ทำอย่างไรไม่ให้สมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อม เป็นปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน เหตุผลคือประชากรทั่วโลกมีอายุยืนยาวขึ้น สำหรับประเทศไทยอายุเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ 72 ปี โดยผู้ชายมีอายุเฉลี่ย 68 ปี ในขณะที่ผู้หญิงอายุ 75 ปี และพบอุบัติการณ์ของภาวะสมองเสื่อมจะสูงขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะพบราว 2-9.88 เปอร์เซ็นต์ และ 2 โรคที่เป็นสาเหตุหลักสำคัญคือ โรคอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมอง
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประมาณการไว้ว่า มีผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม 18 ล้านคนในทวีปยุโรป แอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา และในปี พ.ศ. 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็น 29 ล้านคน มีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าในปี พ.ศ. 2540 มีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ 2.32 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าในอีก 50 ปีข้างหน้า แต่ถ้ามีวิธีการที่สามารถชะลอการเกิดโรคได้ 2 ปีจะมีผู้ป่วยลดลงได้ 2 ล้านคน ถ้าชะลอได้ 1 ปี จะลดลงได้ 800,000 คน ดังนั้นหากสามารถป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล
อะไรบ้าง ที่เป็นความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์มีส่วนที่เกิดจากโรคของหลอดเลือด และพบว่า ผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมส่วนหนึ่งเกิดจากสาเหตุร่วมกัน ระหว่างโรคอัลไซเมอร์และโรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้นการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากสามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง- โดยตรงแล้ว ยังมีผลในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย
น้ำหนักตัวเกิน ดรรชนีมวลกาย (BMI: body mass index ) ได้จาก การนำน้ำหนักตัวที่มีหน่วยเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงที่มีหน่วยเป็นเมตรสองครั้ง เช่น คุณมีน้ำหนักตัว 50 กก. ส่วนสูง 1.50 ม. = 50 / 1.50 * 1.50 จะได้ดรรชนีมวลกาย = 22.22 สำหรับดรรชนีมวลกายที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต คือ 20 - 22.5 โดยเฉพาะถ้ามากกว่า 25 จะเพิ่มความเสี่ยงสูงมากขึ้น
สูบบุหรี่ เพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองถึง 2 เท่า รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมถึง 2.28 เท่า ตรงกันข้ามหากงดสูบบุหรี่ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองลงได้ เท่าคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดน้อยๆ ไม่เกิน 3 ดริ๊งก์ต่อวัน สามารถลดโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ 42 % และยังลดโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 71 % ทั้งนี้ไม่ขึ้นกับชนิดของแอลกอฮอล์
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาบางแห่งพบว่า ชนิดของแอลกอฮอล์สามารถลดโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ นั่นคือ ไวน์ แต่การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นกลับพบว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของ- การเกิดภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม เนื่องจากแอลกอฮอล์มีผลเสียต่ออวัยวะอื่นๆ ของร่างกายหลายระบบ
สารอาหาร การรับประทานวิตามินซีและวิตามินอีที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดอัตราการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ จะยิ่งลดลงมากขึ้น ขณะเดียวกันเราต้องการสารอาหารที่สำคัญอย่างกรดโฟลิกและวิตามินบี 12 ด้วย แต่สำหรับการขาดวิตามินซีและวิตามินบี 12 มักไม่เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ได้รับในปริมาณเพียงพออยู่แล้ว
การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง หรือมีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม การบริโภคไขมันจากพืชและโอเมก้า 6 (กรดไลโนเลอิก) ซึ่งพบมากในน้ำมันพืช เช่น น้ำมันจากดอกทานตะวัน ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เช่นเดียวกับการบริโภคปลาทะเล จะช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ได้ โดยลดความเสี่ยงลงเหลือ 0.4 และ 0.3 เท่าตามลำดับ
ขาดการออกกำลังกาย ข้อมูลงานวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ขึ้นไป จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ เมื่ออยู่ในวัยสูงอายุ ถึง 52 และ 62 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ความดันโลหิตสูง การที่มีความดันโลหิตสูงในวัยกลางคน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมในวัยสูงอายุ ถ้าได้รับการรักษา โอกาสเสี่ยงจะลดลงจาก 4.3 เท่า เป็น 1.9 เท่า เมื่อเทียบกับคนปกติ ผลทางตรงคือผู้ป่วยจะมีการลดลงของปริมาตรสมอง น้ำหนักสมอง และพบมีการเพิ่มขึ้นของรอยโรคชนิดที่พบในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ สำหรับผลทางอ้อมจะเกิดหลอดเลือดตีบแข็ง และโรคหลอดเลือดสมองจากการที่มีความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน
โรคเบาหวานและภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมอง พบว่าอุบัติการณ์ภาวะสมองเสื่อมสูงขึ้น 2 เท่าในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ภาวะไขมันในเลือดสูง การที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง อันนำไปสู่การเกิดภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย
โรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจชนิดต่างๆ มีโอกาสเกิดหลอดเลือดสมองอุดตันจากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในหัวใจ
การเปลี่ยนแปลงของระดับโฮโมซิสเตอีน (Hyperhomocysteinemia) โฮโมซิสเตอีนเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งในร่างกายที่เป็นกรดอะมิโน หากสูงขึ้นจะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์สมองและทำให้หลอดเลือดสมองตีบ มีการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงของ- โฮโมซิสเตอีนในร่างกายสัมพันธ์กับวิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และกรดโฟลิก หากขาดจะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของโฮโมซิสเตอีน
ฮอร์โมนเพศหญิงทดแทน ในปัจจุบันพบว่าฮอร์โมนเพศหญิงทดแทน ทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองตีบ และการอุดตันของหลอดเลือดดำ แม้จะมีผลดีกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก การเกิดกระดูกหักก็ตาม นอกจากนั้นยังพบอุบัติการณ์โรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้น อีกทั้งผู้ป่วยที่ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงทดแทนชนิดรวม เกิดภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า
อุบัติเหตุที่ศีรษะ มีการศึกษาทางระบาดวิทยาหลายแห่งพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมจากสาเหตุอื่นๆ มีประวัติเคยได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะมากกว่าคนที่สมองปกติ อย่างไรก็ตาม บางการศึกษาไม่พบว่าการได้รับ- อุบัติเหตุที่ศีรษะมาก่อนเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อม
อาการซึม สับสนเฉียบพลัน เมื่อติดตามอาการซึม สับสนเฉียบพลันของผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง พบว่า มีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมสูงขึ้นกว่าคนปกติ
โรคหลอดเลือดสมอง การป้องกันการเกิดซ้ำของโรคหลอดเลือดสมอง ด้วยการแก้ไขปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ รวมถึงการรับประทานยาต้านเกร็ดเลือด เช่น แอสไพริน หรือยากันเลือดแข็งตัว เช่น วาร์ฟาริน ในกรณีที่มีโรคหัวใจบางชนิด เท่ากับเป็นการป้องกันการเกิดซ้ำของโรค- หลอดเลือดสมอง ขณะเดียวกันยังสามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ด้วย
โรคซึมเศร้า มีการศึกษาวิจัยจำนวนมาก พบว่าอาการซึมเศร้ามีบทบาทสัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อม อาจเป็นไปได้จากการที่อาการซึมเศร้าก่อให้เกิดปัญหาความจำ หรือแท้จริงแล้วเป็นอาการหนึ่งของภาวะสมองเสื่อม โดยเกิดก่อนที่จะมีอาการสมองเสื่อมชัดเจน การป้องกันและแก้ไขอาการซึมเศร้า จึงเป็นการป้องกันภาวะสมองเสื่อมอีกทางหนึ่ง
สารพิษในสิ่งแวดล้อมรอบตัว แม้จะไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนถึงผลเสียของสารพิษต่างๆ ต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม แต่มีหลายรายงานที่พบว่า การได้รับสารพิษต่างๆ เช่น น้ำยาทำละลาย ตะกั่ว อลูมิเนียม เหล็ก ทองแดง และยาฆ่าแมลง อาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้
ภาวะสมองเสื่อมป้องกันได้
แม้ว่าการป้องกันภาวะสมองเสื่อม ยังต้องอาศัยการศึกษาวิจัยที่ยืนยันมากกว่านี้ แต่คุณก็สามารถป้องกันแต่เนิ่นๆ ได้ โดยปฏิบัติดังนี้
● รับประทานอาหารครบหมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง ใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันจากดอกทานตะวัน, ถั่วเมล็ดแห้ง, เมล็ดฟักทอง, ถั่วเหลือง, รับประทานปลาทะเลให้มาก รวมทั้งอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี และกรดโฟลิกสูง
● รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์โดยไม่ให้ดรรชนีมวลกายเกิน 25
● หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่สมอง เช่น การดื่มเหล้าจัดหรือการรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
● ไม่สูบบุหรี่หรืออยู่ในที่ๆ มีควันบุหรี่
● การฝึกฝนสมอง ได้แก่ การพยายามฝึกให้สมองได้คิดบ่อยๆ เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือบ่อยๆ คิดเลข ดูเกมส์ตอบปัญหา ฝึกหัดการใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ ฯลฯ
● ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3 - 5 ครั้ง เช่น วิ่งเหยาะ ปั่นจักรยาน เดินเล่น รำมวยจีน ฯลฯ
● การพูดคุย พบปะผู้อื่นบ่อยๆ เช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยงต่างๆ หรือเข้าชมรมผู้สูงอายุ ฯลฯ
● ตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้ามีโรคประจำตัวอยู่เดิมก็ต้องติดตามการรักษาเป็นระยะๆ เช่น การตรวจหาดูแลและรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ฯลฯ
● ถ้ามีอาการเจ็บป่วย ควรปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เพื่อลดโอกาสเกิดอาการสับสนเฉียบพลัน
● ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุต่อสมอง ระวังการหกล้ม
● พยายามมีสติในสิ่งต่างๆ ที่กำลังทำและฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา
● พยายามไม่คิดมาก ไม่เครียด หากิจกรรมต่างๆ ทำเพื่อคลายเครียด เนื่องจากความเครียดและอาการ ซึมเศร้า อาจทำให้จำอะไรได้ไม่ดี
มากมายหลายข้อขนาดนี้ หวังว่าคุณคงปฏิบัติได้ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันนี้และวันหน้าครับ ต้องการแสดงความคิดเห็นหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ pobmor_siriraj@yahoo.com
คอลัมน์ สายตรงสุขภาพกับศิริราช โดย ผศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล ข้อมูลจาก : //www.manager.co.th ที่มา : //www.dmh.go.th
สารบัญสุขภาพ
Create Date : 24 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 13:44:54 น. |
|
2 comments
|
Counter : 931 Pageviews. |
|
|
|