happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๑๕





"หัวใจเรียกร้อง ขอทำตามหัวใจเป็นครั้งสุดท้าย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว..."
"ฟ้าลิขิตมาให้คู่กัน ก็ย่อมหนีกันไม่พ้น ด้วยเพราะสวรรค์บันดาล..."
"อานุภาพความรักนั้นยิ่งใหญ่หาที่เปรียบไม่ได้..." (จากไอทีวี)



youtube.com







ค่ำมากแล้วพ่อ แม่ ชีเน่และยูมีนั่งที่โต๊ะอาหารรอจุนโซอยู่คนเดียว แม่บ่นถึงลูกชาย
"จุนโซน่ะมาช้าจังนะ"
"เดี๋ยวก็มาหรอก เรากินกันก่อนเลยดีไหมล่ะ" พ่อออกความเห็น แต่แม่จะรอลูกชายก่อน
"เป็นวันชุมนุมครอบครัว ก็ต้องกินพร้อมหน้าซิคะ"
"นั่นซิคะ" ยูมีพูดพลางมองไปที่ประตู นึกห่วงจุนโซ
"ยูมีนี่ขี้กังวลจังเลยนะ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพี่เขาก็โผล่มาแล้ว จริงไหมคะ พี่น่ะจะต้องโทรมาบอก ถ้าเขาจะมาตามนัดช้าเกินสิบนาที" ชีเน่พูดไม่ทันขาดคำ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น แม่บอกลูกสาว
"คงมาแล้วนะชีเน่" ยูมีจะไปเปิดประตูให้ ชีเน่รีบลุกไป
"หนูไปเองค่ะ"
จุนโซดูเหมือนจะดื่มหนักกว่าทุกคราว เดินเมาโซซัดโซเซเข้ามาในบ้าน ทุกคนมองอย่างแปลกใจ น้องสาวบ่นพี่ชาย
"อ้าว! พี่เมามาหรือ โอ้โห! กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว มา ฉันช่วยพยุง"
"ไม่ต้อง เอ้อ! โทษที ขอโทษนะครับ ผมมาช้าจัง" พ่อเรียกลูกชาย แม่ลุกจากโต๊ะ พูดออกมา
"นี่! อะไรกันน่ะลูก"
"ขอโทษนะครับ คือว่าผม...ผมเจอเพื่อนเก่าเลย..." เสียงอ้อแอ้จัด ยืนโงนเงน ชีเน่จับมือพี่ชายไว้
"พี่น่ะ จะยืนไม่อยู่แล้วนะเนี่ย"
"ไม่เป็นไรน่า" ยูมีเข้าประคอง
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" จุนโซสะบัดมืออย่างแรง ไม่ยอมให้แตะต้อง
"ไม่เป็นไร อย่ายุ่ง!" พ่อปรามลูกชายที่ทำกริยาไม่ดีกับคู่หมั้น ยูมีจับมือเขาอีก




"เป็นอะไรหรือคะจุนโซ" จุนโซบิดมือออก ยังรู้สึกโกรธไม่หาย พูดเสียงแข็ง
"ไม่เป็นไร สบายดี" แล้วหันไปขอโทษคนอื่น
"ขอโทษนะครับ เสียใจจริง ๆ" พอก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็สะดุดล้มลง คว้าผ้าปูโต๊ะ ดึงจนจานชามตกแตก
"ขอโทษครับ ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้" พ่อมองลูกชายอย่างฉุนจัด ลุกจากโต๊ะไป
"จุนโซ ทำไมเป็นยังงี้ล่ะลูก" คุงฮาเอ่ยปาก สีหน้าหนักใจ
"ขอโทษนะครับ" ปากพูด มือก็หยิบเศษแก้วที่แตกขึ้นดู
"อ้อ! ใบนี้แตกแล้ว ผมจะไปหยิบใบใหม่มาให้" จุนโซลุกขึ้นเดินโซเซเข้าไปที่ห้องครัว เปิดตู้วุ่นวาย มือปัดป่ายไปถูกถ้วยของน้อง เงยหน้าขึ้นมองเห็นถ้วยสี่ใบวางเรียงกัน จุนโซนิ่งงันความเมาเหือดหาย สายตาจับจ้องถ้วยใบที่มีรูปหน้าอึนโซ หยิบขึ้นดู ดวงตาเจ็บช้ำ รำลึกถึงเจ้าของที่จากไป เหลือไว้แต่ของที่เป็นเหมือนสิ่งแทนสายใยรักผูกพันของเขาและเธอ




หมอโทรมาบอกยูมีว่าฝากข้อความไว้ให้ พอวางสายลง ยูมีใจหายวาบ นึกออกว่าทำไมวันนี้จุนโซถึงเมามากและมีทีท่ากับเธอแบบนั้น เข้าไปในห้อง เห็นเขากำลังจัดกระเป๋าอยู่ พูดอย่างใจเสีย
"จุนโซคะ คุณรู้แล้วซิ เรื่องที่มือฉันหายแล้ว ใช่ไหมคะ" จุนโซมองหน้าเธอ ไม่พูดอะไร
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่กล้าบอกคุณก็เลยยังไม่ได้บอก ฉันรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่คุณรู้ คุณก็จะไม่อยู่กับฉัน ฉันก็เลยต้องโกหกเพื่อรั้งคุณเอาไว้ค่ะ"
"ข่าวดีอย่างนั้น คุณน่าจะบอกผมนะ"
"จุนโซคะ"
"จริง ๆ นะ คุณจะวาดภาพได้อีกแล้ว ผมยินดีด้วยนะ" เสียงเขาเรียบดุจเดียวกับสีหน้า
"ฉันน่ะหมดปัญญาแล้ว ฉันไม่อยากให้มันหายเลยด้วยซ้ำ คุณจะได้ไม่ทิ้งฉันไปน่ะ" ยูมีร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง รู้ดีว่าสูญเสียเขาไปแล้ว
"ผมรู้...ผมเข้าใจ...ผมเข้าใจดี"
"งั้นก็อย่าทิ้งฉันไปซิคะ อย่าทิ้งฉันไปหาอึนโซนะคะ"
"ผมจะไม่ไปหาอึนโซ...ไม่หรอก...ไม่ได้...เป็นไปไม่ได้ ผมแค่จะไปไหน ๆ สักหน่อย คุณไม่ว่านะ" จุนโซวูบลึกในอก หวนไห้ถึงคนไกลตา
"ยกโทษให้ฉันได้ไหมคะ"
"ยกโทษหรือ คุณซิต้องยกโทษให้ผม ขอโทษที่ผมตัดไม่ขาด ทำให้คุณต้องรอ" จุนโซมองถ้วยตรงหน้า
"อึนโซยังเป็นฝ่ายทิ้งถ้วยพวกนี้เอาไว้ เค้าตัดทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ผมนี่ช่างโง่จริง ๆ ขอแค่สองสามวันนะ ให้ผมไปตั้งสติ แล้วเราจะออกเดินทาง" ชายหนุ่มยกถ้วยขึ้นดู
"ฝากถ้วยพวกนี้ด้วยระหว่างที่ผมไม่อยู่นี่...เมื่อผมกลับมาแล้ว...มันจะกลายเป็นแค่ถ้วยธรรมดา" พูดจบก็วางลงคู่กับถ้วยที่มีรูปหน้าตนเอง




เทซกเดินมากับอึนโซ หันไปอีกที เห็นเธอนั่งลงอย่างหมดแรง ท่าทางไม่สบายใจก็พูดให้อารมณ์ดี
"เฮ้อ! แค่นี้ก็นั่งแล้วหรือ ลุกซิ คุณนายชอยครับ"
"คนไม่เป็นก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่ามันเจ็บแค่ไหน นี่ฉันยังต้องตรวจอีกหรือคะเนี่ย"
"คราวก่อนก็เห็นเธอเก่งนี่นา ใครบอกเองว่าไม่เจ็บเลย"
"งั้นให้พี่เทซกไปตรวจแทนซะเองเลยซิ"
"อะไร! ได้ที่ไหนกันเล่า...ถึงฉันจะอยากก็เถอะ" ประโยคสุดท้าย พูดทีจริงมากกว่าเล่น
"มารักษาแบบนี้จะคุ้มค่าหรือคะ ไม่มีใครรับประกันว่าอาการจะดีขึ้นน่ะ รักษาไปทำไมก็ไม่รู้" เทซกก้าวเข้าใกล้ ย่อตัวลงจับไหล่เธอแล้วมองตา
"รักษาตัวเพื่อฉันไง" พูดจบก็ลุกขึ้น เสมองไปทางอื่น
"ไม่น่าจะพูดแบบนี้เลยนะ" อึนโซลุกขึ้นยืนถามเขา
"ทำไมล่ะคะ"
"ก็เธอไม่ชอบฉันนี่" น้ำเสียงน้อยใจ ยังไม่ยอมมองหน้าเธอ
"พี่เทซกคะ...ขอ...เครื่องรางได้ไหม" อึนโซเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเขา
"สร้อยคอเส้นนั้นน่ะ ขอคืนนะคะ ฉันจะสวมไว้เป็นเครื่องรางเมื่อต้องเจ็บปวดค่ะ จะได้ไหมคะ" สร้อยคอที่เขาเคยมอบให้เธอแทนความรัก แต่อึนโซนำไปคืนวันที่ตัดขาดจากเขา คำพูดของอึนโซจุดประกายในดวงตาเทซก ชายหนุ่มพูดอย่างตื้นตัน
"อ๋อ...ได้ซิ ได้เลย...จะขัดข้องไหมถ้าหากฉัน...จะให้อย่างอื่นแทนน่ะ"




อึนโซเปิดลิ้นชัก หยิบแหวนของจุนโซขึ้นมาแล้วกำไว้ในมือ น้ำตาไหล นึกถึงคนที่อยู่ห่างไกลเกินเอื้อมถึง จุนโซนั่งมองถ้วยที่เขาบอกยูมีว่า มันจะเป็นแค่ถ้วยธรรมดาเมื่อเขากลับมาหาเธอ สำหรับจุนโซแล้ว ทุกสิ่งเกี่ยวกับอึนโซไม่เคยเป็นเพียงความรู้สึกที่วูบผ่านไป หากตกตะกอนนิ่งสนิทในใจเขามานานปี บ่อยครั้งที่มันเซาะผ่านรอยร้าวในหัวใจ ฟุ้งกระจายและลอยอ้อยอิ่งอยู่เต็มห้วงนึก ให้จุนโซได้เอิบอิ่มทุกคราที่รำลึกถึง อึนโซตัดเยื่อใยได้ขาดจริงล่ะหรือ ชายหนุ่มมองถ้วยรูปน้องดวงตารื้น หมุนถ้วยเบามือ ตัดใจลุกขึ้นขับรถออกไป





ที่เดียวที่จุนโซอยากไปมากที่สุดคือ ไร่ปศุสัตว์ ที่ ๆ ความรักเบ่งบานเต็มหัวใจ ได้เดินไปตามทางที่เคยเดินจับมือเคียงกันอย่างสุขใจบนเส้นทางใบไม้ร่วง ป่าทั้งป่าเปล่งสีสดสว่าง ภาพฝังจำอันซาบซึ้งสุขสงบที่หล่อเลี้ยงหัวใจจุนโซแจ่มกระจ่าง ไม่ว่าจะหันไปทางใด ความสุขของช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันยังตรึงตา ความรู้สึกที่มีเธอในอ้อมแขนยังตรึงใจ กลิ่นดอกไม้ที่มอบให้ในวันเกิดของเธอยังอวลกลิ่นกรุ่นอยู่ไม่จาง ภาพจุนโซที่เดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติงดงามด้วยสีสัน เป็นความขัดแย้งที่ลงตัวกันอย่างน่าประหลาด




อึนโซกำลังจะไปตรวจ เทซกวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดตรงหน้า วางแหวนไว้ในมือเธอ แล้วกุมมือไว้อย่างให้กำลังใจโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จุนโซนั่งหน้ากองไฟดวงตาหม่นหมอง นึกย้อนไปถึงวันนั้น ที่ตรงนี้ เขาเคยสวมแหวนให้เธอ กับคำพูดที่บอกยูมี
"ขอแค่สองสามวัน ให้ผมไปตั้งสติแล้วเราจะออกเดินทาง"
อึนโซเข้ารับการรักษา สวมแหวนของเทซกไว้ติดนิ้ว
"ฉันจะสวมไว้เป็นเครื่องรางเมื่อต้องเจ็บปวดค่ะ"
ทว่าผู้เดียวที่ติดอยู่ในห้วงคำนึงของอึนโซทั้งยามหลับและตื่น แม้กระทั่งขณะเจ็บปวดจนถึงที่สุดก็คือจุนโซ
กองไฟเบื้องหน้าคุโชน ผิดกับหัวใจจุนโซขณะนี้ เหลือเขาเพียงเดียวดาย จุนโซเหลียวหาคนที่เคยนั่งเคียงกัน อยากให้เธอมาอยู่ชิดใกล้เช่นวันนั้น ทั้งจุนโซและอึนโซต่างเรียกกันและกันด้วยความห่วงหา อ่อนเบา




เช้าวันต่อมา เทซกบอกอึนโซว่าจะไปทำธุระ เดินคู่กันมาชายหนุ่มนับนิ้วตัวเองแล้วบอกเธอ
"ฉันต้องไปสักสามวันนะ อ้อ! ไม่ใช่หรอก มะรืนนี้ก็กลับแล้ว" อึนโซพยักหน้า
"ถ้างั้น อีกสองคืนเจอกันนะ" จะเดินไปที่รถก็หันมาบอกอีก
"อ้อ! ไม่ใช่ซิ พรุ่งนี้เย็นฉันก็จะกลับแล้ว" เทซกเห็นแต่รอยยิ้มของเธอ
"ตั้งใจทำงานนะคะ ขับรถระวังล่ะ" เทซกได้ยินก็ยิ้ม
"ได้ยินแบบนี้ ฉันฝันไปถึงอะไรเธอรู้ไหม ฝันถึงตอนเช้ามีเธอจูบลา แล้วกำชับให้ขับรถระวังหน่อย แล้วฉันก็จะเดินออกไปทำงานอย่างภาคภูมิใจ" เทซกเดินกลับมาหาอึนโซ จับไหล่เบา ๆ แล้วถาม
"จะบอกครอบครัวเธอได้หรือยังล่ะจ๊ะ"
"อย่าเพิ่งนะคะ ให้พี่ชายไปก่อนแล้วค่อยบอก" ถึงอย่างไรจุนโซก็เป็นคนสำคัญที่สุดของเธอเสมอ อึนโซเห็นสายตาของเทซกก็รู้ว่าเขาเจ็บปวดที่เธอไม่ได้รักเขาเลย เอ่ยขอโทษ เทซกยิ้มให้
"ไม่เป็นไรหรอก ตกลงเราจะไม่บอกให้จุนโซเขารู้ ขี้โกหกหรือเปล่านี่ แต่ว่าอีกไม่นานจุนโซก็จะไปแล้วนะ เธอไม่อยากเจอเขาอีกหรือ" อึนโซส่ายหน้า
"งั้นก็ได้ ถนอมตัวนะ" เทซกจะขึ้นรถ อึนโซจับมือเขาไว้ ซาบซึ้งในความดีและน้ำใจรักของเขา
"ขอบคุณนะคะ" เทซกพยักหน้ารับ
"ฉันไปนะ"




แม้ความรักที่เทซกมอบให้จะมากเพียงใด ก็ไม่มีวันเติมเต็มในหัวใจอึนโซได้เลย เธอเก็บของเพื่อกลับไปบอกลาจุนโซในที่ ๆ เขาและเธอมอบหัวใจให้แก่กัน จะเดินออกจากห้อง หันกลับมาเปิดลิ้นชัก หยิบแหวนของจุนโซขึ้นสวม แล้วถอดแหวนของเทซกออกเก็บไว้ พูดกับแหวนแทนตัวเขา
"ขอโทษนะคะพี่เทซก ขอเวลาฉันแค่วันเดียว ฉันอยากจะไปพบพี่ชาย...เพื่อบอกลา...เป็นครั้งสุดท้าย"

ธุระที่เทซกบอกอึนโซก็คือ กลับไปรับแม่และพี่ชายของอึนโซให้มาตรวจไขกระดูกตามที่หมอแนะนำว่า
"การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นความหวังสุดท้ายครับ เพราะฉะนั้น ให้ครอบครัวเธอมาตรวจดีกว่าครับ"
"ใช้ของผมได้ไหมฮะ ผมยินดีนะครับหมอ"
"หมอก็อยากจะให้ใช้ของใครก็ได้เหมือนกัน แต่ถึงผู้ป่วยจะไม่ต้องการ เราก็ต้องคุยกับครอบครัวของเธอครับ"




จุนโซเตรียมตัวกลับ บอกกับลุงเจ้าของไร่
"พอคล้อยหลังผมแล้วก็เก็บของได้เลยนะครับ"
"ทำไมล่ะ จะไม่กลับมาอีกหรือนี่ เอายังงี้ ลุงจะเก็บไว้รอนะ นี่คราวหน้ามาพาอึนโซมาด้วยล่ะ" จุนโซฝืนยิ้มให้
ก่อนกลับ จุนโซเดินไปที่ต้นไม้ของเธอ ชื่อสองชื่อสลักคู่กันมายาวนาน นานเหมือนความรักที่เขาและเธอมีให้แก่กัน จะมีวันที่เธอหวนคืนมาหาเขาอีกหรือไม่ จุนโซไม่คิดฝัน เขาทำได้เพียงนั่งลงใต้ต้นไม้ ให้ร่มเงาแห่งความรักของเธอแผ่คลุมหัวใจตนเงียบ ๆ
อึนโซนั่งรถโดยสารกลับไปที่ไร่ แดดจัดที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้ใบหน้าที่ซีดของหญิงสาวให้ดูขาวมากยิ่งขึ้น




ชีเน่มาหาซุนอิมตามที่อึนโซขอร้องไว้ เดินเข้าไปในร้านช่วยแม่ ซุนอิมหันมาเห็นเข้า
"อ้าว! มาทำอะไรที่นี่ล่ะ อะไรกัน" แม่เห็นน้ำมันกระเด็นใส่เสื้อชีเน่ก็ห้าม
"ไม่ต้องน่า หยุดนะ ดูซิ กระเด็นเปื้อนเสื้อหมดพอดีกัน" ซุนอิมสาละวนเช็ดเสื้อให้ลูก ชีเน่มองหน้าแม่ ซุนอิมจับหน้าตัวเอง
"อะไรล่ะ มีอะไรติดที่หน้าอยู่อย่างนั้นหรือ"
"แม่นี่เปลี่ยนไปเยอะนะ สมัยก่อนถ้าฉันไม่มาช่วย เป็นได้โดนแม่ไล่หวดเลย"
"ลมอะไรหอบมาล่ะ"
"ลูกสาวแม่น่ะซิ ไปขอให้ฉันมาคอยดูก่อนที่เค้าจะไปโซล ยายบ๊อง คิดว่าตัวเองเป็นใคร มาขอให้ฉันทำแบบนี้ได้" ซุนอิมหน้าสลดลง
"เพราะอย่างนี้หรอกหรือ"
"บังเอิญมาธุระแถวนี้ด้วย"
"งั้นช่วยดูร้านให้แม่ไปตลาดหน่อยได้ไหมล่ะ"
"ฉันไปให้เอง ซื้อของใช้ใช่ไหม"
"ไม่ได้ จะซื้อของตั้งเยอะ แม่ต้องไปเอง"
"ไม่เป็นไรน่า ฉันไปให้เอง" ลูกสาวยิ้มให้แม่ เดินออกจากร้านไป ซุนอิมมองตาม ถอนหายใจแล้วรำพึงออกมา
"เฮ้อ น่าสงสาร ทั้งอึนโซทั้งลูก..."
ชีเน่ขับรถออกไป พอดีกับที่เทซกเดินมาถึงหน้าบ้านอึนโซ พอซุนอิมเห็นเข้าก็ดีใจ วิ่งออกมาหา
"อ้าว! คุณ ว่ายังไง สวัสดีค่ะ"




เข้ามาในห้องคุยกัน ซุนอิมยกแก้วน้ำวางตรงหน้าเทซก มือปัดพื้นข้าง ๆ ตัว พูดอย่างเกรงใจ
"มันไม่ค่อยสะอาด เชิญเลยค่ะ ว่าแต่คุณเพิ่งกลับมาจากโซลหรือคะ ได้เจออึนโซ เค้าเป็นยังไงบ้างหรือคะ อึนโซน่ะ ไม่ได้ทิ้งเบอร์โทรเอาไว้ให้ฉันติดต่อเลย เค้าสบายดีใช่ไหมคะ งานใหม่น่ะเป็นยังไงบ้างคะ"
"คุณน้าครับ..." ซุนอิมเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเทซกก็ถาม
"มีอะไรหรือคะ หรือว่าอึนโซเป็นอะไรไปคะ บอกมาเถอะค่ะ บอกมาซิคะ มีอะไรคะ ลูกสาวฉันเป็นอะไร อึนโซมีเรื่องอะไรแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ" เทซกก้มหน้าอย่างอัดอั้นแล้วตัดสินใจบอกความจริง
"อึนโซ...ป่วยครับ ป่วยมากด้วย" ซุนอิมใจหายวาบ นึกไปถึงโรคร้ายที่คร่าชีวิตสามีตน
"คงไม่ใช่..."
"เขาเป็นมะเร็งครับ มะเร็งในเม็ดเลือด ต้องให้ญาติใกล้ชิดไปตรวจไขกระดูกให้เข้ากัน ผมต้องมาที่นี่ไง" ซุนอิมหมดแรง ฟูมฟายน้ำตา โทษพ่อของอึนโซที่ทำให้ลูกสาวต้องเคราะห์ร้ายไปด้วย
"ไอ้บ้านั่นน่ะ โธ่! ตอนมันยังอยู่ก็ทำให้ฉันทุกข์ทรมาน แล้วนี่ยังมาแพร่โรคให้อึนโซอีกหรือ ทำไมเป็นแบบนี้" ชีเน่กลับมาพอดี ยืนฟังที่หน้าห้อง ได้ยินเรื่องทั้งหมด




เทซกเช็ดน้ำตา เดินออกมานอกบ้าน เห็นชีเน่ยืนอยู่ ถูกถามเรื่องอึนโซ
"พี่เทซก จริงหรือเปล่า"
"ชีเน่...นี่เธอ"
"เรื่องอึนโซเป็นมะเร็งน่ะ มันจริงหรือเปล่า พี่ บอกมานะ ฉันจำเป็นต้องรู้นะ บอกมาซิ ถ้าอึนโซเป็นมะเร็ง แล้วพ่อกับแม่ พี่ชาย ทุกคนจะเป็นยังไง"
"นี่! ฉันขอร้องล่ะ เธออย่าบอกใครเลยนะ ยิ่งจุนโซ ยิ่งให้รู้ไม่ได้ใหญ่"
"พี่"
"อึนโซขอร้องไม่ให้บอกเอง ถ้าเธอให้เรื่องนี้ถึงหูจุนโซละก็ ฉันจะไม่พบกับเธออีก"




รถโดยสารที่อึนโซนั่งมาชลอความเร็วแล้วหยุดตรงทางแคบ รถใหญ่จอดให้รถเล็กแล่นผ่านไปก่อน อึนโซหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ตกตะลึงเมื่อเห็นคนขับรถที่แล่นผ่านไปช้า ๆ คือพี่ชาย ลุกขึ้นตะโกนบอกคนขับให้จอดแล้วรีบลงจากรถ หญิงสาวรู้สึกมึนหัว เดินโซเซมองรถที่ค่อย ๆ เลี้ยวหายไปตรงโค้งถนน ความรู้สึกอ้างว้างแล่นขึ้นมา พร้อมกับเรี่ยวแรงที่โหยอ่อนจนต้องทรุดลงนั่ง สักครู่ได้ยินเสียงรถเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรถของพี่ชายกำลังถอยกลับมา จุนโซเปิดประตูรถ รีบวิ่งลงมาหาเรียกน้องอย่างห่วงใย ประคองให้ลุกขึ้น อึนโซน้ำตาคลอ
"บอกมาซิ ทำไมเค้าถึงวิ่งหนีไม่พ้นพี่ซะที" หัวใจจุนโซยิ้มได้




ทั้งคู่กลับไปที่ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมสงบงาม อากาศหนาวเย็นแต่หัวใจอบอุ่น แดดใสทอฉายเวิ้งฟ้าให้กระจ่าง ดุจความรักที่จุดหัวใจของทั้งสองให้สว่างไสว ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดทุ่งสีทองอร่ามตา ราวจะโอบหนุ่มสาวที่เดินเคียงกันไว้ในอ้อมแขนอันอ่อนโยน นุ่มเบา จุนโซถอดเสื้อหนาวคลุมตัวให้อึนโซ




เทซกกลับไปแล้ว ซุนอิมยังนั่งร้องไห้อยู่ในห้อง พร่ำเรียกแต่ลูกสาว ชั่วครู่นึกอะไรได้ ลุกขึ้นเปิดตู้หยิบซองออกมาแล้วรีบออกจากบ้านไป
ชีเน่สีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของอึนโซ ยูมียกจานผลไม้มาวางบนโต๊ะ พ่อเอ่ยถาม
"หนูยูมี อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้ว ทำไมจุนโซยังไปเที่ยวอีกล่ะ"
"ก็เพราะจะไปแล้วน่ะซิคะ เขาก็เลยขอเวลานอกไปอยู่คนเดียวบ้าง"
"เสียดายนะที่ไม่ได้เลี้ยงส่ง"
แม่เห็นชีเน่นั่งเงียบก็เรียกลูก
"ชีเน่ กินซิลูก"

ซุนอิมเข้ามาในบ้านขอร้องศจ.ยุนและคุงฮา สองสามีภรรยาเอ่ยสวัสดี สีหน้ายังงง ๆ อยู่คะ ชีเน่ว่าแม่
"เสียสติแล้วหรือไง นึกยังไงมาทำอะไรที่นี่ล่ะ"
"คุณมีเรื่องยังงั้นหรือคะ" คุงฮาถาม ซุนอิมน้ำตาไหลอาบแก้ม ยื่นซองในมือให้ พูดขอร้อง
"ทั้งเนื้อทั้งตัว ฉันมีอยู่แค่นี้"
"นี่มันอะไรครับ"
"นี่เป็นโฉนดที่บ้านฉันเองค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าค่ารักษาแพงมาก พ่อแกถึงต้องตายไปก่อนนี้ อึนโซก็เปรียบเสมือนลูกสาวของคุณนะ"
"แม่!" ชีเน่เสียงดังจะห้ามไม่ให้แม่พูดต่อ แต่ก็ยั้งอารมณ์ของแม่ไม่อยู่ คุงฮาถามอย่างตกใจ
"คุณพูดเรื่องอะไร อึนโซเป็นอะไรหรือ"
"ช่วยรักษาด้วย ช่วยรักษาอึนโซ...อึนโซน่ะเป็นมะเร็งใกล้จะตายแล้ว" ทุกคนตะลึงงัน ชีเน่เรียกแม่อีก ยูมีใจหาย ยกมือปิดปาก
"แกจะต้องผ่าตัด ฉันไม่มีเงิน ฉันมอง...ฉันมองไม่เห็นใครอื่นแล้ว คุณทั้งสองเคยเลี้ยงดูแกมา ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดเถอะ ช่วยรักษาแกด้วย ช่วยรักษาแกด้วย รักษาแกด้วย..." ซุนอิมใจจะขาดเสียให้ได้
"อึนโซจะตายหรือ คุณพูดเรื่องอะไร อะไรเนี่ย" ศจ.ยุนยืนนิ่งเป็นรูปปั้น ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ คุงฮาเป็นลมล้มลงทันที ชีเน่กับยูมีต้องเข้าช่วยกันประคอง




ยูมีมาหาเทซก สีหน้าเศร้าหมอง
"จะทำยังไง ทำยังไงดี"
"ฉันช่วยไม่ได้ ขนาดตัวฉันเองยังไม่รู้จะทำยังไงเลย"
"ถ้าจุนโซรู้เข้า จะเป็นยังไง จะทำยังไง"
"ไม่ต้องบอกจุนโซหรอก ก็เค้าไม่อยากให้รู้ ฉันก็เลยไม่บอกเขา ทำไมหรือ อึนโซขอร้อง อึนโซไม่อยากให้บอก เพื่ออึนโซฉันถึงได้ใช้เป็นข้ออ้างอยู่ทุกวันนี้ไง ฉันคิดถึงตัวเอง เห็นแก่ตัวเอง ฉันทำอยู่เนี่ย" เทซกพูดอย่างอัดอั้นตันใจ
"จะทำยังไง" ยูมีเอาแต่ร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก




ตะวันรอนอ่อนล้าลง แสงทองลอดผ่านเกล็ดเมฆดูฉ่ำพราวไปทั้งฟ้า คลื่นแดดบางเบาสาดสีเหลืองสว่างไสว อบร่ำผิวโลกและผืนฟ้ายามสนธยาให้งามดุจมีมนต์ขลัง ภาพของชายหญิงที่นั่งใกล้กัน มองจากไกล ๆ ราวนั่งบนผืนพรมมีชีวิตสีเขียวสดสลับสีน้ำตาลทอง จุนโซขยับเสื้อหนาวให้กระชับตัวน้อง
"ไม่หนาวแน่นะ"
"อืม...อีกไม่นานพี่ก็จะไปแล้ว"
"ใช่ อีกแค่ไม่กี่วัน ก่อนไปเลยอยากกลับมาที่นี่"
"เค้ากลับมาที่นี่ก็เพื่อบอกลาพี่กับทุ่งหญ้า กับต้นไม้ กับบรรยากาศที่โอบล้อม"
"ยังงี้ถ้าอยู่ในเมืองพี่ก็ไม่ได้ยินล่ะซิ ใช่ไหม"
"จริงนะ พี่นี่แย่จังเลย เค้านึกว่าพูดอยู่ตรงไหนพี่ก็จะได้ยินเค้าซะอีก เค้าก็เลยพูดกับพี่ไม่หยุดตลอดเวลาที่พี่ไปอยู่อเมริกา ไม่ได้ยินที่เค้าพูดเลยหรือ"
"ใครจะได้ยินล่ะ" หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ
"ได้ยินซิ เธอบอกว่าคิดถึงพี่ชายนี่ จริงไหมล่ะ"
"อืม...เค้าบอกว่าคิดถึงและก็อธิษฐานว่า ขอให้เจอพี่อีก" อึนโซหันไปมองหน้าจุนโซ
"ได้อยู่กับพี่อย่างงี้ เค้าก็ยังคิดถึงพี่นะ" จุนโซเงียบไปชั่วครู่แล้วถามน้อง
"ตอนนี้เธอพักที่ไหนหรือ ในโซลน่ะ" อึนโซหลบตา
"ขอไม่พูดถึงได้ไหม" แล้วหันมองหน้าเขาอีก
"เค้าแค่อยากมองพี่เหมือนยังอยู่ในความฝัน" อึนโซเอนศรีษะพิงไหล่เขา จุนโซโอบไว้ลูบผมเธอเบา ๆ เสียงอึนโซแผ่วเบา




"แค่วันนี้เท่านั้นนะ...แค่วันเดียว...วันเดียวในชีวิต..." จุนโซกลั้นสะอื้นน้ำตาคลอ
"อยากอยู่ด้วยกัน...ไปจนตลอดชีวิต...ต่อให้ตายตรงนี้พี่ก็ยอม"
"อย่าพูดซิ ไม่ได้นะ พี่ยังตายไม่ได้ ต้องให้เค้าตายก่อน จำได้ไหม" จุนโซน้ำตาร่วง
"พี่ชาย...รักเค้าไว้...ในหัวใจตลอดไปนะ เพราะแบบนี้เราจะยังรักกันได้...โดยไม่ต้องทำร้ายหัวใจของทั้งยูมีและของพี่เทซกที่รักเราสองคนมาก แม้จะต้องหน้าไหว้หลังหลอก เค้าก็ยอมโกหก ทุกคนจะได้มีความสุข เค้าไม่เคย...วิ่งหนีพ้นจากพี่เลย ขอแค่หัวใจพี่...ของเค้าน่ะให้พี่ไปตั้งนานแล้ว..." หัวใจจุนโซสะท้านเมื่อฟังคำเธอ
"หัวใจของพี่...มอบให้เธอไปแล้ว" ราวกับโลกหยุดนิ่งเพื่อฟังคำกระซิบบอกรัก จุนโซมองดวงหน้าพราวด้วยหยาดน้ำใส แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากหญิงสาวแผ่วหวาน จูบแรกของคนทั้งคู่เปี่ยมด้วยความรักทั้งหมดในหัวใจที่มีต่อกันมาเนิ่นนาน และจะยืนยาวไปจนชั่วชีวิต จุนโซกอดหญิงสาวไว้แนบอก ทั้งสองร่ำไห้ให้กับความรักอันแสนเศร้า อึนโซรู้ตัวว่าเธอต้องเจ็บปวดในวันสุดท้ายของชีวิตด้วยโรคร้าย แต่ที่ทรมานความรู้สึกของเธอก็คือ การที่ต้องใช้ชีวิตช่วงที่เหลือโดยไม่มีเขาเคียงข้าง ได้แต่นับวันรอวันที่ต้องจากเขาไปตลอดกาล อึนโซรู้แน่แก่ใจว่าถ้าวันนั้นมาถึง ความจริงที่ได้รับรู้คงกัดกร่อนหัวใจอันอ่อนโยนของเขาให้ย่อยยับลงอย่างไม่มีชิ้นดี และหากจุนโซล่วงรู้เหตุการณ์ภายหน้าได้ว่า ความโศกสลดของการจากเป็นในครั้งนี้ไม่มีทางเทียบเคียงได้เลย เมื่อถึงห้วงเวลาที่ต้องจากลากันไปชั่วนิรันดร์ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ความรักและวันเวลาผ่านเลยไปอย่างแน่นอน




อาทิตย์ใกล้อัศดงพรูพรายแสงสีทองเกลื่อนฟ้ายามเย็น ระบายภาพของชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินจูงมือกันมาให้ดูอบอุ่นละมุนละไม อาการป่วยของอึนโซกำเริบขึ้นจนต้องทรุดลงนั่ง จุนโซไม่รู้คิดว่าน้องจะพัก นั่งลงถาม
"เป็นไง เหนื่อยแล้วหรือ"
"เปล่านะ เค้าสะดุดต่างหาก"
"ซุ่มซ่ามจริง ๆ เรา ลุกซิ" จุนโซดึงมือเธอจะให้ลุกเดินต่อ แต่อึนโซไปต่อไม่ไหว
"อึนโซ..."
"พี่ชาย ขอขี่หลังนะ แบกหน่อยซิ" จุนโซหัวเราะกับคำอ้อนของน้อง
"มาซิ..." จุนโซตามใจ เห็นเธอหยุดพูดก็เอ่ยปาก
"เงียบไปเลยเรา"
"หนักใช่ไหมล่ะ...พี่คะ เค้ารักพี่...เค้ารักพี่นะ" จุนโซหยุดเดินแล้วทอดฝีเท้าเอื่อย ๆ
"อืม...วันนี้มาแปลกนะ"
"รู้อะไรไหมล่ะ พี่เที่ยวบอกใคร ๆ ว่าพี่รักอึนโซมากแค่ไหน แต่พี่ไม่เคยบอกเค้าต่อหน้าต่อตาสักครั้งเดียว"
"เหรอ" จุนโซทำท่านึก
"อึนโซ พี่รักเธอ พี่ไม่เคยบอกเค้าสักครั้ง"
"อึนโซ...พี่..." จุนโซขยับปากจะพูด อึนโซห้ามไว้
"อย่านะ อย่าเพิ่งเลย เก็บไว้ก่อนนะ เอาไว้ทีหลังแล้วค่อยบอก" ความง่วงงุนวูบเข้ามา
"จะให้บอกเมื่อไหร่...ตอนพบกันอีกหรือ"
"อืม...ใช่ ตอนเราพบกันอีก พี่ฝึกพูดไว้นะแล้วค่อยบอกเค้า...เค้าจะคอยรอจนถึงเวลานั้นนะ จริง ๆ นะ...เค้าจะรอ...จนกว่าจะได้ฟัง...จากปากของพี่" เสียงของอึนโซค่อย ๆ แผ่วลง ดวงตาจุนโซหม่นช้ำ ไม่เอ่ยคำใด ลำแสงสุดท้ายอำลาโลกตรงสุดขอบฟ้า เห็นเพียงเงาของจุนโซแบกน้องเดินลงเนิน ภายใต้ท้องฟ้าสีเศร้ารับรู้ความรักที่เขามีให้เธอแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น




กลางคืน สองคนนอนใกล้กันบนฟูกคนละผืน หันหลังให้กัน ไม่มีใครข่มตาให้หลับได้ มีแต่น้ำตาที่รินหลั่งไม่ขาดสาย รุ่งเช้าจุนโซตื่นขึ้นมา เหลียวมองไปข้าง ๆ หน้าเศร้า อึนโซทำตามคำพูดจริง ๆ
"แค่วันเดียวเท่านั้น"




อึนโซกลับไปโรงพยาบาล จุนโซขับรถกลับบ้าน เศร้าสะเทือนกับคำพูดของอึนโซ
"พี่ชาย...รักเค้าไว้ในหัวใจตลอดไปนะ เพราะแบบนี้เราจะยังรักกันได้ โดยไม่ต้องทำร้ายหัวใจทั้งของยูมีและของพี่เทซกที่รักเราสองคนมาก แม้จะต้องหน้าไหว้หลังหลอกเค้าก็ยอมโกหก ทุกคนจะได้มีความสุข" เหลือแต่เพียงความหวนละห้อยหาถึงกันเท่านั้น




พ่อบอกชีเน่และยูมีว่าจะไปเยี่ยมอึนโซ
"พ่อกับแม่ว่าจะไปเยี่ยมดูอาการอึนโซเค้า ลูกทั้งสองไม่ต้องกังวลหรอกนะ พอไปถึงแล้วเราจะโทรมาบอก" ยูมีจะขอตามไปด้วย
"ไม่ต้องหรอกลูก ไม่จำเป็นต้องไปหรอก ลุงจะโทรมาเอง แล้วก็...อย่าเพิ่งบอกให้จุนโซรู้ในตอนนี้"
"พ่อคะ" ชีเน่ทำท่าจะท้วง
"ฟังพ่อก่อนซิ เรื่องอึนโซน่ะ ถ้าพี่เขารู้ ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงขั้นนี้เขาจะก้าวพลาดไม่ได้ อึนโซอาการดีขึ้นเราค่อยบอกเขา ที่พูดนี่เข้าใจไหมลูก" แล้วบอกกับยูมี
"เธอสองคนไปอเมริกา ขืนจุนโซยังอยู่จะยิ่งทำให้แย่ลง" คุงฮาเดินมาได้ยินเข้า ต่อว่าสามี
"คุณคะ พูดอย่างงี้ได้ยังไง จะไม่บอกได้ยังไง"
"เรื่องนี้พ่อขอย้ำไม่ให้บอกจุนโซ" คุงฮาหันหลังให้ทันที สามีคว้ามือไว้
"ที่รัก"
"อย่าพูดแม้แต่คำเดียว"
"แม่ก็ คุณไม่รู้หรอกหรือจุนโซน่ะจะมีปฎิกริยายังไง"
"ไม่รู้ค่ะ ฉันรู้แต่ว่าอึนโซกำลังป่วยหนัก ลูกกำลังจะตาย คุณเป็นพ่อ คุณพูดออกมาได้ยังไง ฉันไม่อยากจะเชื่อ" คุงฮาโมโหที่สามีพูดเหมือนคนไร้น้ำใจ
"โธ่! ไม่เอาน่าแม่ ไป ไปกันเถอะ ไปพูดกันในรถ"
"อย่านะ อย่ามาแตะต้องฉัน ฉันจะไปคนเดียว คุณไม่ต้องไปเยี่ยมอึนโซ" คุงฮาเดินไปทันที
"คุณป้าคะ...แม่คะ" ชีเน่ตามแม่ออกไป พ่อยังกำชับยูมีอีก
"ห้ามบอกให้จุนโซรู้เด็ดขาด เรายอมให้เสียลูกพร้อมกันสองคนไม่ได้ หนูต้องช่วยเราปิดบังจุนโซด้วย"




เทซกขับรถพาจงชลและแม่ทั้งสองไปเยี่ยมอึนโซ จงชลถึงกับน้ำตาซึม สงสารน้องสาวที่ถูกตัวเองทำร้ายมาตลอด
"ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมเคราะห์ร้ายอย่างนี้"
แม่สองคนน้ำตาไหลตลอดเวลา ซุนอิมจับมือคุงฮาพูดปลอบใจ ทั้งที่ตัวเองก็ทุกข์ใจไม่น้อยกว่ากัน
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลูกต้องปลอดภัย...ลูกต้องปลอดภัย"
"ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ อึนโซจะต้องไม่ตาย...ต้องไม่เป็นไร"
อึนโซยืนรอเทซกอยู่หน้าโรงพยาบาล เทซกขับรถมาถึง เปิดประตูออกมา ยิ้มให้อึนโซแล้วบอก
"ดูซิว่าใครมา" พอเห็นหน้าแม่ทั้งสอง หญิงสาวก็เดินเข้าไปกอด ร้องไห้ด้วยกัน ผู้ชายสองคนสะเทือนใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า




อึนโซนอนบนเตียง แม่สองคนนั่งอยู่ข้าง ๆ สีหน้าเศร้าโศก คุงฮาเอ่ยถาม
"อึนโซ เจ็บมากไหม ลูกของเรา ลูกผอมลงไปนะ ได้กินดีหรือเปล่าลูก"
"ที่นี่อาหารอร่อยค่ะ"
"ปวด...ปวดมากไหมลูก" ซุนอิมห่วงลูกสาว
"ไม่ปวดสักหน่อย"
คุงฮาลุกขึ้นไป จะเทน้ำให้อึนโซดื่ม น้ำในกระติกหมด ซุนอิมรีบอาสาไปเติมให้ เปิดโอกาสให้สองคนได้คุยกัน อึนโซบอกแม่
"เกิดมามีแม่สองคนนี่ดีนะคะ แม่ว่าไหมคะ จริงไหม พอหนูเรียกแม่แค่คำเดียวเท่านั้น ก็มีแม่ขานรับทีเดียวตั้งสองคน แม่ขา...พี่ชายน่ะ...ไม่รู้ใช่ไหม"
"อึนโซ..."
"ใช่ไหมคะ" คุงฮาพยักหน้า อึนโซยิ้มดีใจ
"ดีแล้วล่ะค่ะแบบนี้ หนูเอาแต่เรื่องมาทำให้แม่ต้องทุกข์ใจอยู่เรื่อย"
"เปล่านะ ไม่จริงหรอกลูก"
"ถ้าหนู...หนูเกิด...เป็นอะไรไป"
"อย่านะ อึนโซอย่า ห้ามพูดอย่างนี้ลูก แม่น่ะคงอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีลูก แม่จะตายตามลูก แม่ไม่ยอมให้ลูกต้องไปอย่างอ้างว้าง แม่จะตามไปเป็นเพื่อนนะ"
"แม่ก็ แม่อย่าพูดแบบนี้ซิคะ ไม่เอานะ"
"ขอโทษจ๊ะลูก แม่ไม่พูดแล้ว ไม่พูดอีกแล้วจ๊ะ...อึนโซ..." แม่ลูกหลั่งน้ำตาท่วมหัวใจ คุงฮาซบลง ซุนอิมที่อยู่หน้าประตูทรุดลงด้วยความรู้สึกเดียวกับคุงฮา






คลิปจากเวบ mysoju.com



รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๑๕/๑
รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๑๕/๒
รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๑๕/๓
รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๑๕/๔


บีจีและไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





Create Date : 22 ตุลาคม 2553
Last Update : 18 กรกฎาคม 2565 7:03:48 น. 0 comments
Counter : 4555 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.