รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
19 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
ปฏิบัติในรูปแบบ เดินจงกรม นั่งสมาธิ จำเป็นจริง ๆ หรือไม่

ได้เข้าไปอ่านบทความของเหล่าศิษย์กลับใจในเวป แอนตี้วิมุตติ
ทำให้ผมมองว่า ปัญหาความขัดแ้ย้งนั้น อยู่ที่ว่าเหล่าศิษย์กลับใจนั้น
แรก ๆ เข้าใจว่า การปฏิบัติตามรูปแบบ ไม่จำเป็น เพียงแค่ดูอาการของจิตไป
เรื่อย ๆ ก็พอ แต่ต่อมา เกิดการเอะใจขึ้นว่า การฝึกฝนในรูปแบบ
เช่น การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ นั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการภาวนา
โดยมีการอ้างอิงคำสอนของครูบาอาจารย์หลาย ๆ รูป ซึ่งผมไม่ขอวิพากษ์
วิจารณ์ใด ๆ ในข้อเขียนของเหล่าศิษย์กลับใจทั้งหลาย
****
ต่อไป เป็นมุมมองของผมในเรื่องที่ว่า การปฏิบัติในรูปแบบจำเป็นจริง ๆ หรือไม่
ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัว หลังจากที่ได้ฝึกฝนปฏิบัติมาพอสมควร
ดังนั้น ความเห็นนี้ เพียงฝากไว้ให้ท่านที่เผอิญเข้ามาอ่านไว้พิจารณา
เอาเองก็แล้วกัน

ก่อนที่จะตอบคำถามทีีว่่า การฝึกฝนในรููปแบบจำเป็นจริง ๆ หรือไม่
ท่านสมควรมองไปที่แนวทางการปฏิบัติก่อนว่า ท่านจะเดินทางไหนกัน

การปฏิบัติธรรมนั้นจะมี 2 แนวทาง คือ
แบบที่ 1 แนวสมถยานิก
แบบที่ 2 แนววิปัสสนายานิก

ถ้าท่านเลือกจะเดินตามแนว สมถยานิก นั้น ผมฟันธงให้เลยครับว่า
การปฏิบัติในรูปแบบ จำเป็นอย่างยิ่งยวด จำเป็นมาก ๆ ไม่ปฏิบัติฝึกฝน
ในรูปแบบไม่ได้เลย เพราะการปฏิบัติในแนวนี้ จำเป็นต้องพัฒนาจิตให้มีกำลัง
ถึงระดับ ฌาน ให้ได้ก่อน ซึ่งท่านย่อมทราบดีว่า กำลังจิตระดับ ฌาน นั้น
ยากยิ่งขนาดใด
ดังนั้น การฝึกฝนในรุปแบบ ต้องฝึกอย่างเข้มงวด วันละหลาย ๆ ชั่วโมง
ท่านต้องงดสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้จิตฟุ้งซ่านด้วย จึงจะได้ผลถึงระดับ ฌาน

*****

ผมฟันธงแบบ สมถยานิก ให้ท่านไปแล้วว่าจำเป็นมาก มาก

******

แล้วแบบ วิปัสสนายานิกละ เป็นอย่างไร
วิปัสสนายิก จะมีเงือนไขประกอบครับ มาอ่านกันต่อไป
1. สิ่งที่วิปัสสนยานิก จำเป็นมาก ๆ ต้องเข้าใจเรื่องสัมมาสติ
มีอาการอย่างไร ให้ถูกต้องให้ได้ก่อน อันนี้ ท่านต้องศึกษาก่อน
และจำเป็นมาก ๆ ทีต้องศึกษาให้เข้าใจ ไม่ศึกษาไม่ได้เลย
ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่ยาก ศึกษาจริง ๆ 1 ชั่วโมงก็รู้แล้วว่าคืออะไร

2.ทีนี้ เมื่อข้อ 1 ท่านผ่านแล้ว ต่อไปท่านสมควรรู้ตัวเองก่อนว่า
ท่านต้องการจะเร่งรัดภารกิจให้จบสิ้นในชาตินี้หรือไม่ หรือ ว่า เอาแบบ
สบาย ๆ ได้เท่าใหน ก็เท่านั้นพอ แล้วไปต่อเอาชาติหน้า

3..ถ้าท่านเร่งรัดภารกิจว่า ต้องจบกิจในชาตินี้ ผมฟันธงให้เลยครับ
การฝึกฝนรูปแบบ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดเช่นกัน

4..ถ้าท่านไม่เร่งรัดภารกิจ ตอนนี้จะมี 2 เงื่อนไขตามมาครับ
ว่า ในชีวิตประจำวัีนของท่านนั้น มีความสามารถในการรับรู้
สัมมาสติได้หรือไม่

5..ถ้าคำตอบว่า ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างนี้ ถ้าท่านไม่มีเวลาฝึกฝน
ในรูปแบบ ก็ไม่ต้องฝึกในรูปแบบครับ แต่ท่านต้องหมั่นฝึกฝน
ในชิวิตประจำวันของท่านเสมอ ๆ เพราะท่านตอบว่า รับรู้สัมมาสติ
ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และท่านไม่เร่งรัดภารกิจอะไรในชาตินี้

6..ถ้าคำตอบว่า ไม่ได้เลย อย่างนี้ ท่านสมควรฝึกฝนรูปแบบก่อนครับ
ในระยะเริ่มต้น ให้ท่านเกิดความคุ้นเคยกับอาการสัมมาสติก่อน พอท่านฝึก
แล้วสักระยะหนึ่่ง ท่านจะสามารถรับรู้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แบบข้อ 5
ซึ่งท่านก็เดินตามข้อ 5 ไปก็ได้ครับ

7.. จากข้อ 5 เมื่อท่านฝึกในชิวิตประจำวันไปเรื่อย ๆ ท่านจะมีการพัฒนา
ในการรับรู้สัมมาสติได้มากขึ้นเรื่อย ๆเอง ครับแต่จะเป็นการพัฒนาไปอย่างช้า ๆ
เพราะท่านไม่เร่งรีบและไม่ได้ฝึกฝนรูปแบบ





*******

เรื่องท้ายบท
ผมขอเ้น้นยำว่า ท่านที่จะเดินแนววิปัสสนายานิก ท่านต้องศึกษาในข้อ 1 ให้เข้าใจ
ใด้ดีครับว่า อาการสัมมาสติเป็นอย่างไร แล้วในชิวิตประจำวัน ท่านต้องฝึกฝน
การมีสัมมาสติบ่อย ๆ เนือง ๆ

ไม่ใช่เป็นว่า
พอโกรธ ก็รู้ว่าโกรธ
สงสัย ก็รู้ว่า สงสัย
อย่างนี้ไม่ใช่การฝึกฝนสัมมาสตินะครับท่าน

แนะนำอ่าน
อาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ฉบับประสบการณ์ส่วนตัว
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2010&date=07&group=8&gblog=26


Create Date : 19 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:01 น. 8 comments
Counter : 1952 Pageviews.

 
การปฏิบัติธรรม..คืออะไร...
ธรรมะ..คืออะไร
อะไรบ้างที่เป็นธรรมะ...

ถ้าศึกษาให้เข้าใจแล้ว..ความขัดแย้งก็จะไม่มี...
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างคือ..ธรรมะ
หน้าที่ของมนุษย์..คือเรียนรู้ธรรมะ..ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะไปตัดสินว่าอะไรผิดหรือถูก..

ความผิดความถูก..เป็นสมมุติ
สิ่งที่กำลังเกิด..ดับ.ต่อหน้าต่อตา..นี้คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้


โดย: palmgang IP: 119.42.68.28 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:10:25:37 น.  

 
อนุโมทนา คุณ palmgang
กล่าวได้ชอบแล้ว


โดย: นมสิการ วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:12:02:53 น.  

 
ขอบพระคุณมากค่ะ


โดย: Mat (MAT9 ) วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:13:58:57 น.  

 
สาธุอาจารย์ค่ะ สาธุ คุณ palmgang


โดย: kaoim วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:18:17:17 น.  

 
ได้ยินหลายคนพูดกันว่า...ทำสมาธิต้องหาที่เงียบ ๆ สงบ ๆ เท่านั้น...บางทีก็รู้สึกว่า การทำสมาธิทำไมคนส่วนมากคิดว่าต้องหลับตา อยู่เงียบ ๆ ถึงเป็นการทำสมาธิที่ได้ผลดี โดยแท้ที่จริงแล้ว...มันอยู่ที่เรารู้ทันจิต มีสติ ระลึกรู้ เพียงแค่รู้...แต่เรามักไม่รู้ เท่านั้นเอง การฝึกแบบที่หลวงพ่อเทียนให้รู้อาการเคลื่อนไหวของกาย จิตก็สงบเป็นสมาธิได้โดยไม่ต้องหลับตา.....แค่รู้...เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนบ่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องอยากอะไร ทำไปตามหน้าที่ ตราบที่มีลมหายใจ ใช่ไหมครับ คุณนมสิการ


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:10:33:40 น.  

 
เรื่องสมาธินี่ คงแล้วแต่บุคคลครับ บางคนก็ต้องการที่เงียบสนิท
บางคนก็ไม่จำเป็น อย่างผมฝึกนี่ ผมเปิดเสียงเพลงดัง ฟังได้ชัดเจน
เสียด้วยซ้ำ

เรื่องฝึกนี่คงต้องฝึกบ่่อย ๆ ครับ
แต่ว่า... มันขึ้นกับ กึ๋น ของคนด้วย (ผมไมู่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี )
คนที่ฝึกไปเรื่อย ๆ แต่ไม่มี กึ๋๋น มันก็ไม่ถึงที่สุดของทางเหมือนกัน
ครับ

มันคล้าย ๆ กับเราเดินทางไปตามถนน ถ้าเราไม่สังเกตอะไรเลย
เราก็ไม่เ็ห็นอะไรที่มันต่างกันออกไป แต่ถ้าเราเป็นคนช่างสังเกต
อ้อ ตรงนี้เป็นอย่างนี้ ตรงนั้นเป็นอย่างนั้น ไม่เหมือนกัน อย่างนี้่เราก็จะเห็นความแตกต่างได้ และนี่คือ กึ๋น ของนักปฏิบัติครับ

ขอบคุณครับที่เข้าอ่าน


โดย: นมสิการ วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:13:13:33 น.  

 
อือม....ใช่มันต้องมี กึ๋น จริง ๆ ใช้คำที่โดนใจมากๆ เลย เราต้องสังเกตุอาการของจิตด้วย ไม่ใช่นั่งนิ่ง อยากหรือดูแต่ความสงบแล้วบอกตัวเองว่า "เฮ้อ...วันนี้นั่งไม่นิ่งเลย ไม่สงบ ฟุ้งซ่านไม่เลย...สมาธิไม่ดี" จริง ๆ ต้องใช้กึ๋น คิดว่าไม่ใช่จะมานั่งเพื่อเอานิพพาน แต่มานั่งดูตัวเอง ทั้งกายและใจ คอยสังเกตุ คอยมอง ....มันต้องรู้ด้วยตัวเอง

ขอบคุณมากเลย...ที่เข้าตอบให้ด่วน...


ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณนมสิการ....สาธุ๊


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:15:20:28 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:41:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.