"สาวออฟฟิศจ๋า" ช่วยดูแล "หลัง" "บ่า" "ไหล่"
สาวออฟฟิศจ๋า ช่วยดูแล หลัง บ่า ไหล่
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มสาวออฟฟิศสมัยใหม่ และมีไลฟ์สไตล์การทำงาน แบบนั่งกับโต๊ะวันละเกือบ 8 ชั่วโมง ต้องวุ่นวายอยู่กับเอกสารกองโต หรือ คร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่าร่างกายสะสมความอ่อนเพลีย และเมื่อยล้าเพียงใดจากการ มีกิจวัตรเช่นนี้ทุกวัน
คุณ สาวๆ หลาย คนที่คิดว่าความอ่อนล้าและอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงาน หากได้พักผ่อนก็จะหายไปเอง ขอแนะนำว่าควรฟังข้อแนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างร่างกาย
เพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัดจากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย ซีเคร็ท เชพ เวลเนส เซ็นเตอร์ กล่าวถึงอาการ ปวดหลัง ปวดบ่า ว่าเป็นเรื่องปกติที่ผิดปกติของสาวทำงาน นั่นคือ...
"ผู้หญิงทำงานอายุ 25-45 ปี มักประสบปัญหาอาการปวดบ่า และปวดหลัง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนั่งที่ผิดวิธี เช่น นั่งหลังงอ หรือนั่งไขว่ห้าง ซึ่งน้ำหนักจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งจนทำให้กระดูกสันหลังคด การทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือพิมพ์งานนานๆ กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และคอจะเกร็ง จึงปวดเมื่อยบริเวณบ่าและคอ หากสะสมนานๆ อาจกลายเป็นโรคปวดหลังเรื้อรังได้ ในบางรายที่มีอาการปวดศีรษะตามมา เนื่องจากกล้ามเนื้อที่หดตัวนั้นไปกดทับเส้นเลือด ทำให้เลือดมาเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ" ผู้เชี่ยวชาญอธิบาย
ส่วนการยืนหรือเดินบนรองเท้าส้นสูงนานๆ ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ ตั้งแต่ บริเวณน่อง ไล่มาทั้งขา สะโพก เอว จนทำให้กระดูกสันหลังช่วงเอวแอ่นตัวไปข้างหน้า กล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนกำลัง ไขมันจึงสะสมได้ง่าย หากกล้ามเนื้อไม่ได้ออกกำลัง อาจทำให้หมอนรองกระดูกที่เคลื่อนไปตามการแอ่นของกระดูกสันหลัง มากดทับเส้นประสาทขา จนกลายเป็นอัมพาตช่วงขาได้
ฉะนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดบ่าและหลัง คุณสาวๆ ทั้งหลายจึงควรเริ่มฝึกตัวเองให้รู้จักใช้ร่างการอย่างถูกวิธี นั่นคือ นั่ง ตัวตรงถ่ายเทน้ำหนักไปที่ก้นทั้งสองข้างเท่าๆ กัน แนวขาทำมุม 90 องศากับแนวสะโพก เพื่อกระจายแรงที่จะไปกดทับกระดูกสันหลัง ควรเปลี่ยนท่าทาง อิริยาบถจากนั่งเป็นยืนหรือเดินเสียบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว เปิดการไหลเวียนของเลือด
พร้อมกันนี้เพ็ญพิชชากรยังแนะนำด้วยว่า การออกกำลังกายแบบง่ายๆ ระหว่างวันทำงานก็เป็นทางออกที่ดี เพื่อลดอาการปวดบ่าและหลัง เช่น หมุนคอ บิดลำตัวอย่างช้าๆ เพื่อให้มัดกล้ามเนื้อทุกเส้นใยได้ออกแรง ซึ่งการทำอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนต่อข้อกระดูกที่อาจเคลื่อนตัว และส่งผลถึงเส้นประสาทและการทำงานของร่างกาย
ฝึกการหายใจเข้า-ออก ในลักษณะแขม่วท้อง เพื่อให้แรงดันจากกล้ามเนื้อ ช่วยปรับกระดูกสันหลังช่วงเอวให้เข้าที่ ช่วยให้ช่วงอกยืดตัวหลังจะได้ไม่ค่อม
ส่วนปัญหาการปวดบ่าและหลังที่เกิดขึ้นกับร่างกายเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้บางคนเกิดความเคยชิน และมองว่าอาการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรง มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วอาการปวดเรื้อรัง ก่อทั้งความรำคาญและทำลายความสุขในการใช้ชีวิต หรืออาจถึงขั้นทำให้โครงสร้างร่างกายเสียสมดุล ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆ กล้ามเนื้ออ่อนล้าและร่างกายอ่อนแรงในที่สุด
สำหรับสาวทำงานที่มีอาการปวดไม่รุนแรง หากใส่ใจดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มต้นด้วยตัวเอง ก็จะสามารถป้องการการปวดเรื้อรังได้ แต่ บางรายที่มีอาการปวดเข้าขั้นเรื้อรัง จนไม่สามารถออกกำลังหรือดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัด และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจะดีที่สุด
ข้อมูลจาก //www.komchadluek.net ที่มา : //health.kapook.com/view3163.html
Create Date : 21 มกราคม 2553 |
Last Update : 21 มกราคม 2553 11:14:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 930 Pageviews. |
|
|
|
|
|