การบริหารการหายใจเพื่อสุขภาพปอด
(Breathing Exercise to promote healthy lung)
เท่าที่สังเกตพบยังมีบุคคลอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่รู้จักวิธีการบริหารการหายใจ หรือการฝึกการหายใจที่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนถูกใช้มากกว่าปกติ และบางส่วนแทบจะไม่ได้ใช้เลย เช่นกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อของทรวงอกส่วนบน ซึ่งถ้าบุคคลเหล่านี้ได้เรียนรู้วิธีการหายใจที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้หายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในขณะปกติ และเมื่อมีพยาธิสภาพเกิดขึ้นก็จะช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และกลับมีสุขภาพปอดที่แข็งแรงขึ้นในเร็ววัน
โรคของระบบหายใจที่พบได้ไม่น้อย และจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งจากการบริหารการหายใจ ได้แก่ โรคภูมิแพ้ของระบบหายใจ, โรคทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคหวัดเรื้อรัง,ไซนัสอักเสบ, หอบหืด, โรคหลอดลมอักเสบ, โรคปอดอักเสบในระยะที่เริ่มฟื้นตัว,โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคหลอดลมโป่งพอง เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของการบริหารการหายใจ(Breathing exercise) ให้ถูกวิธีนั้น ก็เพื่อจะช่วยให้บุคคลทั่วไปได้รับประโยชน์ ดังต่อไปนี้
1. รู้จักวิธีการหายใจที่ถูกต้องเพื่อให้ปอดขยายตัวและหดตัวได้ดี และมีจังหวะการหายใจที่สม่ำเสมอโดยใช้แรงน้อยที่สุด
2. คุ้นเคยกับการออกกำลังกายและฝึกทำจนเป็นกิจวัตรในขณะปกติ ซึ่งเมื่อเกิดเป็นโรคขึ้นก็จะสามารถช่วยให้อาการของโรคที่เป็นอยู่ มีความรุนแรงน้อยลงและหายเร็วขึ้น โดยช่วยให้สามารถไอและขับเสมหะออกมาได้ดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการหอบเหนื่อยลงได้
3. มีลักษณะท่าทางที่ดี (Good posture) 4. เกิดความมั่นใจและมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคภัยที่เบียดเบียนอยู่
ท่าที่ 1 ท่าหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อท้อง ประโยชน์ การบริหารการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องหรือกระบังลม (Abdominal or Diaphragmatic breathing) เป็นการหายใจที่ใช้กำลังน้อยที่สุดและได้ลมเข้าออกจากปอดมากที่สุด
การเตรียมตัวขั้นต้น นอนหงายกับพื้น วางต้นแขนทั้งสองข้างแนบลำตัว วางมือบนหน้าอกและหน้าท้อง งอเข่าทั้งสองข้างขึ้นในท่าที่สบาย
ฝึกหายใจเข้า ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกให้หน้าท้องป่องออก หัดทำอย่างนี้ 2-3 ครั้งจนชำนาญ ถ้าหายใจถูกต้อง หน้าท้องจะป่องออกและหน้าอกจะมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก โดยเฉพาะส่วนบนสังเกตจากการยกขึ้นของมือทั้งสองที่วางทาบไว้
ฝึกหายใจออก ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ผ่านทางไรฟันในขณะที่ริมฝีปากเผยออกเพียงเล็กน้อย ให้ระยะเวลาของการหายใจออกเป็นประมาณ 3 เท่าของระยะเวลาหายใจเข้า จะเห็นว่ามือที่วางทาบอยู่บนหน้าท้องเคลื่อนลง ส่วนมือที่วางอยู่บนหน้าอกจะเคลื่อนไหวน้อยมาก นี่คือการหายใจออกโดยกล้ามเนื้อกระบังลมและกล้ามเนื้อหน้าท้อง ควรหัดทำแบบนี้ซ้ำหลายๆ ครั้งจนแน่ใจว่าสามารถหายใจเข้าและออกโดยวิธีดังกล่าว ซึ่งการหายใจดังกล่าวนี้จะใช้ในทุกท่าของการบริหารที่จะทำต่อไป
ท่าที่ 2 ท่าหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อทรวงอกด้านข้าง ประโยชน์ ช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวทรวงอกให้มากขึ้น และช่วยในการขับเสมหะ
วางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างลงบนสีข้างของทรวงอกส่วนล่าง หายใจเข้าและหายใจออกโดยวิธีการดังกล่าว ให้บริเวณทรวงอกและชายโครงส่วนล่างโป่งออก ในช่วงหายใจเข้าและยุบลงให้มากที่สุด ในช่วงหายใจออกเมื่อชำนาญแล้วใช้มือกดเบาๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงมากขึ้น ขณะหายใจเข้า และเพื่อให้ลมออกจากปอดส่วนล่างให้มากที่สุดในขณะหายใจออก
ท่าที่ 3 ท่าหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อทรวงอกส่วนบน ประโยชน์ เพื่อให้ลมออกจากส่วนนี้ให้มากที่สุดและให้ทรวงอกส่วนบนแข็งแรงขึ้น ท่านี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตีบเรื้อรัง จนมีหน้าอกโป่งพองออกมา เช่น ในพวกที่เป็นหืดหรือถุงลมโป่งพองเรื้อรัง เป็นต้น วางมือบนหน้าอกใต้กระดูกไหปลาร้า ใช้ปลายนิ้วมือกดเบาๆ หายใจเข้าให้อกส่วนบนขยายตัวดันนิ้วมือขึ้น ไม่ควรเกร็งไหล่ปล่อยให้ไหล่หย่อนตามปกติ หายใจเข้าแล้วกลั้นไว้ 1-2 วินาทีแล้วจึงหายใจออก ขณะที่หายใจออกให้ทรวงอกส่วนนี้ยุบลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้มือกดช่วย
★ เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
การบริหารการหายใจมีความแตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปอย่างไร การบริหารการหายใจจะเน้นไปทุกส่วนของท่อทางเดินหายใจและถุงลมในปอด ทั้งในส่วนปกติและส่วนที่มีพยาธิสภาพ แต่การออกกำลังกายโดยทั่วไปจะไม่เน้นในทุกส่วนของปอด ดังนั้นลมหรือออกซิเจนจะผ่านเข้าไปได้ดีเฉพาะในส่วนที่ปกติเท่านั้น
กิจกรรมหรือการละเล่นใดบ้าง ที่มีส่วนในการบริหารการหายใจให้กับบุตรหลานของท่านได้ ? การละเล่นที่อาจช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อของกระบังลมหรือหน้าท้อง ได้แก่ การหัดเป่าลูกโป่ง หรือของเล่นชนิดที่เด็กต้องออกแรงเป่าหลังสูดหายใจเข้าเต็มที่ เช่น กังหันพลาสติกที่วางซ้อนกัน กระดาษสีตัดเป็นรูปผีเสื้อตัวเล็ก หรือกลีบดอกไม้ที่ใช้ปากเป่าให้บินได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการออกกำลังกาย ที่สามารถทำได้ง่ายและให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแก่เด็ก เช่น การวิ่งแข่ง เตะฟุตบอล เล่นแชร์บอล การโหนบาร์และการกระโดดเชือก เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้ท่านผู้ปกครอง ควรเลือกพิจารณาการออกกำลังกายบางอย่างในเด็กเล็ก เช่น โหนบาร์ ควรอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ปกครอง
สำหรับกิจกรรมการว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่สามารถบริหารร่างกายได้ดีทุกส่วนรวมทั้งปอด แต่ไม่สามารถทำได้ทุกขณะและทุกเวลา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เด็กกำลังเป็นหวัดอยู่
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับจากการออกกำลังกาย และการบริหารการหายใจที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอมีอะไรบ้าง ? สำหรับผู้ป่วยเด็กที่ป่วยด้วยโรคหวัดเป็นประจำและมีอาการไอหอบบ่อยๆ โรคหืด หรือโรคทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง ถ้าได้รับการฝึกการออกกำลังกายและบริหารปอดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะช่วยส่งเสริมและฟื้นฟูสมรรถภาพปอด ทำให้ความต้านทานของระบบการหายใจดีขึ้น มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ความต้องการใช้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะก็จะลดลง ช่วยป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนและความพิการ ที่อาจเกิดตามมาจากโรคทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคหลอดลมโป่งพอง ถุงลมโป่งฟอง หรือที่รุนแรงที่สุดคือภาวะการหายใจล้มเหลวได้
การออกกำลังกายและบริหารปอดแบบแอโรบิคในปัจจุบัน มีการตื่นตัวกันมากขึ้นในเรื่องของการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิคซึ่งได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย
สิ่งที่ควรทราบ และประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบแอโรบิค 1. กล้ามเนื้อและข้อต่อของเด็กเล็กยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ ดังนั้นท่ากายบริหารที่ใช้ในเด็ก จึงต้องจัดให้เหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละวัย
2. เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด การบริหารกายไม่ควรหักโหมจนเกินไปและจัดช่วงเวลาต่างๆ ให้พอเหมาะ ได้แก่ ช่วงอบอุ่นร่างกาย ช่วงออกกำลังกายและช่วงการผ่อนคลาย
3. ช่วยกระตุ้นการหายใจและการไหลเวียนของโลหิตให้ทำงานได้ดี ทำให้มีการระบายอากาศไปได้ทุกส่วนของระบบหายใจ มีผลให้ก๊าซออกซิเจนสามารถผ่านไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจ, ปอดและสมองได้ดีที่สุด และช่วยให้มีการถ่ายเทเอสารก่อภูมิแพ้ หรือสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษต่อท่อทางเดินหายใจ และปอดที่สูดเข้าไปออกมาได้ดีโดยไม่คั่งค้าง
4. ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆเคลื่อนไหวได้คล่องตัว ส่งผลให้ร่างกายมีความอ่อนตัวและยืดหยุ่นได้ดี
5. ทำให้กล้ามเนื้อและประสาททำงานสัมพันธ์กัน ทำให้ร่างกายมีความคล่องตัวมากขึ้น
6. ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ความคล่องแคล่วว่องไว และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อทั่วไป รวมทั้งปอดและหัวใจ สมองและระบบประสาท
7. ทำให้มีรูปร่างได้สัดส่วน มีน้ำหนักที่พอเหมาะและมีบุคลิกภาพที่ดี
ที่มา : //www.thaipedlung.org
ภาพจาก : //www.stress-management-for-peak-performance.com //thailandy.wordpress.com
สารบัญสุขภาพ
Create Date : 23 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 25 เมษายน 2553 15:48:38 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1353 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Jackky IP: 58.11.57.34 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:41:32 น. |
|
|
|
|
|