++ หนึ่งวัน..ในโอซาก้า ++

เจเแปนซากุระ ก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ ซึ่งจะพาเที่ยวโอซาก้าในหนึ่งวันกัน ตามมาดูว่าหนึ่งวันที่ Osaka เราจะไปไหนได้บ้าง.   ที่วงแดงๆคือที่ๆเราจะไปกัน และมีเพิ่มอีคือตลาดคุโรมอง บ่ายวันที่ 31 มีนาคม 2023 เรานั่งรถไฟชินกังเซนจากเมืองนาโกย่า (Nagoya) มาลงที่สถานีชินโอซาก้า (Shin Osaka) แต่เราจองที่พักไว้ที่ APA Tennoji stattion ซึ่งต้องนั่ง JR Outloop ไป.  ... พอลงชินกังเซน ก็ออกไปต่อรถไฟขบวน Transfer ไปลงที่สถานี JR ก่อน แล้วขึ้นรถ JR ไปลงที่สถานีเทนโนจิ (Tennoji) ที่เราเลือกมาพักตรงนี้เพราะวันกลับเราจะได้ขึ้นรถด่วนจากสถานี้นี้ไป Kansai Airport ได้สะดวกในวันที่ 1 เมษายน (ตั๋ว JR Rail แบบ 7 วันจะหมดตอนเที่ยงคืนพอดี) ... นักท่องเที่ยวหลายๆคนพักที่ย่านสถานี Imamiya ก็เยอะเพราะมารถไฟอีกบริษัท   Dotonbori Street ยามค่ำ เข้าที่พักได้เรียบร้อย ก็ชวนกันไปแถวๆ ถนนโดทงโบริ (Dotonbori) เพราะอยากกินปู ... จัดแจงวางแผนเสร็จ ก็ไปซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินเพื่อไปลงสถานี Namba (การเดินทางในเมืองใหญ่ๆในญี่ปุ่น ใช้รถไฟใต้ดินสะดวกที่สุด Osaka ก็เช่นกัน) นั่งไปแค่ 3 สถานีก็ถึงแล้ว ออกจากสถานี เจอร้านรวงเยอะมากๆ ยาวไปจนถึงทางออกไปถนน แล้วเดินต่อไปย่านถนนโดทงโบริอีกไม่ไกล    ผลไม้เสียบไม้แบบนี้ นักท่องเที่ยวชอบซื้อมาก   เดินหาร้านปูที่มีรูปปูด้านหน้า เขาถามว่า "จองงมาหรือเปล่า?" "ไม่ได้จองมา"  คำตอบก็คือ "เต็มครับ" เราเห็นนักท่องเที่ยวไทยนั่งรออยู่หลายกลุ่มเหมือนกัน เราสองคนก็เดินชิลๆกันต่อ ไม่ได้กินก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังมีเวลา ... เดินจนเหนื่อย เลยแวะไปแทรกเขาถ่ายภาพกับเจ้าหนุ่มกูลิโกะหน่อย ก่อนกลับไปแวะหาอะไรในมื้อเย็นกัน แถวๆทางกลับไปสถานีรถไฟ ซึ่งมีร้านอาหารเยอะเหมือนกัน สำคัญคือไม่เบียดใครๆด้วย   ป้ายหนุ่มกูลิโกะ ที่สะพานเอะบิชุบาชิ มื้อเย็นเราแบบสบายๆ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Namba ............................. เช้าวันที่ 1 เมษายน 2023 เราวางแผนไปเที่ยว 1. สวน Kema sakuranomiya เพื่อชมซากุระ  2. ปราสาทโอซาก้า  3. ตลาดคุโรมอง  4. กินปูกันที่ถนน Dotonbori    5. Kansai Airport กลับกรุงเทพฯ จากสถานี Tennoji เรานั่ง JR มาลงที่สถานี Sakuranomiya แล้วเดินออกไปหน่อยเดียวก็เจอสวนซากุระบานสะพรั่งเต็มสองฝั่งแม่น้ำโอไปหมด ใช้เวลาเพลิดเพลินกับการชมซากุระที่นี่นานจนเกือบเบื่อ ... สวนนี้ปลูกซากุระไว้ริมฝั่งแม่น้ำโอกว่า 4700 ต้น แถมมีสวนยื่นลงไปในแม่น้ำและสะพานเล็กๆข้ามไปอีกฝั่งด้วย ส่วนในแม่น้ำก็มีกิจกรรมล่องเรือด้วย. Kema Sakuranomiya Park.  สวนเคมะ ซากุระโนมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) เป็นสวนสาธารณะที่ยาวตลอดเรียบริมฝั่งแม่น้ำตั้งแต่บริเวณสะพานเทมมาบาชิ (Temmabashi) ไปถึงบริเวณโรงกษาปณ์ของโอซาก้า (Osaka Mint) ที่มีต้นซากุระหลายสายพันธ์ปลูกเรียงรายกันอยู่ตลอดแนวมากกว่า 4,700 ต้น ทำให้สวนสวนเคมะ ซากุระโนมิยะแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดฮิตของเมืองโอซาก้า และในช่วง 2 สัปดาห์ที่ซากุระกำลังบานเต็มที่หรือช่วง Full Bloom นั้นจะมีการออกร้านของขาย เช่นของกิน ปิ้งย่างเล็กๆน้อยๆกันด้วย ส่วนในช่วงเวลาปกติจะเป็นแหล่งพักผ่อนของคนท้องถิ่น มาออกกำลังกาย เดินเล่นมากกว่า รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของโฮมเลสด้วย ล่องเรือชมซากุระ สองฝั่งแม่น้ำโอ (O River) ที่เต็มไปด้วยซากุระในวันที่ 1 เมษายน 2023 .................   เราเดินชมซากุระไปจนถึงสะพานโค้ง จะมีทางเลี้ยวซ้ายแล้วลอดใต้ถนนไปโผล่ที่สะพานข้ามแม่น้ำ Neya River แล้วจะไปที่หน้าทางเข้าปราสาทโอซาก้าเลย ... จากทางเข้าจะเดินไกลหน่อยนะ ถ้าท่านใดไม่อยากเดิน ก็รอรถรางได้   ปราสาทโอซาก้าจากนอกกำแพง   ปราสาทโอซาก้า  ปราสาทโอซาก้า(Osaka Castle) แลนด์มาร์กอันหนึ่งของเมืองโอซาก้าที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาเยือนไม่อย่างนั้นเหมือนมาไม่ถึงเลย นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อมาเยือนยังเมืองโอซาก้าที่มีชื่อเสียงไม่ใช่เฉพาะระดับจังหวัด แต่มีชื่อเสียงระดับประเทศเลย ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการของตัวปราสาทที่มีถึง 8 ชั้น ห้อมล้อมด้วยกำแพงหิน คูน้ำ ไปจนถึงสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) ที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ มองแล้วดูตัดกับความเป็นเมืองทันสมัยที่อยู่รายล้อมจากตึกอาคารทันสมัย ทำให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปราสาทโบราณที่หลุดเข้ามาในยุคปัจจุบันอย่างไงอย่างนั้น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลินี่คนเยอะมากๆ เนื่องจากตัวสวนที่มีต้นซากุระมากกว่า 600 ต้นเวลาผลิบานพร้อมๆกันนี่นับว่าเป็นการเพิ่มระดับความงดงามขับให้ตัวปราสาททวีความงามที่แฝงความอ่อนหวานที่งามไม่เหมือนใคร     มีล่องเรือชมปราสาท ซื้อตั๋วที่หน้าสะพานทางเข้าปราสาท Kyobashi-Guchi Entrance แต่เดิมเนี่ยพื้นที่ที่สร้างปราสาทเคยเป็นที่ตั้งของวัดอิชิยาม่า ฮอนกันจิ (Ishiyama Honganji Temple) แต่หลังจากที่ถูกโอดะ โนบุนากะ (Oda Nobunaga) ทำลายลง หลังจากนั้นประมาณ 30 ปีในปี ค.ศ.1583 ก็ได้มีการสร้างปราสาทโอซาก้าขึ้นทดแทน ผู้ที่สร้างอย่างท่านโทโยมิ ฮิเดะโยชินั้นมีเจตนาให้เป็นดังศูนย์กลางแห้งใหญ่ของญี่ปุ่น จนกลายเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้นเลยนะคะ แต่หลังจากที่ท่านโทโยมิ ฮิเดะโยชิเสียชีวิตลงไม่นาน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจากการโดนโจมตีจากโทคุกาว่า แม้จะมีการปรับปรุงสร้างใหม่ในปีค.ศ. 1620 อีกครั้ง ก็ยังจะเกิดฟ้าผ่าทำให้ปราสาทได้รับความเสียหายอย่างหนักในส่วนของหอคอย แต่ด้วยความตั้งใจจะอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าจึงได้มีการบบูรณะมาเรื่อยๆ จนถึงในปัจจุบันที่มีการสร้างลิฟต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม   ก่อนเข้าปราสาท ซากุระสวยมาก หากต้องการจะมาที่ปราสาทก็สามารถมาได้ง่ายที่สุดด้วยวิธีการนั่งรถไฟใต้ดินหรือ JR มาลงสถานี Morinomiya (เดี๋ยวเราจะกลับทางนั้น) เดินเท้าอีกเพียงไม่นานก็ถึงแล้ว แนะนำให้มาช่วงเช้าๆนะคะเพราะคนยังไม่เยอะมากนัก จะได้เดินเที่ยวได้นานๆไม่ต้องเบียดเสียดหรือหามุมถ่ายรูปสวยๆยาก แถมจะได้เดินทอดน่องเพลินๆบริเวณสวนรอบๆปราสาทได้ยาวๆไม่ต้องเร่งรีบใดๆ   ด้านใน หน้าปราสาทโอซาก้า ด้านนอกทางออก/ทางเข้า Tamatsukuri-Guchi Entrance หน้าศาลเจ้า Hokoku-Jinja หน้าศาลเจ้า Hokoku-Jinja แผนผังปราสาทโอซาก้า ............................   จากปราสาทโอซาก้า เราเดินออกมาผ่านศาลเจ้าโฮโกกุ และผ่านสวนออกไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Morinomiya  แล้วนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Namba เพื่อไปเดินชมตลาดสด คุโรมอง (Kuromon) และหาอะไรกินมื้อเที่ยงที่นั่น ... การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินในโอซาก่าสะดวกมากๆ ถ้าเคยใช้สถานีรถไฟใต้ดินในเมืองไทยเป็น ก็นำวิธีการไปใช้ที่นั่นได้เลย เพียงแต่ญี่ปุ่นเขาจะออกเป็นตั๋วเล็กๆคล้ายๆตั๋วรถไฟบ้านเราสมัยก่อน ตัวอย่างตั๋วรถไฟในญี่ปุ่น (อันนี้คือ JR Pass แบบ 7 วัน) Kuromon Market  ตลาดคุโรมง โอซาก้า (Kuromon Ichiba Market) เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า จนได้รับสมญานามว่าเป็น ครัวของโอซาก้า (Osaka’s Kitchen) กันเลยทีเดียว มีบรรยากาศภายในเป็นทางเดิน Arcade เล็กๆทอดยาวประมาณ 600 เมตร 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆกว่า 160 ร้านค้า ขายทั้งของสด และแบบพร้อมทาน มีของกินเล่นและอาหารพื้นเมืองมากมายหลายชนิดให้ได้ชิมกัน   ของที่ขายส่วนภายในตลาดคุโรมงจะเป็นของสด โดยเฉพาะอาหารทะเล เนื้อ และผักต่างๆ ร้านอาหารต่างๆภายในตลาดจึงเน้นขายอาหารทะเลกัน ทั้งแบบสดๆ เช่น ซาชิมิ ซูชิ และหอยนางรม และแบบปรุงสุก เช่น ปลาไหลย่าง ปลาหมึกย่าง หอยเชลย่าง กุ้งเทมปุระ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะเป็นพวกผลไม้ต่างๆตามฤดูกาลของญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การลองเป็นอย่างมาก เช่น แอปเปิ้ล มะเขือเชอรี่ สตอเบอรี่ เมล่อน กีวี และลูกแพร ซึ่งราคามักจะถูกกว่า และหอมหวานกว่าบ้านเรา นอกจากของสดแล้วในตลาดก็จะมีพวกร้านขายของกุบกิบแทรกตัวอยู่บ้าง เช่น อุปกรณ์ทำครัว เสื้อผ้ากระเป๋าต่างๆ แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของตลาดนี้ ก็คือพวกร้านขายขนมแบบท้องถิ่น ที่มีทั้งแบบแพคเกจดูบ้านๆ อินดี้ๆหน่อยซึ่งอาจจะไม่ได้เห็นที่อื่นๆ ไปจนถึงแบบที่มีขายทั่วไป อย่างเช่นพวก KitKat กลูลิโกะ รสต่างๆ ประมาณนี้ก็มีให้เลือกเยอะอยู่เหมือนกัน   เราแวะทานมื้อเที่ยงเป็นข้าวหน้าปลาไหลที่ตลาดนี้ จากนั้นเราเดินเที่ยวต่อในตลาดผ่านออกมาทางสะพานเอะบิชุบาชิ แล้วถ่ายภาพกับเจ้าหนุ่มกูลิโกะอีกรอบ ได้ฟิลคนละแบบกับตอนที่เรามากลางคืน แต่ผู้คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม แม้จะเป็นแค่ช่วงบ่ายกว่าๆ ที่สะพานเอะบิชุบาชิ กับหนุ่ม Glico. ออกเดินตามถนน Dotonbori ไปเรื่อยจนถึงปากทางสุดถนน เจอร้านปูร้านนี้ (Kani Doraku Dotonbori Higashi Mise ... ชื่อยาวจัง) เลยเข้าไปถามดูว่ามีที่ว่างพอให้เราสองคนไหม ซักพักเขาออกมาพาเราขึ้นไปชั้นบนสุด เหมือนจะชั้น 4 นะ เป็นห้องส่วนตัว ... โอ..ชอบมากเลย เข้าไปแล้วก็สั่งล่ะ ที่นี่มีราคาหลากหลาย เราเลือกที่ 5,720 เยน เสิร์พเป็นชุด (คอร์ส) รวม 8 ชุด ตบท้ายด้วยไอครีม ... แต่ที่ขาดไม่ได้คือเบียร์ แม้จะเพิ่งรับมาเมือประมาณเที่ยงนี่เอง  ไปญี่ปุ่นแต่ละเมืองต้องลองเบียร์เขาครับ งั้นจะเข้าไม่ถึงธรรมเนียมญี่ปุ่น (...ว่าเองล่ะ) เมนู รายการกินปูวันนี้ถูกใจเรามาก ทั้งการบริการ และรสชาดอาหาร เขาเสริฟเป็นอย่างๆ หรือเป็นคอร์ส (course) ทั้งหมด 8 คอร์ส และตบท้ายด้วยไอศ์ครีม ... นี่เพิ่งรับมื้อเที่ยงข้าวหน้าปลาไหลมาจากตลาดคุโรมงนะ คือกินให้หายอยากเพราะเข้าร้านยากเกิน ที่ขาดไม่ได้ของเราคือเบียร์ เพราะเบียร์ญี่ปุ่นมีมากมายหลายยี่ห้อ มีของตัวเองเกือบทุกเมืองว่างั้นเถอะ ฉะนั้นเราถึงเมืองไหนก็ลองเบียร์เขาให้ได้ (เพื่อประสพการณ์...ว่าเอง)      มีสิ่งประทับใจเรื่องบริการของพนักงานที่นี่ คือเราขออนุญาตถ่ายภาพกับเธอ เธอก็โอเค พอเดินเข้ามาข้างๆภรรยาผมเขานั่งลงข้างๆ เราบอกว่าไม่ต้องหรอก เธอบอกว่าไม่สุภาพเพราะจะยืนสูงกว่าคนนั่ง ... เราขอบคุณและขอให้เธอยืนขึ้น แต่เธอก็ยังย่ออย่างที่เห็น เราเห็นมารยาทที่เคารพผู้ใหญ่แบบนี้หลายที่ หลายครั้ง รวมทั้งในเครื่องบินด้วย (๋JAL ชั้น  Bussiness class) ประมาณบ่ายสามโมง เรานั่งรถไฟใต้ดินจาก Namba กลับ สถานี Tennoji และเดินกลับโรงแรม แพ๊คกระเป๋าเตรียมเดินทางด้วย Haruka Express Train ในเวลา 18.00 ไป Kansai Airport ซึ่งเป็นบริการของ JR และเรามีตั๋วสามารถใช้ได้ถึงเที่ยงคืนวันที่ 1 เมษายน 2023 ด้วย .... เช็คอินเสร็จ ก็เข้าไปรอเจ้า JAL ซึ่งจะพาเราเหินฟ้าสู่ สุวรรณภูมิแอร์พอร์ต ในเวลา 00.30 น. ของวันที่ 2 เมษายน 2023 ... Happy holiday สำหรับชมซากุระและเที่ยวญี่ปุ่นของทริปนี้ก็ขอจบแบบนี้นะครับ. ลาด้วยภาพนี้ครับ     ช่องทางรับชมอื่นๆจากนาย wicsir : YouTube https://www.youtube.com/channel/UCajbMmVFUCwYxTbJAljetcA Facebook https://www.facebook.com/aod.wichit Page https://www.facebook.com/oad1953/

 

Create Date : 03 สิงหาคม 2566		5 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2566 9:09:17 น.
Counter : 2008 Pageviews.
Share Tweet