ระวัง! พฤติกรรมคุณอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งผิว

ประเทศไทยของเรา เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น
และปัญหาจากภาวะโลกร้อนในปัจจุบันก็ได้ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของมนุษย์เป็นอย่างมาก
เช่น อากาศเกิดความผิดปกติ ไม่เป็นไปตามฤดูกาล ฤดูร้อนก็ร้อนมากขึ้น ร้อนนานขึ้น ฤดูฝน ฤดูหนาวสั้นลง
อันเนื่องมาจากปัญหาโลกร้อน แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าอากาศที่ร้อนมากขึ้น นานขึ้นนั้น
มีผลต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังของคุณอย่างไรบ้างจากพฤติกรรมของคุณ


รู้จัก...มะเร็งผิวหนัง

ก่อนอื่นเรามาทราบถึงมะเร็งผิวหนังกันก่อน จาก นพ.อานนท์ ไพจิตโรจนา
คุณหมออานนท์บอกว่า ผิวหนังของคนเรานั้นก็เหมือนกับเซลล์ชนิดอื่นในร่างกายของเรา
ซึ่งถ้ามีการเจริญเติบโตหรือมีการแบ่งเซลล์ ที่ผิดปกติก็จะทำให้กลายเป็น เซลล์มะเร็งได้
และมะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยนั้นก็มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

1.Squamous Cell Carcinoma ประเภทนี้มักพบบ่อยบริเวณอวัยวะที่โดนแสงแดดเป็นประจำ
เช่น ใบหน้า หู จมูก หรือริมฝีปาก

2.Babac Cell Carcinoma มักพบบ่อยบริเวณใบหน้า จมูก และศีรษะ

3.Melanoma เป็นมะเร็งของเซลล์เม็ดสีของผิวหนัง คุณหมอบอกว่าจัดเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงทีเดียว
ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะภายในอย่างอื่นได้อีกต่างหาก


สาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง

คุณ หมออานนท์ บอกว่า ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนังนั้น มีมากมายหลายปัจจัยด้วยกัน
เช่น แสงอัลตราไวโอเลต (ยูวีเอ, ยูวีบี)
สำหรับคนที่ต้องทำงานกลางแดด เล่นกีฬากลางแจ้ง ชอบอาบแดด จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง

นอกจากนี้ ยังรวมถึงในเรื่องเชื้อชาติด้วย
โดยคนผิวขาว ผมสีบลอนด์ ผิวจะไหม้แดดง่าย มีโอกาสเสี่ยงสูง เพราะมีเม็ดสีที่ผิวหนังน้อย
ทำให้ความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสงอัลตราไวโอเลต จึงน้อยกว่าคน ผิวคล้ำ

คุณหมอบอกอีกว่า ไม่เพียงเท่านั้นการได้รับสารเคมีก่อมะเร็ง ก็มีส่วนให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ เช่น
สารหนูที่ปนอยู่ในน้ำ ยาหม้อ ยาไทย ยาจีน ยาลูกกลอน
หรือผิวหนังในบริเวณที่เคยผ่านการฉายรังสีเพื่อการรักษาโรค การเกิดแผลเป็นจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
แผลจากผื่นผิวหนังบางโรค เช่น DLE
และเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เอพีวี ก็ยังเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

ได้ยินคุณหมอพูดอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งตกใจครับ เพราะคุณหมอบอกว่า นวัตกรรมและความก้าวหน้าด้านวิทยาการ
ทางการแพทย์ในปัจจุบันนั้น สามารถทำให้มะเร็งทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นอวัยวะใดถ้าตรวจพบตั้งแต่ แรก
และกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติออกได้หมดก็มีหนทางทำให้หายขาดได้ แหม...คุณหมอรับรองอย่างนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย


สังเกตอาการอันอาจเกิดมะเร็ง

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าบริเวณอวัยวะนั้นๆ อาจจะเป็นมะเร็งผิวหนัง ไม่ต้องห่วงครับ
เพราะคุณหมอได้บอกวิธีสังเกตอาการที่อาจเกิดเป็นมะเร็งผิว หนังดังนี้

สำหรับมะเร็งผิวหนังซึ่งเกิดขึ้นบนผิวหนัง อันเป็นอวัยวะที่ห่อหุ้มอยู่ ภายนอก เราสามารถมองเห็นได้
จึงทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มแรกได้รวดเร็ว และยังติดตามการ รักษาได้ง่าย

ทั้ง นี้ โดยการสังเกตอาการอันอาจจะเกิดโรคนั้น สามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ง่ายๆ ครับคือ
ตรวจสอบไฝที่เป็นอยู่เดิม มีรูปร่างเปลี่ยนไป โดยอาจใช้หลักง่ายๆ คือ ABCD ดังนี้

1) A = Asymmetry ลักษณะของไฝทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน
2) B = Border Irregularity ขอบของไฝไม่เรียบ
3) C = Color สีของไฝไม่สม่ำเสมอ
4) D = Diameter ขนาดของไฝใหญ่กว่า 6 มิลลิเมตร
5) มีผื่นหรือก้อนที่เกิดขึ้นใหม่ และไม่หายใน 46 สัปดาห์
6) ไฝหรือปานที่โตเร็ว และรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิม มีอาการคัน แตกเป็นแผล และมีเลือดออก
7) แผลเรื้อรังไม่หายใน 4 สัปดาห์ (2 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์)


วิธีการรักษาทำอย่างไร

โรคทุกชนิดเมื่อเป็นแล้วต้องรักษา ถ้าไม่รักษามีสิทธิตายทั้งนั้น ทั้งนี้ คุณหมออานนท์บอกว่า
การรักษาโรคมะเร็งผิวหนังมีอยู่หลายวิธี ขึ้นกับชนิด ตำแหน่ง และการลุกลามของโรค
โดยทั่วไปมักใช้วิธีผ่าตัดเอามะเร็งผิวหนังออกให้หมด

สำหรับในกรณีที่มะเร็งเกิดบนใบหน้า คุณหมอบอกว่า หากได้รับการผ่าตัดอาจทำให้ใบหน้าผิดรูปไปได้
แต่ปัจจุบันมีวิธีผ่าตัดโดยวิธีที่เรียกว่า Mohs Micrographic Surgery โดยแพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อ
และส่งตรวจทางพยาธิวิทยาในคราวเดียวกันเพื่อ ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ตัดมะเร็งออกหมดแล้ว
หากยังมีหลงเหลือก็จะกลับมาผ่าตัดซ้ำจนหมดจึงจะเย็บปิดแผล

คุณหมอบอกอีกว่า วิธีนี้จะทำให้สามารถตัดมะเร็งออกได้หมดในคราวเดียว โดยไม่ตัดเนื้อดีออกมาก เกินจำเป็น
แต่ในบางครั้งมะเร็งถูกทิ้งไว้จนมีขนาดใหญ่เกินที่จะตัดออกได้หมด อาจรักษาโดยการใช้รังสีรักษา
หรือถ้ามีการแพร่กระจายจะต้องให้เคมีบำบัดร่วมด้วย


เป็นแล้วรักษาได้

คุณหมอบอกว่า มะเร็งผิวหนังสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ เริ่มแรก
ซึ่งใครถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อ ตรวจหามะเร็งตั้งแต่ระยะแรก

ในคนทั่วๆ ไปก็ไม่ควรประมาท ระวังอย่าถูกแสงแดดจัด ใช้ครีมกันแดดให้ถูกต้องและเหมาะสม
พยายามสังเกตการเปลี่ยนแปลงของหูด ไฝ ปาน
หากมีแผลเรื้อรัง หรือแผลที่ไม่หายใน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์

เพียงเท่านี้โรคร้ายที่น่ากลัวก็จะไม่น่ากลัวอีกต่อไป
เพียงแต่เราหมั่นสังเกต และให้ความสำคัญกับการดูแลตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่เกิด ขึ้นกับเราอยู่เสมอ

เป็นโรคอะไรก็ตาม ถ้ารู้แล้วก็อย่าตื่นตระหนกจนเสียขวัญ พยายามตั้งสติให้ดี มองด้วยความเป็นกลาง
ทุกคนก็มีสิทธิเป็นได้ และร่างกายของคนเราก็เป็นรังแห่งโรคอยู่แล้ว เป็นธรรมดาของสิ่งมีชีวิตครับ

แต่สิ่งไหนที่เราระวังได้ ป้องกันได้ ก็ควรทำอย่างที่คุณหมอบอกครับ


โดย :วรธาร ทัดแก้ว
ที่มา : //www.posttoday.com/lifestyle.php?id=79716


สารบัญ บทความ สุขภาพ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ

Create Date : 13 ธันวาคม 2552		0 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 12:38:31 น.
Counter : 805 Pageviews.
Share Tweet