ครรภ์เป็นพิษ
โรคครรภ์เป็นพิษนี้เป็นสาเหตุที่สำคัญสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตในมารดา เพราะถ้าปล่อยให้โรคนี้เป็นรุนแรง มารดาจะมีอาการชัก หมดสติ หรือมีเลือดออกในสมองได้ รวมทั้งอัตราการตายของทารกก็สูงเช่นกัน เนื่องจากมีการคลอดก่อนกำหนด การขาดออกซิเจนเพราะรกเสื่อม หรือทารกมีการเจริญเติบโตชะงักงันในครรภ์ เป็นต้น
อาการของโรคนี้ คือ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากสูตินารีแพทย์ ก็จะเริ่มมีอาการบวม ต่อมาความดันโลหิตจะเริ่มสูง และท้ายสุดจะมีโปรตีนออกมาในปัสสาวะ อาการแสดงต่างๆ หากไม่ได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มแรก หรือละเลยไม่มาฝากครรภ์ โรคจะทวีความรุนแรงขึ้นจนในที่สุดเป็นครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรง คุณแม่จะมีอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ จนกระทั่งชัก เด็กในครรภ์ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน หรือรุนแรงถึงขั้นขาดออกซิเจน และเสียชีวิตได้
สาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ยังไม่มีการค้นพบ จึงยังไม่มีวิธีการป้องกันการเกิดโรคนี้ แต่สูตินารีแพทย์สามารถป้องกันมิให้โรครุนแรงเพิ่มขึ้น ถ้ามีการฝากครรภ์สม่ำเสมอ สูตินารีแพทย์จะตรวจพบอาการที่น่าสงสัย พร้อมทั้งให้การวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ สตรีตั้งครรภ์ควรจะฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญคือมาตรวจครรภ์ตามแพทย์นัดทุกครั้ง ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น บวม ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว หรือจุกเสียด แน่นลิ้นปี่ ก็ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบหรือพบแพทย์ทันที
ถ้าอาการของโรคไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้นอนพักอย่างน้อยวันละ 8 - 10 ชั่วโมง เพราะการนอนพักจะช่วยให้การบวมยุบลง และความดันโลหิตลดลงด้วย นอกจากนี้แพทย์จะแนะนำให้มาตรวจครรภ์ถี่ขึ้น เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค และสุขภาพทารกในครรภ์ แต่ถ้าเป็นชนิดรุนแรง ซึ่งมีความดันโลหิตเพิ่มเป็น 160/110 มม.ปรอท ปัสสาวะมีโปรตีนมากเกินไป มีอาการปวดศีรษะ ตามัว หรือจุกแน่นลิ้นปี่ แพทย์จำเป็นต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาล เพื่อพิจารณาให้ยาลดความดันโลหิต หรือยากันชัก รวมทั้งพิจารณาให้คลอด เพราะถ้าปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไป จะเป็นอันตรายทั้งต่อมารดาและทารกในครรภ์ได้
ส่วนใหญ่แล้ว โรคนี้จะลดความรุนแรงลงจนหายไปใน 2 สัปดาห์หลังคลอด ยกเว้นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดที่มารดาอาจมีภาวะชักเกิดขึ้นได้ ถ้าเป็นครรภ์เป็นพิษชนิดไม่รุนแรง การฝากครรภ์ที่สม่ำเสมอ มาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง มีความสำคัญมากสำหรับการดูแลรักษาโรคนี้
ท่านคงทราบแล้วนะครับว่าการตั้งครรภ์นั้นมีความสำคัญและมีความเสี่ยงเพียงใด หวังว่าท่านคงจะได้ตระหนักและวางแผนการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยทั้งของแม่และลูกนะครับ
โดย ผ.ศ. ดนัย บวรเกียรติกุล ที่มา : //www.bangkokhealth.com
Create Date : 29 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 11:45:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 799 Pageviews. |
|
|
|
|
|