Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
19 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
อยู่อย่างไรให้ชนะ...ภูมิแแพ้และหอบหืด



จาก คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกกรณีการรักษาโรคภูมิแพ้และหอบหืด ว่าควรทำควบคู่กันไปพร้อมกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
เพราะในปัจจุบัน สองโรคนี้มีแนวโน้มซับซ้อนมากขึ้น คำแนะนำดังกล่าวเป็นการเปิดเผยจากรายงานเรื่อง
Allergic Rhinitis and Its Impact on Asthma (ARIA) ขององค์การอนามัยโลก

ศ.นพ.ปกิต วิชยานนท์ นายกสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง
มักจะป่วยเป็นโรคอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันร่วมด้วย เช่น หอบหืด ผื่นแพ้ทางผิวหนัง โรคภูมิแพ้ทางตา
อาการแพ้ต่างๆ เช่น แพ้ยา แพ้อาหาร ลมพิษ

สำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดนั้น ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 60-80 มักมีโรคภูมิแพ้แฝงอยู่
ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็จะมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดได้มากกว่าคน ปกติถึงสามเท่า
ดังนั้น หากคนไทยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต่างๆ ดังกล่าว
และรู้ถึงแนวทางป้องกันตนเองให้พ้นจากโรค ก็จะสามารถลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรค

สำหรับลักษณะของโรคภูมิแพ้ หืด และภูมิคุ้มกันบกพร่องว่า
เป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิต้านทานของร่างกายทำงานผิดปกติ
โดยมีสาเหตุสำคัญของโรคเกิดจากพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม ได้แก่สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น แมลงสาบ หญ้า
มลภาวะ ควันบุหรี่ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ สภาวะแวดล้อมในปัจจุบันซึ่งมีมลพิษมากขึ้น
ก็มีส่วนทำให้อาการของผู้ป่วยด้วย โรคนี้กำเริบมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนโรคหอบหืดนั้นเป็นโรคเรื้อรัง ที่มักเกิดตามมาหลังจากป่วยเป็นโรคภูมิแพ้
เนื่องจากโรคภูมิแพ้ทางจมูก ตา หืด และผื่นแพ้ทางผิวหนังมักมีความเกี่ยวพันกัน จากสถิติโดยทั่วไป
ในครอบครัวที่มีบิดามารดาเป็นโรคหอบหืดทั้งคู่ ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดประมาณร้อยละ 50
และถ้าบิดาหรือมารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคหอบหืดแล้ว ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ร้อยละ 25

ส่วนโรคหืดนั้น อ.ปกิตกล่าวว่า เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังในหลอดลมทางเดินหายใจ
พบได้กับคนทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่
ในประเทศไทยมีประชากรที่กำลังเป็นโรคนี้ประมาณร้อยละ 5-10 หรือเกือบ 3 ล้านคน
และพบว่า มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคหืดปีละประมาณไม่ต่ำกว่าพันคน ส่วนใหญ่เป็นเพราะไปถึงมือแพทย์ช้า
เนื่องจากประเมินความรุนแรงของโรคต่ำกว่าความเป็นจริง จนหลอดลมถูกอุดตันเสียแล้ว

ผู้ป่วยโรคหืด มักมีอาการหอบเหนื่อยเป็นๆ หายๆ อย่างเรื้อรัง
ในปัจจุบันแม้จะยังไม่มียาที่ใช้รักษาให้โรคนี้หายขาดได้ แต่ก็มียาที่มีประสิทธิภาพสูง
ใช้ควบคุมอาการ ลดความรุนแรง และป้องกันการจับหืดรุนแรงจนอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ยาที่ใช้ในการรักษาโรคนี้ มีทั้งแบบยาพ่นชนิดสเตียรอยด์ และยารับประทานที่ไม่มีสเตียรอยด์
โดยยารับประทานที่ไม่มีสเตียรอยด์นั้น จะเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ
ประสิทธิภาพในการควบคุมโรคของยาดังกล่าว สอดคล้องกับคำแนะนำล่าสุดขององค์กรด้านโรคหืด
และภูมิแพ้ระดับโลก ซึ่งได้แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้ ในการรักษาคนไข้ที่มีอาการไม่ว่าจะอยู่ในระดับ ใดก็ตาม
โดยยารับประทานที่ไม่มีสเตียรอยด์นั้น เป็นทางเลือกในการควบคุมโรคให้กับคนไข้ที่มีปัญหาในการพ่นยา
ต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของสเตียรอยด์
หรือเพื่อใช้ร่วมกับยาพ่นสเตียรอยด์ ในกรณีที่ต้องการควบคุมอาการให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น

"สำหรับภูมิแพ้ที่ร้ายแรงเรียกว่า อะนาไฟแล็กสิส (ANAPHYLAXIS) เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลัน
ซึ่งเกิดขึ้นภายในเวลา 15-30 นาทีหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น อาหาร ยา ผึ้ง ต่อ แตน
และมีผลกระทบทั่วทั้งร่างกาย อาการที่พบประกอบด้วยอาการทางผิวหนัง
ซึ่งพบได้มากที่สุดประมาณกว่าร้อยละ 90 ได้แก่ เป็นผื่นแดง คันตามตัว เป็นลมพิษ และอาการอื่นๆ ได้แก่
น้ำมูกไหล คัดจมูก เสียงแหบ ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง หัวใจเต้นเร็ว
ท้องอืด ปวดศีรษะ ความดันโลหิตลดต่ำ เวียนศีรษะ เป็นลมหมดสติ ช็อก ซึ่งต้องให้การบำบัดอย่างเร่งด่วน "

นายกสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย ยังได้แนะนำต่อไปอีกว่า
เนื่องจากความล่าช้าในการวินิจฉัย และรักษาอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิดมีอาการแพ้อาหาร แพ้ยา เหล็กในผึ้ง ต่อ แตน หรือมดคันไฟอย่างรุนแรง
ควรแนะนำให้พกหลอดยาฉีดบรรจุอิพิเนฟริน (EPINEPHRINE) อัตราส่วน 1:1000
เพราะการตัดสินใจฉีดยานี้เข้ากล้ามเนื้อต้นขาอย่างรวดเร็ว อาจจะช่วยชีวิตไว้ ได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงมา ก่อนนี้ได้

"ถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และหอบหืดนั้น ส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
แต่เราสามารถควบคุมอาการของโรคได้ องค์กรด้านโรคหืด และภูมิแพ้ระดับโลกเชื่อว่า
หากผู้ป่วยโรคหืดได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสม แล้ว ผู้ป่วยส่วนมากจะสามารถควบคุมอาการได้
ไม่มีปัญหาข้อจำกัดในการนอนหลับ หรือการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
ตลอดจนความบกพร่องในการทำงานของปอด และการใช้ยารักษาช่วยชีวิตแบบเฉียบพลัน

ผู้ป่วยควรเรียนรู้ที่จะรับมือกับโรคดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรค
ด้วยการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น
การซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนและคลุมที่นอนเพื่อกำจัดและป้องกัน ไรฝุ่น
กำจัดแมลงสาบในบ้าน ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีขนไว้ในบ้าน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
หลีกเลี่ยงอาหาร ยา แมลงที่ตนเองแพ้ ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงการหลีกเลี่ยงควันธูป ควันท่อไอเสีย
พักผ่อนให้เพียงพอ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด"

อ.ปกิตทิ้งท้าย


ที่มา //www.healthcorners.com/2007/news/Read.php?id=1632


สารบัญ บทความ สุขภาพ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 3:50:12 น. 0 comments
Counter : 1276 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.