Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ภูมิแพ้อาหาร ปัญหาที่มากกว่าการแพ้



อาหารที่ทำให้เกิดการแพ้มีอยู่ได้ในอาหารแทบทุกชนิด
การแพ้อาหารอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้อย่างคาดไม่ถึง
อาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลันทันทีหรือภายใน 1 ชั่วโมงหลังการรับประทาน
แต่ความรุนแรงของการแพ้นั้นขึ้นอยู่กับความไวของระบบภูมิคุ้มกัน ปริมาณอาหารที่รับประทาน ฯลฯ
ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละคน อย่างไรก็ตามอาการแพ้ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการรับประทานอาหารเท่านั้น
คนที่ไวต่อการแพ้ แค่เพียงได้สัมผัสหรือมีการสูดดม

รู้จักภูมิแพ้อาหาร

โดยทั่วไป ร่างกายจะย่อยอาหารได้สมบูรณ์ต่อเมื่อได้รับกรดไฮโดรคลอริกและเอนไซม์จากตับอ่อนอย่างเพียงพอ
เพื่อช่วยย่อยสลายโมเลกุลใหญ่ๆของโปรตีนให้เล็กลงและดูดซึมนำไปใช้ แต่ถ้าระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ
ร่างกายก็จะย่อยโปรตีนโมเลกุลใหญ่ไม่ได้ (แต่เตรียมตัวดูดซึมไปใช้)
ผลก็คือระบบภูมิคุ้มกันแสดงอาการต่อต้านเพราะคิดว่าอาหารนั้นเป็นศัตรู

อาการแพ้อาหารจึงเริ่มต้นในวัยเด็กช่วง 1-2 ปีแรก ที่มักมีการแพ้นมวัวเนื่องจากระบบย่อยอาหารยังทำงาน
ไม่สมบูรณ์เต็มที่ ประกอบกับการมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอและไวต่อสิ่งเร้าต่างๆอยู่เดิม
จึงยิ่งเป็นปัจจัยเสริมและพัฒนาสู่การแพ้อาหารในเวลาต่อมา อาหารเจ้าปัญหา

อาหารที่มักก่อให้เกิดการแพ้ในคนส่วนใหญ่มักเป็นอาหารประเภทโปรตีน เนื่องจากมีสารก่อภูมิแพ้มากกว่าอาหาร
ประเภทอื่นๆ อาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้บ่อยๆได้แก่ นมวัว ไข่ (แพ้ได้ทั้งไข่แดงและไข่ขาว) ถั่วลิสง ถั่วเหลือง
แป้งสาลี และอาหารทะเล เช่น ปลา กุ้ง หอย ปู การแพ้อาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง แม้ไม่ได้รับประทานโดยตรง
แต่รับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากอาหารที่แพ้ อาการแพ้ก็เกิดขึ้นได้

นอกเหนือจากอาหารกลุ่มหลักข้างต้นแล้ว เรายังอาจแพ้เครื่องปรุงรส สารถนอมอาหาร สีผสมอาหาร ฯลฯ ได้ด้วย
ที่รู้จักกันดีคือโรคภัตตาคารจีน (Chinese restaurant syndrome )
หรือการแพ้ผงชูรส จะมีอาการชา ร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า มีผื่นแดง แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก
และทำให้หัวใจเต้นช้าลง คนที่แพ้ผงชูรสยังต้องระวังอาหารกลุ่มที่มีกลูทาเมต (สารเคมีตามธรรมชาติ)ด้วย
โดยเฉพาะในมะเขือเทศ องุ่น ลูกพลัม บร็อคเคอลี เห็ด เนยแข็ง ลูกเกด ไวน์ เหล้าเชอร์รี่
เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน


แพ้จริงหรือแพ้หลอก อาการแพ้มักเกิดขึ้นใน 4 ระบบ ได้แก่
ระบบผิวหนัง เช่น ผื่นเล็กๆทั่วตัว ผื่นคัน ลมพิษ อาการบวมที่ริมฝีปาก บวมที่หนังตา
คับลิ้นและเพดานปาก เกิดรอยไหม้รอบๆริมฝีปาก
ระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไหล คันจมูก คัดจมูก จาม หายใจติดขัด
หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
ระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้องแบบบิด
ระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ความดันโลหิตต่ำ ช็อก


อาการแพ้อาจเกิดขึ้นในระบบใดระบบหนึ่งหรือหลายระบบพร้อมกัน
และหากปฏิกิริยาแพ้นั้นรุนแรงอย่างฉับพลันทันที อาจทำให้ผู้แพ้อาหารความดันตก ช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้

ในบางครั้งการรับประทานอาหารอาจก่อให้เกิดอาการไม่สบายตัว เช่น มวนท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น
ไม่จำเป็นว่าต้องมีสาเหตุจากการแพ้อาหารซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกันเสมอไป เพราะอาจเกิดจาก
ปัญหาในการย่อยอาหารบางชนิด หรือการระคายเคืองจากสารเคมีในอาหาร เรียกกันว่า "ภาวะแสลงอาหาร"


ความแตกต่างระหว่างการแพ้อาหารและภาวะแสลงอาหารคือ
อาการภูมิแพ้มักเกิดขึ้นจำเพาะเจาะจงในระบบผิวหนัง ทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจ
และมีระดับความรุนแรงพอสมควร อาการเริ่มต้นของการแพ้อาหารมักเริ่มจากปวดท้องบิด
แต่การมีปัญหาที่ระบบทางเดินอาหารเพียงอย่างเดียวหลังรับประทานอาหาร
อาจสรุปยากว่าเป็นการแพ้อาหารหรือไม่
แต่ถ้าเกิดร่วมกับอาการผิวหนังและการหายใจ เช่น มีผื่น ลมพิษ มีน้ำมูก คันจมูก นั่นน่าจะเป็นการแพ้อาหาร




แพ้อาหาร : ผลกระทบที่มากกว่าการแพ้
พัฒนาการของโรคภูมิแพ้อาจไม่อยู่ในรูปแบบการแพ้อีกต่อไป แต่จะซ่อนตัวเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรังด้านอื่นๆแทน
ถ้าร่างกายเกิดอาการแพ้นมอย่างรุนแรงทันทีในครั้งแรก คนคนนั้นจะมีอาการเรื้อรัง เช่น เป็นโรคข้ออักเสบ
มีอาการเหนื่อยล้า ซึมเศร้า ปวดหัวเรื้อรัง เพราะร่างกายพยายามปรับตัวเองให้รับสารแปลกปลอมชนิดนี้ไว้ให้ได้

ถ้าเรากินนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมทุกวัน อาการแพ้อาจจะกลมกลืนไปกับบุคคลิกลักษณะของเราจนดูเหมือนเป็น
อาการปกติ จนในที่สุดอาการผิดปกติจะปรากฏชัดขึ้น ซึ่งเราจะไม่สงสัยเลยว่านมจะทำให้เกิดอาการเหล่านั้นได้
เพราะขณะนั้นร่างกายได้สร้างภูมิต้านทานต่อนมที่กินเข้าไป-มากถึงระดับหนึ่ง
จนอาการพิษของนมไม่แสดงออกมา แต่จะกดซ่อนไว้ในร่างกาย
การที่เรายังดื่มนมทุกวันจึงเป็นการกดการแพ้เอาไว้ แต่ไปแสดงเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรังแทน

พัฒนาการของโรคภูมิแพ้จึงหมายถึง การที่อาการแพ้เปลี่ยนจากระบบหนึ่งไปยังระบบหนึ่ง เช่น
เด็กเล็กอาจมีอาการหอบหืดเพราะแพ้นม แต่เมื่อเป็นวัยรุ่น อาการแพ้อาจทำให้เกิดสิวแทน
แต่ผู้ปกครองคิดว่าไม่ได้แพ้นมแล้ว เพราะหอบหืดหายไป
โดยไม่ได้นึกว่าอาการผิดปกติในปัจจุบันก็มีรากเหง้ามาจากปัญหาเดิมนั่นเอง


รับมือการแพ้อาหาร

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาอาการแพ้อาหารให้หายขาด วิธีเดียวที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้
รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากอาหารชนิดนั้นๆ หากไม่แน่ใจว่าคุณจะแพ้อาหารชนิดนั้นหรือไม่
ควรรับการทดสอบภูมิแพ้ (Allergy Skin Test)
โดยการหยดน้ำยา (ที่สกัดจากอาหารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้) ลงบนผิวหนัง ใช้เข็มสะกิดผิวใต้หยดน้ำยา
เพื่อดูการตอบสนองอาการแพ้

ผู้แพ้อาหารบางคนเกิดการแพ้ทันทีและค่อนข้างรุนแรง การปฐมพยาบาลจากคนรอบข้างจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
หากมีอาการเล็กน้อย เช่น ท้องเสีย ท้องอืด เป็นลมพิษ อาจรับประทานยารักษาตามอาการ
ซึ่งอาการมักทุเลาลงภายใน 3-4 ชั่วโมง แต่ถ้ามีลมพิษขึ้นทั่วทั้งตัว ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ภายใน 5-10 นาทีข้างหน้าจะมีอาการบวมในกล่องเสียง
หลอดลมตีบ หายใจติดขัด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ผู้ที่มีการแพ้อาหารรุนแรงถึงขั้นช็อก แพทย์จะให้ยาฉีดอะดรีนารีนที่บรรจุในชุดพร้อมฉีดให้พกพาไว้ใกล้ตัว
เพื่อรักษาอาการแพ้ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที หากจะให้ดีควรพกบัตรประจำตัวที่ระบุว่า
ตนเองอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้อาหารอย่างรุนแรง พร้อมบอกวิธีการช่วยเหลือเอาไว้ด้วย

การรักษาในระยะยาวก็คือ การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลาย
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมจิตใจให้ปราศจากความเครียด
รับประทานอาหารที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน วิตามินอี และซีลีเนียม
ที่สำคัญคือการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพื่อให้การย่อยและการดูดซึมอาหารเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์


Create Date : 17 มีนาคม 2552
Last Update : 17 มีนาคม 2552 20:18:49 น. 1 comments
Counter : 852 Pageviews.

 
มีแบบว่า แพ้ใจตัวเอง มั้ย จ้า
รักษ์โลก, 29มีนา, ภาวะโลกร้อน, ปิดไฟ, เด็ก
[widget.sanook.com - *More Feel*]


โดย: zodayenka วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:0:16:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.