....OUR FAMILY'S JOURNEY....

คิดถึงปากเซ 2 (ตอนจบ)


ตลาดเช้า ตาดฟาน ไร่ชา ผาส้วม และช่องเม็ก





26 ตุลาคม 2003

ช่วงปลายๆตุลาแบบนี้ถ้าผมอยู่ทางเหนือผมจะตื่นแต่เช้ามาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ที่มีมากมายตาม รีสอร์ท ภูเขา พอมาที่นี่ก็อดคิดถึงบรรยากาศแบบนั้นไม่ได้ เลยตื่นตั้งแต่ ตีห้าครึ่ง อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็พกกล้องคู่ใจ เดินดูถนนหนทาง บริเวณใกล้ๆที่พัก ชาวลาวส่วนมากจะตื่นเช้าเหมือนกัน บ้างก็ไป ตลาดเช้า บ้างก็เตรียมอาหารไว้ใส่บาตรพระ เหมือนบ้านเรา พระจะเดินแถวเรียงหนึ่ง เข้ารับอาหารที่ญาติโยมเตรียมมาใส่ เหมือนกับตามชนบทแถว ภาคอีสาน รถสามล้อที่ใช้เครื่องมอเตอร์ไซด์ ก็เริ่มมีวิ่งกันทั่วเมือง












เมืองปากเซยามเช้า






07.30 น เรานัดแนะให้รถตู้ให้พาเราวนรอบเมืองซักรอบหนึ่ง เพื่อดูรรยากาศทั่วไปยามเช้า สารถีเลยพาเรา ข้ามสะพานแม่น้ำเซโดน ซึ่งเป็นสะพานหนึ่งช่องจราจร สร้างตอนที่ฝรั่งเศสปกครองลาวอยู่ รถเราไปติดไฟอำนาจ (ไฟแดง) อยู่ก่อนเข้าสะพาน เพราะต้องรอให้รถอีกฝั่งของแม่น้ำผ่านมาก่อน พอได้เวลาไฟอิสระภาพ (ไฟเขียว)ก็เปิดขึ้น เราขับไปอีกฝั่งหนึ่งของเมือง เข้าใจว่าน่าจะเป็นเมืองเก่า รถวิ่งเรื่อยไปซักพักทางเหนือ ก็เจอสนามบินปากเซ เลยขึ้นไปจะเป็นถนนสายที่ 13 ไปเวียงจันทน์ เราเลยเลี้ยวกลับเพื่อจะไปเดินชมตลาดเช้า บ้านเมืองส่วนมาก ก็เป็นตึกทรงฝรั่งเศส ถ้าเป็นเรือนไม้ ก็แบบใต้ถุนสูง ยานพาหะนะอีกอย่างที่เห็นมีมากและเป็นเจ้าถนน ก็คือมอเตอร์ไซด์ เราต้องใช้แตรตลอดเพื่อเตือนว่า มีรถตามมานะ เขาก็จะหลบเข้าข้างทางด้านขวาให้












บริเวณตลาดเช้า






ตลาดเช้าที่ปากเซ จอแจมากถ้าเทียบกับจำนวนพลเมืองทั้งประเทศที่มี ประมาณ 5 ล้านกว่าคน คงเป็นเพราะว่า ปากเซเป็นเมืองหลักทางการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของลาวตอนใต้ ทุกอย่างที่มีขายในเมืองอุบลฯ ที่นั่นก็จะมีหมด ที่มากกว่าคือเหล้าต้มเอง ที่เป็นที่นิยมของชาวลาวทั่วไป ตลาดโดยรวมก็เหมือน ตลาดสดบ้านเราครับ บริเวณรอบนอกจะมีชาวบ้าน นำพวก ไก่ หมู เป็นๆมาขายเต็มไปหมด บริเวณด้านใน ก็จะขายพวกเสื้อผ้า และมีที่แลกเปลี่ยนเงินตราตั้งอยู่ในตลาดนี้ด้วย ส่วนปลาน้ำโขงมีขายมากเป็นพิเศษ เช้านั้นเราเจอนักท่องเที่ยวที่คิดแบบเรา เดินถ่ายรูปและ วีดีโอ หลายกลุ่มเหมือนกัน เวลาเรา จะซื้ออะไร เขาจะขอเป็น เงินบาทจากเรามากกว่าอยากได้เงินกีบ...... เดินตลาดเพลินๆ เวลาหมุนไปเร็วจัง ไม่ทันไรก็ 8.30 น เสียแล้ว เราเลยจำต้องออกเดินทางไปตาดฟาน รีสอร์ทเพื่อ ชมน้ำตกตาดฟาน

ซักครึ่งชั่วโมงผ่านไปเราก็ถึงทางแยกเข้า Tad Fane Resort ซึ่งเป็นทางลูกรัง ซึ่งถ้าเราเดินทางต่อไปอีก ตามถนนสายนี้ก็จะไปถึง เมืองปากซอง ดินแดนขึ้นชื่อของกาแฟดีของลาว ที่ชื่อ “กาแฟ ปากซอง” เราอยากจะไปเหมือนกัน แต่พอมีคนบอกว่า รอบๆเมืองนี้ ชาวเบลเยี่ยม กำลังกู้กับระเบิดอยู่ เลยยกไว้คราวหน้า บริเวณที่ตั้งของน้ำตกตาดฟานที่เรากำลังจะไปดูนี้ จะเป็นส่วนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ราบสูงบอละเวน





ที่ราบสูงบอละเวน (Bolaven Plateau)

ครอบคลุมพื้นที่แขวงสาละวัน(Salavan), เซของ (Sekong) , จำปาสัก, และอัตตะปือ ของลาวใต้ ซึ่งจะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 1000 เมตร ถึง 3000 เมตร ภูมิอาศจึงเหมาะสมสำหรับปลูกพืชพวกกาแฟและอื่นๆ ชาวฝรั่งเศสได้นำเอากาแฟเข้ามาปลูกบริเวณนี้ มีทั้ง arabica และ robusta และบริเวณที่ราบสูงบอละเวนแห่งนี้ ก็เป็นที่ก่อเกิดแม่น้ำหลายสาย พร้อมทั้งน้ำตกสวยงามด้วย....
(ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากวิกิพีเดีย)



รถพาเราเข้าไปตามทางลูกรังแคบๆ ซักพักก็ถึง ตาดฟานรีสอร์ท หลังจากจอดรถเสร็จเราก็เดินตามป้าย บอกทางว่าไปร้านอาหารทันที ก็มัน เก้าโมงกว่าๆแล้วนี่นา ยังไม่กินอะไรกันเลย ทรหดจริงๆ แปลกหน่อยก็ เพราะที่ร้านอาหารของรีสอรท์ เขียนเมนูเป็น ภาษาไทยและอังกฤษ ถามไถ่ไปมาเจ้าหน้าที่ร้านอาหาร ก็บอกว่า เป็นของคนไทย เฮ..เราเจอคนรู้จักแล้ว การสั่งอาหารต่างๆ ทำได้เหมือนเมืองไทยทุกอย่าง ร้านสะอาด บรรยากาศดี อากาศเช้านั้นซัก 19-20 องศาได้ เย็นสบายดี ทั้งๆที่เป็นโซนทางใต้ของลาว แต่คนขับรถบอกว่า เราอยู่บนภูเขา เออาจจะจริงแฮะ.. ราคาอาหารทุกอย่างที่นี่ก็เท่าๆ เมืองไทยครับ รายละเอียดดูได้ที่ //www.tadfane.com (แนะนำให้ฟรีๆ)







น้ำตกตาดฟาน







บนร้านอาหารเราจะมองออกไปที่เขาอีกลูกหนึ่งก็จะเห็นน้ำตก ตาดฟาน ที่ตกลงมาเป็นสองสาย จากความสูงประมาณ 200 เมตร ได้ยินเสียงดังลั่นถึงร้านอาหารเลยที่เดียว เราสามารถเดินถ่ายรูปได้จากบริเวณที่ตั้งของ รีสอร์ทเลย เสียดายว่าวันนั้นไม่มีเวลาลงไปสำรวจข้างล่าง บริเวณที่น้ำตกลงไปถึงเจ้าาหน้าที่บอกว่า ถ้าเดินป่าเข้าไปที่ต้นน้ำจะเห็น น้ำตกเพิ่มอีกและสวยมาก (ก็น่าจะจริงที่เห็นจากรูปเขา) เขาคิดค่านำทาง 250 บาท ใช้เวลาเดินทาง เที่ยวละ 3 ชม. เลยติดเอาไว้เช่นเคย ว่าจะมาเดินอีกและหวังว่าจะมาพักที่นี่เลย (ค่าที่พัก ห้องละ 800 บาท หรือ หลังละ 1600 บาท )….. ถ้าใครเคยไปเที่ยวน้ำตก แม่สุรินทร์ ที่แม่ฮ่องสอน นั่นแหละเหมือนกันเลย แต่ที่นี่ มีน้ำตก สองสายแรงมาก วันที่เราไปก็มีทั้ง นักท่องเที่ยวชาวตะวันตก และคนไทยแวะมา มิได้ขาด และบางกลุ่มอาจค้างที่นี้ด้วย หลังจากกดชัตเตอร์ได้ภาพพอสมควร และอิ่มท้องแล้ว เราก็ออกจาก ตาดฟานรีสอร์ด้วยความเสียดายว่า คณะเราควรมาพักกันที่นี่.








กาแฟที่ทางเข้าไร่







เราแวะไร่ ชา ข้างทาง (น่าจะเหมือนแวะไร่ BN ถ้าไปเที่ยวเขาค้อ) เพื่อแวะชม เขาปลูกชา และกาแฟกัน ลุงเจ้าของไร่ ช่วยอธิบายกรรมวิธีทำชาให้เราฟัง พร้อมบอกว่า ชาที่นี่ทำสะอาดมาก ไม่ใช้คนย่ำเหมือยที่อื่น คนไทยจึงนิยมมาซื้อกันมาก ลุงชงชาให้เราชิมด้วย หรือถ้าไม่พอ ขอเบิ้ลได้ ลุงไม่ว่า ลุงแพ็คชาแห้งใส่ถุงพลาสติกขายให้เรา ถุงละ 70 บาท พอเราบอกลุงว่าจะจ่ายเป็นเงิน กีบ ลุงก็บอกว่า แพงกว่าจ่ายเป็นเงินบาทครับ เพราะลุงเล่นค่าแลกเปลี่ยน 270 กีบ/ 1 บาท...เอาละซิ แต่เราก็จ่ายแกเป็นกีบอยู่ดี เพราะใกล้เวลาที่เราจะออกจากลาวแล้ว .... ลุงแนะนำกาแฟที่แพ็คมาแล้วจากโรงงาน ที่ชื่อ ซีนุก เป็น ซอง ซองละครึ่งกก. และบอกว่านี่เป็นกาแฟจาก เมืองปากซอง ที่ขึ้นชื่อของ ลาวเลยล่ะ... เอ้าซื้ออีกแล้ว ราคาก็ 100 บาท ต่อครึ่ง กก. เสร็จสับก็เดินชม ไรชาและกาแฟของลุง พร้อมชักภาพไว้เป็นที่ระลึก.












ไร่ชา






ซื้อชา






เราอยู่ไร่ชา ของคุณลุงเกือบชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อไป น้ำตกผาส้วม รถพาเราวิ่งย้อนมาทางเมือง ปากเซ ซักพักรถก็เลี้ยวขวา ออกไปทาง แขวง Sekhong ตามข้างทางเราเพิ่งสังเกตุว่า แถวๆนี้เขาปลูกทุเรียน และกะท้อน เหมือนแถวเมืองจันทร์แฮะ เออสิ....ดูอากาศก็น่าคล้ายกัน แต่สงสัยว่าต้น ทุเรียน ที่สูงลิบลิ่ว เขาจะเก็บกันยังไง ก็ได้ความว่าจะเก็บก็ต่อเมื่อสุกงอมแล้ว โดยการปีนครับ แต่ผู้รู้บอกว่าไม่อร่อยเหมือน ทุเรียน บ้านเราหรอก...ก็ไม่รู้เหมือนกัน เราเห็นเขาขายกล้วยหอมมากมายตามทางที่ผ่าน เลยจอดซื้อเพื่อชิมและกล้วยที่นี่ก็อร่อยซะด้วย ชาวแก๊ง ก็เลยซื้อตุนอีกตามเคย

ไม่นานนัก เราก็ถึงทางแยกซ้ายมือ เขียนป้ายบอกว่า น้ำตกผาส้วม คงมีความสงสัยกันแล้วสิว่า ชื่อมีเยอะแยะ ไงไม่ไปตั้งเล่า แต่ใจเย็นครับ คำว่า “ส้วม” ในภาษาลาว เขาหมายถึง ห้องนอนของคุณสาวๆ หรือจะเรียกว่า ห้องหอ ก็ไม่ผิดครับ ฉะนั้น ชื่อนี้ถึงเป็นมงคล ดังนี้แล...

ทางที่เข้าไปประมาณ 1 กม. เป็นลูกรัง แต่สะดวกครับ รถเราจอดบริเวณที่จอดรถ ก็มีเจ้าหน้าที่ชื่อ ท้าวบุญพัน (ขอโทษถ้าจำชื่อผิด) ออกมาคอยต้อนรับ ก็คงฝึกไว้รับนักท่องเที่ยว ซึ่งก็ได้ความรู้ว่าคนที่จะเป็นไกด์จะต้องผ่านการฝึกอบรม ภาษาต่างประเทศ โดยที่ ใจก้า เขาออกทุนให้ ไกด์เราดูเหมือนไม่สมประกอบ แต่สอบถามได้ความว่า เป็นเพราะได้รับอุบัติเหตุ เขาพาเราดูพิพิธภัณท์เครื่องใช้ของ ชนเผ่า (hill tribes) ว่ามีอะไรบ้าง ก่อนที่จะพาเราเดินลงไปดูน้ำตก ผาส้วม ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่เราจอดรถมากนัก บริเวณโดยรอบถูกออกแบบ โดยสถาปนิกชาวไทย ส่วนเจ้าของที่นี่ คือการร่วมลงทุน ระหว่างนักธุรกิจ ชาวไทย เยอรมัน และรัฐบาลลาว การออกแบบได้เน้นการผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ บ้านแต่ละหลังสร้างอยู่ระหว่างต้นไม้ใหญ่ ส่วนอีกด้าน เป็นธารน้ำที่ไหลมาจากน้ำตก ทำให้ได้สัมผัสกับรรมชาติจริงๆแต่เสียดายตอนไปยังยังไม่เปิดให้บริการ เห็นบอกว่าจะทำให้ทันปีใหม่ 2004 นี้.










น้ำตกผาส้วม







ท้าวบุญพัน พาเราเดินข้ามสะพานแขวน ไปอีกฝั่งของลำธาร (น่าจะเรียกว่าแม่น้ำได้เลย) ซึ่งกำลังก่อสร้างบริเวณที่พัก และที่จัดเลี้ยงขนาดใหญ่ style ธรรมชาติ แม้วัสดุที่เลือกเอามาทำ ก็คัดสรรมาจากธรรมชาติ คือดูแล้ว เข้ากับสถานที่ว่างั้นเถอะ ยกตัวอย่าง ตอไม้ใหญ่ต่างๆ ที่เอามาแต่ง







บ้านพัก






น้ำไหลมาจากสองลำธารเป็นรูปตัววาย ( Y) ระหว่างสามเหลี่ยมของตัววาย เขากำลังสร้างที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว สายใหญ่นี้กลายมาเป็น น้ำตกผาส้วม ด้วยปริมาณน้ำที่มากมายแม้จะปลายฝนแล้ว เสียงน้ำตกยังดังสนั่นหวั่นไหว และสวยงามมาก เราเข้าไปอยู่บริเวณนั้นจะโดนไอน้ำตลอดเวลา นี่ถ้าเป็นหน้าฝนคงยิ่งใหญ่ สวยงามมากกว่านี้ ส่วนอีกสายหนึ่งที่ไหลมาจากลำธารซึ่งเล็กกว่า เกิดเป็นน้ำตก ผาแนว(อาจจำชื่อผิด) ซึ่งเขาเอาพลังงานจากน้ำมาปั่นไฟฟ้าด้วย และส่วนหนึ่งก็ปั๊มน้ำไปใช้ น้ำที่ตกลงมาสูงประมาณ สามเมตร ด้านล่างสามารถเล่นน้ำได้ด้วย ดูคล้ายๆน้ำตกที่ถูกสร้างขึ้น แต่นี้เป็นของที่เกิดจากธรรมชาติแท้ๆ







น้ำตกจากสายธารอีกด้าน







สะพานไม้ทางเดิน







เราเดินเที่ยวและถ่ายรูปบริเวณน้ำตกด้วยความคิดต่างๆนาๆ เพราะบริเวณนี้ และที่ผ่านมาในลาว ป่าไม้สมบูรณ์มาก ต้นไม้ใหญ่ๆมีให้เห็นทั่วไป มิน่าล่ะลำห้วย ธาร ต่างๆ มีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา ให้ชาวบ้านได้ใช้อุปโภค บริโภค.... ที่นี่ก็เหมือนกันเราเดินอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ตลอดเวลา บรรยากาศจึงร่มรื่นเหมือนเดินป่า ในน้ำหนาว หรือเขาใหญ่ ในบ้านเรา ท้าวบุญพันยังบอกเราอีกว่าไกลออกไป ประมาณ 800 เมตร มีน้ำตก อีกแห่งหนึ่งสวยไม่แพ้ที่นี่ และเขากำลังพัฒนาทางเดินไปหา แต่เห็นบอกว่า ฝรั่งชอบเดินไปเที่ยว บ่อยๆ..

พอมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาว ปากเซหอบหิ้วของมาทำกินกัน ท้าวคำพันก็ไม่ลืมที่จะบอกให้ช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย แม้บางครั้งเขาเห็นอะไรหล่นอยู่ตามทางเดิน เขาก็ทำตัวเป็นคนเก็บขยะเสียเอง คงได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีแน่เลย เราใช้เวลากับการเที่ยวชมน้ำตกซักสองชั่วโมง ตะวันก็เริ่มเคลื่อนเข้าแนวป่าทางตะวันตกเสียแล้ว สงสัยงานเลี้ยงจะต้องเลิกลาเสียที เพราะถ้าเรากลับไปถึงช่องเม็กช้า ก็จะติดพวกรถขนซุงที่รอคิวจะผ่านเข้าเมืองไทย.... เราเดินลัดเลาะตามทางเดินที่สร้างเป็นสะพานไม้ไว้ให้ เพื่อชมที่ก่อสร้าง (หมู่บ้าน) สำหรับ “ชนเผ่า” ที่จะมาอยู่รวมกัน คล้ายๆเป็นคุ้มวัฒนธรรมบ้านเรา เพื่อแสดงความเป็นอยู่ ให้นักท่องเที่ยวดู แต่วันที่เราไปยังไม่เปิด มีเพียงลุงสองคนนำเครื่องคนตรี คล้ายโปงลางมาเล่นให้เราดู เขาเรียกระนาด ซึ่งไม่เหมือนของบ้านเราเลย น่าจะเรียก โปงลางมากกว่า







เรือนที่จะจัดแสดงของชนเผ่า







เราร่ำลาท้าวบุญพันเพื่อเดินทางกลับ พร้อมมอบสินน้ำใจจำนวนหนึ่งให้ ซึ่งดูจากสีหน้าแล้ว เขาดีใจมาก คงมีน้อยครั้งมั้งที่เขาจะได้รับ ชีวิตของใครบางคนเงินเพียงน้อยนิด ก็อาจทำให้ชีวิตเขามีความหมาย......แม้ว่าท้าวบุญพันได้ทิปจากเราไม่กี่ร้อยบาท แต่คงมีค่ามากพอสมควรเมื่อเทียบกับการทำงานในลาว ในวันนั้น อะไรก็ไม่เท่าสื่อสารจากใจ ว่า เราก็เพื่อนกันนะ ถึงแม้จะคนละชาติ ภาษา ยิ่งเรามารู้ว่าเขาเองก็คือคนที่มาจาก ชนเผ่า ที่อยู่ใกล้ๆนั้น เรายิ่งเห็นคุณค่าของเขามากขึ้นไปอีก.... ลาก่อนไกด์ผู้พิการแต่น้ำใจงามของเรา ท้าวบุญพัน เราหวังไว้เสมอว่าจะมาพบเจอกันอีก และวันนั้เราก็หวังอีกนั่นแหละว่า ธรรมชาติที่ได้สร้างสิ่งที่สวยงามไว้ที่นี่ จะยังคงสภาพนี้ นานๆและตลอดไป.

เราต้องอกกจากน้ำตกผาส้วม กลับเมืองปากเซเพื่อข้ามแม่น้ำโขงกลับไปที่ช่องเม็กให้ทันก่อนที่จะติดขบวนคาราวานรถซุงจากลาวไปเมืองไทย หลังจากจ่ายค่าผ่านสะพานที่แม่น้ำโขงแล้ว เราก็หันกลับไปมองเมืองปากเซอีกครั้ง และรำลึกถึงสิ่งต่างๆที่เราได้เจอมาในสองวันนี้.... มีหลายแห่งที่เราหาเวลาไปเยี่ยมไม่ทัน เพราะเวลาจำกัด (ที่จริงรัฐบาลลาว อนุญาติให้นักท่องเที่ยวชาวไทย อยู่ได้ สองคืนสามวัน โดยใช้ใบผ่านแดนชั่วคราว ) หลายแห่งที่พลาด ไม่ว่าจะเป็นู มรดกโลกวัดภู นครจำปาสัก เมืองปากซอง ชนเผ่าต่างๆ น้ำตกตาดเลาะ การเดินป่าไปต้นน้ำ ที่ตาดฟาน และอีกหลายแห่ง แต่เราสัญญากันไว้ว่าจะต้องหาทางมาเยี่ยม เมืองนี้อีก ก่อนที่อารยะธรรมจากตะวันตก จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนที่นี่ ความสงบเงียบ ความใสซื่อ และเป็นมิตรของผู้ต้อนรับที่นี่ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า เราอยู่บ้านแห่งที่สอง วิถีชีวิตที่อยู่กันโดยเอื้ออาทร ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนบางแห่งทำให้เราทราบซึ้งสุดที่จะลืมเลือน .... ลาทีเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ไม่นานนักเราคงได้มาเยี่ยมเยือนกันอีก

รถผ่านด่านตรวจที่ชายแดนช่องเม็ก บ่ายสามโมงเศษๆ ก่อนที่จะผ่านแดนเรายังหันไปมองดินแดน ที่เคยเป็นศูนย์ อำนาจ ช่วง ศตวรรตที่ 10 –13 จนทาง UNESCO ได้ยก วัดภูขึ้นเป็น มรดกโลก..







ทานมื้อเย็นที่โขงเจียม




_______จบทริบ_________








 

Create Date : 02 มิถุนายน 2551
14 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 16:18:33 น.
Counter : 5514 Pageviews.

 

พึ่งกลับมาจากไปซื้อของร้านค้าคนลาวมา เจ้าของร้านบอกว่ามาจากปากเซและไม่เคยได้กลับไปกว่า30ปีแล้ว ยังไงอย่าพึ่งลบบล็อกนี้นะคะจะลิ้งค์ไปให้เธอดูค่ะ


ขอบคุณที่นำมาเสนอให้ชมค่ะ กลับบ้านงวดหน้าถ้ามีโอกาสอยากไปเที่ยวปากเซค่ะ

 

โดย: เสียงซึง 3 มิถุนายน 2551 0:07:54 น.  

 

ขอบคุณ คุณเสียงซึง ที่เข้ามาเยี่ยมครับ.... คงไม่ลบครับ จะรวบรวมเรื่องราวต่างๆไว้ใน blog นี้ด้วยความตั้งใจ.... บางครั้งการที่เราอยู่ต่างแดนนานๆ ก็อ่านได้คลายเหงา ว่าไหมครับ...

 

โดย: wicsir 3 มิถุนายน 2551 1:36:50 น.  

 

ตามมาเที่ยวปากเซด้วยคนค่ะ ไปมาปีที่แล้วค่ะ น้ำตกยังมีน้ำเยอะเหมือนเดิมค่ะ

คิดถึงลาวใต้ค่ะ ชอบธรรมชาติที่นั้นมาก เสียดายตอนไปฝนตกหนักมาก บอกกับเพื่อนร่วมเดินทางป่วย เลยพลาดไปเที่ยวสีพันดอน (เขียนถูกไหมค่ะ)

 

โดย: kidthung maanoy 3 มิถุนายน 2551 8:03:11 น.  

 

แวะเข้ามาหาข้อมูลค่ะ เดือนกรกฏาคมวางแผนไว้ว่าจะไปปากเซกัน และทริปวางแผนว่าจะไปพักจำปาสักพาเลซ พร้อมทั้งไปชมไร่กาแฟ ขอบคุณที่ได้ชมบล๊อกคุณ แบบว่าได้ความรู้เลยค่ะ

 

โดย: ดาหลาสีชมพู IP: 210.1.8.254 3 มิถุนายน 2551 8:23:28 น.  

 

ขอบคุณ คุณ kidthungmaanoy, คุณดาหลาสีชมพู

..ครับ สี่พันดอน หรือ สีพันดอน คือมีเกาะมากมาย 4000 เกาะล่ะครับ..
..ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ คุณดาหลาสีชมพู

 

โดย: wicsir 3 มิถุนายน 2551 11:52:19 น.  

 

สักวันหนึ่งเราจะต้องได้ไปลาวใต้ 555 ได้ไปเมื่อไรจะกลับมาอ่านอีกค่ะ... ขอบอกบล็อกสีหวานจัง อิอิ

 

โดย: Pleja IP: 124.157.185.242 7 มิถุนายน 2551 11:58:45 น.  

 

ขอบคุณ คุณ Ple ที่แวะเข้ามาครับ blog สีหวาน บางครั้งก็ทำให้โลกมันสดใสขึ้นนะครับ.

 

โดย: wicsir 7 มิถุนายน 2551 17:37:24 น.  

 

สวัสดีค่ะ สีหวานสบายทั้งตา ทั้งใจ เบิ่งปากเซแล้ว ม่วนอีหลี ชอบรูปน้ำตกมากค่ะ

 

โดย: นีลา IP: 202.91.19.206 8 กันยายน 2551 19:00:23 น.  

 

พี่ค่ะ..เปิ้ลแวะมาอ่านอีกรอบแล้วละค่ะ เพราะครอบครัวเปิ้ลกะจะไปเที่ยวลาวแบบเช้าไปเย็นกลับค่ะ คงไปช่วงปลายเดือนธันวาคมค่ะ..ถ้าได้ไปก็จะเอารูปมาโชว์เหมือนกัน...แต่รูปคงไม่สวยเหมือนของพี่...ขอบคุณที่พี่เมล์ภาพที่ขอให้นะค่ะ... ผ่านมาอุบลก็คิดถึงกันบ้างละ 555

 

โดย: Pleja IP: 222.123.207.133 17 ธันวาคม 2551 21:41:50 น.  

 

หวัดดีเปิ้ล.... น่าจะค้างที่ปากเซซักคืนนะ อย่างน้อยๆก้ดูบรรยากาศรอบๆเมือง นี่ถ้าต้นเดือนอาจจะกระทบไหล่ดาราที่โน่นเลยล่ะ 5555..... เรื่องภาพถ่ายอย่าไปซีเรียสครับ เราถ่ายเพราะเรารัก และถ่ายเพื่อเก็บความทรงจำไว้ไง ฉะนั้นได้แค่ไหน ก็ฝีมือเราเองน่า..

 

โดย: wicsir 18 ธันวาคม 2551 2:35:20 น.  

 

ที่จริงปีนี้เที่ยวเยอะมากค่ะ...ทริปเมืองลาวชักเหนื่อย ๆ แล้วละ แต่ก็ไปกับน้อง ๆ พ่อแม่ลูกหลาน ไฟท์บังคับ 555...ขอให้พี่เที่ยวให้สนุกนะค่ะ ...

 

โดย: Pleja IP: 117.47.98.40 24 ธันวาคม 2551 22:52:13 น.  

 

ขอบคุณครับเปิ้ลที่แวะมา..... คือไปคราวที่แล้วเก็บไม่หมด อีกอย่างอยากดูอะไรที่เปลี่ยนแปลงในแถบนี้บ้าง..... คิดว่าปากเซคงเป็นเป้าหมายของนักเดินทางไทย และเทศในอนาคต.... ไปตอนไม่แพงนี่แหละดี คอยชมในบล๊อกก็ได้ครับ.

 

โดย: wicsir 25 ธันวาคม 2551 16:46:47 น.  

 

ทริปลาวใต้ของเปิ้ลหมดไปประมาณ 10,000 บาทค่ะพี่.. ไปกัน 12 คน เด็ก 5 ผู้ใหญ่ 7 ไปกลับ 1 วัน เหมารถตู้ไป ดีที่ว่าทริปนี้เปิ้ลแทบไม่ได้จ่ายอะไร อิอิ ...เด็ก ๆ ไปหลายคน เราเลยไม่ลงเรือกันค่ะ ระยะนี้เปิ้ลก็ยังไม่มีโปรแกรมไปไหน แล้วจะแวะมาใหม่นะจ๊ะ ยังเยี่ยมพี่ไม่หมด ยังเหลือหลายซอกหลายมุม 555

 

โดย: Pleja IP: 222.123.48.47 25 มกราคม 2552 17:41:56 น.  

 

พี่ค่ะขอลิงค์ไปที่เว็บของรุ่นนะค่ะ วางแผนว่าจะไปเที่ยวกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดี ๆ

 

โดย: Pleja IP: 222.123.203.93 15 ตุลาคม 2552 19:05:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.