Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
3 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
เป็นสิว... ไม่ธรรมดา


สิวอักเสบ รอยดำและรอยแดงจากสิว

ธรรมดาคนเป็นสิว มักเกิดความกังวล โดยเฉพาะเมื่อผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างหนาตา
ยิ่งเป็นตุ่มหนองด้วยแล้วล่ะก็ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจลุกลามจนทั่วใบหน้าและเกิดแผลเป็น
เพื่อหลีกพ้นสิว เรามีความรู้ที่ถูกต้องมาแนะนำค่ะ

★ รู้จักสิว
สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยชนิดหนึ่งในวัยหนุ่มสาว
ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น สิวจะค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนหายไปในที่สุด
แต่บางคนยังคงมีอาการสิวเป็นๆ หายๆ หลังพ้นจากวัยรุ่นไปแล้ว
เนื่องจากสิวเกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน (sebaceous) ทำให้เรามักจะพบสิวในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก
เช่น ใบหน้า หน้าอก หลังส่วนบน คอ ไหล่ หรือต้นแขน
โดยจะพบสิวได้หลายระยะทั้งสิวอุดตัน เช่น สิวหัวเปิดสีดำ หรือสิวหัวปิด ซึ่งจะเห็นเป็นหัวขาวๆ อยู่ใต้ผิวหนัง
ต่อมาอาจจะกลายเป็นสิวอักเสบ เห็นเป็นตุ่มแดง (papulonodular) ได้
บางคนถ้าการอักเสบมาก อาจพบเป็นตุ่มหนอง (pustule) หรือเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง
ที่เรียกว่าสิวหัวช้าง (nodulocystic) ได้ด้วย


สิวอุดตันที่หน้าผาก

★ สาเหตุการเกิดสิว
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่ง
โดยระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน จะมีระดับสูงในช่วงวัยรุ่นโดยเฉพาะเพศชาย
ทำให้เราพบสิวในช่วงอายุนี้มากกว่าช่วงอื่น ฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น
มีการสร้างไขมันออกมามากขึ้น และในขณะที่น้ำมันเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน
เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน
ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนกลายเป็นสิวอุดตัน ระหว่างนั้นเม็ดเลือดขาวในร่างกายจะออกมากำจัดแบคทีเรีย
ทำให้สิวอักเสบ เกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ และเป็นหัวหนองในที่สุด

ผู้หญิง บางคนอาจมีสิวเห่อมากขึ้นในระยะก่อนมีประจำเดือนได้
เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีการบวมของรูขุมขนและการคั่งของน้ำในร่างกาย
นอกจากนี้การหลุดลอกของผิวหนังที่ผิดปกติ ทำให้มีการหนาตัวของผิวหนังบริเวณปากรูขุมขน
และแบคทีเรียที่สำคัญคือ Propionibacterium acne ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดสิวได้ด้วย

เดิมเชื่อว่า อาหารบางชนิดเช่น ช็อกโกแลต หรืออาหารมันๆ ทำให้เกิดสิว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีการศึกษาใดๆ ที่บ่งชี้ว่าอาหารเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
แต่ถ้าสังเกตว่าอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ทำให้อาการสิวอักเสบแย่ลง
อาจลองหลีกเลี่ยงหรือหยุดรับประทานอาหารชนิดนั้นๆ แล้วสังเกตว่าอาการสิวอักเสบดีขึ้นหรือไม่

นอกจากนี้ การใช้เครื่องสำอางก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดสิวอุดตันและเกิดเป็นสิวอักเสบตามมา
ดังนั้นในคนที่มีโอกาสเป็นสิวง่าย แนะนำให้พยายามใช้เครื่องสำอางให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าจำเป็นต้องใช้ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน (oil-free)
และควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ระบุว่าไม่ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ (noncomedogenic และ non-acnegenic)
ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดสิวหัวเปิดหรือสิวหัวปิด นอกจากนี้ การใช้สเปรย์หรือเจลบำรุงเส้นผม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า

และสุดท้ายสาเหตุจากกรรมพันธุ์ พบว่า
ถ้าบุคคลในครอบครัวเป็นสิว และมีสภาพผิวมัน จะมีโอกาสเป็นสิวได้มากกว่าผิวชนิดอื่นๆ
โดยทั่วไปผู้ที่ผิวมันจะมีรูขุมขนกว้าง ผิวหยาบ รวมทั้งหน้ามันเยิ้ม ทำให้สกปรกง่ายต่อการเกิดสิว


★ การรักษา
การรักษาสิวโดยทั่วไปคือ การป้องกันการเกิดสิวใหม่ และลดการอักเสบของรอยโรคเดิมลง
ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา ปัจจุบันการรักษาสิวมีทั้งยาทาเฉพาะที่และยารับประทาน
โดยจะเลือกใช้วิธีรักษาแบบใด ขึ้นกับความรุนแรงของสิวในขณะนั้น

ยาทาเฉพาะที่ที่ใช้ในการรักษาสิวมีหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น
ยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
แต่เนื่องจากถ้าใช้แต่เพียงตัวเดียว อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ จึงควรใช้ร่วมกับยาทาในกลุ่มอื่นๆ เช่น
ยากลุ่ม benzoyl peroxide โดยทาทิ้งไว้ 5-10 นาที จะช่วยลดสิวอุดตันและลดการอักเสบของสิวได้
และยาในกลุ่มวิตามินเอซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน
และช่วยทำให้สิวอุดตัน ที่เกิดขึ้นแล้วหลุดลอกออกไปได้โดยง่าย ยาทาเฉพาะที่ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียง
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง อาจทำให้เกิดรอยแดง แห้งหรือลอกได้
ดังนั้น จึงควรทาบางๆ และเริ่มใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อน ถ้ามีอาการระคายเคืองให้หยุดยาดังกล่าว
แต่ถ้าไม่มีอาการแสบหรือแดงก็สามารถทายาปริมาณมากขึ้น หรือทายาแล้วทิ้งเอาไว้นานขึ้นก่อนจะล้างออกได้


ในกรณีที่สิวอักเสบเป็นรุนแรง การใช้ยาทาแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องรับประทานยาร่วมด้วย
ซึ่งมีทั้งยาปฏิชีวนะและยาในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ สำหรับยาในกลุ่มอนุพันธ์นี้มักจะได้ผลดีในการรักษาสิว
แต่ราคาค่อนข้างสูงและมีผลข้างเคียงคือ ทำให้ริมฝีปากแห้ง ผิวแห้ง ตาแห้ง
ซึ่งต้องระมัดระวังในผู้ที่ใส่คอนแทกต์เลนส์ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
ผลข้างเคียงอื่นที่พบ คือ อาจทำให้ระดับไขมันในร่างกายหรือการทำงานของตับผิดปกติ
นอกจากนี้ยาดังกล่าว ยังห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์เนื่องจากจะทำให้ทารกในครรภ์พิการ
จึงควรใช้ยาประเภทนี้อย่างระมัดระวังและอยู่ในการดูแลของแพทย์

นอกจากนี้ การใช้ฮอร์โมนในรูปของยาคุมกำเนิดบางชนิด
อาจทำให้สิวอักเสบในผู้ป่วยบางรายดีขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสิวสัมพันธ์ กับการมีประจำเดือน

สำหรับการรักษาด้วยการกดสิว ควรทำโดยแพทย์ผู้รักษาเพื่อขจัดสิวอุดตัน แต่ไม่ควรบีบหรือแกะสิวเอง
เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อซ้ำลงไปบริเวณนั้น และทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็น ตามมาได้

ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบมาก
แพทย์อาจพิจารณาฉีดยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปในตำแหน่ง ที่เกิดสิวอักเสบนั้น ก็จะช่วยให้สิวยุบลงได้
ดังนั้น การรักษาสิวจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดตามมา


★ ห่างไกลสิว

1.ทำความสะอาดร่างกายและใบหน้าทุกวัน แต่ระวัง ไม่ควรล้างหน้าบ่อยหรือขัดถูผิวหน้ามากเกินไป
เพราะจะทำให้ผิวหนังเสียสมดุล การล้างหน้า ควรล้างเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น
ยกเว้นช่วงที่เสียเหงื่อจากการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย หรือช่วงที่คิดว่าผิวหนังสกปรก

2.รับประทานผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด
3.ออกกำลังกาย
4.พักผ่อนให้เพียงพอ

5.ทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ อย่าเครียด ซึ่งความเครียดเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

เท่านี้ก็ไร้สิวแล้ว ต้องทำถึงเห็นผลค่ะ


ที่มา : //www.manager.co.th


เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง
เป็นสิวรอบปาก เกิดจากอะไร
หมอเตือนเป็นสิว ล้างหน้าบ่อยไม่ดี
สิวที่หลัง..กำจัดได้อย่างไร?
สิว ไม่ใช่แค่เรื่องผิวๆ


สารบัญ บทความ สุขภาพ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ





Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 12:19:45 น. 0 comments
Counter : 1512 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.