....OUR FAMILY'S JOURNEY....
+ หลงรัก..เขมราษฎร์ธานี +

 
 
 

 
สวัสดีปีใหม่ 2564 ครับ .... หวังว่าเพื่อนๆชาวบล๊อกแก๊งคงมีความสุขตามอัตภาพ ในการฉลองปีใหม่ 2564 นะครับ ท่ามกลางข่าวไม่ค่อยดีนักเรื่องเศรษฐกิจ ตามด้วยโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่โหมกระหน่ำในขณะนี้ ก็ขอให้เพื่อนๆชาวบล๊อกแก๊งและผู้ติดตามทุกท่าน จงผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแร็ง พร้อมออกไปเผชิญเรื่องต่างในปีใหม่ 2564 นะครับ.

อัพบล๊อกแรกในปีนี้ จะพาคุณๆไปเที่ยวเมืองชายแดนติดแม่น้ำโขง ในจังหวัดอุบลราชธานี ... นั่นก็คือ "อำเภอเขมราฐ" หรือ เมื่อก่อนนี้เรียกอีกชื่อว่า "เขมราษฎร์ธานี" จั่วหัวเรื่องว่า หลงรักเขมราษฎร์ธานี ส่วนจะหลงรักเมืองนี้แบบไหน ลองตามไปดูกันครับ.



เบิ่งโขง...จุดชมวิวริมโขงในเมืองเขมราฐ

ในสภาวะที่หลายๆคนกำลังโหยหาแหล่งธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ เหมาะสำหรับการที่จะไปสโลว์ไลฟ์ (Slow life) อยู่นั้น ... ยังมีเมืองเล็กๆ ติดชายแดน ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ยาวถึง 40 กม. แถมมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สวยงามไม่แพ้ที่ใดๆในประเทศ เหนือไปกว่านั้นยังมีชุมชนที่เข้มแข็ง รวมตัวกันได้เป็นอย่างดีกำลังรอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ไปพักผ่อนไหว้พระ สัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม ด้วยจิตใจโอบอ้อมอารีย์ .. นั่นก็คือ "เมืองเขมราฐ" อำเภอชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดอุบลราชธานี.
 


จุดเชคอินริมโขงเขมราฐ

เขมราฐ หมายถึง ดินแดนแห่งความเกษมสุข เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด มีแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านบริเวณอำเภอ อำเภอเขมราฐเป็นอำเภอที่มีอาณาเขตติดกับแม่น้ำโขงเป็นระยะทางยาวกว่า 40 กิโลเมตร ลักษณะสำคัญของแม่น้ำโขงคือเป็นพรมแดนทางธรรมชาติที่สำคัญ โดยฝั่งตรงข้ามคือ เมืองสองคอน แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว เขมราฐเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพแม่น้ำโขงที่สวยงาม หาดทรายที่มีชื่อเสียงคือ หาดทรายสูง ประเพณีที่สำคัญของอำเภอคือประเพณีแข่งเรือยาวซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในฤดูน้ำหลาก

รู้จักเขมราฐกันหน่อย
มื่อปี พ.ศ. 2357 เจ้าอุปราช (ก่ำ) แห่งเมืองอุบลราชธานี ขอแยกออกมาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่บ้านโคกก่งดงพะเนียง ต่อมาเจ้าพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าทิดพรหม) เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานี พระองค์ที่ 2 (ต้นสกุลพรหมวงศานนท์) จึงมีใบบอกลงไปกราบบังคมทูลทรงพระกรุณาทราบพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านโคกก่งดงพะเนียง ขึ้นเป็นเมือง พระราชทานนามว่า เขมราษฎร์ธานี ดำรงสถานะเทียบเท่าหัวเมืองชั้นเอกขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ตามที่พระพรหมวรราชสุริยวงศ์กราบบังคมทูล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เจ้าอุปราช (ก่ำ) ซึ่งเป็นพระโอรสของเจ้าพระวรราชภักดี พระนัดดาพระเจ้าสุวรรณปางคำ อันสืบมาจากราชวงศ์สุวรรณปางคำ เป็นที่พระเทพวงศา (เจ้าก่ำ) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานีพระองค์แรก (พ.ศ. 2357-2369) ปกครองเมืองเขมราษฎร์ธานีโดยร่มเย็นสืบมา
 
ชื่อบ้านนามเมือง เขมราษฎร์ธานี หรือ เขมราฐ แต่ก็มีความหมายเดียวกันคือ

เขม เป็นคำมาจากภาษาบาลี หมายถึง ความเกษมสุข โดยคำที่เทียบเคียงคือคำว่า "เกษม" ที่มาจากภาษาสันสกฤต
ราษฎร เป็นคำที่มาจากภาษาลีสันสกฤตมีความหมายตรงกับ “รัฐ” หรือ “รัฏฐ” ซึ่งมาจากภาษาบาลี หมายถึง แว่นแคว้น หรือดินแดนนั้นเอง
ดังนั้น คำว่า
"เขมราษฎร์ธานี" หรือ "เขมราฐ" จึงมีความหมายรวมว่า ดินแดนแห่งความเกษมสุข

อ่านเพิ่มเติม : https://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอเขมราฐ




อาทิตย์ทกแสงยามเช้าที่ริมฝั่งโขงเขมราฐ

 

มาเมืองเขมราฐสิ่งหนึ่งที่ควรทำคือไปไหว้พระที่วัดโพธิ์ และวัดกลาง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองเขมราฐ ซึ่งก็ตั้งอยู่ในเมืองนั่นเอง...

วัดโพธิ์ 
วัดโพธิ์ ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2331 โดยแม่ชี (แม่ขาว) ได้หนีภัยสงคราม นำผู้คนอพยพลงมาจากเวียงจันทน์ พร้อมด้วยลูกหลานญาติโยมลงมาตามลำน้ำโขง มายึดชัยภูมิแห่งนี้ตั้งหมู่บ้านและวัดขึ้นในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี เดิมวัดตั้งอยู่ที่ทําการศุลกากรและสถานีอนามัยในปัจจุบัน ต่อมาชาวบ้านได้พบพระพุทธรูปที่กลางป่ามีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้วยจึงย้ายวัดมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน และตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2516 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม คือรูปที่ 1 พระหนูสิน รูปที่ 2 พระทา รูปที่ 3 พระพรหมา รูปที่ 4 พระอุย รูปที่ 5 พระแดง รูปที่ 6 พระประภัส ปญญาพโล รูปที่ 7 พระครูวรกิจโกวิท พ.ศ. 2505- ซึ่งเป็นทั้งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์และเจ้าคณะอำเภอเขมราฐ



พระพุทธเขมรัฐวรมงคล วัดโพธิ์ 

พระเจ้าใหญ่องค์แสน วัดโพธิ์
พระเจ้าใหญ่องค์แสน ประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1.09 เมตร สูงรวมเกศ 1.59 เมตร สร้างด้วยอิฐโบราณถือด้วยน้ำเกสรดอกไม้และน้ำเปลือกไม้ ตามภูมิปัญญาของคนโบราณ (สมัยนั้นไม่มีปูนซีเมนต์) เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวเขมราฐและจังหวัดอุบลราชธานี พระพุทธรูปลักษณะนี้มีเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งลำน้ำโขง พระเจ้าใหญ่องค์แสนถูกสร้างขึ้นสมัยใดนั้นยังหาหลักฐานที่ชัดเจนยืนยันไม่ได้ มีเพียงการบันทึกจากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้น แม้จะมีความพยายามในการค้นคว้าหาข้อมูลแล้วแต่ไม่พบ มีนายด่านศุลกากรท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า “มีประวัติพระเจ้าใหญ่องค์แสนอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติและเคยอ่านพบว่าพระเจ้าใหญ่องค์แสนสร้างก่อนพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดปากแซง”

ที่มาhttps://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/?p=1764



ไหว้พระเจ้าใหญ่องค์แสน วัดโพธิ์



วัดชัยภูมิการาม

วัดชัยภูมิการาม หรือ วัดกลาง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี วัดเก่าแก่ที่ภายในวัดมีอุโบสถสิมแบบมหาอุตที่มีบันไดนาคสวยงามแปลกตาเป็นที่ประดิษฐานของพระสิทธิมงคล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ศิลปะล้านช้าง และชมภาพเขียนสีจิตรกรรมฝาผนังแบบอีสาน



สิมวัดกลาง

 

วัดชัยภูมิการามหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดกลาง” เป็นวัดที่เก่าแก่และเป็นที่เคารพของชาวบ้านในเมืองเขมราฐอีกหนึ่งแห่ง ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2317 ในเมืองเขมราฐซึ่งเป็นเมืองหน้าด่าน เมื่อตั้งวัดขึ้นจึงตั้งชื่อว่า วัดชัยภูมิ อาจารย์พิบูล ใจแก้ว อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเหนือ ให้ข้อมูลว่า การสร้างวัดนั้นสันนิษฐานว่ารับเอาวัฒนธรรมพุทธศาสนามาจากเวียงจันทน์ หลวงพระบาง ช่วงเวลาการสร้างวัดเป็นช่วงการครองราชย์ของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมาธิราชแห่งลาวราชอาณาจักรล้านช้าง ตรงกับไทยในสมัยพระเจ้าประสาททอง พระเทพราชาแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พ.ศ. 2180-2237 บ้านกงพะเนียงก็รับเอาวัฒนธรรมมาสร้างวัดเช่นกัน นับจากวัดกลางเป็นวัดที่เก่าแก่แต่โบราณ ก่อนที่จะมายกฐานะเป็นเมืองเขมราษฎร์ธานี ต่อมาได้รับการบูรณะอุปถัมภ์ท่านเจ้าเมืองเจ้าคณะเมืองและเจ้าแขวงเจ้าคณะอำเภอ ตามลำดับและเป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรมที่มีชื่อเสียงในสมัยรัชกาลที่ 3 ญาท่านสา เจ้าคณะเมืองได้เข้าเฝ้าในรัชกาลที่ 3 ที่กรุงเทพได้รับพระราชทานโปรดเกล้าตั้งชื่อว่า วัดชัยภูมิการาม

ที่มาhttps://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/?p=1756
 


นาคหน้าสิมวัดกลาง
อุโบสถวัดชัยภูมิการามมีความโดดเด่น คือ พญานาคที่อยู่ตรงบันไดทางขึ้น มี 5 หงอนไม่มีเกล็ด เท้าด้านหลังเหยียบปลา ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากรูปปั้นพญานาคทั่วไป

 
 

เที่ยวเหนื่อยแล้วใช่ไหม ... ขับตามถนนเลียบโขงลงไปทางใต้ตามถนนวิศิษฐ์ศรีประมาณ 1 กม. จะร้านอาหาร อยู่ในแลโขงริเวอร์รีสอร์ท ... ไปนั่งพักทานอาหารกัน บรรยากาศริมโขงสวยงามครับ ที่นี่เขามีที่พักด้วยเป็นลักษณะรีสอร์ทบ้านเป็นหลังๆครับ และริมโขงบริเวณใกล้กันนี้ก็มีรีสอร์ทหลายที่และกำลังสร้างอยู่ก็มีครับ







บรยากาศชิลๆริมโขงที่แลโขงริเวอร์รีสอร์ท

 
 
เมืองในบรรยากาศสบายๆชายโขงอย่างเขมราฐจะขาดไม่ได้คือ ถนนคนเดิน หรือ ฝรั่งเรียกว่า walking street นั่นแหละ ... ที่เขมราฐนอกจากจะเป็นถนนคนเดินเหมือนทั่วๆไปแล้ว ยังมีการแสดงพิเศษทางวัฒนธรรมของพื้นถิ่นที่นี่ด้วย อย่างวันที่เราไป ( 5 ธค. 2563) มีการแสดรำพื้นถิ่น 4 ชุด และจัดแสดงกัน 3 รอบ เริ่มตั้งแต่ 18.20 น.  .... บนถนนสาคนเดินหรือถนนสายวัฒนธรรมเขมราฐ (ถนนวิศิษฐ์ศรี) จะมีร้านที่ขายของพื้นถิ่น เช่น เขมราฐผ้าซิ่น ร้านเพาะรักษ์ บ้านไม้เก่าขุนภูรีประศาสน์ เป็นต้น 

ถนนคนเดินเขมราฐจะจัดให้มีทุกๆวันเสาร์ เริ่มตั้งแต่ 17.30 น. เป็นต้นไป เข้าไปสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 
ฮักนะเขมราฐ.com
 


เขมราฐผ้าซิ่น



ร้านเพาะรักษ์



หน้าบ้านไม้ขุนภูรีประศาสน์



หน้าบ้านไม้ขุนภูรีประศาสน์



ถนนคนเดินเขมราฐ



ถนนคนเดินเขมราฐ..ของจากชาวบ้าน



ถนนคนเดินเขมราฐ...หอนาฬิกาจำลอง





การแสดงบนถนนคนเดินเขมราฐ


357357357357



จากตัวเมือง เราขับลงไปทางใต้ (ทางที่จะไปโขงเจียม) ตามถถนยุทธศาสตร์เลียบโขงสาย 2112 ไปไหว้พระที่วัดบุ่งขี้เหล็กกันครับ 

วัดบุ่งขี้เหล็ก อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี วัดที่มีหลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร เป็นเจ้าอาวาสและผู้สืบสานวิทยาคมจากพระเถราจารย์แห่งราชอาณาจักรลาว ศิษย์ยุคสุดท้ายของสมเด็จลุน แห่งประเทศลาว ภายในวัดโดดเด่นด้วยเจดีย์อริยเมตตรัย รูปทรงสูงใหญ่สวยแปลกตากว่าที่อื่น ๆ และมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาว 56 องค์ ที่วางเรียงอย่างสวยงาม ซึ่งทั้งหมดสร้างขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านบุ่งขี้เหล็กและผู้เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร



วัดบุ่งขี้เหล็ก


วัดบุ่งขี้เหล็ก .... สร้างเมื่อ พ.ศ. 2546 สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 หอเจ้าแม่กวนอิม สร้างปี 2548 เจดีย์ศรีอริยะเมตตรัย ปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย จำนวน 56 องค์ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเรียงกันอย่างสวยงาม อาศัยการร่วมแรงร่วมใจช่วยกันคนละไม้ละมือจากชาวบ้านบุ่งขี้เหล็กและผู้เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร


 


รูปเหมือนหลวงปู่จันทร์หอมที่ชั้น 3

หลวงปู่จันทร์หอม เกิดเมื่อเดือน 5 ปีมะโรง พ.ศ. 2459 ที่บ้านนาเอือด อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีการจดบันทึกวันเดือนเกิด ทางคณะศิษย์จึงขอให้วันที่ 1 มีนาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิด เพื่อร่วมแสดงมุทิตาจิตต่อท่าน ท่านเป็นคนไทยแท้ เกิดที่เมืองไทย แต่ไปโตที่ประเทศลาว เพราะครอบครัวย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินที่นั่น จนได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชากับปรมาจารย์ใหญ่ อย่าง “สำเร็จลุน” ผ่านทาง “สำเร็จตัน” พระสังฆราชแห่งราชอาณาจักรลาวองค์ต่อจากสมเด็จลุน
 



รูปเหมือนจินตนาการพระศรีอริยเตตรัยที่ชั้น 5



เจดีย์ศรีอริยะเมตตรัย วัดบุ่งขี้เหล็ก จะแบ่งเป็น 6 ชั้น เปรียบดั่งสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น ทุกชั้นจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ดังนี้

ชั้นจาตุมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นที่ 1) เป็นที่อยู่ของท้าวมหาราช 4 พระองค์ปกครอง มีอายุ 500 ปีทิพย์ หรือ 9 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ทำแต่ความดี ชักชวนคนอื่นทำบุญทำทาน
ชั้นดาวดึง (สวรรค์ชั้นที่ 2) เป็นเมืองใหญ่ มีพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี พระอินทร์ปกครอง มีอายุ 1,000 ปีทิพย์ หรือ 36 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์มีจิตใจดี ให้ทาน รักษาศีล ไม่ดูหมิ่นชาติตระกูล
ชั้นยามา (สวรรค์ชั้นที่ 3) มีท้าวสยามเทวาธิราชเป็นผู้ปกครอง มีอายุ 2,000 ปีทิพย์ หรือ 144 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์เป็นผู้นำพาคนอื่นบำเพ็ญกุศล รักษาศีล ภาวนาไม่เคยขาด
ชั้นดุสิต (สวรรค์ชั้น 4) มีท้าวสันดุสิตเทวราชปกครอง มีอายุ 4,000 ปีทิพย์ หรือ 576 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ เป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ทรงศีล ทรงธรรม ชอบฟังพระธรรมเทศนา
ชั้นนิมมานรตีภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 5) มีท้าวสุนิมมิตเทวราชปกครอง มีอายุ 8,000 ปีทิพย์ หรือ 2,304 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ประพฤติปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ มีใจสมบูรณ์ด้วยศีล
ชั้นปรนิมมิตสวัสดี (สรรค์ชั้นที่ 6) มีท้าวปรนิมมิตสวัสดีและท้าวปรมินมิตสวัสดีมาราธิราชเป็นผู้ปกครอง มีอายุ 16,000 ปีทิพย์ หรือ 9,216 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงขึ้น มีคุณธรรม จิตเลื่อมใสในการให้ทานรักษาศีล
และชั้นบนยอดมหาเจดีย์  ก็จะเป็นที่ประดิษฐานมณฑปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ญาติโยมพุทธศา...บนนี้เป็นที่ชมวิวได้รอบทิศทาง

ท่านสามารถใช้ลิฟท์ขึ้นไปได้จากชั้นที่ 1-ชั้นที่ 6 โดยสามารถลงชมได้ทุกชั้น นอกจากนั้นยังมีบันไดเดินขึ้น จากชั้นที่1-7 ได้ด้วย


ที่มาhttps://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/?p=1758



วิวจากจุดชมวิวชั้น 7 ชั้นยอดเจดีย์



ลานพระขาว



เจดีย์พระศรีอริยะเมตตรัย


357357357357

 

จากวัดบุ่งขี้เหล็กเราขับลงใต้ไปอีก เพื่อไชมทะเลทรายเมืองไทยที่ "หาดทรายสูง" กันครับ



 


หาดทรายสูง เดิมชื่อ หาดทรายขาว อยู่ ในพื้นที่ บ.ลาดเจริญ ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 
เกิดจากการทับถมของทราย ที่ไหลมากับแม่น้ำโขง ในหน้าน้ำหลาก บริเวณดังกล่าวเป็นขอบของวังน้ำวน นาม เวินไก่แม่ฟัก พอถึงหน้าน้ำลด จะปรากฏเป็นกองทรายสูงใหญ่ ช่วงกลางสูงชัน และมีขอบสองข้างลาดลงสู่ แม่น้ำโขง สามารถลงเล่นน้ำได้ ชายหาดมีระยะทางยาว ราว 300 เมตร  ด้านท้ายชายหาด เป็นโขดหิน รูปทรงแปลกตา คล้ายสามพันโบก ในบริเวณโขดหิน มีการค้นพบภาพสลักโบราณ ที่โดดเด่น น่าสนใจ เป็นภาพ คนล้อมรอบช้าง และอักษรจีน และ อักษรโบราณ







 

ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำโขง บ้านลาดเจริญ ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานีเวลาทำการ : ไม่มีกำหนดเปิด-ปิด หาดทรายจะโผล่พ้นน้ำประมาณเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม ช่วงที่ดีที่สุดคือตั้งแต่มกราคมถึงเมษายน ... สามารถขับรถเข้าไปจอดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงได้เลยครับ มีที่จอดรถมากมาย

การเดินทาง  : มาจากอุบลฯใช้เส้นทางเดียวกันกับหาดชมดาว จากเมืองอุบลราชธานีใช้เส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 2050 ผ่านอำเภอตระการพืชผล เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2337 ถึงทางแยกที่ทางหลวงหมายเลข 2337 มาตัดกับทางหลวงหมายเลข 2112 เป็นทางแยกโขงเจียม-เขมราฐ ให้เลี้ยวซ้าย ประมาณ 22 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเข้าสู่บ้านลาดเจริญ ไปตามเส้นทางหลักจนสุดถนนที่หาดทรายสูง







แม่น้ำโขงที่หาดทรายสูงปีนี้เป็นสีคราม



เมื่อน้ำลงจะเห็นเกาะแก่งมีน้ำไหลผ่าน บางแห่งเหมือนกับน้ำตก



เห็นที่โดนกระแสน้ำกัดเซาะมานับพันปี เกิดเป็นรูปทรงต่างๆมากมาย...หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าโบก



 

เพราะความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม กอร์ปกับมีแหล่งธรรมชาติ และวัดวาอารามอีกหลายแห่งที่พร้อมพัฒนาขึ้นมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ... ความโดดเด่นของธรรมชาติ และความน่ารักของผู้คนที่เขมราฐ ทำให้เราแม้จะไปพักที่นั่นเพียงระยะสั้น แค่หนึ่งวันก็ยังตราตรึง คิดถึงอยากไปเยี่ยมเยือนอีก ... หวังว่าสาวน้อยเขมราฐน่าจะยังคงความงดงามแบบนี้ไปอีกนานนะ102
 

....ขอบคุณที่ตามอ่านครับ...
 


ลาด้วยภาพจากหาดทรายสูงภาพนี้ครับ






________________






Create Date : 03 มกราคม 2564
Last Update : 10 มีนาคม 2564 9:59:10 น. 10 comments
Counter : 2478 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหยดหมึกดำ, คุณKavanich96, คุณauau_py, คุณTui Laksi, คุณหอมกร, คุณtuk-tuk@korat, คุณhaiku, คุณอุ้มสี


 
เจิมๆๆๆ
กำลังนึกอยู่ว่า
ถ้าเราออกจากพื้นที่เสี่ยง
แล้วไปเขมราษฏร์ตอนนี้นี่
จะทำอย่างไร
งเครื่องแล้วเขาจะต้องรับไหมคะ

เมืองสวยงามนี้คงปราศจากโควิด



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:13:36:44 น.  

 
ประมาณต้นกำเนิด เจ้าหญิงแสนหวี
กับเจ้าชายเขมรัฐ

อยู่เมืองนี้หรือเปล่าคะ


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:14:00:55 น.  

 
คุณอ๊อดถ่ายภาพได้สวยมาก ๆ ครับ.. เขมราฐชื่อไพเราะมาก เห็นถนนคนเดินกับสินค้า
ของฝากแล้วอยากไปครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:14:41:07 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ 2564 พี่อ็อด
มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
ปราศจากโควิดทั้งครอบครัวจ้า
ชอบคุณที่พาไปเที่ยวต้อนรับปีใหม่จ้า



โดย: หอมกร วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:16:58:07 น.  

 
น้อนอยู่ที่วัดชัยภูมินี่เอง ตอนนี้น้อนกลายเป็นเซเลบไปแล้วนะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:20:15:03 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 6 มกราคม 2564 เวลา:1:43:05 น.  

 
สวัสดีปีใหม่นะคะ มีความสุขมากๆ สุขภาพดี ห่างไกลโควิดนะคะ
ตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ ภาพสวยมากๆค่ะ


โดย: auau_py วันที่: 6 มกราคม 2564 เวลา:9:09:37 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ภาพพาเที่ยวเล่าเรื่องราวสวยมาก
อยากไปเที่ยวแถวนี้เหมือนกัน
แพลนไว้กลางเดือนธ.ค. ที่ผ่านมานี้จะไปเที่ยวอิสานแถวอุบล-อุดรกัน
เจอพิษโควิดระบาดอีกรอบ ต้องพับโครงการไว้ก่อนเลย
มีโอกาสจะตามไปเที่ยวที่นี่คร้า...ขอบคุณค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:5:41:27 น.  

 
สวยมากน่าไปค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 มกราคม 2564 เวลา:14:32:56 น.  

 
ชอบสิมวัดกลางงามมาก
ชอบๆๆๆๆๆๆ


โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มกราคม 2564 เวลา:16:31:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 มกราคม 2564
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.