียกแม่ไม่หยุดปาก วิ่งเข้ากอดซุนอิม
"แม่ขา หนูขอโทษค่ะ อย่าส่งหนูกลับไปนะคะ หนูจะอยู่กับแม่" สองแม่ลูกร้องไห้กอดกันแน่น คุงฮาน้ำตาไหลได้แต่มองภาพนั้นอยู่แต่เพียงห่าง ๆ รู้แล้วว่าตนเองได้สูญเสียลูกสาวสุดที่รักไปแล้วโดยสิ้นเชิง




เวลาพักกลางวันในห้องเรียน ชีเน่เปิดกล่องข้าว กับข้าวน่ากินอัดเต็มแน่น เพื่อน ๆ รุมล้อมรอบโต๊ะ พรรคพวกชีเน่แกล้งเอ่ยชวนอึนโซ กังอีบอกไม่สนใจ แล้วเปิดกล่องข้าวของอึนโซเห็นกับข้าวก็หน้าเสีย ถามว่าอะไร ชีเน่นึกสมน้ำหน้าอึนโซที่ต้องมามีสภาพเดียวกับเธอ บอกเสียงเยาะ ๆ
"ก็หูหมูยังไงล่ะ ไม่รู้หรือ" อึนโซเม้มปากพยายามไม่แสดงความรู้สึก พูดเสียงดังสีหน้ายิ้มแย้ม
"ขอบคุณค่ะแม่" อึนโซคีบกับข้าวใส่ปากท่าทางอร่อย ชีเน่มองดูไม่สาแก่ใจที่อึนโซไม่อนาทรร้อนใจกับความลำบากที่เผชิญอยู่




จุนโซนั่งคอยอึนโซที่หน้าโรงเรียน พอเห็นน้องก็เดินตาม อึนโซรู้ว่าพี่ชายตามมาก็ทำไม่สนใจเดินต่อ แต่ก็คอยเหลียวกลับไปมอง พออึนโซออกวิ่งจุนโซก็วิ่งตามร้องบอกน้อง
"อึนโซ ช้าหน่อยพี่ตามไม่ทันน่ะ" อึนโซชะลอฝีเท้าลงหันไปมองพี่ชาย จุนโซยิ้มให้ ริมฝีปากอึนโซแย้มออกแต่มีแววเศร้าแฝงอยู่ในดวงตา




ท้องฟ้าคล้ายผืนผ้าใบกว้างใหญ่ที่ถูกปาดป้ายด้วยสีฟ้าต่างโทนแล่นเข้าหากัน ดูงดงามแปลกตา เบื้องล่างไกลลิบเป็นทิวเขาที่ทอดตัวสลับสล้างขนานไปกับขอบฟ้า ทางรถไฟตัดโค้งกลางทุ่งนาเขียวสว่างไสวอ้อมลับหายไปในหมู่แมกไม้ริมทาง จุนโซ อึนโซเดินกันมาตามทางรถไฟ จุนโซเอ่ยคุย
"รู้ไหม ทางรถไฟสายนี้แล่นไปถึงชายทะเลเชียวนะ"
"จริงนะ"
"อืม เธอเคยบอกว่าอยากไปชายทะเลในวันเกิดไม่ใช่หรือ"
"รู้ไหมเค้าคิดถึงอะไรมากที่สุด คิดถึงนาฬิกาที่พี่ซื้อให้ในวันเกิดเมื่อปีกลายนี้ เค้าลืมเอามันติดตัวมาด้วย เป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่พี่เคยซื้อให้เค้าเลย"
"งั้นหรือ" จุนโซคิดไม่ถึงเหมือนกัน
"ใช่ซิ อย่างงั้นแหละ ชิ้นเดียวตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมาเลย แย่ชะมัด"
"เธอไม่รู้หรือว่าพี่แย่"
"พี่นี่แย่จริง ๆ เลย" สองคนมองหน้ากัน นึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านไป จุนโซออกเดินต่อ อึนโซเดินตามถามพี่ชาย
"พี่ชาย ถ้าเกิดใหม่ได้พี่อยากเกิดเป็นอะไรหรือ"
"แล้วเธอล่ะ"
"ถ้าเกิดใหม่ได้หรือ เค้าอยากเกิดเป็นต้นไม้"
"ต้นไม้หรือ"
"ต้นไม้...เมื่อไหร่มันหยั่งรากลึกแล้ว มันก็ไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนอีก แบบนั้นแหละเค้าจะได้ไม่ต้องแยกจากใครไปอีกแล้วไง" จุนโซหยุดเดินหันมองหน้าอึนโซสีหน้าสะเทือนใจ อึนโซบอกลาพี่ชาย
"แค่นี้นะ เราลากันตรงนี้ดีกว่า"
"อึนโซ..."
"เค้ากำลังตัดความผูกพันทั้งหมดกับแม่ กับพ่อ และก็พี่ด้วย เค้าบอกแม่ไปแล้วว่า เค้าไม่ใช่ลูกสาวแม่อีกแล้ว" เสียงอึนโซสะอื้นไห้
"อึนโซ..."
"เค้าไม่อยากต้องรู้สึกเศร้ากว่านี้หรอก หลังจากที่พวกพี่ไปอยู่อเมริกากันหมดน่ะ เค้าอยากจะลืมทุก ๆ คนให้หมด เค้าจะได้ไม่ต้องเศร้าอยู่คนเดียวไงล่ะ พี่เองก็ต้องทำใจเหมือนกัน ลืมเค้าซะเถอะนะ" อึนโซน้ำตาไหลนองแก้มหันหลังวิ่งจากไป จุนโซจะวิ่งตาม หากได้แต่หยุดมอง ความรู้สึกลิ่วลอยตามร่างของน้องที่ค่อย ๆ วิ่งห่างออกไป




ที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน พ่อยืนดูชีเน่ที่กำลังเล่นเปียโนอย่างคล่องแคล่ว คุงฮาเดินเข้ามาท่าทางอ่อนระโหย ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้บอกลูกสาวให้ขึ้นไปนอน สามีหันมาเห็น
"อ้าว! คุณ เพิ่งลุกขึ้นมาหรือนี่ ยังไม่สบายอีกหรือจ๊ะ" แม่ย้ำให้ชีเน่ไปนอนอีก ชีเน่เดินออกไป คุงฮาบอกสามีสีหน้าทุกข์ทรมาน
"ฉันต้องกินยา มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ฉันอยากเดินทางทันที จะได้ไปซะพ้นๆ"
"อีกไม่กี่วันเอง อดใจหน่อยก็แล้วกัน"
"อึนโซไม่ยอมไปอเมริกากับเราค่ะ ลูกไม่ยอมไปกับเรา คุณค่ะ ฉันเจ็บปวดเหลือเกินเจ็บปวดทั้งสรรพางค์กาย เหมือนจะขาดใจ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ฉันคิดถึงลูกอึนโซ คิดถึงลูกอึนโซเหลือเกินแล้ว ฉันคงใกล้จะขาดใจเพราะว่าฉันคิดถึงลูกมากขนาดนี้ ฉันคิดถึงลูกอึนโซค่ะ" คุงฮาคร่ำครวญถึงลูกรักอย่างตรอมใจ ชีเน่แอบฟังอยู่รู้สึกน้อยใจที่แม่คิดถึงแต่อึนโซ โดยไม่สนใจลูกที่อยู่ข้างตัวแม่อย่างเธอเลยแม้แต่น้อย




ยามเช้าที่ร้านอาหาร ถึงจะเป็นวันเกิดแต่อึนโซก็ยังต้องลุกขึ้นมาทำงานแต่เช้า เปิดประตูออกมาเห็นดอกไม้สีสดบานเต็มที่ อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดมแล้วพูดกับตัวเอง
"อึนโซ สุขสันต์วันเกิดนะ"
ตรงข้ามกับชีเน่ที่มีทั้งเค็กและของกินน่าอร่อยวางเต็มโต๊ะอาหาร ชีเน่เป่าเทียนบนเค็ก ทุกคนปรบมืออวยพรวันเกิดให้ พ่อกับแม่ให้ของขวัญลูกสาว ชีเน่เปิดกล่องของแม่เห็นเป็นชุดสวยก็ร้องดีใจบอกขอบคุณแม่
ชีเน่ถามแม่ว่าจะชวนเพื่อนมางานวันเกิดได้กี่คน แม่บอกว่าจะชวนมาทั้งโรงเรียนก็ได้ ชีเน่ยิ่งลิงโลดใจ คุงฮาเอ่ยถึงอึนโซ ทุกคนเงียบ มีแต่จุนโซที่เอ่ยขึ้น
"นั่นซิฮะ วันนี้ก็วันเกิดอึนโซ" ชีเน่ก้มหน้าซ่อนแววตาไม่พอใจแล้วทำท่าเสียดาย ปั้นยิ้มพูดขึ้น
"ก็คงใช่นะ แต่อึนโซคงมาไม่ได้หรอก หนูว่าเค้าคงต้องงานยุ่งแน่เลย"
"ยุ่งทำงานอะไรล่ะ" จุนโซสวนทันที
"จะได้มาไหมนะ" แม่รำพึง
"เรามาร่วมกินมื้อค่ำกันก่อนจะไปจากที่นี่ คุณจะว่าไง" พ่อออกความเห็น แม่ไม่ตอบ ก้มหน้าลง
"ชีเน่ล่ะ" พ่อถาม
"ก็ดี" ในใจไม่อยากเห็นอึนโซอีกเลย




ชีเน่เดินเข้าห้องนอนปิดประตูอย่างแรง ตะโกนชื่ออึนโซอย่างแค้นใจที่อึนโซยังคงเป็นคนสำคัญกว่าเธอเสมอ จุนโซเปิดประตูเข้ามายื่นกล่องของขวัญให้ บอกสุขสันต์วันเกิด ชีเน่ยิ้มแป้นบอกขอบคุณแล้วแกะออกดู เห็นเป็นนาฬิกา
"นาฬิกาหรือ อยากได้อยู่เชียว น่ารักจังเลย ขอบคุณมากนะ" จุนโซหันไปหยิบนาฬิกาที่ซื้อให้อึนโซแล้วบอกชีเน่
"เรือนนี้น่ะฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ใช้ ฉันขอได้ไหม คือว่าฉันให้อึนโซเป็นของขวัญเมื่อปีกลายนี้" ได้ยินชื่ออึนโซ ชีเน่ของขึ้นทันที โยนนาฬิกาที่จุนโซให้ทิ้งลง
"ของอึนโซอีกอย่างงั้นหรือ พี่ถึงซื้อนาฬิกาให้ฉันหรือ"
"ไม่ใช่อย่างงั้นนะ อึนโซอยากจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้นเอง" ชีเน่นึกแผนแกล้งอึนโซได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์
"ก็ได้ ฉันไม่สนหรอก ยังไงมันก็เป็นนาฬิกาของอึนโซเค้า เอามานี่ฉันจะให้เค้าเอง เป็นของขวัญวันเกิดไง ฉันเองก็อยากจะคืนดีกับเค้าก่อนที่เราจะไปจากที่นี่" จุนโซไม่รู้ทันชีเน่ ได้แต่งงกับท่าทีของน้องตัวเอง
จุนโซถือกระเป๋ากำลังจะไปโรงเรียนเข้ามาในห้องอาหาร จะเทน้ำดื่มเห็นถ้วยที่ตัวเองทำเหลืออยู่เพียงสามใบ คิดถึงน้องหยิบถ้วยของตัวเองไป




ชีเน่กับเพื่อน ๆ คุยกันเฮฮาถึงเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดที่จะจัดที่บ้าน อึนโซกับกังอีจูงมือกันเข้ามาในห้องเรียน ชีเน่ร้องชวนทุกคนให้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองวันนี้ พูดไปก็ชำเลืองมองอึนโซไป เพื่อนถามว่าจุนโซจะมางานด้วยหรือเปล่า
"ต้องอยู่แล้ว ก็วันเกิดน้องสาวเขาทั้งคนนี่นา ทุกคนได้รับเชิญหมดนะ อย่าลืมล่ะ"
"แล้วถ้ามีคนไม่อยากไปล่ะ" เพื่อนถามกระทบอึนโซ
"ถ้าเค้าไม่อยากไปก็ช่างเค้าปะไรเล่า" ชีเน่ไม่สนใจ หันไปคุยถึงงานวันเกิดตัวเองต่อ
อึนโซพยายามไม่ใส่ใจคำพูดของชีเน่ เปิดลิ้นชักโต๊ะออกเห็นนาฬิกาที่จุนโซให้ หยิบขึ้นมานึกถึงพี่ชายน้ำตารื้น เก็บนาฬิกาใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียน ชีเน่มองเห็นยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ เข้าแผนที่ตัวเองวางไว้




หลังเลิกชั้นเรียนวิชาดนตรี นักเรียนทยอยเข้ามาในห้อง ชีเน่ฟุบหน้าร้องไห้อยู่ มีเพื่อนคอยพูดปลอบอยู่ข้าง ๆ อึนโซกับกังอีเดินเข้ามาเห็นเข้านึกสงสัย
ครูเข้าชั้นมาประกาศว่า
"นักเรียนฟังทางนี้ ครูไม่อยากเชื่อเลย เกิดเรื่องแบบนี้ในห้องของครูได้ยังไง ครูได้รู้เรื่องแล้วจะต้องบอกว่าครูไม่สบายใจมาก ๆ เลยนะ นักเรียนทุกคนเอากระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะเดี๋ยวนี้ แล้วขึ้นไปนั่งคุกเข่าบนโต๊ะด้วย" ทุกคนแปลกใจแต่ก็พากันทำตามที่ครูบอก
"นาฬิกาของชีเน่หายไปทั้ง ๆ ที่อยู่ในห้องเรียน ชีเน่อธิบายลักษณะซิ"
"เป็นนาฬิการูปมิคกี้เมาส์ค่ะ" อึนโซใจหายวาบ รู้ทันทีว่าถูกชีเน่แกล้งเข้าให้แล้ว ชีเน่บีบน้ำตาพูดอีก
"ใครเอาไปช่วยเอามาคืนฉันด้วย เพราะมันมีคุณค่าทางใจกับฉันมาก" ครูสั่งต่อ
"ทุกคนหลับตาเดี๋ยวนี้ ใครรู้ตัวว่าเอาไปให้ยกมือขึ้นได้ ครูจะไม่ลงโทษเธอ ขอเพียงให้ยอมรับผิดเท่านั้นเอง...ไม่มีหรือครูจะต้องค้นล่ะนะ" ครูค้นกระเป๋านักเรียนทีละคน เสียงเดินของครูใกล้เข้ามา อึนโซยึดกระเป๋าตัวเองไว้แน่น ครูสั่งให้อึนโซเปิดกระเป๋า ชีเน่จ้องเป๋งสมใจที่ทำให้อึนโซจะถูกจับได้ว่าเป็นขโมย อึนโซยังนิ่งไม่ยอมปล่อยมือ ครูเรียกอึนโซเสียงดัง แล้วดึงกระเป๋าอย่างแรงจนของในกระเป๋าหล่นกระจาย รวมทั้งนาฬิกาที่กำลังหาอยู่ เพื่อน ๆ มองเป็นตาเดียว กังอีแปลกใจ ครูเองก็นึกไม่ถึง อึนโซหน้าเสีย รีบปฏิเสธเสียงสั่นเครือ
"เปล่านะคะ หนูไม่ได้ขโมยนะ สาบานได้ค่ะว่าหนูไม่ได้ขโมย" ชีเน่ลุกขึ้นยืนเล่นบทนางเอกผู้แสนดี
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะครูคะ ที่จริงหนูตั้งใจจะให้เค้าอยู่แล้ว หนูไม่เอาโทษหรอกค่ะ"
"หนูเปล่านะคะ หนูไม่ได้ขโมย หนูไม่ได้ขโมยนะคะ มันมาอยู่ในลิ้นชักโต๊ะหนูเอง พี่ชายหนู..."
"พี่ชายหรือ จุนโซยกให้เธอหรือ จุนโซให้ใช่ไหม" อึนโซจนคำตอบไม่รู้จะอธิบายให้ครูเข้าใจอย่างไรได้




ครูเรียกทั้งสามคนให้มาพบในห้องพักครู ครูซักจุนโซ
"จุนโซ เธอเป็นคนให้นาฬิกาอึนโซใช่ไหม" จุนโซไม่ตอบ สีหน้ายุ่งยากใจ
"พี่ชาย หนูเอานาฬิกาใส่กระเป๋าเมื่อเช้านี้เพื่อมาให้อึนโซ" ชีเน่บอกความจริงแค่ครึ่งเดียว
"ยังงั้นจริงหรือ อึนโซ เขาเป็นคนให้เธอแน่หรือ" ครูถามอีก อึนโซก้มหน้านิ่ง ครูถอนใจ
"อึนโซ เธอโกหกครูหรือ" อึนโซจะเอ่ยปากแต่พูดไม่ออก
"ยุน จุนโซ บอกครูมานะ เธอเป็นคนให้นาฬิกาอึนโซหรือเปล่า" จุนโซอ้ำอึ้งหน้าเครียด อึนโซรีบพูด
"เปล่าหรอกค่ะ เขาไม่ได้ให้หนูหรอกค่ะ หนูเพิ่งเจอเขาเดี๋ยวนี้เองค่ะ"
"แปลว่าเธอขโมยไปเองหรือ" ครูสรุป
"ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหนูเองค่ะ หนูน่าจะเก็บเงียบเอาไว้ก่อนดีกว่า ถ้าหนูรู้ว่าอึนโซเป็นคนเอาไป หนูก็คงไม่ออกมาโวยวายหรอกค่ะ ยังไงมันก็เป็นของอึนโซ หนูผิดเองค่ะ" ชีเน่บีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร จุนโซแน่ใจว่าเป็นฝีมือชีเน่ นึกฉุนแต่ทำอะไรไม่ได้ อึนโซได้แต่กล้ำกลืน
เธอถูกทำโทษให้นั่งที่หน้าห้อง ถือป้ายที่เขียนหนังสือตัวโตว่า "ฉันพูดโกหก" เด็กสาวน้ำตาไหลอย่างเจ็บปวดที่ต้องถูกประจานความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น




ชีเน่รอจุนโซที่หน้าโรงเรียน พอเห็นพี่ชายก็เข้าคล้องแขนชวนกลับพร้อมกัน จุนโซหน้าตึงไม่ยอมมองหน้าน้องจอมแสบ ชีเน่ไม่รู้สึกพูดต่อ
"เพื่อน ๆ ฉันเค้าอยากเจอพี่ มีงานวันเกิดคืนนี้ คงไม่ลืมใช่ไหม อยู่ให้ได้ล่ะ ทำได้ไหม" จุนโซเบะปากแล้วเดินหนี ชีเน่ตะโกนไล่หลัง
"งานวันเกิดของฉันนะ ยังไงพี่ก็ต้องอยู่"

เพื่อน ๆ กลับกันหมดแล้ว อึนโซยังถูกครูทำโทษต่อให้คัดตัวหนังสือ "ฉันพูดปด ฉันจะไม่พูดปดอีก" จนเต็มกระดานดำ จุนโซเดินเข้ามาในห้อง แววตาเจ็บปวดที่เห็นอึนโซถูกแกล้งแต่ตัวเองช่วยน้องไม่ได้ เดินเข้าไปใกล้ อึนโซเหลือบมองพี่ชายแล้วเขียนต่อ จุนโซเรียกน้อง
"เราไม่เคยรู้จักกันไม่ใช่หรือ" อึนโซหันมาบอกพี่ชายแล้วกลับไปเขียนต่ออีก จุนโซเศร้าแต่ก็ทำเออออตาม ปรับน้ำเสียงให้แจ่มใส
"งั้นเอาเป็นว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ หวัดดีครับผมชื่อยุน จุนโซครับ ยินดีที่รู้จักครับ คุณนี่น่ารักจังเลยนะ" สีหน้าเบิกบาน พูดจบก็ยิ้มกว้างให้คนที่พูดด้วย อึนโซยิ้มออกแต่พอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาก็น้ำตาคลอ บอกพี่ชาย
"แต่ว่า..เค้าไม่ได้โกหกใครนะ เค้าไม่เคยขโมยอะไรของใครเลย เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เค้าสาบานได้" จุนโซเศร้าตามไปด้วย
"พี่รู้...พี่รู้แล้ว"
"พี่เข้าใจ แค่นี้เค้าก็พอใจแล้ว"
"เราไป...ไปทะเลกันนะ" จุนโซชวนน้อง อึนโซเช็ดน้ำตาพยักหน้าให้พี่ชาย




ท้องฟ้าสีหม่น ชายหาดร้างผู้คน ระรอกคลื่นม้วนตัวคลี่ฟองซบผืนทราย สองพี่น้องเดินตามกันมาบนชายหาดพลางก้มลงเก็บเปลือกหอย วิ่งหนีลูกคลื่นที่ทะยอยเข้าหาฝั่ง เล่นเป่ายิ้งฉุบกัน สองคนเล่นไล่กันอย่างสนุกสนาน
จุนโซลงมือใช้ท่อนไม้วาดรูปบนพื้นทราย อึนโซสงสัย
"พี่วาดอะไรน่ะ" จุนโซอมยิ้ม บอกน้อง
"อย่าเพิ่งมากวนซิ"
"ดูไม่ออกเลยน่ะ" อึนโซบ่นอีก
"เดี๋ยวก็รู้อย่าเพิ่งกวนตอนนี้น่า"
"อะไรน่ะ"
จุนโซวาดเสร็จโยนไม้ทิ้งปัดมือ ยืนเท้าเอวมองผลงานของตัวเองอย่างภูมิใจบอกอึนโซ
"เสร็จเรียบร้อยแล้ว"
"วาดใครหรือ"
"ก็วาดเธอซิ ถามได้" อึนโซตาโต
"นั่นเค้าหรือน่ะ เค้าน่าเกลียดอย่างนั้นเชียวหรือ" จุนโซหัวเราะถามน้องอีก
"ไม่ถูกใจเธอล่ะซิ"
"ไม่ชอบน่ะ" อึนโซชักงอน
"งั้นพี่มีอะไรที่เธอต้องชอบนะ มาซิ" พี่จูงมือน้องไป จุนโซส่งกล่องของขวัญให้ อึนโซเปิดดู เห็นถ้วยรูปพี่ชายดีใจหันไปมองเขา จุนโซหยิบมาถือไว้
"เอาไปเถอนะ เธอจะได้ไม่เหงาอีกต่อไปไง พี่รู้ว่าเธอเอาถ้วยของเธอไป เอาใบนี้ไปวางไว้ข้าง ๆ ตกลงไหม" สองคนนั่งมองทะเลเงียบ ๆ จนฟ้าค่อย ๆ มืดลง




ไฟจากประภาคารที่กระพริบสว่างวับเป็นระยะอยู่ไกล ๆ และผิวน้ำที่ขยับกายด้วยแรงคลื่นเพียงแผ่วพริ้ว ทำให้ภาพท้องฟ้ายามค่ำดูนุ่มตา เวลาค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยไป คล้ายอาลัยอาวรณ์ต่อความผูกพันของสองพี่น้อง อึนโซบอกพี่ชาย
"ดึกแล้วไม่ใช่หรือ"
"ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ"
"โทรไปบอกที่บ้านหรือยังล่ะ" จุนโซพยักหน้า
"เราจะทำอะไรต่อดี" อึนโซถาม
"มาเล่นเกมสารภาพที่เธอชอบไง...ถ้าฉันเคยทำผิดอะไรต่ออึนโซละก็ แต่ว่า...พี่ไม่เคยเลยนะ พี่ไม่เคยทำไม่ดีต่อเธอเลยใช่ไหม พี่ไม่เคยโกหกเธอเลยสักครั้ง จริงไหมล่ะ" อึนโซไม่เล่นต่อหันไปถามพี่ชาย
"พี่จะไปเมื่อไหร่...เมื่อไหร่พี่จะไปอเมริกา...แล้วเมื่อไหร่พี่จะกลับมา...พี่จะไปนานหรือเปล่า...จะไปนานสักเท่าไหร่...จะไปนานแค่ไหนนะ...พี่จะไปนานเลยใช่ไหม...พี่จะไปนานสักแค่ไหน" ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งสั่นเครือ
"แล้วถ้า...พี่เกิดลืมเค้าล่ะ...พี่ชาย...พี่จะไม่ลืมเค้าใช่ไหม...อย่างงั้นใช่ไหม" น้ำตาไหลนองหน้าอึนโซ จุนโซนิ่งขึง เอ่ยถามน้อง
"อึนโซ...เธอ...บอกว่าชาติหน้าเธออยากเกิดเป็นอะไรนะ"
"เป็นต้นไม้"
"นั่นแหละ พี่จะจำไว้ พี่จะไม่มีวันลืมว่าเธออยากเกิดใหม่...เป็นต้นไม้..." จุนโซจับมือน้องแน่น สองคนยิ้มให้กัน แต่แววตาทั้งคู่มัวหม่นเหมือนความมืดเงียบงำที่ล้อมรอบกาย อึนโซไม่รู้เลยว่า นั่นเป็นภาพสุดท้ายของพี่ชายที่เธอได้เห็นก่อนที่ต้องจากกัน

ในห้องเรียน ครูขานชื่อนักเรียนพอถึงชื่อของชีเน่ ครูนึกได้บอกกับทุกคน
"ยุน ชีเน่จะไม่มาเรียนกับพวกเราแล้วนะทุกคน ยุน ชีเน่กำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเช้าวันนี้แล้วล่ะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเราคงจะต้องคัดเลือกเพื่อนใหม่มาทำหน้าที่แทนยุน ชีเน่กันต่อไปนะ" อึนโซใจหาย ลุกขึ้นทันที วิ่งออกจากห้อง รถของครอบครัวแล่นออกจากบ้าน อึนโซเร่งสุดฝีเท้าเห็นรถกำลังแล่นเลี้ยวไปคนละทาง ถึงอึนโซจะพยายามวิ่งจนสุดกำลัง แต่ก็ไม่ทันรถที่แล่นเข้าอุโมงค์ไป เด็กสาวได้แต่หยุดยืนน้ำตาไหลอาบแก้ม เรียกพ่อ แม่และพี่ชาย มองรถค่อย ๆ เลือนลับสายตาไป




ความสว่างจากนอกอุโมงค์มองออกไป เห็นเพียงเงาราง ๆ ของคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามา ชายหนุ่มรูปงามหยุดยืนหน้าอุโมงค์ ดวงหน้ามีแววเศร้าสร้อยเปี่ยมด้วยร่องรอยจดจำรำลึก เสียงเพลงเมื่อครั้งกระโน้นดังก้องในห้วงคำนึง ภาพที่ปรากฏตามมาคือ ภาพเด็กชายขี่จักรยานให้น้องสาวนั่งซ้อนท้ายแล่นเข้าอุโมงค์มา เสียงร้องเพลงของพี่ชายหยุดลง น้องสาวท้วงทันที
"หยุดทำไมล่ะ จำเนื้อร้องไม่ได้หรือ ร้องอีกซิเร็วเข้า ร้องเร็ว ๆ ซิ ถ้าพี่ไม่ร้องเค้าจะไม่เล่นกับพี่อีกนะ เค้าจะไม่เรียกพี่ว่าพี่อีกด้วย ร้องต่อซิ ร้องซิ"
ภาพนั้นจารึกแน่นในความรู้สึก ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินเข้าไปในอุโมงค์ ทุกย่างก้าวราวย่ำลงบนความทรงจำอ่อนโยนอันแสนเศร้าที่อวลคว้างในใจอยู่อย่างไม่วางวาย




จุนโซเช่ารถจักรยานขี่ไปในที่ต่าง ๆ ย้อนรอยทรงจำระหว่างเขาและอึนโซ ผ่านต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม ที่เขาเคยประคองจักรยานให้น้องแล่นผ่านไปโรงเรียนด้วยกัน เมื่อถึงแม่น้ำ ชายหนุ่มมองลงไปตรงเนินดินสายแคบ ๆ กลางน้ำที่พี่น้องเคยลงไล่สาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ความหม่นเศร้าเต็มดวงตา ก้มหน้าลง แล้วหันกลับไปมองดู ราวกับจะให้ภาพนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จุนโซขี่รถผ่านสีเขียวของผืนนาริมทางไปหยุดที่ ๆ เขาและอึนโซเคยมาหลบฝนด้วยกัน ชายหนุ่มลงจากรถเดินเข้าไปใกล้ ภาพความสุขที่เคล้าอยู่ในสายน้ำฝนจากหลังคาที่พี่น้องปัดป้ายใส่กัน ยังชุ่มเย็นอยู่ในความรู้สึกจวบจนบัดนี้ ภาพความเศร้าวันที่น้องรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง แล้ววิ่งหนีหายมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ และคำพูดของตนเองที่บอกน้อง
"เธอเป็นน้องสาวพี่ เป็นน้องพี่จริง ๆ"
ทุกภาพเจนตาและเจนใจยังกรุ่นในสำนึกอันลึกล้ำ หาได้โรยลืมเลือนไปกับกาลเวลาที่ล่วงเลยไป เป็นสิ่งเดียวที่จุนโซทนุถนอมเก็บงำไว้ในห้วงลึกของหัวใจ




ในร้านอาหารที่เคยเป็นบ้านของอึนโซ เจ้าของร้านคนใหม่จำลูกค้าได้คลับคล้ายคลับคลาเอ่ยถาม
"ขอถามหน่อย ปีกลายคุณก็มาใช่ไหมคะ" จุนโซพยักหน้า
"หาน้องสาวเจอหรือยังล่ะ"
"ยังเลย"
"นั่นซินะ เค้าคงไม่กลับมาหรอก ลือกันว่าป่านนี้เค้าคงย้ายหนีไปจากโซลแล้วล่ะมั้ง ก็พี่ชายเค้าน่ะเป็นพวกอันธพาลนะคะ"

จุนโซคุยโทรศัพท์กับว่าที่คู่หมั้นที่กำลังลองชุดแต่งงานอยู่
"ผมรู้แล้วล่ะน่า พรุ่งนี้ผมก็จะกลับนะ"
"ฉันนึกว่าคุณจะเผ่นหนีก่อนวันหมั้นของเราซะอีกซิ คุณน่ะ กลับบ้านเก่าไปตามหารักครั้งแรกอย่างงั้นซิ" จุนโซยิ้ม
"เรื่องนั้นผมรับรองได้เลยว่าไม่ใช่"
"ถ้างั้นฉันก็จะรอคุณอยู่ตรงนี้ ฉันคิดถึงคุณนะคะ"




ที่โรงแรมใหญ่ พนักงานรับโทรศัพท์สองคนแอบฟังลูกค้าพรอดรักกัน ซุบซิบหัวเราะชอบใจ อึนโซเดินเข้ามาเห็นไม่พอใจกดสวิชท์ปิด เลยถูกเพื่อนร่วมงานต่อว่า พอดีมีสายเข้ามา พออึนโซรับก็ได้ยินเสียงถาม
"คุณนายชอยใช่ไหมครับ ฟังอยู่หรือเปล่า"
"จะให้ฉันฟังอะไรกันหรือคะ"
"ผมบอกว่าคุณฟังได้ไงล่ะ ทนไม่ไหวซิท่า ผมจะออกไปตีกอล์ฟล่ะนะ มีผ้าจะให้ซักอยู่ในห้องด้วย ขอบคุณนะ" ชายหนุ่มพูดโทรศัพท์พลางหอบเสื้อผ้าเดินลงบันไดมา สุดท้ายขอนัดอึนโซกินข้าวด้วย
"อ้อ! ว่าแต่ว่ามื้อกลางวันพรุ่งนี้ล่ะ เพื่อตอบแทนน้ำใจเท่านั้นน่า แล้วหนุ่มแบบไหนจะไปจีบผู้หญิงอายุสามสิบเจ็ดเล่า ไม่ไปหรือ คุณน่าเกลียดขนาดนั้นเชียว" พออึนโซวางสายลง เพื่อนหันมาถามว่าเป็นใคร อีกคนตอบแทน
"ก็เทซก คนที่เป็นนักกอล์ฟไง มาพักอยู่ที่นี่สักพักนึงแล้ว"
"แล้วที่นี่มีผู้หญิงอายุสามสิบเจ็ดที่ไหนกันหรือ" อึนโซไม่ตอบ
"ฉันกลับบ้านดีกว่า"
อึนโซกำลังถอยรถจักรยานที่จอดไว้ที่หน้าโรงแรม เทซกเดินหิ้วถุงกอล์ฟเดินผ่านข้างหลังอึนโซ หญิงสาวขี่จักรยานเลยขึ้นหน้าเขาไป







https://www.youtube.com/watch?v=I3PeDlJG4pg




https://www.youtube.com/watch?v=yM9NW4rlXbE




https://www.youtube.com/watch?v=36OW7ZqGLO4




https://www.youtube.com/watch?v=IHdvoMUfGZg




https://www.youtube.com/watch?v=Qi2iFG2ynfg




บีจีและไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





Create Date : 04 มีนาคม 2553
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 23:07:24 น. 2 comments
Counter : 5069 Pageviews.

 
กลับมาทบทวนความเศร้าอีกครั้งค่ะ อ่านที่ไรก็เศร้าทุกที บรรยายแต่ละฉากเนี่ยกินใจจัง กว่าจะจบคงเสียน้ำตาไปเยอะ

กลับไปอ่านคุณไฮกุตอบคอมเม้นท์ ตอนแรกมา จึงได้รู้ว่าหนังสือพิมพ์ออกมาหลังละคร นับว่าแปลก และทำให้รู้ว่าแฟนเกาหลีซีรี่ส์ตัวจริงเสียงจริงอยู่นี่เอง ได้ดูภาพจาก สงครามแห่งความรักด้วย คิดถึง แจงดองกัน ค่ะ เมื่องสอง สามอาทิตย์ ก่อน เห็นข่าวว่าเพิ่งประกาศแต่งงาน ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน

บล็อกที่แล้วก็มาเยี่ยมนะคะ แต่เห็นอัพเกี่ยวกับ ตัวหนังสือจีน ภาพเขียน ซึ่งตัวเองไม่มีความรู้ด้านนี้เลย เลยกลับไปแบบเหงาๆ

เม้นท์ยาวจัง แหะ แหะ


โดย: somjaidean100 วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:2:29:51 น.  

 
เรื่องนี้ดูกี่รอบก็เศร้าเนอะ เขียนบรรยายไปปาดน้ำตาไปเลยแหละ ฮือ ฮือ

ตอนแรกเราก็นึกว่าโอ ซูเยียนเขียนนิยายแล้วถึงได้เอามาทำละคร แต่จำไม่ได้แล้วว่าอ่านมาจากไหนค่ะ นิยายกะละครก็ดีไปคนละแบบ แต่ก็เศร้ามากทั้งคู่เลย

ได้ข่าวป๋าแจงแต่งงานเหมือนกัน ทำสาว ๆ อกหักกันทั่วเอเชีย แต่แกดีนะ ไม่ค่อยมีข่าวคาวออกมาให้ได้ยินเลย แสดงความดีใจกับป๋าด้วยค่ะ

มาบล๊อคเรา จะเม้าท์ยาวแค่ไหนก็ตามสะดวกเลยจ๊ะ


โดย: haiku วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:17:23:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.