Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

ชีวิตหน้าจอคอมพิวเตอร์

สุขภาพ

คอมพิวเตอร์ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น
แต่ทว่าทำให้เราเกิดโรคใหม่ ที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่ใช่โรคติดต่อ
โรคพวกนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วรักษาให้หายยาก ใช้เวลานาน
นอกจากจะก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองแล้วยังทำลายคุณภาพชีวิตด้วย
ทำให้ขาดมนุษยสัมพันธ์ ขาดการออกกำลังกาย ขาดโภชนาการที่ดี

นับย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน อเมริกานับเป็นประเทศแรกๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์
สมัยนั้นมีนักวิจัยทำรายงานและเก็บสถิติได้ว่า ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในยุคนั้นประสบปัญหาโรคทางสายตา
เช่น ต้อกระจก เกิดอาการเครียด ปวดศีรษะมากที่สุด
เพราะจอหรือมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ นั้นยังไม่ได้รับการพัฒนา

ข้อมูลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าโดย พ.อ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล ผู้อำนวยการกองเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้รวบรวม
เรื่องราวรอบโรคนำเสนอ เป็นความรู้ที่น่าสนใจ ถึงกลุ่มอาการที่อาจกล่าวว่าเป็นโรคใหม่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์
คือ Cumulative Trauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม) เป็นอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์
เป็นเวลานานๆ ไม่ใช่โรค แต่เป็นปฏิกิริยาจากการทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลัก
และโรคใหม่อีกโรคคือ โรค Hurry Sickness (โรคทนรอไม่ได้)
มักเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ตที่ทำให้มีอาการกระวนกระวาย
ซึ่งหากมีอาการมากๆ ก็จะเข้าข่ายเป็นโรคประสาทได้ ซึ่งอาจนำไปถึงการเสียเพื่อนและตกงานได้

รายงานการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องได้มีการศึกษาวิจัย ถึงผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย
ในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ ประเทศ พอสรุปได้ดังนี้คือ

1. ในประเทศสวีเดน พบว่าสารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้
สารนี้มีชื่อทางเคมีว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์

2. ในประเทศญี่ปุ่น มีผลการวิจัยบ่งชี้ว่า การใช้เวลาทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
สามารถทำให้มีอาการป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจ รวมทั้งอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ อาการอ่อนเพลีย
ซึ่งกลายเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ สำหรับพนักงานที่ใช้เวลาเกินกว่า 5 ชั่วโมง
ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในแต่ละวัน

3. ในประเทศไทย โดยกองอาชีวอนามัย กรมอนามัย ได้ศึกษาวิจัยในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์จากหลายๆ หน่วยงาน
พบว่าห้องทำงานส่วนใหญ่มีสภาพการจัดที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ร้อยละ 62 ที่ทราบถึงผลกระทบต่อระบบสายตา
ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่ทราบถึงผลกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อ
อันเนื่องมาจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ


โรคและกลุ่มอาการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อันเนื่องมาจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์

โรค Cumulative Trauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม)
อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป จะมีอาการปวดคอ ไหล่ ข้อมือและหลัง
ผู้ที่เป็นมากๆ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการชาที่มือ อาการของโรคพวกนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะแรกเป็นแล้วหายเมื่อได้พัก
ระยะสองคือมีอาการต่อเนื่องถึงกลางคืน และหายเมื่อได้พัก
ระยะสามคือเป็นตลอดเวลาไม่หายเมื่อได้พัก

การรักษา
คือต้องปรับพฤติกรรมการทำงานของตนเองก่อน หรือถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์
และควรเล่าประวัติการทำงานให้แพทย์ทราบสาเหตุที่แท้จริง แพทย์จึงจะรักษาเจาะจงเฉพาะที่ได้

โรคนี้มีความคล้ายกับโรคจากการทำงานซ้ำซาก ซึ่งนักกายภาพบำบัดอธิบายว่า
พบมากในผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน
มักจะมีอาการชาข้อมือ หรือที่เรียกว่ากลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)
เกิดเนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ ที่บริเวณข้อมือ
ทำให้เอ็นรอบๆ ข้อมือหนาตัวขึ้นแล้วไปกดเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้
ซึ่งการรักษานอกจากทางกายภาพโดยใช้ความร้อน ทำให้บริเวณที่จับหนาตัวขึ้นนิ่มลงและยืดมันออก
ทำให้อุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านขยายตัวได้
แต่ถ้าผู้ที่เป็นมากๆ จะมีอาการชาจนกระทั่งกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไป การผ่าตัดคือวิธีรักษาที่ดีที่สุด


โรคทนรอไม่ได้ (Hurry Sickness)
มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ตที่ทำให้กลายเป็นคนขี้เบื่อ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย
เช่น ทนรอเครื่องดาวน์โหลดนานๆ ไม่ได้ กระวนกระวาย หากมีอาการมากๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้
ท่านจึงควรปรับเปลี่ยนลักษณะงานและพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไว้บ้าง
มิฉะนั้นท่านจะเป็นคนที่เสียทั้งงานและเสียทั้งเพื่อนได้


โรคภูมิแพ้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม ในสวีเดน พบว่าสารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้
สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในจอวิดีโอและคอมพิว เตอร์
สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน คัดจมูกและปวดศีรษะ
ผลวิจัยพบว่าเมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้น จะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมา

โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานที่มีเนื้อที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญ
ที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น อากาศที่ดีจึงจำเป็นอย่างยิ่ง



สรุปภัยจากคอมพิวเตอร์

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์กำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์ธรรมดา ๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน
พนักงานทุกคนต้องใช้เป็น ความเสี่ยงจึงเกิดกับท่านที่ใช้ชีวิตอยู่หน้าจอเป็นประจำเท่านั้น
โดยเฉพาะท่านที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้นที่แน่ๆ ก็คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือ เกิดอาการเครียดที่ตา
เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้มักไม่กะพริบตา เป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้
และอาการที่ตามมาคือตาพร่า และมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วย

ปัญหาทางตาเป็นปัญหาที่น่าห่วงมาก
เพราะเมื่อตาเกิดความเครียด กล้ามเนื้อตาจะบีบรัดเลนส์ตาจนเกิดความเมื่อยล้า
จึงมีคำแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับหน้าจอนานๆ ควรพักสายตาทุกๆ สิบนาที
ด้วยการเปลี่ยนไปมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3 นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ

ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์เอง ที่จะต้องรับผิดชอบสุขภาพของตนเอง
เพราะถ้าเกิดปัญหาทางสายตาขึ้น จะไปเรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก



ข้อเสนอแนะ

การจัดและปรับสภาพโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์
โดยผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละคนควรปรับระดับที่เหมาะสมของตนเอง เพื่อให้ได้ท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง
เพื่อป้องกันปัญหาตาล้า และความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อของร่างกาย
จึงขอเสนอคำแนะนำในการจัดสัดส่วนงานคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดดังนี้คือ

- จอภาพคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาในแนวประมาณ 20 องศา
- ระยะในการมอง ควรอยู่ระหว่าง 50-70 ซม.
- เก้าอี้ปรับระดับได้ และ/หรือโต๊ะปรับระดับความสูงได้
- นั่งหลังตรง หลังพิงพนักพิง
- จอภาพควรเป็นประเภทตัวหนังสือมืดบนพื้นสว่าง
ภายใต้ระดับความส่องสว่างของแสงประมาณ 300-500 ลักซ์ หรืออย่าให้มีการสะท้อนของแสงที่ตกกระทบ
ทำให้เสมือนมีหมอกมาบดบังอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์.


ข้อมูลโดย เดลินิวส์
ที่มา : //www.dmh.go.th
ภาพจาก : //www.fotosearch.com


สารบัญสุขภาพ




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
1 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 1:04:58 น.
Counter : 938 Pageviews.

 

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ








 

โดย: puy_naka63 6 พฤษภาคม 2553 23:55:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.