หลากวิธีบอกลาปัญหาปวดหลัง
ปวดหลังแบบไหนไม่ธรรมดา อาการปวดหลังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอาการผิดปกติในร่างกายได้หลายโรค ดังนั้นเมื่อมีอาการปวดไม่ควรนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะอาการปวดหลังในเด็กควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเกิดจากโรคใดที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง อาจจะเกิดการติดเชื้อ หรือเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งอาการปวดหลังในวัยเด็กนั้นยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด
อาการ
ปวดเฉพาะบริเวณสันหลังเพียงอย่างเดียว - การอักเสบ เช่น ข้ออักเสบ หรือว่ามีการติดเชื้อ - การทำงานหรือใช้งานหลังไม่ถูกวิธี - ความผิดปกติของกระดูกแผ่นหลัง - ความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกตั้งแต่กำเนิด
ปวดสันหลังและเสียวร้าวลงไปที่สะโพกหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง - หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับรากประสาท - ความเสื่อมของข้อกระดูกสันหลังทำให้กระดูกสันหลังและเส้นเอ็นหนา ทำให้โพรงกระดูกสันหลังแคบลงจนกดรัดไขสันหลัง
ปวดเฉพาะส่วนสันหลัง - ความผิดปกติของอวัยวะภายใน - เนื้องอกจากกระดูกสันหลังหรือมะเร็งกระจายมาที่กระดูกสันหลัง
ปวดหลังและมีไข้ - มีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะหรือที่ตัวกระดูกสันหลัง
ปวดหลังตอนกลางคืนและน้ำหนักลด - โรคมะเร็งหรือวัณโรค
ปวดหลังในระดับชายโครง บวมที่มือและเท้า - โรคไต
ปวดหลังมีไข้สูงหนาวสั่น - กรวยไตอักเสบ
ปวดตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครงขวา ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวา หรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา มักปวดนานเป็นชั่วโมงๆ และมีอาการคลื่นไส้ - นิ่วในถุงน้ำดี
ปวดหลัง ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงซ้าย - ตับอ่อนอักเสบ
วิธีสังเกต
● หากอาการปวดหลังที่เกิดจากกระดูกและข้อ เช่น กระดูกและข้ออักเสบจะปวดเวลากลางคืนกับตอนเช้า หรือเวลาที่อยู่นิ่งๆ แต่เมื่อเคลื่อนไหวอาการจะดีขึ้น
● ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกก็จะปวดเวลามีกิจกรรม เช่น เมื่อก้มและยกของ เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด หรือออกกำลังกายเพื่อคลายอาการปวด แต่ถ้าหากอาการยังไม่ทุเลาลงก็ควรจะไปพบแพทย์
● สำหรับอาการปวดที่ไม่ได้เกิดจากกระดูกและข้อจะปวดแล้วหาย แล้วก็จะกลับมาปวดอีก อาการปวดจะคาดเดาลำบากว่าจะปวดเมื่อไร หากมีอาการเช่นนี้ควรที่จะรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ชัดว่าเป็นโรคใด
ปรับเปลี่ยนท่วงท่า ป้องกันการปวดหลัง
● ท่านอน ท่านอนที่ดีที่สุดนั้น เราควรที่จะนอนตะแคงแล้วหาหมอนหนุนระหว่างขาสองข้าง หรือนอนหงายงอเข่าเล็กน้อยแล้วใช้หมอนหนุนบริเวณข้อพับ ส่วนท่านอนคว่ำนั้นเป็นท่าที่ไม่ควรปฏิบัติ เพราะจะทำให้หลังแอ่นและเกิดอาการปวดหลังได้
● ท่าลุกจากเตียง เริ่มด้วยตะแคงตัวไปทางริมเตียง แขม่วเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วหย่อนขาลงจากขอบเตียง พร้อมกับดันตัวขึ้นในท่านั่งด้วยมือทั้งสองข้าง
● ท่านั่ง ควรนั่งให้ชิดพนักพิง หลังตรง เท้าติดพื้น
ท่ายืนทำงานรีดผ้าบนโต๊ะ หรือทำงานใช้เครื่องถูพื้นบ้าน ควรให้หลังตรง
● ท่ายืน ยืนแขม่วท้องอกผายไหล่ผึ่ง แอ่นเอวน้อยที่สุด ถ้าต้องยืนนานๆ ควรยืนพักขาข้างใดข้างหนึ่ง เพราะจะช่วยไม่ทำให้หลังแอ่น
● ท่ายกของ ย่อตัวลงแล้วอุ้มของให้ชิดลำตัว ไม่ควรก้มตัวลงยกของ
● ท่าขับรถ หลังพิงพนัก ไม่ควรงอเข่าสูงกว่าสะโพกมากนัก ใช้หมอนเล็กๆ หรือผ้าขนหนูม้วนหนุนไว้บริเวณหลังส่วนล่าง ศีรษะและไหล่พิงเบาะ ปรับที่นั่งไม่ให้ตัวเอนไปด้านหน้าหรือด้านหลังมากเกินไป
● ท่าถือของ ควรถือให้ชิดตัวมากที่สุด เพราะการถือของห่างจากลำตัวจะทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนัก ● ท่าใส่ถุงเท้าและรองเท้า นั่งลงบนพื้นและยกเท้าขึ้นมาสวม หรืออาจจะวางเท้าไว้บนม้านั่งหรือเก้าอี้ก็ได้
ข้อมูลโดย : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 139 ที่มา : //www.cheewajit.com
สารบัญสุขภาพ
Create Date : 11 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 11 มิถุนายน 2553 13:02:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1898 Pageviews. |
|
|
|
|
|